เมื่อมินตราหัดทำฝนหลวง (2)
ความรู้สั้นๆเกี่ยวกับฝนหลวงค่ะ คัดลอกมาจากบางส่วนของเอกสารแจกเป็นแผ่นพับของสำนักฝนหลวง
ที่มาของพระราชดำริฝนหลวง
ฝนหลวง เป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้มีการศึกษา ค้นคว้า วิจัยหากรรมวิธีดัดแปรสภาพที่เหมาะสมกับประเทศไทยในการบังคับให้เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่เป้าหมายที่ต้องการ เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนอันเนื่องมาจากภัยแล้ง ซึ่งในปี 2512 จึงได้มีการทดลองทำฝนหลวงครั้งแรกขึ้นในประเทศไทย และจากความสำเร็จในขั้นบุกเบิกการทดลองทำฝน ภายใต้การนำของหม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้รับสนองพระราชดำริ ระหว่างปี พ.ศ. 2512-2514 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงน้อมรับวิธีการทำฝนหลวงมาปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภัยแล้งตามการร้องขอของประชาชน ควบคู่ไปกับการพัฒนากรรมวิธีการทำฝนหลวงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเป็นลำดับมาถึงปัจจุบัน
วิธีการทำฝนหลวง
ขั้นตอนที่ 1 ก่อกวน Triggering ก่อเมฆโดยใช้เครื่องบินเมฆอุ่นโปรยสารเกลือแป้งบริเวณต้นลมพื้นที่เป้าหมาย ที่ระดับความสูง 7,000-8,000 ฟุต โดยสารเกลือแป้งจะทำหน้าที่เป็นแกนกลั่นตัวในการดูดซับความชื้นที่มีอยู่ในอากาศ เกิดการควบแน่นเป็นเม็ดน้ำและรวมตัวกันเป็นเมฆ
ขั้นตอนที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน Fattening เลี้ยงเมฆให้อ้วนโดยเครื่องบินเมฆอุ่นโปรยสารแคลเซียมคลอไรด์เข้าไปที่เมฆที่ระดับ 8,000 ฟุต ความร้อนที่เกิดจากปฏิกริยาทางเคมีของสารแคลเซียมคลอไรด์ เมื่อละลายน้ำหรือดูดซับความชื้นหรือเม็ดน้ำในเมฆ จะเร่งหรือเสริมแรงยกตัวของมวลอากาศภายในเมฆ ทำให้เมฆเจริญเติบโตต่อไปได้ดีและก่อยอดสูงขึ้น
ขั้นตอนที่ 3 โจมตี Attacking : โจมตีเมฆอุ่นแบบ แซนด์วิช โจมตีเมฆอุ่นด้วยเทคนิคแซนด์วิช โดยใช้เครื่องบินเมฆอุ่น 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งโปรยสารเกลือโซเดียมคลอไรด์ ทับยอดเมฆหรือไหล่เมฆที่ระดับ 9,000-10,000 ฟุต ทางด้านเหนือลมของก้อนเมฆ อีกเครื่องหนึ่งโปรยสารยูเรีย ที่ระดับชิดฐานเมฆทางด้านใต้ลม
ขั้นตอนที่ 4 เสริมการโจมตี Enhancing ใช้เครื่องบินเมฆอุ่นโปรยเกล็ดน้ำแข็งแห้งที่บริเวณต่ำกว่าฐานเมฆประมาณ 1,000 ฟุต เพื่อปรับลดอุณหภูมิของอากาศใต้ฐานเมฆ และทำให้อากาศมีความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการระเหยของน้ำออกจากเม็ดฝนลง
ขั้นตอนที่ 5 โจมตีเมฆเย็นด้วยซิลเวอร์ไอโดไดด์ โจมตีเมฆเย็นด้วยสารซิลเวอร์ไอโอไดด์ โดยใช้เครื่องบินเมฆเย็น 1 เครื่อง ยิงพลุสารซิลเวอร์ไอโอไดด์เข้าสู่ยอดเมฆ ที่ระดับประมาณ 21,500 ฟุต
ขั้นตอนที่ 6 โจมตีแบบ ซูเปอร์แซนด์วิช ใช้เครื่องบินอย่างน้อย 3 เครื่อง โจมตีในส่วนที่เป็นเมฆเย็น ด้วยการยิงพลุสารซิลเวอร์ไอโอไดด์จากเครื่องบินเมฆเย็นเข้าสู่ยอดเมฆ ในขณะเดียวกันก็โจมตีเมฆอุ่นเบื้องล่างด้วยการโจมตีแบบแซนด์วิช โดยใช้เครื่องบินเมฆอุ่น 2 เครื่องโปรยสารเกลือแป้งที่ไหล่เมฆ
หลังการปฏิบัติการขั้นตอนที่ 4-6 จะมีฝนตกจากฐานเมฆได้เร็วขึ้น และเป็นเม็ดฝนขนาดใหญ่ ฝนจึงตกหนักขึ้น และให้ปริมาณน้ำฝนสูงกว่าการปล่อยให้ตกเองตามธรรมชาติ
ดูภาพกันต่อค่ะ
ภาพที่มองจากเครื่องบินทำฝนหลวง ผ่านไร่นาของเกษตรกรที่เริ่มพลิกฟื้นขึ้นสู่ความเขียวชอุ่มในช่วงต้นฤดูฝนค่ะ พื้นที่ในแถบนี้ส่วนใหญ่ทำนา ไร่มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อยโรงงานค่ะ หลายๆคนอาจสงสัยว่า หน้าฝนต้องทำฝนหลวงด้วยหรือ? คำตอบคือ ทำค่ะ เพื่อให้ฝนตกสม่ำเสมอไม่ทิ้งช่วง ฝนหลวงมีการทำเกือบตลอดปี ยกเว้นในฤดูหนาวที่ปริมาณความชื้นในอากาศน้อยค่ะ
ดูภาพตัวเมืองโคราชยามบ่ายกันต่อค่ะ จะเห็นได้ว่าโคราชเป็นเมืองหน้าด่านสู่ภาคอีสาณที่มีขนาดใหญ่และกำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆ ใครบ้านอยู่แถวนี้ก็ดูกันเองเน้อ
เครื่องจะลงแล้วค่ะ ด้านหน้าคือลานบิน ท่านผู้โดยสารกรุณารัดเข็มขัดนั่งประจำที่ด้วยค่า
ดูกันให้ชัดๆ กระสุนซิลเวอร์ไอโอไดด์ค่ะ ขนาดประมาณหนึ่งคืบได้
โฉมหน้าเหล่านักรบผู้ต่อสู้ภัยแล้งให้กับเราคนไทย ชุดติดกันสีเขียวคือพี่ๆนักบิน(เรียกลุงมีเคือง) เสื้อเหลืองคือเจ้าหน้าที่สำนักฝนหลวงค่ะ ทำงานทุกวันไม่มีหยุด ขึ้นบินทำฝนหลวงกันวันละ 2 รอบ เช้า-บ่าย ค่ะ
สถานีเรดาร์ที่พิมาย โคราชค่ะ ที่เห็นเป็นกลมๆอยู่บนสุด คือตัวเรดาร์ ทำหน้าที่ตรวจสภาพอากาศเพื่อเป็นข้อมูลในการทำฝนหลวง
ปิดท้ายด้วยภาพสุดโปรดของเรา ที่ชอบจนเอามาทำแบล็กกราวด์บล็อกนี้ ขอตั้งชื่อว่า "เรือบินน้อยกลางทะเลเมฆ" ค่ะ (ภาพตีกับแบล็กกราวน์ไปหน่อย ขอเวลามินตราไปเรียนวิธีใส่กรอบก่อนเด้อค่า)
Create Date : 16 สิงหาคม 2550 |
|
9 comments |
Last Update : 16 สิงหาคม 2550 11:10:45 น. |
Counter : 1732 Pageviews. |
|
|
|
คิดว่าพูดเล่นๆซะอีก