|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
หัวใจแห่งโยคะ ... 1
หัวใจ แห่งโยคะ : ค้นหาท่วงท่าและมรรคาเฉพาะตัว ผู้เขียน ที.เค.วี. เทสิกาจารย์ ผู้แปล ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์
เล่มนี้วางแผงมานานมากแล้ว ซื้อมาอ่านไปรอบแรก คราวนั้นเมื่อฝึกฝนโยคะใหม่ใหม่, หนนี้นำมาอ่านอีกรอบ ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้รู้อะไรได้มากขึ้น ชัดเจนขึ้น กระนั้นก็ยังเหลืออีกมากมายที่ต้องศึกษา... คัดลอกส่วนที่โดนโดนมาเก็บไว้ อาจไม่ใช่เนื้อหาสำคัญหรือใช่ อันนี้ไม่ทราบ แต่ว่ามันโดนใจและคิดว่าสำคัญ...อย่างน้อยสำหรับผมเอง พอได้กลับมาอ่าน มาทวน หวังว่าเวลาจะไม่เสียเปล่า คงเก็บอะไรได้เพิ่มขึ้น...
คำนำผู้แปล
สมัยที่อยู่กับครู ครูมักพูดเสมอว่าการฝึกโยคะไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวที่ใช้กับทุกๆ คนได้ ถึงแม้ว่าแบบแผนและแนวทางโดยกว้างๆ จะเหมือนกัน
อีกประเด็นหนึ่งที่ครูมักย้ำเสมอก็คือ มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะฝึกอาสนะได้มากมายหลายท่วงท่า หรือคุณจะทำท่าได้งดงามสมบูรณ์เพียงใด สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า ทุกๆ การเคลื่อนไหวและทุกๆ ลมหายใจในขณะฝึกโยคะ ร่างกาย ลมหายใจและจิตใจจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน นี่คือความหมายที่แท้จริงของโยคะในแง่ของการฝึกอาสนะและปราณายามะ
อีกอย่างหนึ่งที่ครูมักย้ำเสมอคือ การฝึกโยคะที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่างคือ สบายและมั่นคงทั้งร่างกายและจิตใจ สบายและมั่นคงทั้งในอาสนะแต่ละท่าและตลอดการฝึกทุกครั้ง
บทนำ
กฤษณมาจารยาสอนว่าการบรรลุในแขนงหรือแง่มุมทั้งแปดของโยคะไม่ได้เป็นไปในแบบทีละขั้น แต่จะบรรลุไปพร้อมกัน โยคะแยกคำว่า สาธนา ซึ่งแปลว่า “สิ่งที่เราสามารถฝึกได้” กับคำว่า สิทธิ ซึ่งหมายถึง “สิ่งที่ได้รับมา”
มีบางแง่มุมของโยคะที่เราสามารถตั้งใจฝึกฝนได้ แต่บางแง่มุมจะเป็นผลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการฝึกของเรา
สิ่งที่ฝึกฝนได้นั้นได้แก่ท่วงท่าของร่างกายและการฝึกหายใจ ส่วนแง่มุมอื่นๆ ของโยคะจะเป็นผลจากการฝึกเหล่านี้
คนที่ฝึกท่วงท่าและฝึกหายใจเล่าว่าจิตใจแจ่มใสขึ้น ความคิดฟุ้งซ่านน้อยลงและมีพลังมากขึ้น มีความรู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างตัวเองกับสิ่งแวดล้อม และความรู้สึกอื่นๆ ซึ่งบางคนบรรยายว่าเป็นความรู้สึกของความเป็นหนึ่งเดียว
แขนงทั้งแปดของโยคะพัฒนาไปพร้อมกัน อันเป็นผลจากการฝึกท่วงท่าและการหายใจอย่างเหมาะสม ภายใต้คำแนะนำของครูผู้มีความรู้
พูดอีกอย่างหนึ่ง เป้าหมายของโยคะคือความสงบไม่ใช่พลัง การฝึกที่มุ่งจะเสริมสร้างพลังโดยปราศจากความสงบ อาจจะมีผลในทางทำลายได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีคำเตือนอยู่เสมอว่าไม่ควรฝึกเทคนิคโยคะต่างๆ โดยไม่มีคำแนะนำอย่างต่อเนื่องจากครูผู้เชี่ยวชาญ แม้แต่ในขั้นสุดท้ายของการเติบโตทางจิตวิญญาณ
ความสงบนั้นไม่อาจเข้าถึงได้โดยอาศัยพลัง แต่พลังเป็นผลจากความสงบ
ถาม : ผมอยากจะพูดถึงผลของการฝึกโยคะ ยมะและนิยมะ ดูจะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและเป็นทัศนะที่พึงปรารถนาในชีวิต แต่หลายคนบอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงและปฏิบัติตามข้อแนะนำเกี่ยวกับยมะและนิยมะ พวกเขาโอดครวญว่าเราซึ่งเป็นมนุษย์ไม่สามารถบรรลุถึงการปฏิบัติเหล่านี้ได้
ตอบ : พูดกันอย่างตรงไปตรงมา คุณสมบัติเหล่านี้เป็นความสามารถที่แฝงเร้น และคนคนหนึ่งอาจจะมีคุณสมบัติเหล่านี้มากกว่าอีกคน
โยคะเป็นเหมือนเครื่องช่วยดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเราออกมา บางคนที่มีแนวโน้มเข้ากับคนง่าย โยคะจะช่วยดึงคุณสมบัตินี้ออกมา สำหรับคนอื่นๆ อาจจะไม่มีแนวโน้มแบบนี้ในระดับที่เท่ากัน ผมรู้จักบางคนที่ฝึกโยคะมามาก รวมทั้งเปลี่ยนการกินอาหารและฝึกสมาธิ แต่ก็ยังเป็นคนที่ไร้ความรู้สึกถึงขนาดเห็นแก่ตัวด้วยซ้ำ บางคนก็เป็นครูโยคะด้วย ในขณะที่อีกหลายคนปฏิบัติสิ่งง่ายๆ ไม่กี่อย่างในโยคะ แต่ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพราะฉะนั้น โยคะจึงเป็นเครื่องช่วยซึ่งเรียกเป็นภาษาสันสกฤตว่า นิมิตตะ การมีสิ่งนี้อยู่จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในแต่ไม่เป็นที่สังเกต อย่างไรก็ตาม มันสามารถดึงเฉพาะสิ่งที่มีอยู่แล้วเท่านั้น ครูที่ดีจะดึงคุณสมบัติเหล่านี้ออกมาได้ ไม่ว่าจะมีความสามารถซ่อนเร้นอยู่น้อยนิดแค่ไหน แต่ถ้ามันไม่มีอยู่ ก็ไม่มีอะไรจะดึงออกมาได้
ถาม : คุณสมบัติในยมะและนิยมะจะเกิดขึ้นในฐานะที่เป็นผลจากการฝึกโยคะมากกว่าที่เป็นการดิ้นรนในการเปลี่ยนแปลงใช่ไหม?
ตอบ : การดิ้นรนนั้นขัดแย้งกับยมะและนิยมะ ถ้าความสามารถที่ซ่อนเร้นมีอยู่ โยคะจะเป็นเครื่องช่วยไปสู่การเติบโต การดิ้นรนจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ถาม : มีคนพูดว่าโยคะเป็นงานที่ยาวนานและยากลำบากไปสู่การบรรลุเป้าหมาย คุณคิดอย่างไร
ตอบ : มันขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายคืออะไร บ่อยครั้งที่คนฝึกโยคะด้วยเหตุผลง่ายๆ และพัฒนาไปมากขึ้นโดยการฝึกไปทีละขั้น แต่ละขั้นก็เป็นที่น่าพอใจได้ โดยเหมาะกับจุดที่แต่ละคนอยู่ อย่างที่พ่อผมพูด ถ้าคุณก้าวไปทีละก้าว มันจะไม่มีปัญหาอะไร จงเพลิดเพลินพอใจกับแต่ละก้าวนั้น การพยายามก้าวทีละหลายขั้นจะทำให้เกิดปัญหา
ถาม : ใครๆ ก็สามารถฝึกโยคะได้?
ตอบ : ใครก็ตามที่ต้องการฝึกสามารถฝึกได้ ทุกคนสามารถหายใจได้ เพราะฉะนั้นทุกคนสามารถฝึกโยคะได้ แต่ไม่มีใครสามารถฝึกโยคะทุกแบบได้ ควรจะเป็นโยคะที่เหมาะสำหรับคนคนนั้น
คุรุ ไม่ใช่คนที่มีผู้ตาม คุรุ คือคนที่สามารถชี้ทางให้ผมได้
สมมุติว่าผมเข้าไปในป่าและเกิดหลงทางขึ้นมา ทีนี้ผมเจอใครคนหนึ่งและถามเขาว่า “ช่วยบอกทางกลับบ้านให้ผมหน่อยได้ไหม?” คนคนนั้นอาจจะพูดว่า “ได้สิ คุณไปทางนี้นะ” ผมก็บอกว่า “ขอบคุณครับ” แล้วผมก็ไปตามทาง นี่คือ คุรุ
ในโลกปัจจุบันนี้มีภาพว่า คุรุคือคนที่มีผู้ตามและศิษย์จะปฏับัติตามเขา นี่มิใช่สิ่งที่ดี
คุรุ ที่แท้จริงจะชี้ทางให้คุณ คุณก็ไปตามทางนั้น จากนั้นคุณก็ไปตามทางของคุณเองเพราะคุณรู้จักสถานที่ของคุณ
ผมสามารถขอบคุณครูของผมและพอใจในความสัมพันธ์นี้ แต่ผมไม่จำเป็นต้องติดตามเขาไปทุกแห่ง เพราะผมจะไม่ได้อยู่ในที่ทางของผม การตามไปถึงจุดหมายปลายทางของคุรุเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณสูญเสียตัวเอง
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 7:56:56 น. |
Counter : 772 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 13 กุมภาพันธ์ 2553 20:07:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: Mining 74 13 กุมภาพันธ์ 2553 21:49:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 15 กุมภาพันธ์ 2553 9:22:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 15 กุมภาพันธ์ 2553 9:26:00 น. |
|
|
|
|
|
|
ลิงจอม ทะเล้น
หัวหอม จอมซ่า
กระต่ายจอม กวน
(no practice / rest days)
|
|
|
|
|
|
|
ตอนคุณแำพทแปะนั่น ผมกำลังเริ่มต้นคลาสโยคะครับ
ออกจากบ้านตอนห้าโมงครึ่ง 15 นาทีก็ถึงแล้ว เตรียมตัววอร์มอีกหน่อย ก็เริ่มคลาสตอนหกโมงเย็นครับ
...กินน้อยไป ไม่ดีนะครับ กินให้ปริมาณสม่ำเสมอถ้าจะลดก็ิไม่ต้องมาก ค่อยค่อยปรับไป เน้นเช้า เี่ที่ยงครับ
...น้ำอัดลมลองเปลี่ยนมากินพวกไม่มีน้ำตาลซิครับ ใหม่ใหม่รสชาดอาจสู้แบบมีน้ำตาลไม่ได้ แต่มันก็ทำให้หายอยากไปได้เหมือนกันครับ
...ออกกำลังต้องออกสม่ำเสมอครับ ถึงจะเห็นผล แม้ว่าผลมันเกิดแต่แรกแล้วก็ตาม แต่มันน้อยครับ ของพวกนี้ต้องใช้เวลาเราจะเห็นผลของมันชัดขึ้น
ตั้งใจครับ หาแนวที่ตรงใจเรา ...ใหม่ใหม่ไม่ชินก็คร้านเป็นเรื่องธรรมดา
ทำอะไรทำ ให้ชิน แล้วมันจะเป็นเรื่องธรรมดามากมากครับของชีวิต
มีความสุขวัน เสาร์ครับ