Messilah Beach : ทะเลคูเวต
อากาศร้อนแสนร้อนที่พุ่งทะยานขึ้นไปกว่า 45 องศา ทำเอาคนอาศัยอยู่แทบจะเป็นบ้าเพราะอุณหภูมิที่แสนสาหัสและไม่เคยปราณีใคร ระหว่างนั่งแช่แอร์อย่างสุขใจนอน ๆ นั่ง ๆ เล่นอินเตอร์เนทไปวัน ๆ กับออกไปเผาตัวเองและท้าทายความร้อนให้ยิ่งดุเดือดกว่าเก่า เป็นใคร ๆ ก็ต้องเลือกอย่างแรก
แต่ฉันเลือกอย่างหลังค่ะ เหตุผลก็ไม่มีอื่นใด แค่เพียงเพราะว่าเดือนหน้าอุณหภูมิอาจพุ่งขึ้นไปได้ถึง 50 กว่าองศา ไฉนเลยจะรอให้กลายเป็นเนื้อสุกกลางแดดตอนนั้น เก็บเกี่ยวเอาในช่วงที่มันยังคง 40 กว่าองศาเสียดีกว่าไม่มีโอกาส แล้วเดือนหน้ากับอีกเดือนถัดไป ค่อยหมกตัวในห้องแอร์สบายใจเฉิบก็ยังทันถมถืดไป
แล้วจะมีที่ไหนเหมาะสำหรับหน้าร้อนมากไปกว่าทะเลละคะ...ไม่มีอีกแล้วค่ะ คิดได้อย่างนั้นจึงหอบผ้าหอบผ่อน(ไม่ได้หนีตามผู้ชายนะ) แต่ไปทะเลค่ะ!!
คูเวตเป็นเมืองชายฝั่งอยู่แล้ว ไม่ว่าไปทางไหนก็จะเห็นทะเลตลอดเป็นแนว อาจจะเป็นเหตุผลอีกอย่างที่ว่าทำไมอิรักจึงอยากได้ไปครองนักหนา นอกจากเหตุผลที่ว่ามีน้ำมันอุดมสมบูรณ์แล้ว เพราะฉะนั้น ทะเลสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจก็มีไม่น้อยไปตามกัน
แต่ในเวลาปกติ ฉันไม่ค่อยอยากจะไปเล่นทะเลอะไรนักหนาหรอกค่ะ เพราะว่าคนเยอะแยะมากมาย บางครั้งผู้หญิงอาหรับก็ใส่อาบายาหรือชุดคลุมสีดำลงไปเล่นทั้งอย่างนั้นด้วยเหตุผลทางศาสนา หรือไม่ก็จะมีพวกอาหรับหน้าตาหื่น ๆ มาแอบมองและแอบถ่ายรูป แต่เนื่องจากว่าอากาศแสนร้อนตอนนี้ที่คงไม่มีใครออกมาเล่นทะเลและประกอบกับเป็นวันอาทิตย์ที่คนไปทำงาน หาดจึงว่างแสนว่างและร้อนกำลังดีเชียวล่ะค่ะ
(*หมายเหตุ:คูเวตหยุดทำการวันศุกร์และเสาร์ เนื่องจากวันศุกร์เป็นวันละหมาดใหญ่ซึ่งต้องทำเป็นประจำ เมื่อก่อนหยุดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ แต่ต่อมาทางการเปลี่ยนให้เป็นสากลมากขึ้นโดยเลื่อนมาเป็นวันเสาร์)
หาดที่ฉันไปครั้งนี้ชื่อว่า Messilah Beach (เมสซิล่าห์ บีช) อยู่ไม่ไกลจากที่พักสักเท่าไหร่ เสียค่าเข้าเพียง 500 fils หรือ 60 บาทไทย ห้องอาบน้ำฟรี เก้าอี้และร่มฟรี มีสนามบอล สนามวอลเล่ย์บอล และสนามบาส แต่ต้องเอาลูกบอลมาเอง
เห็นชาวอาหรับกลุ่มหนึ่งเอาบาร์บีคิวมาปิ้งย่างกัน แค่เห็นควันก็ร้อนแทนแล้วค่ะ แสงจากพระอาทิตย์คงยังไม่ทันได้ร้อนกันอย่างสะใจ จึงหาเรื่องทรมานตัวเองกัน!
จะว่าไปแล้วหาดทรายที่นี่ เทียบอะไรไม่ติดเลยกับหาดทรายบ้านเรา แม้แต่บางแสนหรือพัทยาเองก็ยังสะอาดกว่านี้เลยด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะเจอแต่ก้นบุหรี่และชิ้นขยะที่เรี่ยราดเกลื่อนกลาด คนทำความสะอาดคงอ่อนใจจนปล่อยมันไว้ให้จมหายไปกับกาลเวลาเองดีกว่า ซึ่งทำความเดือดร้อนให้ผู้มาทีหลังเป็นอันมาก
แล้วคนอาหรับก็ติดบุหรี่กันยิ่งกว่ากินน้ำเสียอีก...จากข้อสันนิษฐานของฉันแล้ว ฉันว่าหากน้ำท่วมโลก ชาวอาหรับจะตายเป็นชนกลุ่มแรกเนื่องจากขาดบุหรี่แห้ง ๆ สูบ!
ขนาดประเทศของตัวเองแท้ ๆ ยังไม่รู้จักรักษา...ใครว่าคนไทยนิสัยไม่รักความสะอาด มาดูเมืองคูเวตแล้วจะรู้เลยว่ารักเมืองไทย รักคนไทยมากแค่ไหน คนไทยนิสัยดี ดี๊ ดีขึ้นมาทันทีเลยล่ะค่ะ
..................................
แดดแสนจะร้อน ใครใคร่อาบแดดก็ชโลม sun tan กันไป แต่ฉันไม่เอาด้วยดีกว่า อาบแดดบ่ายวันอาทิตย์อย่างนี้ ถูกปิ้งบนเตาบาร์บีคิวของหนุ่มอาหรับกลุ่มนั้นยังดีเสียกว่าเป็นไหน ๆ
พร้อมกันนั้นก็จิบเบียร์วุ้นเย็น ๆ ให้ชื่นใจ หลบร่มต่อไปให้สบายอารมณ์ แต่ป.ล.เบียร์ non-alcoholic นะ ประเทศมุสลิมค่ะ
ใครอยากนอนเฉย ๆ ก็นอนไป ใครอยากเล่นน้ำทะเลก็ตามใจ หรือใครอยากเล่นบอลก็เชิญเช่นกัน ต่างคนต่างมีกิจกรรมส่วนตัวในวันชิล ๆ ของสัปดาห์ ฉันเหรอคะ...เดินเล่นถ่ายรูปเหมือนเคยค่ะ
รองเท้า แต่คราวนี้ไม่มีเท้าติดมาด้วย
หมวกกันแดด ตามประสาคนกลัวดำจับใจ
รู้ไหม อะไรเอ่ย????
หนุ่ม ๆ กล้ามเป็นมัด
..................................
นาน ๆ ได้ออกจากบ้าน แล้วเอาตัวมาโดนแสงกับลมธรรมชาติก็ดีเหมือนกัน พักผ่อนสมองกับงานเครียด ๆ...ใครว่าเป็นนางฟ้าบินไปบินมาไม่เครียดคะ ลองมาเป็นแอร์ฯสายการบินตะวันออกกลางสักหน่อยดีกว่า นอกจากผู้โดยสารจู้จี้จิกใช้เป็นนางทาสแล้ว ยังเพื่อนร่วมงานแสนจะขี้เกียจทำงานกันไปวัน ๆ หรือระบบบริษัทที่ยุ่งวุ่นวายยิ่งกว่าราชการไทยเมื่อ 50 ปีก่อนอีก...ใครว่าทำงานจบไฟลท์แล้วจบกัน บางครั้งหงุดหงิดติดกลับมาไม่สามารถปล่อยวางไปก็มี
ฉันเพิ่งมารู้ก็ตอนได้อยู่ที่นี่เองว่า ทำไมหนอ...ต้องจ้างผู้หญิงหน้ากะเหรี่ยงแพง ๆ มาเป็นแอร์ฯ ก็เพื่อมาทนกับอารมณ์อันร้ายกาจของผู้โดยสารและสภาพชีวิตที่ไม่มีอะไรแน่นอนเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ดีอยู่ก็ตรงที่ว่าไม่มีปัญหาลวนลามทางเพศให้หนักใจและอยู่อย่างปลอดภัยมาได้จนตอนนี้
ได้นั่งมองฟ้า มองน้ำสุดลูกหูลูกตา ก็เหมือนเอาเรื่องยุ่ง ๆ บางอย่างโยนทิ้งไปได้บ้างเหมือนกัน อย่างน้อยการได้มาอยู่เมืองแขกก็เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้อีกแล้วที่ไหน ก้มหน้าก้มตาเก็บเงินต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาที่อิ่มตัวและออกไปใช้ชีวิตที่เป็นของตัวเองจริง ๆ เสียที
..................................
ว่าแล้วก็ไปเล่นหาหอยจับปูลม ย้อนวันตอนเป็นเด็ก ๆ สักหน่อยดีกว่า นึกถึงกระป๋องกระแป๋งทราย ก่อปราสาทหอย และวิ่งไล่จับปูเสฉวนกับน้องชายสมัยยังใส ๆ และไม่มีอะไรต้องคิดมากนักกับชีวิต
ช่วงวัยแห่งความหลัง บางครั้งก็ไม่อาจจะย้อนกลับมาด้วยความทรงจำ เพราะมันก็มีเลือนมีลาง มีจางมีหายกันบ้าง แม้แต่ตัวความรู้สึกเอง ก็อาจจะเลือนลางไปแล้วด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งยามเป็นเด็กน้อยแก้ผ้าวิ่งอยู่ที่หาดบางแสนนั้น ฉันมีความสุขแค่ไหนหรือมีทุกข์อะไรบ้างไหมในช่วงวัยเด็กวัยนั้น และที่สำคัญ ที่ว่าบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาว จริงแค่ไหน?
จับได้แล้ว ปูเสฉวนน้อยกระดองสวย!
ฮั่นแน่...จะหนีเหรอจ๊ะ?
จั๊กจี๋ จ้ำจี้ เล่นกับปู
อ๊ะ อ๊ะ...มีแอบด้วย
ปูตัวหญ่ายยย...กินได้ไม๊นี่...
..................................
เล่นกับปูจนเหนื่อยแล้ว เพื่อนก็ชวนไปเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด ฮ่ะๆๆๆ ไม่ใช่แค่ชวนอย่างเดียวแต่บังคับอีกต่างหาก จึงต้องยอมไปแต่โดยดี แดดร่มลมกำลังดีเลยออกกำลังยืดเส้นยืดสายสักหน่อย...พูดแล้วจะหาว่าคุย ทีมฉันชนะอีกต่างหาก เนื่องว่ามีหัวหน้าทีมดีตบอย่างเดียว ส่วนฉันเหรอ คอยเสิร์ฟลูกเดียวเพราะเพื่อนกลัวไม่ได้จับลูก แล้วยังเสียตลอดต่างหาก เป็นฝ่ายทำคะแนนให้ฝ่ายตรงข้ามปริยาย
แล้วสักพักมันก็ไล่ให้ไปถ่ายรูปต่อเหมือนเดิม
ถ่ายรูปอะไรเล่นไปตามประสา สักพักหาดทั้งหาดก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะมีเสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นภาษาแขกของแม่ชาวอาหรับคนนึง กำลังเถียงชี้หน้าด่าสาวฝรั่งที่นั่งอยู่โต๊ะตัวถัดไป เพื่อนอาหรับรีบหันมาแปลให้บอกว่า...สาวยุโรเปี้ยนคนนั้นแอบถ่ายรูปลูกตัวเล็ก ๆ ของแม่อาหรับ เธอไม่ยอมเลยโวยวายไม่เป็นภาษา...
ฉันหน้าซีดรีบเก็บกล้องโดยพลัน จริง ๆ คนที่ควรโดนด่าน่าจะเป็นฉันมากกว่า เพื่อนฉันหัวเราะกันเกรียวกับท่าทีหวาด ๆ ของฉัน เพราะฉันก็แอบถ่ายเด็กน้อยไปเยอะอยู่ ดีที่ว่าไม่ได้ไปถ่ายลูกของแม่คนดุคนนั้นเข้า มิฉะนั้น มีหาดแตกแน่ ๆ
ก็เด็กตัวเล็ก ๆ น่ะ น่ารักจะตายไป ใครเห็นก็อดยิ้มและขอชักภาพเอาไว้ไม่ได้นี่นา
ฟ้าเริ่มจะมืด คนก็เริ่มจะหาย คงได้เวลากลับกันเสียที...
อย่างน้อยวันนี้ฉันก็ได้เอาตัวมาสัมผัสน้ำเค็มแล้วเอาเท้าเหยียบทรายเวิ้งว้างอย่างสมใจ แม้ว่าในที่สุดแล้วไม่ได้มีภาพหาดขาว ๆ หรือทะเลสีครามกับฟ้าสีใสมาใส่ไว้ในกล้องอย่างที่อยากนักหนา แต่ถึงอย่างนั้น ทะเลก็ยังคงเป็นทะเล ที่มีความกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ขอบฟ้าจรดขอบน้ำที่ยังไม่รู้เลยว่ามันสิ้นสุดตรงนั้นจริงหรือไม่
แว่บหนึ่งที่เดินเอาน้ำเตะฟองคลื่นตรงหาดทราย ฉันแอบเอา 'เรื่องยุ่ง ๆ' ไปทิ้งไว้ตรงนั้น มันเป็นขยะชิ้นหนึ่งก็จริงแต่ไม่ใช่ขยะที่ทำลายธรรมชาติ ทะเลกว้าง ๆ คงช่วยย่อยสลายมันไปได้อย่างรวดเร็ว เหมือนที่พอฉันปล่อยมันออกไปจากใจเมื่อไหร่...ก็เหมือนสลายหายไปพลัน
เวลาใจมันหนัก ๆ ไม่สามารถคลี่คลายได้ด้วยตัวเอง เอาตัวและใจไปหย่อนไว้ตรงปลายคลื่นสักพัก มันเยียวยาได้อย่างไม่น่าเชื่อจริง ๆ นะคะ ไม่ลองไม่รู้ค่ะ...
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ รูปและเรื่องยาวและเยอะไปสักหน่อย
หนีปฏิบัติภารกิจ 3 วันนะคะ
มีความสุขมาก ๆ ทุกคนค่ะ
Create Date : 20 มิถุนายน 2551 |
|
55 comments |
Last Update : 24 มิถุนายน 2551 10:15:27 น. |
Counter : 2186 Pageviews. |
|
|
|
ปอยอย่าแซวว่าพี่ใช้ไปห้าหมื่นสิ เดี๋ยวขายต่อไม่ได้เสียราคาแย่ 555
จะไม่อยู่หลายวัน เทคแคร์น่ะจ๊ะสาวน้อย