Nick Dhapana's Blog
|
|||
Review กล้องสแนปช็อต Ricoh GR Ricoh GR ริโค่ใช้ชื่อ GR เฉยๆ โดยไม่มีสร้อยห้อยต่อท้ายอะไร หากลองนับกันแล้ว GR รุ่นปี 2013 คือกล้องรุ่นที่ 10 ในอนุกรม GR และรุ่นที่ 5 ถ้านับเฉพาะ GR Digital นับได้ว่าเป็นกล้องที่ผลิต และจำหน่ายอย่างยาวนานต่อเนื่องมากๆ โดยเฉลี่ยออกรุ่นใหม่ทุก 2 ปีอย่างสม่ำเสมอ มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานเข้มแข็ง พร้อมด้วยฐานแฟนๆ พันธุ์แท้ที่พร้อมจะสนับสนุนอยู่ตลอดเวลาอีกจำนวนมาก ก่อนจะไปเรื่องอื่น ว่ากันเรื่องที่มีความสำคัญน้อยที่สุดกันก่อน คือสเป็ค ที่จริงผมว่าหากพูดถึง GR เราไม่จำเป็นต้องคุยกันเรื่องสเป็ค จับมาเทียบคุณภาพไฟล์ทีละพิกเซล หรือถามราคา คนเล่น GR เพราะมันคือ GR เหมือนที่แฟน Leica ซื้อเพราะมันคือ Leica แต่เอาสักหน่อย อย่างน้อยจะได้นึกออกว่าในตลาดนี้มันสู้กับใครบ้าง APS-C ไม่มี low-pass filter ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เลนส์ 28mm (Equi.) f/2.8 (ราคาสองหมื่นเก้า มีทอนค่ารถเมล์ เผื่อใครอยากลอง) อย่างอื่นก็คล้ายๆ กับกล้องคอมแพ็กต์ไฮเอ็นด์ทั่วไป #จบนะ ข้ามไปเรื่องต่อไป คู่แข่งในตลาดนี้ที่ชนกันเต็มๆ คือ Nikon Coolpix A ที่สเป็คเหมือนกันเป๊ะแทบทุกกระเบียด ผมว่าที่จริงแล้วน่าจะเป็นเซ็นเซอร์โซนี่รุ่นเดียวกันซะด้วยละมั้ง เท่าที่เช็คสเป็คคร่าวๆ กับลองจับอยู่ประมาณ 2 นาที ถ้าจะมีอะไรเสียเปรียบ GR ก็อยู่ที่มีอะไรไม่ค่อยลงตัวอยู่นิดหน่อยตามประสากล้องตัวแรกในซีรีส์ แต่ RAW 14bits ก็เปิดโอกาสให้เล่นอะไรในภายหลังได้มากกว่า แต่อันนี้ไม่ได้ลองเล่นเป็นจริงเป็นจังเลยพูดไม่ได้เต็มปาก กล้องที่อยู่ในตลาดเดียวกันอีกรุ่นคือ Fujifilm X100/X100s แต่มีข้อต่างกันหลายอย่าง ทั้งสไตล์กล้องและช่วงเลนส์ (35 มม. Vs 28 มม.) ถ้าสับสนว่าจะซื้ออะไรดี ให้ดูช่วงเลนส์ที่ใช้เป็นหลักครับแล้วจะเลือกไม่ยาก แล้วแต่ใครชอบเลนส์ช่วงไหนเลย อีกตัวหนึ่งคือ Sigma DP1 Merrill (กำลังเป็นกระแสคลั่งใคล้ใน Olympus Club Thailand) เป็นกล้อง APS-C ช่วงเลนส์ 28mm เหมือนกัน และใช้แบตฯ สหกรณ์รุ่นเดียวกันเสียด้วย แต่ว่า DP Merrill มันค่อนข้างเป็นกล้องเฉพาะกิจ เอาไว้ถ่ายอะไรที่มันวิ่งหนีไปไหนไม่ได้เสียมากกว่า ดูแล้วไม่น่าจะใช่คู่เทียบของกล้องในกลุ่มนี้ที่เน้นสแนป เอาไว้ถ่ายสารพัดสิ่งอันในชีวิตประจำวัน กลับมาที่เรื่องของ Ricoh GR บอดี้ เล็ก บาง กระทัดรัด พกพาง่าย ถ้าคิดว่าข้างในมันคือเซ็นเซอร์ขนาด APS-C แล้วละก็ มันจัดเป็นกล้องที่เล็กจนน่าประทับใจ โครงสร้างแมกนีเซียมอัลลอย แข็งแกร่ง แน่นปึ้ก สัมผัสดี น้ำหนักดี จับถือมั่นใจ การควบคุมกล้องสะดวก ถือแล้วดูภูมิฐานเป็นคนมีคุณภาพชีวิตดี ติตรงไหนดีหว่า ...ตรงโลโก้ GR ละกัน คือจะใหญ่โตไปไหน ถ้าผมซื้อ ผมจะเอาเทปดำแปะไม่ให้เห็น กล้องมันจะได้ดูเหมือนล่องหนหายตัวได้ เพราะออกแบบกล้องได้ดูเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ดึงดูดความสนใจประชาชน หยิบออกมาไม่มีใครสังเกตอยู่แล้ว ติดตรงโลโก้นี่แหละ ขาวโร่ ใหญ่โตเบ้อเริ่มเทิ่ม ยกกล้องขึ้นมาทีเห็นกันทั้งหมู่บ้าน อย่างอื่นที่พอจะมีให้ติได้คือ กริ๊ปแบนไปหน่อย ไม่เหมาะกับการจับถือตลอดเวลาหลายๆ ชั่วโมง มันจะเมื่อยมือ แต่เป็นสิ่งที่ต้องแลกมากับบอดี้แบนบางพกง่าย ติดตัวได้ตลอดเวลา ตามประสากล้องสแนป แบตเตอรี่อดทนตามปกติของกล้องคอมแพ็กต์ ถ่ายไปดูจอไป ดูภาพรีวิวไป เอามาเปิดเมนูเล่นปรับฟังก์ชั่นโน่นนี่ไปมา ใช้สักค่อนวันถ่ายเกินสองร้อยรูปได้สบายๆ โดยไม่ต้องระวังมาก แต่มีแบตสองก้อนสำหรับทริปเต็มวัน จะทำให้มั่นใจในชีวิตได้มากกว่า ปุ่มแป้นต่างๆ จัดวางได้ดีตามการใช้งานตาม workflow ของริโค่ ซึ่งมีปรัชญาในการใช้งานของตัวเอง ไม่ตามใจผู้ใช้เท่าไหร่ ยิ่งผมเพิ่งวางเพนแท็กซ์ K-3 ที่ออกแบบได้เอาใจช่างภาพกันสุดๆ เลยขัดไม้ขัดมือหน่อยกว่าจะปรับตัวได้ วงแหวนหน้าอยู่ลึกไปนิดนึง สไลด์นิ้วผ่านๆ แล้วมันไม่ค่อยหมุน ต้องตั้งอกตั้งใจกว่าจะหมุนได้ แต่ปุ่มชดเชยแสงโดดเด่นเป็นสง่า เผลอไปโดนง่ายมาก จับกล้องหมุนไปหมุนมา มือไปโดนปุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ใช้กล้องวันนึง มีรูปที่ค่าแสงผิดเพราะชดเชยแสงโดยไม่ตั้งใจชั่วโมงหลายๆ รูป ต้องระวังสุดๆ ปุ่มที่ผมเผลอกดโดยไม่ตั้งใจบ่อยๆ คือ Fn1 กับ Fn2 แต่อันนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหา เพราะมันยังหลบเลี่ยงง่าย แต่ผมก็เผลอเปิดฟังก์ชั่นโน่นนี่นั่นโดยไม่รู้ตัวบ่อยๆ สักสามสี่วันผ่านไป ก็คิดได้ว่าไม่ควรเอาฟังก์ชั่นอะไรไปใส่สองปุ่มนี้ ปล่อยมัน off ไปแหละดีแล้ว ฟังก์ชั่นอะไรที่อยากปรับด่วนๆ ก็เอาไปใส่ ADJ. ซึ่งทำหน้าที่เป็นคานโยกหลังไปในตัว จากเวลาปกติที่ ADJ. ทำหน้าที่โยกปรับความไวชัตเตอร์ (โหมด M) หรือ ISO (โหมดอื่นๆ) ก็ให้กดลงตรงๆ ไปก็จะเปิดเมนูด่วนขึ้นมา 5 เมนูให้เลือกใส่อะไรที่ปรับบ่อยๆ ได้สะดวก ข้อที่ไม่ชอบคือ คานโยก มันใช้ไม่มันมือเท่าแป้นหมุนครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นแป้นหมุนแบบกดได้ด้วยเหมือนพานาฯ จะแจ่ม ผมไม่ค่อยได้ใช้ effect เท่าไหร่ (ที่จริงไม่ได้ใช้เลย) ผมก็เลยจัดการเปลี่ยนปุ่มที่ข้างกล้องเป็นเปิด ND filter แทน เพราะใช้บ่อยมาก เลนส์ตัวนี้ให้คุณภาพดีที่ช่องรับแสงกว้าง ผมเป็นพวกเน้นดีเทลเลยต้องเปิดกว้างสุด หรือเกือบสุดตลอด ต้องพึ่งพา ND filter Ricoh GR ก็มี ND filter มาให้ในกล้องเลย สะดวกสบายได้ใจไปเต็มๆ จอสดใส สู้แดดได้สบาย ใหญ่โตมองเห็นเต็มตา ข้อมูลมาครบถ้วน กล้องเปิดปิดได้เร็ว โฟกัสได้รวดเร็ว อยู่ระดับมาตรฐานของกล้องคอมแพ็กต์โปร การอ่านเขียนไฟล์ ก็ทำได้ไม่ชักช้า เมนู และฟังก์ชั่นก็ตอบสนองดี โดยรวมๆ แล้วเป็นกล้องคอมแพ็กต์ที่ทำงานได้รวดเร็วทันใจ ใช้งานทั่วไปแล้วไม่รู้สึกว่าการทำงานของกล้องมีอะไรกวนใจผู้ใช้งาน ไฟช่วยโฟกัสสีเขียว ผมปิดตลอด สีสันมันผิดแผกจากชาวบ้านมาก คนอื่นเค้าไม่แดงก็ขาว นี่เขียวปี๋มาเลย เปิดมาทีไรคนมองกันทั้งงาน คงคิดว่าใครพกเครื่องยิงเลเซอร์มาด้วย การใช้งาน ถ้าตั้งกล้องเป็นออโต้หรือโปรแกรม กล้องจะพยายามเลือกใช้ความไวชัตเตอร์ต่ำๆ เข้าไว้ เพื่อให้ภาพมีความรู้สึกเคลื่อนไหวได้อารมณ์ life/dynamic แบบแนวทาง street/journalism อนุรักษ์นิยม ช่องรับแสงก็มักจะเลือกให้ได้ระยะชัดลึกมากพอที่จะได้ฉากหลังชัดพอที่จะเล่าเรื่องได้ ซึ่งก็แคบกว่าแนวชัดตื้นสมัยนิยมอีกนั่นแหละ สไตล์นี้ไม่ค่อยตรงกับรสนิยมของผมเท่าไหร่ และไม่มีทางจะบังคับให้มันเลือกแนวทางอื่นได้ด้วย ซึ่ง PENTAX K-3 ที่เพิ่งผ่านมือผมไปอาทิตย์ก่อน มันสามารถเลือกแนวการปรับค่าได้ว่าชอบแนวไหน แล้วปล่อยให้กล้องทำงานไปเองได้เลย พอมาใช้ GR ในอาทิตย์ถัดมาเลยต้องมาตั้งแมนนวลถ่ายเอง หรือใช้ออโต้แล้วต้องระวังค่าเปิดรับแสงตลอด เลยขัดไม้ขัดมือไปหน่อย ที่ดีคือมันมีโหมด TAv มาให้เหมือนเพนแท็กซ์ ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นอีกมาก แต่นั่นจะไม่เป็นปัญหาเลย ถ้าเป็นช่างภาพสตรีท/เจอนัลลิสต์เลือดบริสุทธิ์ ผ่านกล้องฟิล์ม ภาพขาวดำ หรือไลก้ามา หรือถูกเทรนมาในแนวของ Henry Cartier Bresson จะพบว่าสไตล์ของกล้องนี้มันช่างใช้งานได้ลงตัวเสียนี่กระไรเพราะกล้องออกแบบมาเฉพาะเจาะจงให้เป็นกล้อง Snap/Street แบบอนุรักษ์นิยมเต็มที่ พวกนักถ่ายภาพเลือดผสม หรือ mud blood อย่างผมต้องใช้เวลาเรียนรู้สักระยะกว่าจะปรับ workflow ให้ลงตัว จัดเป็นกล้องที่มี learning curve สูง ต้องฝึกใช้และทำความคุ้นเคยอยู่พอสมควร กว่าจะบังคับมันได้ดั่งใจ ช่วงเลนส์ 28 มม. ก็เป็นช่วงกว้างกว่าจะเป็นเลนส์สารพัดประโยชน์ เอาไปถ่ายคนแบบเน้นๆ ไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่ เพราะเก็บฉากหลังเข้าเฟรมเยอะเกินไป ควบคุมเรื่องราวได้ยาก แถมเลนส์ก็ยังชัดลึกสูง และไฟล์คมชัดใสขอบจรดขอบ แทบไม่มีทางตัดเรื่องราวรอบตัวออกได้เลย ช็อตเต็มตัวก็ยังต้องยืนห่างในระยะที่ perspective distortion สูงเกินกว่าจะเอามาใช้งานได้ง่ายๆ ทำให้เป็นเลนส์เฉพาะกิจจริงๆ สำหรับทางยาวโฟกัสนี้ เหมาะสำหรับการใช้สแนปช็อต หรือสตรีทระยะประชิด มากกว่าจะเป็นเลนส์กลางๆ สารพัดใช้เหมือนช่วง 35 มม. ซึ่งอันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนเลย ว่าใครถนัดช่วงทางยาวโฟกัสไหน และเอาไปใช้งานอะไร ตัดสินแทนกันไม่ได้ เนื่องจากเป็น leaf shutter ทำกล้องทำงานได้เงียบกริบ เอาไปถ่ายในที่ๆ ต้องการความเงียบได้ดี เอาไปถ่าย street ก็ไม่มีเสียงรบกวนให้ใครตื่นตกใจ ยิงรัว jpg ได้ 4fps ใช้เวลาเคลียร์ภาพจากบัฟเฟอร์ลงการ์ดเร็วดีมาก ผมใช้ SD การ์ดช้าๆ ตกรุ่นไปสองปี ยังไม่รู้สึกว่าเสียเวลารอ สิ่งต่างๆ ในเมนูของกล้องก็หาไม่ยาก เพราะอะไรๆ ก็รวมกันอยู่ที่เดียวหมดไม่ต้องไปหาตรงโน้นทีตรงนี้ที แต่กว่าจะเจอว่าสิ่งที่เราต้องการมันอยู่ตรงไหนในเมนู ก็กดเลื่อนขึ้นลงกันจนเบื่อ เพราะเมนูมันยาววววววววว มากกกกกกกก วิธีการยืนยันการตั้งค่าต่างๆ ก็พิลึกๆ แทนที่จะกด OK เพื่อยืนยันเหมือนกล้องอื่น แล้วค้างหน้าจอเพื่อรอตั้งค่าอันต่อไป ก็ต้องใช้วิธีกดลูกศรซ้าย เพราะ OK มันคือการยืนยัน และออกจากเมนูไปสู่หน้าจอเตรียมถ่ายภาพเลยในทีเดียว ถ้าเราจะตั้งค่าหลายๆ หัวข้อ ก็ต้องจำว่าอย่ากด OK ตอนแรกรำคาญ แต่ใช้ๆ ไปหน่อยเดี๋ยวก็ชินไปเอง และเวลาใช้งานจริงเราก็มักจะตั้ง shortcut เอาไว้ตามปุ่มต่างๆ อยู่แล้ว ไม่ค่อยได้เข้ามาควานหาอะไรในเมนูนัก ไฟล์ภาพ ถึงตอนได้กล้องมาใหม่ๆ จะรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามในการใช้งาน แต่พอเห็นไฟล์ภาพก็หายเหนื่อย ในรอบปีนี้ บรรดากล้องเซ็นเซอร์เล็กทั้งหลาย GR เป็นกล้องที่ผมเห็นไฟล์จากกล้องแล้วประทับใจที่สุด คม ชัด สดใส ภาพแจ่มตั้งแต่กลางภาพถึงขอบภาพ รายละเอียดดี โทนสวย มิติภาพดี คุ้มค่าความพยายามใช้จริงๆ แม้จะเป็นเซ็นเซอร์ 16 ล้านพิกเซล ความละเอียดน้อยกว่า K-3 ที่เพิ่งใช้หยกๆ แต่ผมว่าภาพออกมาดีกว่าอีก ซึ่งอันนี้ก็ว่าไม่ได้ เพราะเลนส์คิท K-3 เป็นซูมช่วงยาวช่องรับแสงกลางๆ ไม่ใช่เลนส์ prime เฉพาะกิจที่ทำมาให้เข้ากับเซ็นเซอร์โดยเฉพาะแบบนี้ ช่องรับแสงดีที่สุดอยู่ที่ประมาณ f/4 รองลงมาคือ f/2.8 กับ f/5.6 จัดเป็นเลนส์ที่คมกริบตั้งแต่ช่องรับแสงกว้างสุดเลยทีเดียว การหรี่ช่องรับแสงมากลางๆ ไม่ได้ช่วยให้ได้ภาพที่ดีขึ้นเท่าไหร่ เปิดกว้างสุดตลอดเวลาไปเลยก็ยังได้ แต่ผมใช้ที่ f/4 เป็นปกติ จะได้ลดความคลาดกับแฟลร์ไปอีกหน่อย ถ้าใช้โหมดอัตโนมัติ กล้องจะพยายามรักษาช่องรับแสง f/5.6 ไว้ เดาว่าเพื่อให้ได้ช่วงชัดลึกที่พอเหมาะที่จะครอบคลุม และความไวชัตเตอร์ก็มักจะให้อยู่แถวๆ 1/60 เสียเป็นส่วนมาก โทนภาพออกมาสีสันดูแจ่มใสนุ่มนวลเป็นผู้ดีมีระดับ แต่ผมชอบสีฉูดฉาดเป็นโรงลิเกแบบเพนแท็กซ์มากกว่า เลยเอามาปรับเพิ่มหลายภาพ ซึ่งปรับแต่งแบบทั่วๆ ไป JPG รองรับได้สบาย และ RAW ยังมี data เหลือให้เล่นมากกว่า jpg อีกเยอะ ถ้าใครอยากจะเอามาต้มยำทำแกงอะไรแบบหนักมือ เอา .dng มายำได้อีก ส่วนภาพขาวดำจากกล้องนั้น ริโค่เป็นกล้องที่มีชื่อเสียงในการทำโทนภาพขาวดำจากกล้องได้สวยอยู่แล้ว ผมเลยไม่ได้ไปเทสอะไรมัน อีกอย่าง ผมเองก็ไม่นิยมภาพขาวดำอยู่แล้วเลยถ่ายมาเป็นภาพสีล้วนๆ เลย จากเกือบ 600 รูปที่ได้ลองถ่าย มีภาพขาวดำภาพเดียวเท่านั้น และเป็นภาพที่โปรเซสในกล้องหลังถ่ายด้วย ไม่ได้เป็นขาวดำแต่แรก ดังนั้นประเด็นนี้ข้ามๆ ไปเนอะ ISO มีให้ใช้ได้เหลือเฟือเกินความต้องการใช้งาน เอ็ฟเฟ็คมีให้ใช้เกินพอ และค่าเดิมๆ ที่เซ็ตมาจากโรงงานออกมาก็สวยแล้ว ถ้าไม่พอใจก็ยังปรับได้อีก ภาพส่วนที่พ้นระยะชัดไปก็นุ่มนวล ดูดี สบายตา แต่ไม่ค่อยได้เห็นหรอก เพราะกล้องมันชัดลึกเยอะอยู่แล้ว จะได้เห็นพวกนี้ก็ตอนถ่ายมาโครนั่นแหละ Effect ต่างๆ ที่มีมาให้ก็สวยงามสำเร็จรูปเลย โดยไม่ต้องไปปรับไปจูนอะไรอีก แต่ก็ยังสามารถปรับแก้ค่าต่างๆ ได้ Snap ฟีเจอร์สำคัญอย่างหนึ่งที่ริโคมีมาให้ คือ Full-Press Snapshot เมื่อกดปุ่มชัตเตอร์จังหวะเดียวลงไปจนสุด กล้องจะโฟกัสไปตรงระยะที่ตั้งไว้ และใช้ค่าเปิดรับแสงอัตโนมัติ เหมาะมากกับการถ่ายแบบด่วนๆ ไม่ต้องเป็นห่วงว่ากล้องจะ lag จากการโฟกัส เอาเข้าจริงผมก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ เพราะความไวการโฟกัสของ GR ถึงไม่เร็วเท่า DSLR แต่ก็ไม่ได้ช้าขนาดกล้องคอมแพ็กต์ทั่วไป พอจะเก็บภาพได้ทันอยู่ แต่ในหลายๆ จังหวะฟังก์ชั่น แสนปช็อต ก็ช่วยให้ได้ภาพที่ไม่คิดว่าจะทำได้ Focus ในขณะที่การเปิดรับแสงของกล้องค่อนข้างไม่ยืดหยุ่นสำหรับวิธีการถ่ายรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่แบบที่กล้องอยากให้ทำ แต่ในเรื่องการโฟกัสแล้วเป็นเรื่องตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง กล้องมีระบบโฟกัสให้เลือกใช้มากมายหลากหลาย พร้อมทั้งเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยให้โฟกัสได้ดั่งใจ การปรับแต่งค่า และฟังก์ชั่นในการช่วยเหลือโฟกัสให้สะดวกแม่นยำ ตามใจช่างภาพเป็นที่สุด แต่ผมก็ไม่ได้ลองทุกฟังก์ชั่น เพราะค่าปกติจากโรงงานก็ทำงานได้น่าพอใจแล้ว เวลาใช้งานกล้องคอมแพ็กต์เซ็นเซอร์ใหญ่ จะมีปัญหาคล้ายๆ กันตรงที่จำเป็นต้องเปลี่ยนโหมดโฟกัสเข้าโหมดมาโคร เวลาถ่ายใกล้บ่อยมาก สำหรับ GR กดปุ่มลูกศรบนที่ทำหน้าที่เป็นปุ่มมาโคร เพื่อเข้าและออกโหมดนี้ได้สะดวกรวดเร็ว ไม่มีปัญหาติดขัดเสียเวลาอะไรเลยในการใช้งานจริง ปุ่ม Power ปิดไฟได้ มันก็แค่ดับหลอดไฟรอบปุ่มเปิดปิดกล้อง ที่จะสว่างขึ้นมาเวลากล้องทำงาน แต่ GR สั่งปิดไฟนี้ได้ ทำให้กล้องไม่มีไฟสว่างให้เป็นจุดเด่น เป็นฟังก์ชั่นธรรมดาๆ ที่ผมตื่นเต้นกว่าฟังก์ชั่นอื่นๆ ของกล้องเสียอีก ผมอยากให้กล้องทุกรุ่นทุกยี่ห้อปิดไฟ power ได้ และเปิดไฟส่องปุ่มต่างๆ ได้ เวลาถ่ายที่แสงน้อยๆ จะได้ไม่ต้องคลำหาให้วุ่นวาย มันทำยากตรงไหนฮึ โทรศัพท์ป๊อกแป๊กเครื่องละ 650 บาทยังทำได้เลย กล้องเป็นหมื่นเป็นแสนทำไมจะทำไม่ได้ ถ่ายคร่อมอัตโนมัติ ทำได้ทั้งคร่อมค่าแสง ไวท์บาล้านซ์ และคร่อมเอฟเฟ็กต์ ผมชอบอันหลังนี่แหละเอาไว้เวลาที่ไม่แน่ใจว่าจะใช้อะไรดี แต่มันได้แค่ 3 เอ็ฟเฟ็กต์เอง อยากได้แบบกดทีเดียวออกมาสักสิบอย่าง Wide Adapter Ricoh GR มีอุปกรณ์เสริมเป็น ท่อต่อแปลงทางยาวโฟกัสเป็น 21 mm ท่อโลหะแข็งแรงดีทีเดียว ใส่แล้วกล้องหนักขึ้นเอาการ ในการใช้งานจริงก็สะดวกขึ้นเวลาถ่ายมุมกว้าง distortion กับ flare เพิ่มขึ้นนิดนึง ความคมชัดลดลงไปหน่อยนึง หลังจากเล่นสักระยะผมว่ามันดูเอาจริงเอาจังไปหน่อย ไม่ค่อยเหมาะกับการสแนป หลังจากใช้อยู่สองสามวันก็ถอดเก็บไว้บ้านดีกว่า สรุปความรู้สึกโดยรวมกับ Ricoh GR ถ้าเทียบทั้งราคา ประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า ขนาด และการทำงานแล้ว จัดได้ว่าเป็นกล้องสแนปช็อตที่หาตัวเปรียบได้ยาก แต่ตลาดของกล้องกลุ่มนี้เป็นตลาดขนาดเล็กเฉพาะกิจ ผู้ที่คิดจะซื้อก็ต้องแน่ใจก่อนว่าสไตล์การใช้งานกล้อง และการถ่ายภาพสอดคล้องกับกล้องนี้จริงๆ หากสไตล์เป็นอย่างอื่น ใช้กล้องไม่เข้ามือแล้วจะกลับตัวไม่ได้ ขยับขยายอะไรก็ยาก แต่ถ้าเป็นกล้องที่ใช่สำหรับสไตล์การถ่ายรูปของเราแล้ว Ricoh GR เป็นกล้องที่ใช้สนุก สั่งได้ดั่งใจ สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของเราได้อย่างแนบเนียน แทบจะหากล้องอื่นที่ทำแบบนี้ไม่ได้เลย . เราเลือก GR เพราะมันคือ GR เพราะปรัชญาเบื้องหลัง และการดำเนินตามวิถีแห่ง GR เราไม่ได้เลือกเพราะฟังก์ชั่น หรือราคา เมื่อเทียบกับกล้องอื่น เราเลือก GR เพราะมันคือ The king of snap camera เป็นอารมณ์ล้วนๆ เหนือกว่าทุกเหตุผล และไม่ต้องการคำอธิบายอื่นใด ---แฟน GR ไม่ได้กล่าวไว้--- Link อัลบั้มภาพจาก Ricoh GR หนึ่งบ่ายที่หัวลำโพง กับ ช่างภาพสตรีทมือโปรฯ Thomas Leuthard //pantip.com/topic/31641249 Review: Ricoh GR Digital https://www.facebook.com/dhapana/media_set?set=a.10203268974193793.1073741885.1492667919&type=3 29 Jan 2014: MAMAFAKA https://www.facebook.com/dhapana/media_set?set=a.10203268391539227.1073741884.1492667919&type=3 30 Jan 2014; Rangsit U. น้องชมพู กับน้องมาย https://www.facebook.com/dhapana/media_set?set=a.10203291319952423.1073741888.1492667919&type=3 31 Jan 2014: กองละคร บอกรัก..ประเทศไทย https://www.facebook.com/dhapana/media_set?set=a.10203283041625470.1073741886.1492667919&type=3 1 Feb 2014; Big Camera Workshop https://www.facebook.com/dhapana/media_set?set=a.10203290919182404.1073741887.1492667919&type=3 8 Feb 2014 หัวลำโพง Ricoh GR กับ Thomas Leuthard https://www.facebook.com/dhapana/media_set?set=a.10203371318512337.1073741890.1492667919&type=3 |
อะธีลาส
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?] Photographer, photo educator, writer and more....... อนุญาตให้ ใช้ ดัดแปลง แก้ไข ตัดต่อ ทำสำเนา เผยแพร่ อ้างอิง จำหน่าย จ่ายแจก ภาพ และบทความในบล็อกนี้ ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด เพื่อสาธารณะประโยชน์ เพื่อการศึกษา เพื่อกิจส่วนตัว และเพื่อการค้าได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต ตามสัญญาอนุญาตใช้งาน Creative Commons: Attribution. Website http://mister-gray.bloggang.com https://twitter.com/nickdhapana http://500px.com/NickDhapana https://plus.google.com/+NickDhapana http://nickdhapana.tumblr.com http://instagram.com/nickdhapana https://www.facebook.com/dhapana/about Skype & Email cmosmyp@gmail.com Line nickdhapana My Project's Page Public Telephone https://www.facebook.com/PublicTelephoneProject They didn't say that. https://www.facebook.com/pages/They-didnt-say-that/116827521834600 Exposure to the RIGHT https://www.facebook.com/pages/Exposure2the_RIGHT/538556252881951 Thailand Perspective Project https://www.facebook.com/ThailandPerspective Dead on Arrival https://www.facebook.com/pages/Dead-on-Arrival/666461363385961 Group Blog All Blog
Friends Blog |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |