space
space
space
<<
กันยายน 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
space
space
6 กันยายน 2567
space
space
space

การให้...
วันพระก่อนไปวัดมาคะ...พระท่านเทศน์เรื่องการให้มาคะ...

มีนิทานเรื่องนึง...ครั้งก่อนพระท่านเล่าให้ฟัง...จำชื่อตัวละครไม่ได้คะเพราะเรียกยาก...จะเล่าคราวๆให้ฟังละกันนะคะ...





ที่เมืองหนึ่งมีพระราชาที่มีคุณธรรมสูงบรรลุอรหันต์แล้วแต่ยังไม่นิพพาน...

พระราชามีกุมาร  2  องค์  

วันหนึ่งมียักษ์ตนนึง...มากราบทูลของกุมารทั้ง 2 ไปเป็นอาหาร

พระราชาทรงเรียกกุมารทั้ง  2 มา...แล้วบอกเล่าความต้องการของยักษ์ให้กุมารฟัง...

พร้อมบอกกุมารว่าการให้ชีวิตแก่ยักษ์ครั้งนี้จะช่วยให้กุมารหลุดพ้นจากบ่วงทั้งหลายทางโลก...และเป็นหนทางถึงซึ่งจะเข้าใกล้นิพพานและดับทุกข์ในภพต่อไป

แต่พระราชาก็ไม่ได้บังคับกุมาร...บอกว่าแล้วแต่กุมารจะตัดสินใจ...พ่อจะตามใจ...

กุมารทั้ง  2  ด้วยความเป็นผู้มีบุญอยู่แล้ว...ก็บอกพ่อไปว่า...เรายินดีให้กายและชีวิตนี้แก่ยักษ์...

ผู้เป็นพ่อได้ยินดังนั้นก็มอบกุมารทั้ง  2  .ให้เป็นอาหารแก่ยักษ์  

จบ  (เล่าแบบจับใจความเอานะคะ  กระชับมาก  ฮ่า ฮา)




ขออนุญาตมาขยายความเรื่องการให้ชีวิตในนิทานเรื่องนี้...ในความเข้าใจของตัวเองก่อนนะคะ...เผื่อมีคนสงสัยว่า  หะ  ได้เหรอ  ให้ชีวิตได้เหรอ  

เอาละเผื่อมีคนสงสัยว่าการให้ชีวิตนั้น...ไม่เป็นบาปเหรอ...

ขออธิบายแบบที่เราเข้าใจนะ...ไม่อิงหลักอะไรมากมายให้ซับซ้อน...

ทางนี้เข้าใจว่า  (เน้นว่าเป็นความคิดของทางนี้นะไม่รู้ว่าถูกหรือผิดไหม)...อ่านไปก็ใช้วิจารณญานไปด้วยนะคะ

ทุกข์นั้นมีอยู่ทุกสภาวะ...ทั้งตอนเกิด...ตอนแก่...ตอนเจ็บ...และตอนตาย...และเราทุกคนก็หนีไม่พ้น...

เพราะงั้น...ที่บางคนไม่ได้กลัวความตาย...เพราะเค้าเข้าใจความตายและวัฎสงสาร...

คือไม่ว่าจะอยู่หรือตายก็หนีไม่พ้นทุกข์...ตกนรกก็ทุกข์...ขึ้นสวรรค์ก็ทุกข์...เกิดใหม่เป็นมนุษย์ก็หนีกันไม่พ้นทุกข์...การเวียนว่ายตายเกิดเลยเป็นเรื่องธรรมดาในมุมมองของคนกลุ่มนี้





มาคะ...มาทำความเข้าใจกับการเกิดทุกข์กันแบบง่ายๆตามระดับความสามารถของคนทางนี้ที่จะอธิบายได้กันคะ

การเกิด...การมีชีวิตก็หนีไม่พ้นความทุกข์...ทุกข์จากอารมณ์ต่างๆ...ไม่ว่าจะเป็นคร่ำครวญ...ร่ำไร...โมหะจริต...โลภ...อิจฉา...ทะเยอทะยาน...หวาดกลัวและอื่นๆ...

การแก่...และการเจ็บป่วย...ก็หนีไม่พ้นทุกข์...เพราะเกิดสังขารที่เสื่อมนำมาซึ่งความเจ็บป่วย...และอารมณ์ที่หมองเศร้า...หดหู่...ทกุข์จาการดิ้นรนรักษาสังขารให้ไม่เสื่อม  เป็นต้น

การตาย...ก็หนีไม่พ้นทุกข์...เพราะกลัว...กังวลกับโลกที่ไม่เคยพบเห็น...กลัวเนื่องมาจากความเชื่อที่เคยได้รับรู้มา

เพราะงั้น...สำหรับกุมารก็อาจจะคิดว่า...การสละทานที่มีค่านี้ให้ไป...เป็นทางเลือกการพาตัวเองดับซึ่งทุกข์อย่างนึง...ไม่ต้องทุกข์เพราะแก่...ไม่ต้องทุกข์เพราะเจ็บ...และเป็นการปลงไม่ยึดติดกับรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติที่มี...

หากไม่กังวลในโลกหลังความตาย...เข้าใจกฎแห่งกรรมและยอมรับและเข้าใจได้...การตายก็ไม่ใช่เรื่องแย่เพราะยังงัยกุมารทั้ง 2 (รวมทั้งเราทุกคน)ก็หนีไม่พ้น

กรรมดีและกรรมเลว...เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว...ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้...

จะย้อนกลับไปทำกรรมดีที่เคยทำไว้...ให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็ไม่ได้

จะย้อนกลับไปทำกรรมเลวที่เคยทำไว้ให้ลดน้อยลง  หรือไม่ทำ  ก็ไม่ได้แล้ว

ยังงัยแล้ว...สิ่งที่ทำไปก็จะส่งผลแน่นอน...ในอนาคต...เหตุและผลนี้เป็นจริง...

ดังนั้นคนที่ปฎิบัติดีก็และตั้งตนโดยชอบ...ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของความตายและโลกหลังความตาย...





เอาละประเด็นคือ...หลังจากฟังนิทานเรื่องนี้จบ...ทางนี้ก็เกิดคำถามกับตัวเองว่า...การให้ทานที่มีค่าขนาดนั้น...ไม่ต้องเลือกที่จะให้ได้จริงๆเหรอ

เช่น   เราคงไม่บริจาคเงิน  1  ล้านให้คนติดพนัน  ไปต่อทุน  เพราะเราคงไม่ต้องการสนับสนุนเค้าเดินทางไปในทางเสื่อม  

หรือ  เราก็แค่คิดว่ามันบรรเทาทุกข์แก่เค้าได้  ถ้าเราไม่ได้เดือดร้อน  เราก็สละทานนี้ให้ได้  

นั่นแหละเป็นคำถามในใจทางนี้มาตลอดคะ...ว่าเรายังกิเลสหนาอยู่รึป่าว...ทำไมถึงสับสนและวางไม่ลงสักทีกับการบริจาคทานมีค่าให้กับคนบางประเภท

****อ่อ...ยักษ์นั้น...เมื่อกินอิ่ม...ก็จะไม่ออกไปจับคนกินอีก  2-3  เดือนคะ...การบริจาคทานที่มีค่าของกุมารทั้ง  2  นั้น  จะเป็นการช่วยชีวิตคนอื่นในทางอ้อมคะ  มันดูแตกต่างใช่ไหมคะ  กับการให้ทานกับคนที่จะนำทานนั้นไปหาประโยชน์ในทางเสื่อม****  






แชร์เรื่องส่วนตัวนะคะ...ในโลกเงา  และโลกความจริง  มันวุ่นวายกับความโลภมาก  จนน่าเบื่อหน่ายคะ   

ส่วนตัวยังคิดว่า...การมีมากกว่า...ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องให้ในทุกครั้งที่มีคนขอนะคะ...เพราะเรายังไม่ได้เป็นอรหันต์หรือนิพพาน...เราเลยคิดว่าการให้ที่ถูกมันต้องดูเหตุและผลและพิจารณาผู้รับด้วยคะ

เพราะบางคนก็ขอตลอด...ไม่ได้เกรงใจ...ไม่รู้จักพอ...ไม่รู้สึกขอบคุณน้ำใจที่ได้รับไป...ไม่เคยละอายใจเวลาเอ่ยขอซ้ำๆ

ให้จนเดือดร้อน...แต่ก็ยังให้...ให้จนคนรับ...ติดการขอและรบกวนเป็นนิสัย...อันนี้คนที่ให้ก็เป็นฝ่ายผิดที่สนับสนุนการสร้างนิสัยไม่ดีและส่งเสริมการขอดะให้แก่อีกฝ่าย...ส่งเสริมเค้าใช้ชีวิตไปในทางแย่...

เพราะงั้น...การเดินทางสายกลาง...ในบางครั้งก็จำเป็นสำหรับคนพวกนี้...

บางคนพอไม่ให้...ก็ไม่เคยพิจารณาความไม่ดีของตัวเอง...พอไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการก็กลายเป็นอีกฝ่ายที่เป็นฝ่ายสละตลอดมาถูกตำหนิ

เพราะงั้นเมื่อได้ฟังนิทานเรื่องนี้...เลยมีประเด็นนี้ติดอยู่ในใจคะ...ว่าเราควรต้องให้ในทุกครั้งที่มีคนมาขอเราเหรอ...ขอรอบที่ล้านก็ต้องให้รอบที่ล้านด้วยเหรอคะ

การให้ในบางครั้งอาจเป็นการสนับสนุนความโลภ...และอาจเป็นการทำลายสังคม...เปลี่ยนผิดเป็นถูกเปลี่ยนถูกเป็นผิด...และเรายังต้องให้งั้นเหรอคะ

ใครเข้ามาอ่านแล้วมีความรู้ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยคะ...เอาแบบง่ายๆนะคะ...ทางนี้ไม่ค่อยฉลาดคะ









***ทางพระพุทธศาสนา...ตัวตนของเรานั้น...แบ่งเป็น  1)ร่างกาย   2)จิต

การดับสูญไปของภพภูมิหนึ่ง...สำหรับคนที่เชื่อเรื่องเวรกรรมและวัฎสงสารนั้น...คือการเวียนว่ายตายเกิด...จากภพหนึ่งสู่ภพหนึ่ง...หมุนเวียนตามกรรมที่ทำไว้...

จิตที่ดับไปในภพนี้...ก็จะไปตื่นในอีกภพหนึ่ง...ในร่างกายใหม่...ก็เปรียบเสมือนเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกายชุดใหม่ในจิตเดิม... (แต่ต้องไปชดใช้กรรมให้สิ้นก่อนนะ  แต่บางทีการเกิดใหม่ก็เป็นการชดใช้กรรมในภพเดิมนะ  อันนี้ซับซ้อนเกินที่เจ้าของไดอารี่จะอธิบายได้เพราะเพิ่งเริ่มศึกษาคะ)

การจะหลุดพ้นจากการ...เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย  หรือการเวียนว่ายตายเกิดได้นั้นก็คือนิพพาน***




  


Create Date : 06 กันยายน 2567
Last Update : 6 กันยายน 2567 11:08:00 น. 0 comments
Counter : 287 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 3881305
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 3881305's blog to your web]
space
space
space
space
space