|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Light on Life ... 3
ประทีปแห่งชีวิต : การเดินทางสู่ความเปี่ยมเต็ม ความสงบภายใน และอิสรภาพสูงสุด โดย BKS Iyengar แปล ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์
ผมเคยคัดย่อบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาสนะ มาลงบล็อกเก่าไว้แล้ว วันนี้บล็อกเก่าจากไป จึงถือโอกาสนำบางส่วนจากหนังสือมาลงไว้ที่บล็อกใหม่ เป็นส่วนที่เกี่ยวกับอาสนะเท่านั้นครับ
ความสมดุล : ความเท่าเทียมคือความกลมกลืน
เราสามารถเริ่มต้นพัฒนาความสมดุลอันหมดจด ระหว่างร่างกายทั้งสองข้างโดยอาศัยโยคะ เราทุกคนเริ่มต้นจากความไม่สมดุล เมื่อข้างหนึ่งตื่นตัวกว่าอีกข้าง ข้างที่ตื่นตัวจะต้องเป็นครูให้กับข้างที่ไม่ตื่นตัว เพื่อทำให้ข้างนั้นตื่นตัวทัดเทียมกัน สำหรับข้างที่อ่อนแอกว่าเราต้องให้ความใส่ใจ ในขณะที่ชื่นชมความสำเร็จของข้างที่กระฉับกระเฉง
ความเจ็บปวด : ค้นหาความสบายในความไม่สบาย
ในห้องเรียนโยคะ นักเรียนหลายคนคิดว่า พวกเขาต้อง “กัดฟันทน” จนกว่าครูจะบอกให้ออกจากอาสนะได้ นี่คือการมองโยคะว่าเป็นการเพาะกายซึ่งเป็นทัศนคติที่ผิด ความเจ็บปวดเกิดขึ้นเพื่อเป็นครูของเรา
อาสนะช่วยให้เราบ่มเพาะความอดทนในร่างกายและจิตใจ เพื่อให้เราสามารถแบกรับความเครียดและความกดดันได้ง่ายขึ้น กล่าวอีกอย่างว่าความพยายามและความเจ็บปวดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นส่วนสำคัญของสิ่งที่อาสนะสามารถสอนเรา
ความทนทานเป็นสิ่งที่จำเป็นในการค้างอยู่ในอาสนะ จะมีความเจนจัดในอาสนะได้ คุณต้องมีความอดทนและมีวินัย อาสนะไม่ได้มาด้วยการวางสีหน้า
วิธีการทำให้เกิดการพักในท่วงท่า นั่นคือเราต้องสร้างความผ่อนคลาย แม้ในขณะที่มีความตึงในระดับที่เหมาะสม เริ่มได้ด้วยการปลดปล่อยความเครียดที่อยู่ในขมับและในเซลล์สมอง ซึ่งทำได้โดยการผ่อนคลายดวงตาและขมับ สมองที่ผ่อนคลาย จะช่วยปลดปล่อยความเครียดของเส้นประสาทและกล้ามเนื้ออีกที
นี่เป็นวิธีที่คุณสามารถเปลี่ยนความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้ ให้กลายเป็นความเจ็บปวดที่สามารถทนได้ ซึ่งจะทำให้คุณมีเวลาและช่องว่าง ที่จะเกิดความเจนจัดในอาสนะและขจัดความเจ็บปวดทั้งหมดได้ในที่สุด
ความเจ็บปวดเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อร่างกายไม่เข้าใจวิธีทำอาสนะเท่านั้น ซึ่งจะเป็นในกรณีที่เริ่มฝึกใหม่ๆ ในท่วงท่าที่ถูกต้องจะไม่มีความเจ็บปวด จะเรียนรู้ท่วงท่าที่ถูกต้อง ไม่มีหนทางอื่นนอกจากการเผชิญกับความเจ็บปวด
ดังนั้นเป้าหมายจึงอยู่ที่การทำอาสนะโดยใช้สติปัญญาอย่างเต็มที่และด้วยความรัก จะทำเช่นนี้ได้เราต้องเรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างความเจ็บปวดที่ “ถูก” กับความเจ็บปวดที่ “ผิด”
ความเจ็บปวดที่ถูกไม่เพียงแต่สร้างสรรค์เท่านั้น หากยังน่าตื่นเต้นและท้าทายอีกด้วย ในขณะที่ความเจ็บปวดที่ผิดก่อให้เกิดผลเสียและทำให้เจ็บปวดทรมาน ความเจ็บปวดที่ถูกเป็นไปเพื่อการเติบโตของเราและเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตวิญญาณ ปรกติความเจ็บปวดที่ถูกจะเป็นความรู้สึกที่ค่อยๆ ยาวขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเราต้องแยกให้ออกจากความเจ็บปวดที่ผิด ซึ่งมักเป็นสัญญาณเตือนที่รุนแรงและฉับพลัน ที่ร่างกายพยายามบอกเราว่า เราไปไกลเกินกว่าขีดความสามารถในปัจจุบันแล้ว
ความท้าทายของโยคะคือ การไปพ้นจากข้อจำกัดของเรา อย่างมีเหตุมีผล เราขยายกรอบของจิตใจออกไปเรื่อยๆ โดยใช้ผืนผ้าใบของร่างกาย... หากการฝึกในวันนี้ทำลายการฝึกของวันพรุ่ง แสดงว่ามันเป็นการฝึกที่ผิด
ครูโยคะหลายคนบอกให้คุณทำอาสนะอย่างสบายๆ โดนไม่ให้มีความตึงเลยหรือไม่มีการออกแรงอย่างแท้จริง วิธีนี้จะทำให้ผู้ฝึกตกอยู่ภายในขีดจำกัดของจิตใจของตัวเอง อยู่กับความหวาดกลัว ความยึดติด และอยู่กับความจำกัดคับแคบ
ปราศจากความตึงในระดับที่เหมาะสม เราจะไม่มีทางสัมผัสได้ถึงอาสนะที่แท้จริง และจิตใจก็จะยังคงอยู่ภายในขีดจำกัดของมัน โดยไม่ยอมออกไปจากพรมแดนที่มันอยู่
ทำให้สมบูรณ์ : จงมีความสุขเสมอ กับความก้าวหน้าแม้เพียงเล็กน้อยที่สุด
ขอให้ตั้งเป้าหมายไว้ที่การไปให้ถึงความสมบูรณ์ ทว่าจงพอใจกับความก้าวหน้าเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งนำไปสู่ความสมบูรณ์ทุกๆ วัน ความทะเยอทะยานที่สูงเกินไปอาจบ่อนทำลายความก้าวหน้าที่ยั่งยืนได้
ถึงที่สุดแล้วความสมบูรณ์สถิตอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น...
เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถใฝ่ฝันถึงความสมบูรณ์ และความฝันนี่เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราพัฒนารุดหน้าไป
ทำอย่างสุดความสามารถ ในขณะที่พยายามขยายขีดความสามารถของคุณออกไปเสมอ ทำให้ชำนาญ จากนั้นขยายออกไปอีก
ความสำเร็จจะมาสู่ผู้ที่ลงมือปฏิบัติ ความสำเร็จในโยคะหาได้มาจากการอ่านคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น คัมภีร์เหล่านี้เป็นเครื่องช่วยเหลือที่จำเป็นอย่างยิ่ง แต่หากปราศจากการปฏิบัติมันจะเป็นเพียงทฤษฎี... กระทั้งปตัญชลีซึ่งถือกำเนิดมาเป็นคุรุเทพยังกล่าวว่า ผู้ฝึกจะมีความชำนาญในโยคะก็ด้วยการปฎิบัติอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นเท่านั้น
เมื่อคนสวนหว่านเมล็ด เขาคาดหวังจะมีผลในทันทีเหรอ? แน่นอนว่าไม่ เขาจะรดน้ำและเฝ้าดูมันทุกวันและรู้สึกเป็นสุขที่ได้มองดูมันเติบโต เราควรปฏิบัติกับร่างกายในทำนองเดียวกัน เรารดน้ำให้แก่การฝึกอาสนะและปราณายามะด้วยความรักและเบิกบาน ที่ได้เห็นความก้าวหน้าเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่รู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน แต่เราไม่ได้พุ่งไปที่การประจักษ์แจ้ง เรารู้ว่าเมื่อการปฏิบัติของเราแก่กล้า แสงสว่างจะฉายฉาน ความอดทนผนวกกับการฝึกอย่างมีวินัย จะนำมาซึ่งเจตจำนงที่เราปรารถนา
ความจำมีบทบาทหน้าที่ในการฝึกอาสนะ คือทำให้เราเปรียบเทียบการฝึกของเมื่อวานกับวันนี้ เพื่อให้เราเห็นว่าเราก้าวหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ แต่ผู้คนจำนวนมากทำซ้ำในสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มาในอดีต และการฝึกอาสนะของพวกเขากลับกลายเป็นกลไก ซึ่งทำให้ร่างกายและจิตใจชะงักงัน อาสนะไม่ใช่ท่วงท่าที่สามารถทำอย่างเป็นกลไกได้ หากต้องอาศัยความคิด
จงอย่าทำซ้ำ การกระทำซ้ำซากจะทำให้จิตใจเฉื่อยชา คุณต้องมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นใส่ใจในสิ่งที่กำลังทำอยู่
อย่าปล่อยให้ประสบการณ์ในอดีตฝังอยู่ในจิตใจของคุณ จงปฏิบัติอาสนะแต่ละครั้ง ด้วยจิตใจที่สดชื่นและด้วยวิธีการที่สดใหม่
ถ้าคุณทำซ้ำในสิ่งที่คุณเคยทำมาก่อน แสดงว่าคุณกำลังอยู่ในความทรงจำหรืออยู่ในอดีต นั่นหมายถึงว่าคุณไม่ต้องการที่จะก้าวพ้นไปจากประสบการณ์ในอดีต ความจำต้องถูกใช้เป็นแรงกระตุ้นจากจุดที่คุณถามตัวเองว่า “ฉันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่ทำไปเมื่อวานนี้บ้าง”
ตามปรกติแล้วเมื่อผู้ฝึกมีความเชี่ยวชาญในอาสนะหนึ่งๆ อาสนะนั้นจะไม่น่าสนใจอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้คุณจึงเห็นผู้คนมากมายทำแบบเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างเป็นกลไก โดยที่จิตใจของเขาอยู่ที่อื่น มันเกิดจุดบอดขึ้น และคุณไม่สามารถดื่มด่ำในอาสนะได้ นี่ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง
เมื่อเราเชี่ยวชาญมากขึ้นและอาสนะเข้ามาสู่เรา มันจะเกิดแรงดึงดูดให้เราหยุดยั้งการฝึกอยู่ในขอบเขตของความพึงพอใจในความชำนาญของตัวเอง ข้าพเจ้าเรียกการฝึกแบบนี้ว่า “โภคโยคะ” หรือโยคะเพื่อความเพลิดเพลิน เราจะไม่ใช้กระจกแห่งสติปัญญาสะท้อนตัวเองเพื่อค้นหาและแก้ไขความสมบูรณ์อีกต่อไป แต่ใช้มันเพื่อเป้าหมายของความหยิ่งยโสในตัวเอง
โยคะเภตราจะลอยลำนิ่งอยู่ในเขตสงัดลม หากไม่มีลมให้เราแล่นเรือ
วิธีเดียวที่เราต้องทำก็คือพายเรือ นั่นหมายถึงคุณต้องกลับมาฝึกด้วยความกระตือรือร้น ความเพียร และบากบั่นอีกครั้งเพื่อสร้างความท้าทาย มีอะไรผิดพลาดหรือ? ฉันจะพัฒนาตรงไหนและอย่างไร? นี่คือการที่ไฟแห่งการฝึกฝน(ตบะ) จุดตะเกียงแห่งสติปัญญา และการเรียนรู้ด้วยตนเอง(สวาธยายะ) จะเริ่มต้นขึ้น
ถ้าเราพบว่าตัวเองอยู่ห่างหรือเหนือกว่าผู้อื่น บริสุทธิ์กว่าหรือสูงส่งกว่าด้วยโยคะ เราสามารถแน่ใจได้เลยว่าเรากำลังหยุดอยู่กับที่หรือกระทั่งไถลกลับไปสู่ภาวะของความไม่รู้
ทันทีที่คุณพูดว่า “ฉันได้มันแล้ว” เท่ากับคุณสูญเสียทุกสิ่งที่คุณมี ทันทีที่มีอะไรบางอย่างมา คุณต้องก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว ทันทีที่คุณพูดว่า “ฉันพอใจแค่นี้แหละ” นั่นหมายถึงว่าเกิดการชะงักงันขึ้นแล้ว นั่นคือจุดจบแห่งการเรียนรู้ของคุณ
คุณต้องทำให้ได้มากกว่าที่คุณคิดว่าตัวเองทำได้อีกเล็กน้อยเสมอ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ วิธีนี้จะนำไปสู่ความงดงามและความยิ่งใหญ่ในที่สุด
แค่นี้ครับ ในส่วนของอาสนะ
Create Date : 23 มกราคม 2553 |
|
32 comments |
Last Update : 23 มกราคม 2553 16:12:46 น. |
Counter : 964 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แพท IP: 203.144.144.165 25 มกราคม 2553 12:17:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 25 มกราคม 2553 15:51:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 25 มกราคม 2553 15:54:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 25 มกราคม 2553 18:03:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 26 มกราคม 2553 11:14:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: peeamp 26 มกราคม 2553 14:22:06 น. |
|
|
|
|
|
|
ลิงจอม ทะเล้น
หัวหอม จอมซ่า
กระต่ายจอม กวน
(no practice / rest days)
|
|
|
|
|
|
|
มาไม่ทันเจิม
ตอนคุณพี่อัพบล๊อคเรายังนอนหลับอุตุอยู่เลย