ช่วงการรักษา

อีกเรื่องหนึ่งที่มีผลอย่างมาก ในการเลือกใช้ยาโลคอล
หรือออริจินัล คือเรื่องช่วงการรักษาของยา
ยาบางชนิด เป็นยาที่มีปัญหาเรื่องช่วงของการรักษามาก

ก่อนอื่นมารู้จักเรื่องของช่วงการรักษาก่อนว่ามันคืออะไร

ช่วงการรักษา มาจากคำว่า Therapeutic Window
คือระดับยาในเลือด ที่ให้ผลในการรักษา
แต่ไม่ทำให้เกิดอันตราย

เพื่อให้เข้าใจกันง่ายๆ ผมจะอธิบายอย่างนี้ครับ

สมมุติกินยา 1 เม็ดได้ผล
กินน้อยกว่านั้นไม่ได้ผลการรักษา
กิน 5 เม็ดก็ได้ผล และไม่เกิดอันตราย
แต่ถ้ากินเกิน 5 เม็ด ก็จะได้รับยามากเกินไป จนเกิดอันตราย
เราก็บอกได้ว่าช่วงการรักษาของยานี้คือ 1-5 เม็ด

ในความเป็นจริง เราจะวัดปริมาณยาเป็นมิลลิกรัม
เช่น ยาหนึ่ง มีช่วงการรักษา 10-250 มิลลิกรัม
อีกยาหนึ่ง 1-50 มิลลิกรัม อย่างนี้เป็นต้น

ลองเอาค่าสูง ของช่วงการรักษา มาหารด้วยค่าต่ำ
เราก็ได้ตัวเลขตัวหนึ่งออกมา
เช่น 250/10 ก็ได้ออกมา 25
หรือ 50/1 ก็ได้ 50

ตัวเลขนี้เราเรียกว่า Therapeutic Index
เรียกย่อๆ ว่า T.I. หรือดัชนีช่วงการรักษา

ค่าทีไอนี้ มีประโยชน์ในการเทียบระหว่างยาต่างๆ
ว่ายาไหนมีช่วงการรักษากว้าง หรือยาไหนแคบ
(เทียบเป็นมิลลิกรัมมันยาก เพราะยาแต่ละอย่าง
ก็ใช้จำนวนมิลลิกรัมต่างกัน)

ยาที่มีช่วงการรักษากว้าง ก็จะปลอดภัย กรณีกินยาผิดพลาด

เช่นในตัวอย่างแรก ควรจะกินยาเม็ดเดียว แต่ไปกินห้าเม็ด
ก็ยังไม่เกิดอันตราย
แต่หากมีช่วงการรักษาที่แคบ เช่น 1ถึง 1 เม็ดครึ่ง
ถ้าเผลอกินเพิ่มจาก 1 เม็ด เป็น 2 เม็ด ก็จะเกินอันตรายทันที

ยาชนิดที่มีช่วงการรักษาแคบมากๆ บางอย่าง
จำเป็นต้องควบคุมปริมาณการใช้ยาอย่างเข้มงวด
หรือถึงขนาดต้องเจาะเลือด เพื่อตรวจปริมาณยาทุกวัน
เพื่อให้แน่ใจว่าปริมาณยาอยู่ในระดับที่เหมาะสม

บางชนิดก็มีช่วงการรักษาที่กว้าง อย่างยาลดกรดแบบน้ำ
ช้อนเดียวก็ได้ผล แต่ถ้าซดโฮก เป็นลิตรๆ ก็ไม่ตาย
(แต่จะอิ่มซะก่อน)

ยาที่มีช่วงการรักษาแคบๆ นี่แหละครับ
ที่ผมไม่แนะนำให้ใช้ยาโลคอลเมด
ต้องออริจินัล เท่านั้น

ระดับยาของยานอกจะให้ความมั่นใจได้มากกว่า
ว่าอยู่ที่ระดับไหน
ไม่ใช่มากบ้าง น้อยบ้าง ทำให้เสี่ยงต่อระดับยาไม่เหมาะสม





คนที่งงๆ เรื่องยานอก หรือยาไทยดีกว่ากัน ก็คงจะพอเข้าใจ
ขึ้นมาบ้างนะ

ผมคงจะจบเรื่องยาไทย หรือยานอกเอาไว้แค่นี้ดีกว่ามั้ง
เดี๋ยวจะกลายเป็นตำราไป

Create Date : 26 สิงหาคม 2548 Last Update : 5 กันยายน 2548 8:47:04 น. Counter : 5137 Pageviews.		1 comments
Share Tweet