|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
หัวใจแห่งโยคะ ... 2
หัวใจ แห่งโยคะ : ค้นหาท่วงท่าและมรรคาเฉพาะตัว ผู้เขียน ที.เค.วี. เทสิกาจารย์ ผู้แปล ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์
เล่มนี้วางแผงมานานมากแล้ว ซื้อมาอ่านไปรอบแรก คราวนั้นเมื่อฝึกฝนโยคะใหม่ใหม่, หนนี้นำมาอ่านอีกรอบ ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้รู้อะไรได้มากขึ้น ชัดเจนขึ้น กระนั้นก็ยังเหลืออีกมากมายที่ต้องศึกษา... คัดลอกส่วนที่โดนโดนมาเก็บไว้ อาจไม่ใช่เนื้อหาสำคัญหรือใช่ อันนี้ไม่ทราบ แต่ว่ามันโดนใจและคิดว่าสำคัญ...อย่างน้อยสำหรับผมเอง พอได้กลับมาอ่าน มาทวน หวังว่าเวลาจะไม่เสียเปล่า คงเก็บอะไรได้เพิ่มขึ้น...
บทที่ 1 โยคะ : แนวคิดและความหมาย
การลงมือฝึกโยคะจริงๆ จะนำแต่ละคนไปในทิศทางที่แตกต่างกัน การก้าวไปบนวิถีของโยคะนั้น ไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีความคิดที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับพระเจ้า
สิ่งจำเป็นในการฝึกโยคะมีเพียงแค่ ขอให้เรากระทำและจดจ่อกับการการทำของเรา
หนังสือหรือชั้นเรียนโยคะมักทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าจะต้องมีข้อปฏิบัติก่อนที่จะศึกษาโยคะ... ข้อปฏิบัติเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมก็ต่อเมื่อมันเริ่มจากภายในตัวเราและมันอาจเป็นผลของการฝึกโยคะ แต่จะไม่น่าชื่นชมถ้าเป็นการเรียกร้องจากภายนอก
ยกตัวอย่างเช่น คนที่สูบบุหรี่หลายคนเลิกสูบบุหรี่หลังจากเริ่มฝึกโยคะ ผลจากการฝึกโยคะทำให้พวกเขาไม่ต้องการสูบบุหรี่อีกต่อไป พวกเขาไม่ได้เลิกสูบบุหรี่เพื่อที่จะฝึกโยคะ
เราเริ่มต้นจากจุดที่เราเป็นและอย่างที่เราเป็น แล้วอะไรจะเกิดก็เกิด
บทที่ 3 หลักของการฝึกอาสนะ
ในการฝึก เราจดจ่อกับร่างกาย ลมหายใจ และจิตใจ
จุดมุ่งหมายของโยคะอยู่ที่การหลอมรวมการกระทำของทั้งสามอย่างเข้าด้วยกัน ส่วนใหญ่แล้วคนจะมองว่าโยคะคือการฝึกฝนทางร่างกาย พวกเขาไม่ค่อยสังเกตว่าเขาหายใจอย่างไร เขารู้สึกถึงลมหายใจอย่างไร และเขาประสานการการหายใจของเขากับการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างไร พวกเขามองเพียงแค่ความยืดหยุ่นและความอ่อนตัวเท่านั้น บางคนอาจจะอยากรู้ว่าเขาสามารถฝึกอาสนะได้กี่ท่า หรือสามารถค้างในท่ายืนด้วยศีรษะได้นานกี่นาที
สิ่งสำคัญยิ่งกว่ารูปลักษณ์ภายนอกเหล่านี้อยู่ที่ว่า เรารู้สึกถึงท่วงท่าและลมหายใจอย่างไร
อาสนะคืออะไร? คำว่า อาสนะ แปลว่า “ท่วงท่า” โยคสูตรของปตัญชลีอธิบายว่าอาสนะมีคุณลักษณะสำคัญ 2 อย่างคือ สถิร และ สุขะ
สถิระ คือความมั่นคงและตื่นตัว ส่วนสุขะ หมายถึงความสามารถที่จะอยู่ในท่วงท่าหนึ่งๆ ได้อย่างสบาย ในขณะฝึกท่าใดก็ตาม ควรจะให้มีคุณสมบัติทั้งสองอย่างนี้อย่างเท่าเทียมกัน และคุณสมบัติทั้งสองอย่างนี้ ควรจะมีอยู่ในช่วงเวลาที่ยาวนานพอสมควร ถ้าปราศจากคุณสมบัติทั้งสองอย่างนี้ถือว่าไม่มีอาสนะ ...เริ่มต้นจากที่เราเป็น
การฝึกท่วงท่าต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปจะทำให้เราค่อยๆ เริ่มมีความมั่นคง ตื่นตัว และเหนือสิ่งอื่นใดคือเข้าถึงความสบายได้มากขึ้น
ถ้าเราต้องการทำให้หลักการฝึกอาสนะนี้กลายเป็นจริง เราจะต้องยอมรับตัวเราอย่างที่เราเป็น ถ้าเราเป็นคนหลังตึงเราจะต้องยอมรับความจริงตรงนี้ อาจเป็นไปได้ว่าเรามีร่างกายที่ยืดหยุ่นมากแต่กลับมีลมหายใจที่สั้น หรือลมหายใจของเราอาจจะเป็นปรกติแต่ร่างกายกลับมีปัญหาบางอย่าง หรือเราอาจรู้สึกสบายในการฝึกอาสนะหนึ่งๆ ในขณะที่จิตใจไปอยู่ที่อื่นโดยสิ้นเชิง นี่ก็ไม่ใช่อาสนะเหมือนกัน
เราจะค้นพบคุณสมบัติที่จำเป็นต่ออาสนะได้ก็ต่อเมื่อ เราตระหนักในจุดเริ่มต้นของเราและเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน
การประสานลมหายใจกับการเคลื่อนไหว
โยคะเป็นการฝึกที่ใช้การหายใจ พอๆ กับที่ใช้ร่างกาย คุณภาพของการหายใจของเรามีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมันแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกข้างในของเรา
การสำรวจสภาพของร่างกาย ณ ขณะหนึ่งๆ ทำได้โดยการเคลื่อนไหวแขน ขา ลำตัว เช่นเราแนะนำให้กลุ่มคนที่เริ่มฝึกโยคะยกแขนขึ้นและลดแขนลง จากนั้นถามว่า “การเคลื่อนไหวแขนทำให้หลังยืดขึ้นเป็นหลัก หรือส่วนอื่นของร่างกายถูกยืดขึ้นมากกว่า” บางคนจะบอกว่าการเคลื่อนไหวทำให้หลังยืดขึ้น บางคนจะสังเกตว่าไหล่จะถูกยืดขึ้นมากกว่า
เหตุผลที่แต่ละคนมีประสบการณ์ที่แตกต่าง เนื่องจากการเคลื่อนไหวหลักๆ บางอย่างมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันในแต่ละคน คนที่หลังตึงจะพบว่าแรงทั้งหมดที่ใช้ในการเริ่มต้นยกแขนมาจากไหล่ ในขณะที่คนที่ยืดหยุ่นกว่าจะสังเกตว่า การเคลื่อนไหวจะเริ่มจากสะบักส่วนที่ใกล้กับกระดูกสันหลัง
การสังเกตร่างกายด้วยวิธีนี้เป็นขั้นแรกในการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความเคยชินในการเคลื่อนไหวและท่าทางที่ไม่สบายหรือไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุของความตึงและในที่สุดจะไปขัดขวางการไหลเวียนของพลังชีวิตในร่างกาย
ตามปรกติเรามักไม่ค่อยมีสติอยู่กับลมหายใจ มันเป็นกระบวนการที่เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ และเราทำมันโดยไม่ต้องใช้ความตั้งใจหรือกำลัง
การหายใจและการเคลื่อนไหวจะประสานสัมพันธ์กันได้ จิตใจขอเราต้องเฝ้าตามการประสานนั้นอย่างตั้งใจ เมื่อเราทำเช่นนี้ การหายใจเข้าและหายใจออก จะไม่เป็นไปโดยอัตโนมัติอีกต่อไป แต่จะเป็นกระบวนการที่มีสติ
การค้นพบการประสานกันอย่างเป็นธรรมชาติระหว่างลมหายใจกับการเคลื่อนไหวเป็นแง่มุมที่สำคัญที่สุดของการฝึกอาสนะ
การหายใจซึ่งถูกควบคุมอย่างตั้งใจจะสนับสนุนและส่งเสริมประสานกันอย่างเป็นธรรมชาติระหว่างลมหายใจกับการเคลื่อนไหว ตัวอย่างเช่น เวลาทีเราหายใจออกอย่างเป็นธรรมชาติ กระดูกซี่โครงจะยุบลงในขณะที่กระบังลมยกขึ้น และส่วนหน้าของท้องจะหดเข้าไปหากระดูกสันหลัง การเคลื่อนไหวอย่างเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการก้มตัว คือกระดูซี่โครงยุบลงและท้องจะหดเข้าหากระดูกสันหลัง เพราะฉะนั้นเพื่อที่จะเน้นการหายใจตามธรรมชาติ เราจะหายใจออกในทุกท่วงท่าที่มีการเคลื่อนไหวแบบก้มตัวมาข้างหน้าเป็นหลัก
ในท่าที่แอ่นตัวไปข้างหลัง การเคลื่อนไหวของกระดูกซี่โครงทำให้หน้าอกยกขึ้นและทำให้กระดูกสันหลังแอ่นไปข้างหลัง โดยการตั้งใจให้การแอ่นตัวไปข้างหลังประสานกับการหายใจเข้า จะทำให้การเคลื่อนไหวง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น (ตรงกันข้ามกับท่าก้มตัวมาข้างหน้า ซึ่งจะทำเฉพาะในขณะหายใจออกเท่านั้น ท่าแอ่นตัวไปข้างหลังบางท่าเรามีอิสระที่จะหายใจออกหรือเข้าก็ได้)
การบิดตัวก็เชื่อมโยงอย่างมากกับแบบแผนการหายใจเช่นเดียวกัน ในขณะที่กระดูกสันหลังและกระดูกซี่โครงบิดตัว ช่องว่างระหว่างกระดูกจะลดลงและบริเวณช่องท้องจะถูกกดเล็กน้อย ในขณะเดียวกันกระบังลมจะยกขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราประสานการบิดตัวในช่วงแรกเข้ากับการหายใจออก เท่ากับเรากำลังปฏิบัติตามแบบแผนการหายใจอย่างเป็นธรรมชาติ
กฎเกณฑ์ในการประสานการหายใจและการเคลื่อนไหวที่จริงแล้วเป็นเรื่องง่าย เมื่อใดที่เราหดร่างกายลงให้หายใจออก และเมื่อเราขยายร่างกายออกให้หายใจเข้า มีข้อยกเว้นในกรณีที่เราต้องการให้เกิดผลบางอย่างในการฝึกอาสนะโดยการสลับวิธีหายใจตามธรรมชาติ
...เราไม่ควรเพียงแค่หายใจเข้าออกโดยไม่ใส่ใจ แต่ต้องให้การหายใจเป็นตัวเริ่มต้นการเคลื่อนไหว ความยาวของลมหายใจจะเป็นตัวกำหนดความเร็วของการเคลื่อนไหว ในไม่ช้าการเชื่อมโยงระหว่างลมหายใจและการเคลื่อนไหวจะค่อนข้างเป็นธรรมชาติไปเอง
การสูญเสียความใส่ใจจดจ่อ จะทำให้การฝึกของเรากลายเป็นกลไก ซึ่งเท่ากับว่าเราไม่ได้กำลังฝึกโยคะอีกต่อไป
ลมหายใจคือปัญญาของร่างกาย ไม่ว่าเราจะทำอาสนะได้สวยงามเพียงใดหรือร่างกายของเรายืดหยุ่นแค่ไหน ถ้าเราไม่สามารถประสานร่างกาย ลมหายใจ และจิตใจเข้าด้วยกันได้ เราไม่อาจกล่าวอ้างว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นเป็นโยคะได้
ถึงที่สุดแล้วโยคะคืออะไรหรือ? มันคืออะไรบางอย่างที่เรารู้สึกอยู่ภายใน ลึกลงไปในตัวเรา โยคะไม่ใช่ประสบการณ์ภายนอก โยคะสอนให้เราพยายามใส่ใจทุกอย่างที่เรากระทำ โยคะแตกต่างจากการเต้นรำหรือการแสดง ในโยคะเราไม่ได้สร้างหรือทำอะไรบางอย่างให้คนดู
ในการทำอาสนะต่างๆ เราสังเกตสิ่งที่เรากำลังทำและสังเกตว่าเราทำมันอย่างไร เราทำเพื่อตัวเราเองเท่านั้น... ถ้าเราไม่ใส่ใจกับตัวเราขณะที่ฝึก เราไม่อาจเรียกมันว่าโยคะได้
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
4 comments |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 15:48:31 น. |
Counter : 1497 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: nulaw.m 15 กุมภาพันธ์ 2553 20:51:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: nulaw.m 15 กุมภาพันธ์ 2553 20:56:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: nulaw.m 15 กุมภาพันธ์ 2553 22:12:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: Aunty 29 พฤษภาคม 2559 8:21:19 น. |
|
|
|
|
|
|
ลิงจอม ทะเล้น
หัวหอม จอมซ่า
กระต่ายจอม กวน
(no practice / rest days)
|
|
|
|
|
|
|
อิอิ เดี๋ยวรู้เนอะ