BlogGang.com : : misspommy : Spring in Japan :: ซากุระบานที่ญี่ปุ่น :: Day 5

กรกฏาคม 2551

		1	2	3	4	5
6	7	8	9	10	11	12
13	14	15	16	17	18	19
20	21	22	23	24	25	26
27	28	29	30	31

23 กรกฏาคม 2551

Spring in Japan :: ซากุระบานที่ญี่ปุ่น :: Day 5 :: อาซากุสะ

Spring in Japan :: ซากุระบานที่ญี่ปุ่น :: Day 5 :: อาซากุสะ

ความเดิมตอนที่แล้ว
Spring in Japan :: ซากุระบานที่ญี่ปุ่น :: Day 4 :: โอซาก้า --> โตเกียว

หลังจากคืนก่อน หลับปุ๋ย
เช้าวันนี้ เราก็แหวกขี้ตาตื่น ไปวัดเซนโซจิ แถวอาซากุสะ
วัดนี้ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของโตเกียวเลย
นั่งรถใต้ดินไป ก็ไม่ไกลจากโรงแรมที่อยู่เท่าไหร่
พยายามไปถึงก่อนทัวร์มาลง
เพราะอยากถ่ายรูปกะประตูโคมหน้าอย่างโล่งๆ
ประตูนี้เรียกว่า Kaminarimon (Thunder Gate) หรือ "ประตูอสุนี"

มีหนุ่มรับจ้างเข็นรถเที่ยวมาช่วยถ่ายภาพให้กับนักท่องเที่ยว
สังเกตุหลายที่แล้วว่า หนุ่มรถเข็นเนี่ย มันจะหล่อล่ำบึก
อาจจะเพราะว่าเอาไว้ล่อใจสาวๆ ก็ชวนน้ำลายสอดีเหมือนกัน

เริ่มมีกลุ่มทัวร์มาแล้ว ต้องรีบเดินเข้าไปข้างใน

ประวัติวัดเซนโซจิ
วัดเซนโซนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระโพธิสัตว์คันนน
ตามตำนานกล่าวไว้ว่า
รูปหล่อของพระโพธิสัตว์ถูกพบในแม่น้ำสุมิดะเมื่อปี 628
ผู้พบคือชาวประมงสองพี่น้องคือฮิโนคุมะ ฮามานาริและฮิโนคุมะ ทาเคนาริ
หัวหน้าหมู่บ้านของทั้งสองชื่อว่า ฮาจิโนะ นากาโมโตะ
ได้ตระหนักถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระโพธิสัตว์
จึงได้เปลี่ยนแปลงบ้านของตนในอาซากุสะให้กลายเป็นวัดขนาดเล็ก
เป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์ เพื่อให้คนในหมู่บ้านมากราบไหว้บูชา
ชื่อเสียงในความศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์คันนนนี้
ได้แพร่กระจายไปทั่วญี่ปุ่น
มีคนจากทั่วสารทิศเดินทางมาอาซากุสะเพื่อสักการะพระโพธิสัตว์
เวลาเปิดปิด : 6:00 - 17:00
ค่าเข้า : ฟรี แต่อาจจะเสียตังค์ระหว่างทางเดินเข้าวัด
สถานี : Asakusa

เดินเข้าทางนากามิเสะ โดริ ร้านค้ายังไม่เปิดเลย
ประตูเหล็กยังปิดอยู่ แต่ภาพที่วาดที่ตรงประตูเหล็กสวยๆทั้งน้าน
เลยต้องไปถ่ายภาพ ร่วมเป็นองค์ประกอบ ทำให้ภาพดูน่าสนใจขึ้น

ก่อนเดินเข้าวัด Sensoji ก็มีวัดเล็กๆชื่อ Demboin ดูสงบ
มีดอกซากุระทั้งอยู่บนต้นและร่วงกราวเต็มพื้น

หลังจากนั้น เราก็เดินเข้าประตูวัด Sensoji
ประตูนี้เรียกว่า Hozomon main gate
ด้านซ้ายก็จะมีเจดีย์ห้าชั้น กะต้นซากุระต้นนึง

เดินไปจุดธุป ปัดควันขอพร ก่อนเดินเข้าไปไหว้เทพเจ้าในวัดข้างใน

เราเดินเข้าไปไหว้พระโพธิสัตว์คันนน (Kannon Bosatsu)
มีตู้บริจาคใบโต มีคนแนะนำว่าให้โยนเหรียญบริจาคลงไป
และควรจะบริจาคเป็นเหรียญที่มีเลข 5 ทั้ง 5 เยน 50 เยน หรือ 500 เยน
ซึ่งให้ความหมายที่ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
(แม่นมาก เพราะเราได้กลับมาอีกตอนหน้าร้อน)

หลังจากนั้นก็ออกมาเดินสวนภายนอก
มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มาก ท่าทางขลัง มีเรื่องชวนขนลุก
คือเราไปทำท่าทะเล้นถ่ายรูป แต่กดชัตเตอร์เท่าไหร่ก็ไม่ลง
จนกระทั่ง ขออภัยและกราบไหว้อย่างจริงจัง
จึงจะถ่ายภาพได้ เรารู้สึกผิดมากๆ

ไปดาวน์โหลดคำแนะนำแผนการเดินเที่ยวในโตเกียวที่นี่ค่ะ

วันนี้เราไปได้แค่นี้เอง
เพราะช่วงบ่าย เรามีแผนต้องไปซื้อนาฬิกาที่ร้านนอกเมือง
คาดว่าจะไปแป๊บเดียว เพราะเราเช็คราคาและเตรียมเงินสดไป
แต่ว่ามีพี่คนนึงฝากซื้อด้วยแต่เราไม่ได้เตรียมเงินสดไป
ถ้าจ่ายบัตรเครดิตจะโดนชาร์จเพิ่มอีก 3หรือ 5% เนี่ยแหล่ะ
เลยไม่แน่ใจว่าพี่เค้ายังจะเอาอยู่ไหม
เลยต้องรบกวนให้ทางร้านเปิด msn ให้ chat ถาม
แล้วพอรูดบัตร วงเงินดันไม่พออีก ต้องโทรหาแบงค์ขยายวงเงิน
กว่าจะเสร็จสิ้น เล่นเอาสนิทกะคนขายเลย
เค้าพูดภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง เลยต้องอธิบายกันยาว
แต่เค้าน่ารักดีนะ เค้าคงรำคาญเราอ่ะ วุ่นวายมาก
(ตอน summer เราก็กลับไปซื้อที่ร้านนี้กันอีก)
>

ถ้าสนใจลองเข้าไปดูรุ่นที่ชอบเทียบราคากะเมืองไทยได้ที่ web นี้ค่ะ
//duel-montres.com

ออกมาจากร้านหน้าบาน เพราะได้นาฬิกาที่อยากได้มาอยู่ในครอบครอง
เลยเดินเที่ยวแถวนั้น เพราะมีซอยเหมือนที่ Dotonbori เลย
ของถูกและน่าสนมากๆ

มีเสื้อร้านนึง ถูกใจมากกกกกก เพราะมี size ใหญ่สำหรับเราด้วย
ปรากฏว่า เริ่มสังเกตุโดยรอบ คาดว่า ร้านนี้ขายเสื้อคนท้อง แม่และเด็ก
มิน่า เราถึงใส่ได้อ่ะนะ

ช่วงเย็น เราก็ไปตึกม่วง เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ชั้นล่าง
เราซื้อขนมมาเต็มเลย อย่างที่เห็นในภาพเป็นส่วนนึง