สวัสดีลาว เมื่อสี่สาวออกเดินทาง ตอนที่ 5 สะบายดีเวียงจันท์- สวัสดีกรุงเทพฯ
สวัสดีลาวเมื่อสี่สาวออกเดินทาง ตอนที่5 สะบายดีเวียงจันท์- สวัสดีกรุงเทพฯ หลังจากขึ้นพระธาตุด้วยความทุลักทุเลนิดหน่อยพวกเราก็เอาจักรยานไปคืนแล้วเดินไปรอรถตุ๊กตุ๊กที่ร้านเอเจนที่เราซื้อตั๋วรถนอนค่ะ รอไม่นานเท่าไรก็ได้เวลาเตรียมบอกลาหลวงพระบางกันแล้วถ้ามีเวลามากกว่านี้ก็อยากจะอยู่อีกหนึ่งวันสงสัยต้องหาโอกาสมาเที่ยวซ่อมอีกสักรอบ
แวะกินเฝอก่อนค่ะ มาลาวไม่กินไม่ได้นะ
แล้วเราก็มาถึงบขส.ค่ะ เอาใบจองไปแลกตั๋วที่เค้าน์เตอร์ นั่งรอสักพักรถก็มาค่ะ ระเบียบการขึ้นรถนอนก็คือ เมื่อเก็บกระเป๋าสัมภาระไว้ที่รถเรียบร้อยแล้วที่ประตูขึ้นเค้าจะปูพรมแดง (สีแดงจริงๆ นะคะ) แล้วแจกถุงพลาสติกให้ผู้โดยสารคนละถุง เพื่อให้ถอดรองเท้าใส่ถุงไว้เพราะบนรถห้ามใส่รองเท้านะคะ
หน้าตาภายในรถนอนค่ะ ฝรั่งตัวใหญ่ๆ ก็นอนได้นะคะ ไม่น่าจะลำบากมาก
อย่างที่เล่าไปแรกๆเลยว่าถ้าจองที่นอนได้ อย่าจองที่หลังสุด เพราะมันติดกันสามเบาะหากไม่ได้มาด้วยกันอาจจะอึดอัดใจได้ แต่เราได้นอนกับเพื่อน มันก็ค่อนข้างอึดอัด ร้อนด้วยเพราะใกล้เครื่องยนต์แต่ก็ถือซะว่ามาเที่ยวมันก็ไม่ได้สบายไปเสียทุกเรื่อง รถออกเวลา 8.30 น. ไปถึงเวียงจันท์ประมาณ07.00 น. นี่คือเวลาที่บอกไว้ตอนจองตั๋ว แต่พอเอาเข้าจริงถึงตอนประมาณ 05. 40 น. รถจะจอดพักหนึ่งครั้งแต่ไม่มีห้องน้ำนะคะ ถ้าอั้นไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องปล่อยข้างทางนั่นแหละ ถือเป็นประสบการณ์สุดยอดเลยนะคะเพราะเข้าใจว่าที่บ้านเรายังไม่มีรถนอนที่นอนได้ทั้งตัวแบบนี้ ว่าแล้วก็อยากให้มีนะคะ(แต่ขอคนขับแบบสุภาพและขับดีๆ หน่อยก็พอ)
เมื่อถึงท่ารถที่เวียงจันท์ (ไม่ใช่ บขส. ที่ตลาดเช้านะคะ ต้องหารถไปต่อ) พวกฝรั่งที่มาขนของและเตรียมตัวกันอย่างเร็ว แล้วก็หายแวบไปหมดด้วยการนั่งรถสองแถวส่วนเราสี่คนเพิ่งตื่น งง ลงมาจากรถด้วยความสับสนว่านี่คือจอดพักหรือถึงแล้วเพราะเอเจนบอกถึงเจ็ดโมงเช้า แต่นี่มันตีห้ากว่าๆ พอถามคนรถก็ถึงบางอ้อว่าถึงเวียงจันท์แล้ว แล้วจะไปต่อยังไง ตอนนั้นสมองยังตื้อสั่งการไม่ถูก แล้วพวกเราก็หาเรื่องจ่ายเงิน (มากกว่าใคร) อีกจนได้
เพราะขณะที่เราผลัดกันไปเข้าห้องน้ำกับเฝ้าของก็มีพี่คนหนึ่งมาเสนอตัวว่าขึ้นรถไปกับเค้ามั้ย เดี๋ยวไปส่งที่ตัวเมืองหรือจะนำเที่ยวด้วยก็ได้ แต่ตอนนั้นเรายังไม่อยากเที่ยวเพราะฟ้ายังไม่สว่างดีเลยแต่เพราะแรงตื้อของพี่เค้าพวกเราเลยตกลงให้พี่เค้าไปส่งที่ท่ารถตลาดเช้าโดยที่ลืมถามว่ารถพี่เป็นรถอะไร สรุปคือ รถแท็กซี่จ้า ซึ่งราคามันสูงกว่ารถสองแถวแน่ๆ ตอนที่เห็นรถแล้วรู้สึกเลยว่าฝรั่งพวกนั้นเที่ยวเก่งจัง เมื่อไรเราจะไหวพริบแบบนั้นบ้างก็คงต้องอาศัยเดินทางบ่อยๆ
ลืมเล่าไปเลยว่าคืนนั้นเรานอนไม่ค่อยหลับ ไม่ใช่เพราะร้อนหรืออึดอัด แต่เป็นเพราะปวดกล้ามเนื้อต้นขามากทั้งๆ ที่เราก็ออกกำลังกายบ้าง การเดินขึ้นพระธาตุไม่น่าทำให้ปวดขาได้ขนาดนี้ คิดไปคิดมาขอเรียกศัพท์ในแบบเราเองคือ กล้ามเนื้อขาช็อก ฮ่าๆ เพราะกลัวความชันนั่นแหละ ส่งผลให้ร่างพังมากๆ เดินไม่ค่อยจะไหวกินยาก็ไม่ได้เพราะอยู่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ พอถึงเวียงจันท์จึงไม่อยากจะไปไหนแล้ว แต่ไหนๆ ก็มาแล้วเลยไปสักหน่อยดีกว่า
พี่แท็กซี่มาส่งเราที่ตลาดเช้าพวกเราเลยขอซื้อตั๋วรถกลับอุดรธานีก่อน เพราะเงินเหลือน้อยแล้วต้องซื้อตั๋วกลับให้ได้ก่อน แต่เพราะพวกเรามาเร็วมาก บขส. ยังไม่เปิดขายตั๋วก็เลยนั่งรอกันที่ท่ารถแล้วก็ช่วยกับตบยุงไปพลางๆ พ่อค้าแม่ค้าที่ลาวตื้อเก่งมากนะคะ ไม่ว่าจะที่ไหน ถ้าใจอ่อนขอเตือนว่าคุณอาจจะเสียเงินซื้อสิ่งที่ไม่อยากได้กลับมาแน่ๆ เพราะตลอดเวลาที่เรานั่งอยู่ที่บขส. มีคนเดินมาขายของตลอด
เมื่อเปิดขายตั๋วพวกเราก็อุ่นใจไปอีกเปลาะหนึ่งว่าได้กลับบ้านแน่นอนแล้วจากนั้นก็มีพี่คนขับรถตุ๊กตุ๊กเดินมาเสนอราคาว่าจะพาไปเที่ยวชมเวียงจันท์อย่างที่บอกว่าเราเหลือเงินไม่มาก (ทั้งไทยและกีบ) จึงขอไปแค่พระธาตุหลวงกับประตูชัยเท่านั้น
ไหว้เคารพอนุสาวรีย์
มาถึงเช้าไป พระธาตุยังไม่เปิด เลยเข้าไปเดินเล่นในวัดใกล้ๆ
คุณลุงน่ารัก หันมายิ้มให้เรา ดูท่าแล้วจะเป็นคนให้ข้าวให้น้ำสัตว์ในวัดด้วย
พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี
ไม่ได้ขึ้นไปชมผังเมืองข้างบนนะคะ ปีนไม่ไหวแล้วตอนนี้
หลังจากนั้นก็ไปหาร้านกาแฟนั่งกันเพื่อรอเวลารถออกยอมรับเลยว่าร่างยับเยินเพราะปวดกล้ามเนื้อขามาก ดีใจที่หยิบยาคลายกล้ามเนื้อมาด้วยไม่งั้นทรมานทั้งวันแน่ๆ ค่ะ
สภาพเมืองและบ้านเรือนที่เวียงจันท์นั้นมีตึกที่ทันสมัย รถราขวักไขว่ไม่แพ้บ้านเรา (แต่ก็ยังแพ้นะ เพราะน้อยกว่า) ง่ายๆก็คือ เจริญกว่าวังเวียงและหลวงพระบาง เช้านี้อากาศออกร้อนๆ นิดหน่อยทำให้ยิ่งรู้สึกเหนื่อยขึ้นไปอีก พวกเรานั่งที่ร้านกาแฟอยู่ชั่วโมงกว่าๆ ก็มีคุณลุงคนไทยเดินเข้ามาทักทาย ตอนแรกเค้าถามว่าเรามาจากไหนเป็นภาษาอังกฤษ พอบอกว่า ไทยแลนด์ ลุงก็บอกว่าลุงก็เป็นคนไทย มาเปิดร้านอาหารอยู่ที่นี่และร้านที่เรานั่งก็เป็นร้านของคนไทยด้วย
เมื่อถึงเวลาก็ได้เวลาโบกมือลาเวียงจันท์แล้วค่ะพวกเรานั่งรถกลับอุดรธานีอย่างปลอดภัย ใช้เวลานั่งพักที่สนามบินค่อนข้างนานเพราะเรากลัวรถทัวร์ช้าเลยซื้อเที่ยวแรกๆ เลย แถมไฟลต์ขากลับก็ดีเลย์นิดหน่อยด้วยกลับถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเวลา 19.40 น. (โดยประมาณ) พร้อมสภาพร่างกายและขาที่ปวดยับเยินแต่ถือว่าทริปนี้คือทริปที่เราได้เที่ยวเองจริงๆ เป็นครั้งแรกรู้สึกสนุกและได้ประสบการณ์มากมาย และไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันตั้งแต่เช้า (ไม่เคยซักแห้งนานขนาดนี้มาก่อน)
จริงๆเราบอกไม่ได้อย่างเป็นรูปธรรมนะว่าไปเที่ยวนั้นได้อะไรกลับมาบ้าง เสียเงินน่ะใช่ แต่ที่แน่ๆ เรารู้สึกว่าถ้าไม่ออกเดินทางเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าที่แห่งนั้นเป็นเช่นไร แล้วเราทนความลำบากหรือสิ่งไม่สะดวกสบายได้มั้ย ประสบการณ์พวกนี้แหละทำให้เรารู้ตัวว่าเราเป็นคนอย่างไรและจะไม่มีวันได้รู้เลยถ้าไม่ออกเดินทาง
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ:) อุปกรณ์ถ่ายภาพทริปนี้ Canon 550D + เลนส์ Kit กับ 55-250 และ มือถือ Oppo findway
Create Date : 31 มีนาคม 2557 |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2557 14:46:38 น. |
|
14 comments
|
Counter : 2475 Pageviews. |
|
|
รถนอนของเค้า
นอนจริงๆเลยนะครับ แปลกดีครับ 555