นำมันตับปลา = cod liver fish oil 

น้ำมันปลา = fish oil 

อย่าเข้าใจว่าสองน้ำมันนี้คือชนิดเดียวกันนะ เพราะมันต่างกันโดยสิ้นเชิง!

จริงอยู่ที่มันก็สกัดมาจากปลาเหมือนกันและ แต่ cod liver fish oil จะมีวิตามินA และ D แต่มันมักมีสารปนเปื้อนมากกว่า fish oil นะสิ!

เจ้าสารปนเปื้อนนี้มีชื่อว่า polychlorinated biphenyls (โพลีคลอรีเนต ไบฟีนิล) ซึ่งทำให้ตา แขน ขาบวม เหนื่อยล้า เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ผิวหนังบริเวณหน้าและช่วงลำตัวเกิดหยาบและหนาขึ้น และยังทำลายระบบประสาท ทำให้เกิดความผิดปกติของระบบสืบพันธ์แบะระบบภูมิคุ้มกัน และแย่ที่สุดคือ ทำให้เกิดมะเร็งค่ะ

ปริมาณที่แนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์คือ DHA 300mg 

สำหรับคนที่เป็น pcos น้ำมันปลานั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันช่วยลดปริมาณtestosterone, ลดไขมันในตับ ไตรกรีเซลไรด์ ความดัน และยังช่วยให้อารมณ์ดี ทั้งยังบำรุงสมองซึ่งทำให้ระบบอินซูลินทำงานดีขึ้น เพราะคนที่เป็นpcos จะมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ปกติคนเราพอกินข้าวแล้วย่อย น้ำตาลก็จะเข้าสู่กระแสเลือดไปใช้เป็นพลังงาน แต่คนที่เป็นpcos อินซูลินจะไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ ดังนั้น เซลล์ในร่างกายจึงไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้  เพราะฉะนั้น คนที่เป็นpcos+ตั้งครรภ์ ต้องรับปริมาณน้ำมันปลามากกว่าคนตั้งครรภ์ทั่วไป 500-1000mg ของ DHA ได้จะยิ่งดี เท่ากับ น้ำมันตับปลา 1000mg x 2 เม็ดอย่างน้อย ล่าสุด อ่านเจอว่ายังไม่มีข้อสรุปว่าผู้หญิงท้องควรได้รับกี่mg ดี เพราะถ้ากินเยอะก็อาจได้รับสารปรอทมากเกินไป

วันนี้ไปเดินเล่นเซ็นทรัลเวิลด์ หลังจากนั้นก็ไปทำฟันตรงแถวพระราม4 กิน เดิน เล่น สบายมาก เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่รู้สึกแอบเจ็บบริเวณท้องน้อยเป็นบางช่วง ไม่รู้เจ็บจริง หรือคิดไปเอง 555

ps: บทความเรื่องน้ำมันปลา พอได้อ่านแล้วยิ่งเริ่มเยอะ ไว้วันไหนจะทำสรุปเกี่ยวกับวิตามินแต่ละชนิด และปริมาณที่ควรได้รับต่อวันให้นะคะ วันนี้ง่วงแล้ววว

สรุป: ซื้อยี่ห้อที่น่าเชื่อถือที่มีการตรวจสารปรอท กินวันละ 1-2 เม็ด อย่ามากกว่านี้