หลังจากได้ตั๋วราคาถูกจาก TV air booking promotion กลางปี
เรากะมิสเตอร์พี ก็เลยเปลี่ยนใจจากฮ่องกงเป็นไปญี่ปุ่นแทน

รอบนี้ ไปช่วงสั้นๆ 6 วัน 6 คืน
ออกจากเมืองไทยดึกวันที่ 8 สิงหา 07 กลับมาถึงบ้านเราบ่ายๆวันที่ 14
จะไปแค่โตเกียว ประหยัดตั๋ว JR Pass งบประมาณจะได้ไม่บาน
trip นี้เราเน้น (window) shopping ทำแผนเดินทางอย่างละเอียด
แต่พอไปถึงก็มีร่ำไร เตร็ดเตร่ หลุดออกนอกแผนไปหมด

ลงจากเครื่องบินแต่เช้า เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรม
คราวนี้พักเครือ Toyoko Inn เหมือนเดิม
แต่ไปพักที่ Nihon-bashi Bakuro-yokoyama A1
*ลองเข้าไปดูได้ที่ //www.toyoko-inn.com/eng/
โรงแรมนี้มีมาตรฐานดีค่ะ ไปพักที่เมืองไหน ห้องก็ไม่แตกต่างกัน
รวมถึงอาหารเช้าด้วย เหมือนกันม๊ากมาก (เปลี่ยนบ้างก็ได้)
ราคาก็โอเค เราสองคนเข้าไปจองใน web ก่อนล่วงหน้า 1-2 เดือน
เพราะ location ที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวจะเต็มค่อนข้างเร็ว*

หลังจากนั้น ก็ไปนั่งชิลชิลกันที่ Shibuya
ไปที่ร้าน Starbucks ชั้น 2 ตึก Tsutaya
มองมาเห็นสี่แยกหน้าสถานีรถไฟชิบุยะ
เห็นคนชุกชุมข้ามถนนกันเต็มไปหมด
แล้วก็ไป shopping ที่ตึก 109/
โตคิวแฮนด์ส /ห้าง Seibu / Loft / Marui Jam / Marui City
ร้านที่ไปเจอโดยบังเอิญ คือร้าน afternoon tea
ขายของใช้ในบ้านดีไซน์เก๋ มีเครื่องเขียน ของใช้ส่วนตัว

เดินกันวนๆอยู่ใน Shibuya ร้อนมากๆ แดดแจ๋
เดินจนเหี่ยว เหนื่อยแฮ่ก

เช้าวันนี้ ตื่นแต่เช้า ไปรับกล้องที่สั่งเอาไว้
มิสเตอร์พี หาข้อมูลก่อนเดินทาง ว่าร้านไหนถูกที่สุด
*หาข้อมูลจาก //www.kakaku.com เป็นภาษาญี่ปุ่น
แต่พอจะเดาออก เพราะมีรูปเป็นสัญลักษณ์ ดูง่าย
เอาเม้าส์ไปเขียๆ ดูแถบข้างล่าง มันมีบอกว่าจะ link ไปเรื่องอะไร
หรือใช้ google translate ช่วยก็ได้ค่ะ
ไม่ยากเกินกว่าความสบายใจที่ได้ซื้อของถูกและดี*

จากนั้น ไป Ameyoko Street ไปซื้อรองเท้า
เพราะโดนคู่ที่ใส่อยู่ทำร้าย
ไปต่อที่ตึกม่วง Takeya ซื้อขนมและของฝาก
*ตึกม่วง Takeya ลงที่ JR Okachimachi : North Exit*

เสร็จก็เอาของไปเก็บ อาบน้ำแต่งตัวออกมาสู้โลกร้อนกันต่อ
ไปที่ Roppongi Hills เจอไอ้แมงมุม
เดินหา Philippe Starck Chairs (แต่ไม่เจอ)
เหลือบไปเห็นหอไอเฟล
ต๊กกะใจ นึกว่าลงเครื่องผิดที่ นี่ปารีสเหรอเนี่ย

เดินไปเรื่อยๆ จนถึงสถานีโทรทัศน์อาซาฮี
ไปคุยกะโดเรมอน ขอของวิเศษในกระเป๋า

ไปโตเกียว midtown เค้าว่าเป็นตึกใหม่ สวยงาม
หาอะไรหม่ำแถวนั้น แล้วไปดูหอไอเฟลใกล้ๆ
อ้าว นี่มัน "โตเกียวไอเฟล" นี่หน่า
ขึ้นไปดูวิวกลางคืนเมืองโตเกียว
ทำเอาตาร้อน มีแต่คนเค้ามาเป็นคู่ๆ จู๋จี๋
(เพิ่งคบกันก็เงี๊ยะ เชอะ)

เช้าวันที่ 3

วันนี้เราเตรียมตัวไป shopping ที่ Gotemba Outlets กัน
//www.premiumoutlets.co.jp/en/gotemba/brands/index.php
พอไปซื้อตั๋วรถ Odakyu Hakone Highway Bus ที่ Shinjuku Station
พนักงานบอกว่า มันเป็นวันหยุด หรือก่อนวันหยุดของเค้า
ดังนั้นเส้นทางนั้น รถติดมาก อาจจะใช้เวลา 3 ชั่วโมงเดินทาง
(จากเดิม 1 ชั่วโมง 40 นาที)
และที่สำคัญ ตอนที่ไปถาม ก็ไม่มีรถด้วย เพราะรถไปติดอยู่กลางทาง
*Odakyu Railway Shinjuku Station อยู่ที่ชั้น 1
ด้านตะวันตกของ Odakyu Shinjuku Station
ใกล้ทางออกด้านตะวันตก
ค่ารถ ¥1,630 สำหรับเที่ยวเดียว หรือ ¥2,900 สำหรับไปกลับ
รถจะไปจอดที่สถานีรถไฟ Gotemba Station
จากนั้นก็นั่งรถ shuttle bus ไปที่ Gotemba Premium Outlets (ฟรี)*

อีกทางเลือกนึง คือไปโดยรถไฟ ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง
*นั่งรถไฟ Odakyu Line จาก Shinjuku ไปลงที่ Shin Matsuda (80 นาที)
แล้วมานั่ง JR Gotemba Line ที่สถานี Matsuda คือเดินมาอีกนิดนึง
ไปลง Gotemba (30 นาที) ค่ารถ ¥1,230 *

พอไม่มีรถ เราก็เปลี่ยนแผน
ไปเที่ยว Metropolitan Government Offices ชั้น 45 ก่อน
เดินจาก shinjuku ออกประตูทาง west เดินประมาณ 10 นาที
(หรือนั่งรถไฟใต้ดินสายชูโอหรือโอเอโดะมาลงที่สถานี Tocho Mae
ขึ้นมาเจอตึกนี้เลย ไม่ต้องเดิน)
มันมี 2 towers เหนือกะใต้
วิวสวยดีทีเดียว มองเห็นเมือง Yokohama
ถ้าวันฟ้าใส จะเห็นภูเขาฟูจิด้วยนะ
ขึ้นฟรีไม่เสียตังค์ ประมาณว่า สวยจัง ตังค์อยู่ครบ
*เปิดทุกวัน 9:30 ถึง 23:00 (tower ด้านใต้ปิด 17:30)
Tower ด้านเหนือ ปิด ทุกจันทร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน
Tower ด้านใต้ ปิด ทุกพฤหัสที่ 1 และ 3 ของเดือน*

แล้วก็ shopping shinjuku กัน
โดยเดินกลับไปตั้งหลักที่ shinjuku station ก่อน
คราวนี้พยายามศึกษาอย่างดี เพราะหลงง่ายมาก
เดินออกทาง East Exit
เดินห้าง My City
ดูเสื้อผ้าร้าน Comme Ca
ไปซื้อร่มกันแดด (ร้อนจนไม่ไหวแล้ว) ที่ Isetan
ติดๆกันกะ isetan ไปดูของ brand name มือสองที่ร้าน komehyo ร้านเป็นตึกใหญ่ มีหลายชั้น มี พวกกระเป๋า LV เยอะเลย
เวลาเค้าหยิบมาให้ดู ก็ต้องใส่ถุงมือกันเหงื่อไปโดนกระเป๋าเค้า
มีนาฬิกา Jewelry มีเสื้อผ้าเยอะเลย บางตัว 100 บาทเอง
สุดท้าย ได้กางเกง DKNY มาในราคา 500 บาท
ลองเข้าไปดูค่ะ //www.komehyo.co.jp/shop/shinjuku/map.php เป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ
ใส่ url ไปใน Google Translate ช่วยค่ะ


เดิน Muji สำรวจราคาไว้ก่อนจะไปซื้อที่ Gotemba Outlets
ไปดูหนังสือร้านคิโนะคุนิยะ
เดินไปทาง South
ดูเสื้อผ้าแบบแนว earth ที่ Uniqlo
เดิน Lumine ลูมิเนะ
วนไปมา เจอห้าง Flags มี Gap รุ่นใหม่ๆ (แต่จะไปซื้อที่ Outlets)

เช้าวันที่ 4 ไปศาลเจ้าเมจิจินกู ไปกันตั้งแต่เช้ามืด
ออกจากสถานีรถไฟ harajuku ก็เจอศาลเจ้าที่ว่านี้
จากข้างนอกที่อากาศร้อนๆ แดดจัดๆ
เดินเข้าไปตามทาง โอโห มหัศจรรย์
มันร่มรื่น อากาศดี แตกต่างกันมาก
เหมือนเข้าไปในอีกโลกนึงเลย

เดินออกมา ก็เจอกลุ่ม Cos-play กำลังแต่งตัว
ข้ามถนนหน้าสถานีรถไฟ ก็ไปเจอร้าน snoopy น่ารัก
ไป Takeshita Dori คนเยอะมาก วุ่นวายทีเดียว
ไปแวะร้าน Daiso 100 yen
จากนั้นก็ไปทำ hiso ที่ Omotesando
ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว เข้าได้หมดทุกร้าน (ที่ไม่กล้าเข้าที่เมืองไทย)
LV / Burberry / Gucci / Prada โฮะๆๆ

หลังจากนั้นก็แวะกลับไปที่ Shibuya อีกรอบ
ไปหาซื้อ Onisuka Tigers คู่ที่ต้องการ
(หลังจากนอนคิดมาตั้งแต่ไปเห็นที่สาขา Roppongi)
เดินไปซื้อของที่คิดๆๆเอาไว้เมื่อวันก่อน (แบบว่าทำใจซื้อไม่ได้)
เดิน shibuya จนหมดวัน และหมดตัว
ไปนั่งทอดหุ่ย กันที่ Starbucks ร้านเดิมอีก

วันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวแล้ว
เราก็ไปขอพรที่วัดเซนโซจิ ย่านอาซากุสะ
คราวนี้ เค้าซ่อมแซมเสร็จหมดแล้ว ไม่เหมือนครั้งที่มาตอนเดือนเมษา

ซื้อแป้งทอดใส้ถั่วแดง เจ้าเก่า ในซอย Nakamise แนะนำๆๆ
พอเดินกลับออกมา หันไปทางตึกอาซาฮีเบียร์
ข้างๆประตูวัด มันจะมีร้านขายของกุ๊กกิ๊ก
ลายไม่เหมือนใคร น่ารักดีค่ะ

ตามจริง ตั้งใจจะข้ามไปโอไดบะ Odaiba
แต่ว่ามิสเตอร์พี อยากไปซื้อนาฬิกาที่ร้านนอกเมืองเจ้าประจำ
เราเลยเปลี่ยนแผนครั้งใหญ่
เนื่องจากมันเช้าเกินที่จะไปที่ร้านนั้น
เราเลยไปที่ศาลเจ้าฮิเอะจินจะ Hie Jinja
เป็นศาลเจ้าที่สวยและเก่าแก่ของโตเกียว
มีประตูโทริอิสีแดงสวยงาม
*นั่ง metro ไปลงที่สถานี Akasaka-mitsuke Station ด้วยสาย Ginza หรือ Marunouchi*

จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ร้านนาฬิกาเจ้าที่เคยซื้อ
ด้วยค่าเงินตอนนั้นที่เราไป ร้านนี้ก็ถือว่าถูกกว่าเมืองไทยเยอะเลย
เป็นร้านแนะนำ ไว้ใจได้เลยค่ะ มีขายทั้งของใหม่กิ๊ก และมือสอง
ถ้าเข้าไปใน web มีราคาแต่ละรุ่นบอกไว้
//duel-montres.com

เราก็ไปติดแหงกกันอยู่บริเวณนั้น
มันมีซอยขายของด้วย เราก็เลยไปติดพัน shopping ตรงนั้นถึงเย็นเลย

แล้วเราก็กลับไปพักเหนื่อยที่โรงแรม
กลับออกมาเดิน Akihabara
เดิน Yodobashi ทั่วทั้งตึก
ได้พวก accessories ของกล้องกันมา
แต่ที่สำคัญ ได้เล่นหยอดเหรียญกันไม่เลิกเลย
ต้องผลัดกันห้ามใจ
มิสเตอร์พี เค้าก็ได้ตัวกันดั้ม แบบที่เค้าอยากได้ตอนเด็กๆมาด้วย
(อ้างว่าจะซื้อไปฝากหลาน)

วันกลับ เราต้อง check out ตั้งแต่ก่อนหกโมง
จะได้ไปถึงสนามบินเร็วๆ
เพื่อการ shopping สุดท้ายที่นั่น...

สุดท้าย กลับมาเมืองไทย ตัวเบาโดยไม่ต้องไปฝึกวิชาที่เส้าหลิน

เราก็กลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินกันต่อไป

Create Date : 10 กรกฎาคม 2551
Last Update : 11 กรกฎาคม 2551 14:05:22 น.		4 comments
Counter : 3926 Pageviews.
Share Tweet