Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
2 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
ภัยจากการศัลยกรรม


ภัยจากการศัลยกรรม










 


          "คุณหมอค่ะ หนูไปฉีดเสริมจมูกมาแล้วมันไหลย้อยอยู่ตรงปลายจมูก
หนูต้องไปแก้ด้วยการเลาะออกแล้วเสริมซิลิโคนแท่ง แต่มันเอาออกได้ไม่เยอะ"
          "ตอนนี้ยังไม่แนะนำอะไรครับ รอดูผลจากการฉีดดูก่อน
เพราะยาที่ฉีดออกฤทธิ์อยู่ได้นานพอสมควร คงต้องทิ้งไว้เป็นปีครับ แล้วค่อยประเมินดูอีกที"
ความทุกข์ใจของเธอได้รับเพียงคำปลอบประโลมจากคุณหมอศัลยกรรมที่เข้ามาตอบกระทู้
และบอกให้อดทนรอดูผลการฉีดสารในกลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อสลายเนื้อเยื่อพังผืดทำให้ฝ่อลง
แต่ไม่ได้ช่วยสลายซิลิโคน และอาจทำให้เนื้อเยื่อปกติบางลง เพิ่มโอกาสเสี่ยงให้ซิลิโคนแท่งทะลุได้ 


          มันอยู่ที่ปลายจมูกเยอะมากและไหลไปทั่ว หมอเลยแนะนำให้ฉีดสลายซิลิโคนหลังจากเสริมซิลิโคนแท่ง
แต่ฉีดไป 5 เข็ม เนื้อสันจมูกเริ่มบางจนเห็นเส้นเลือด และเนื้อตรงปลายจมูกไม่เรียบเนียน
มันนูนขึ้นมา หมอพอมีวิธีเอาออกได้มั้ยค่ะ" หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม
บอกเล่าความทุกข์ใจ พร้อมโพสต์ภาพใบหน้าตัวเองลงในเว็บบอร์ดของคลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่ง 






          เช่นเดียวกับ "ยู" นักศึกษาชั้นปีที่ 2 จากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง
กำลังมีชะตากรรมไม่ต่างจากสาวสวยหน้าใสอีกหลายๆ คน
ที่พลัดหลงเข้าสู่วงจรเสริมความงามด้วยการฉีดสารสังเคราะห์ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 
          "ยู" สาวน้อยวัย 22 เธอมีดวงตากลมโตเป็นประกาย ใบหน้าสวยได้รูป
ผิวขาวเรียบเนียน เคยผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายมิสยูลีกมาแล้ว
และเกือบจะได้เป็นนางแบบโฆษณาแชมพูยี่ห้อหนึ่ง แต่ความฝันก็ต้องสลายไปชั่วพริบตา 

          เมื่อ 3 ปีก่อนเธอตัดสินใจ "ลบรอยย่นใต้ดวงตา" แม้ว่าจะพยายามเสาะหาข้อมูลและสอบถามจากเพื่อนๆ
แนะนำให้เลือกสถานพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้กว่าหมอประเภทหิ้วกระเป๋าฉีดตามห้องพัก






ทว่า...เธอคิดผิดถนัด!  จึงตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ หนูพยายามศึกษามาแล้วว่าไม่มีอันตรายและสามารถสลายตัวได้
แต่พอฉีดจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรมาฉีดให้ เพราะต้องวางยาสลบ
พอตื่นขึ้นมารู้สึกมึนๆ และพบว่าหน้าบวมมาก" ยูย้อนความทรงจำ 
          มูลค่าความสวยที่ยูต้องจ่ายคราวนั้นเป็นเงินกว่า 2 หมื่นบาท
แถมยังต้องทนทุกข์ใจกับอาการบวมอืดของใบหน้านานกว่า 2 สัปดาห์

เมื่ออาการบวมทุเลาลง แทนที่จะได้ใบหน้าอวบอิ่มไม่มีริ้วรอย
กลับพบความผิดปกติใต้ตาขวาที่ยังบวมมาจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่ใต้ตาด้านซ้ายก็เริ่มมีรอยเขียวคล้ำขึ้นเรื่อยๆ


          "เพื่อนๆ ทักว่ามีรอยย่นใต้ตา ตอนแรกก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอถูกทักบ่อยๆ เริ่มเกิดความไม่มั่นใจ





 


          "ต้องคอยเอาเส้นผมมาปิดหน้าและเดินเอียงตลอดค่ะ
เวลามีงานถ่ายแบบเข้ามาก็ต้องปฏิเสธไป หากพ่อแม่ ญาติ พี่น้อง หรือแฟน ถามถึงรอยคล้ำใต้ดวงตา
ก็จะบอกปัดไปว่าประสบอุบัติเหตุรถชน"
ยูเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า 
"ซิลิโคนเม็ดจิ๋ว"
ฝังอยู่ในผิวหนังใต้ดวงตา และไม่สามารถรักษาให้หายได้เหมือนปกติ
ทำได้เพียงแค่ให้ยาลดปฏิกิริยาให้เหลืออยู่ในร่างกายน้อยที่สุด 


          สุดท้ายยูต้องหันไปพึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมใบหน้าอีกราย
เพื่อแก้ไขความบกพร่องที่เกิดขึ้นและค้นพบความจริงว่า "โบท็อกซ์" ที่ว่านั้นเป็นเพียง




 


          หญิงสาววัยละอ่อน ผู้หญิงในร่างชาย ตลอดจนสาวแก่แม่ม่ายหลายราย
มีความตั้งใจที่จะเพิ่มความสวยงามให้ตัวเองด้วยการฉีดสารสังเคราะห์เพิ่มความอวบอิ่มสวยงาม
แต่กลับกลายเป็นการตัดสินใจผิดพลาด ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ
บางรายโชคดีสามารถแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้
แต่บางรายต้องก้มหน้ายอมรับสภาพความบิดเบี้ยว ผิดรูปร่าง ตลอดจนการอักเสบของใบหน้า
โดยมิอาจเยียวยารักษาให้หายได้ดั่งเดิม แม้แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ทำได้เพียงแค่ปลอบประโลมเท่านั้น! 
          "ความผิดพลาดจากการทำศัลยกรรมเสริมความงาม เกิดจากตลาดมีความต้องการมาก
แต่ผู้ให้บริการที่มีคุณภาพและจริยธรรมมีน้อย กลายเป็นช่องว่างให้มีคนอื่นมาทำแทน
นั่นก็คือหมอเถื่อน"
นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย
เล่าถึงที่มาของปัญหาแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งที่กำลังสร้างปัญหามากมายในสังคม 



          นพ.ชลธิศ ระบุว่า ในวงการศัลยแพทย์ตกแต่งมีอยู่ 4 กลุ่ม คือ
ศัลยแพทย์ด้านความงามที่มีประสบการณ์สูง มีความเชี่ยวชาญ และมีจริยธรรม
ศัลยแพทย์ฝึกอบรมที่เรียกว่า "ศิษย์มีครู" หากมีปัญหาอะไรก็ขอความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยแก้ไขให้ได้
ส่วนแพทย์ที่ไม่ผ่านการฝึกอบรมเรียกว่า "ศิษย์ไม่มีครู" เป็นหมอที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาโดยตรง
แต่ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองแล้วนำมาทดลองใช้กับคนไข้ โดยไม่คำนึงถึงหลักจริยธรรม
และบุคคลที่พอจะมีความรู้ด้านศัลยกรรมความงามอยู่บ้าง
แต่ไม่ใช่แพทย์เรียกว่า "หมอเถื่อน" โดย 2 กลุ่มหลังนี้กำลังสร้างปัญหามากที่สุด




 


          กลุ่มศิษย์ไม่มีครูและหมอเถื่อน มักจะนำสารสังเคราะห์ต้องห้าม อย่าง "ซิลิโคนเหลว" มาฉีดให้ลูกค้า
ด้วยการแอบอ้างว่าเป็นสารเสริมความงามที่ปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
แต่เมื่อลองไล่ย้อนไปสู่ต้นตอส่วนผสมของสารไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์ คอลลาเจน ไขมันเทียม
ล้วนมีส่วนผสมของซิลิโคนเหลวอยู่ 
          "ใบหน้าจากการฉีดซิลิโคนเหลวสามารถแก้ไขได้เฉพาะบริเวณจมูกและคาง
โดยขูดเอาซิลิโคนเหลวออกมาแล้วเสริมด้วยไขมัน แต่หากเป็นบริเวณอื่นจะไม่สามารถแก้ไขได้
หากมีการขูดซิลิโคนออกมาอาจมีผลกระทบต่อเส้นประสาทบริเวณใบหน้าได้"
นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย และเจ้าของผลงานเสริมจมูกด้วยการปลูกย้ายไขมัน 
ซิลิโคนเหลว พาราฟิน น้ำมันมะกอก เป็นต้น เป็นสารที่ไม่ควรฉีดเข้าสู่ร่างกาย
เพราะสารสังเคราะห์กลุ่มนี้เป็นสารที่ไม่ได้มาตรฐาน

โดยจะมีบุคคลที่อ้างตัวเป็นแพทย์นำสารดังกล่าวโดยเฉพาะซิลิโคนเหลว
หลอกประชาชนว่าเป็นไขมันเทียม คอลลาเจน
ฉีดเพื่อให้จมูกโด่งขึ้น คางยาวขึ้น แก้มอูมขึ้น ฉีดหน้าอก สะโพก ตามแต่อยากจะให้ส่วนใดอูมใหญ่ขึ้น
 


          ทั้งนี้ ซิลิโคนเหลว เมื่อถูกฉีดเข้าสู่ใบหน้าและร่างกายจะให้ผลกระทบแตกต่างกัน คือ
หน้าผาก : บริเวณที่ฉีดให้หน้าผากโหนกนูน มักเกิดปัญหาซิลิโคนเหลว ไหลมาที่บริเวณตาบน
จมูก : เมื่อฉีดซิลิโคนเหลวได้ประมาณ1 ปี จะไหลออกมาด้านข้างของจมูก
ทำให้จมูกดูบวมใหญ่ แต่จะไม่มีสันจมูกตามธรรมชาติ
แก้ม : เมื่อฉีดซิลิโคนเหลวบริเวณโหนกแก้ม เมื่อเวลาผ่านไปมันจะไหลลงมาที่กระพุ้งแก้มทำให้ดูเหมือนคนมีอายุมาก
เนื่องจากมีการห้อยย้อยของกระพุ้งแก้ม เหมือนกับแก้มของผู้สูงอายุ และ
คาง : มีปัญหาเรื่องการไหลย้อย ทำให้คางยาวเกินไป
และการไหลลงไปที่จุดต่ำสุดของคาง ผิวหนังบริเวณที่ต่ำสุดจะแดงและแข็งทำให้ดูไม่สวยงาม  
          หน้าอก : มักเกิดเป็นก้อนแข็งและตะปุ่มตะป่ำ ทำให้คล้ำดูไม่เป็นธรรมชาติ
และยังทำให้การตรวจหามะเร็งเต้านมได้ยาก
อวัยวะเพศ : มีการนำซิลิโคนเหลวมาฉีดอวัยวะเพศชายและหญิง
เวลาอวัยวะเพศแข็งและเมื่อมีการเสียดสีก็จะเกิดเป็นแผลได้ง่าย และ
สะโพก : ซิลิโคนจะไหลจากสะโพกมาที่ต้นขา ทั้งนี้คนไข้มักจะฉีดซิลิโคนเหลวจำนวนมาก
ทำให้เป็นไตแข็งและอักเสบได้ 



          ด้าน นพ.ธารา วงศ์วิริยางกูร สาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
เคยกล่าวในเว็บไซต์สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทยว่า


          "ซิลิโคนเหลว มีราคาถูกและอยู่ถาวร แต่มีภาวะแทรกซ้อนมากมาย
ตั้งแต่อักเสบเป็นๆ หายๆ ไหลย้อยไปสู่ตำแหน่งอื่น บริเวณที่ฉีดดูอูมบวมแข็งเป็นไต
ทำให้หน้าตาดูประหลาดผิดธรรมชาติ เมื่อมีปัญหาคนไข้ก็จะมาพบแพทย์เพื่อให้แก้ไข
บางคนเข้าใจผิดนึกว่าสามารถดูดออกได้ ความจริงแล้วสารดังกล่าวไม่สามารถดูดออกได้
และการผ่าตัดยังไม่สามารถเอาส่วนที่ฉีดออกมาได้หมด
อีกทั้งยังต้องตัดเอาเนื้อเยื่อที่ดีของคนไข้ที่มีสารแปลกปลอมแทรกอยู่ออกมาอีกด้วย
เช่น หากสารเหล่านี้อยู่ที่แก้มหรือขมับที่มีเส้นประสาทอยู่ การผ่าตัดอาจทำอันตรายต่อเส้นประสาท
ทำให้ปากเบี้ยว ยักคิ้วไม่ขึ้น มีบางคนได้รับการฉีดเพื่อให้หน้าอกโตขึ้นผลคือหน้าอกแข็งเป็นก้อน
บางรายแตกเป็นแผลเรื้อรัง เป็นที่น่าเสียดายที่ทำให้การผ่าตัดรักษาต้องตัดเนื้อหน้าอกทิ้ง
และยังทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหน้าอกอีก" นพ.ธารา ระบุ


          พิษภัยของซิลิโคนเหลวยังสร้างรอยร้าวในจิตใจของสาวอยากสวยจำนวนมาก
ที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของหมอเถื่อน แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
จะประกาศเตือนถึงพิษภัยของสารสังเคราะห์ตัวนี้บ่อยครั้งว่า
ซิลิโคนเหลวที่ใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกายในทางการแพทย์เป็นเครื่องมือแพทย์ทั่วไป
การนำเข้าจะต้องมีหนังสือรับรองการขาย (Certificate of Free Sale)
ในประเทศผู้ผลิตมาแสดงต่อ อย.
แต่การนำเข้าซิลิโคนเหลวที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นลักษณะของการลักลอบนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย
ผู้นำเข้ามีความผิดตามมาตรา 75 แห่ง พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2531
ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 250,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
รู้ทัน...สารเติมใบหน้าสวย 

          สารสังเคราะห์ที่ช่วยเติมเต็มความอวบอิ่มของอวัยวะส่วนต่างๆ บนใบหน้า
แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สารเติมเต็มแบบไม่ถาวร สารเติมเต็มแบบกึ่งถาวร
สารสงเคราะห์เลียนแบบธรรมชาติ และสารธรรมชาติจากร่างกาย 
          สารเติมเต็มแบบไม่ถาวร ประกอบด้วย "Collagen" สารธรรมชาติที่สกัดจากคอลลาเจนของวัว
ใช้ลดริ้วรอยที่ใบหน้าและเสริมแต่งบริเวณใบหน้าและริมฝีปาก ออกฤทธิ์ประมาณ 6 เดือน
สารที่นำมาใช้ในประเทศไทย ได้แก่ Zyderm และ ZYPlast (McGhan Medical, Santa Barbara CA)
"Hyaluronic acid" หรือ "Hyaluran" กลุ่ม polysaccharide Hyaluronic acid
สารธรรมชาติที่สกัดจนเหมือนสารในร่างกายมนุษย์ 

          สาร 2 ชนิดที่นำมาใช้ในปัจจุบัน ได้แก่
ถือเป็นสารที่มีการนำมาฉีดเพื่อเสริมแต่ง และถือเป็นสารแปลกปลอม
เมื่อฉีดเข้าร่างกายแล้วจะอักเสบอย่างต่อเนื่อง
เพื่อกำจัดสารแปลกปลอม โดยซิลิโคนเหลวจะไหลไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
จากประสบการณ์ของศัลยแพทย์ที่เคยดูแลคนไข้พบว่า ซิลิโคนเหลวเป็นสารที่ฉีดแล้วทำให้ใบหน้าสวยงามมาก
แต่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 8 เดือน-1 ปี หลังจากนั้นสารพวกนี้จะเริ่มไหลย้อย 


          ปัจจุบันยังมีภัยแฝงรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นในวงการศัลกรรมตกแต่งเสริมความงาม
มีการแอบอ้างนวัตกรรมล่าสุดนำซิลิโคนมาเล่นแร่แปรธาตุเป็น "ซิลิโคนจิ๋ว" เพียง 0.02 มิลลิเมตร
เพื่อฉีดเสริมส่วนต่างๆ ของร่างกาย ล้วนสร้างผลกระทบไม่ต่างจากการใช้สารต้องห้ามอย่าง
ซิลิโคนเหลว ทำให้สาวๆ อยากสวยต้องตกเป็นเหยื่อและต้องจ่ายค่าซ่อมความสวยเพิ่มอีกเท่าตัว 


          ล่าสุดแพทยสภากำลังร่างระเบียบข้อบังคับให้สถานพยาบาลและคลินิกศัลยกรรมตกแต่งต่างๆ
ต้องติดประกาศให้ความรู้ถึงพิษภัยจากสารสังเคราะห์เพิ่มความสวยนานาชนิด อาจจะช่วยยับยั้งชั่งใจสาวอยากสวยได้บ้าง ?!!  




          •1.Hyaform gel สกัดจากหงอนไก่
กลุ่มนี้จะมีสารที่ใช้ฉีด ได้แก่ Hyaform fineline, Hyaform, Hyaform plus
ใช้ลดริ้วรอยใต้ตา ร่องแก้ม และร่องลึกบนใบหน้า โดยที่ Hyalorm fineline
ใช้ฉีดใต้ตา ส่วน Hyaform plus มีอายุนานประมาณ 8 เดือน-1 ปี ใช้ฉีดร่องลึก 


          •2.Restylane สารที่สกัดมาจากน้ำตาลที่ถูกย่อยโดยแบคทีเรียสเตร็ปโตคอคคัส
ได้สาร Hyarulan Restlane มีความเข้มข้นสูงกว่า Hyaform
ได้แก่ Restylane และ Prolane โดยที่ Prolane สามารถอยู่ได้นานกว่า Restylane
สามารถใช้ฉีดเสริมใบหน้า ริมฝีปาก และลดริ้วรอยของร่องแก้ม
ส่วน Captiane เป็น hyaluran ตัวแรกที่ไม่ได้ผลิตจากสัตว์
ใช้ฉีดร่องแก้มหรือลดริ้วรอยสามารถอยู่ในร่างกายได้ประมาณ 1 ปี 


          สารเติมเต็มแบบกึ่งถาวร ได้แก่ 


          •1.Articoll เป็นสาร Polymethyl methacrylate ที่แขวนลอยอยู่ในคอลลาเจน
โดยที่คอลลาเจนจะเป็นตัวพาอาคิเลตเข้าไปในเนื้อเยื่อและคอลลาเจนจะสลายไปโดยที่อาคิเลตจะอยู่ในเนื้อเยื่อต่อไป Articoll
สามารถใช้ฉีดร่องแก้ม ริมฝีปาก แผลเป็น 


          •2.Dermalive Dermalive เป็นสาร methylmethacrylate
เช่นเดียวกับ Articoll แต่แขวนลอยอยู่ในไฮยาลูแรน
โดยที่ไฮยาลูแรนจะเป็นตัวพาอาคิเลตเข้าไปในเนื้อเยื่อแล้วจะสลายไป โดยที่อาคิเลตจะยังคงอยู่ในเนื้อเยื่อต่อไป 


          •3.Bioplast เป็นซิลิโคนขนาดเล็ก แขวนลอยอยู่ในสาร Polyvinylpyrrolidone hydrogel
หลังการฉีด hydro gel จะถูกดูดซึมไปใน 4 สัปดาห์ ซิลิโคนจะถูกจับโดยคอลลาเจนของร่างกาย 


          •4.Aquamid ด้วย 2.5% polyacrylamide และน้ำ 97.5% R Amazing gel
เป็นสาร polyacrylamide เป็นสารที่ใช้ฉีดมีผลถาวร มีการผลิตในประเทศจีน ใช้ฉีดใบหน้าและหน้าผาก 


          •5.Radiance เป็น Hydroxyapatite สารที่เป็นไขมันและกระดูก
และมีการนำมาใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกมานาน โดยทั่วๆ ไป Radiance สามารถอยู่ได้นานประมาณ 3-6 ปี


สารสงเคราะห์เลียนแบบธรรมชาติ ได้แก่ 

          •1.Scaptra หรือ Newfill เป็น synthetic poly lactic acid
เป็นสารกลุ่ม polylaclic acid ในยุโรปได้มีการใช้ฉีดใบหน้าและลดริ้วรอยในปัจจุบัน
FDA สหรัฐอเมริกาได้ประกาศให้ scaptra สามารถใช้ฉีดโดยถูกกฎหมายในคนไข้ที่ติดเชื้อเอชไอวี แล้วมีใบหน้าตอบ 


          •2.ซิลิโคนเหลว


 





สร้างโดย: 
ขนิษฐา ลิ้มธีรภัค sss26760










Free TextEditor


Create Date : 02 มิถุนายน 2552
Last Update : 2 มิถุนายน 2552 10:55:07 น. 3 comments
Counter : 603 Pageviews.

 
มีประโยชน์จังค่ะ
ปล.สีตัวหนังสือมันอ่านแล้วปวดตาไปนิดนึง
อ่านจบมึนเลย


โดย: futomomo วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:11:17:30 น.  

 
55+
ขอบคุณค่ะ

แต่เราเปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีอื่นไม่เป็นอะค่ะ

ใครรู้บอกหน่อยสิ

^0^


โดย: Kang chunsa วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:17:49:56 น.  

 
น่ากลัวจังเลย


โดย: ทาทา IP: 58.147.54.60 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:14:44:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กวางน้อยน่ารัก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add กวางน้อยน่ารัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.