|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
The Crown Season4...มืดจริงหนอ สถาบัน อันกว้างขวาง
ดูจบไปนานแล้ว แต่เพิ่งได้โอกาสมารีวิวเอง อ่านรีวิวอื่นดูจะเน้นกันคนละจุดกับที่เราสนใจนะ ฮะฮ่ะฮ่า ดูแล้วยังงงๆบ้างจนต้องไปหาอ่านเรื่องเกี่ยวกับมากาเร็ต แทตเชอร์ ควีนเองยังคงเส้นคงวามีความเคร่งขรึม หัวเก่า ติดขนบ เจ้าหญิงแอนน์ เจ้าหญิงมากาเร็ตยังคงแสดงดีถึงจะบทน้อยลงไปมาก และดูล่องลอย ไม่ค่อยเกี่ยวเส้นเรื่องหลักเท่าไหร่
-เปิดมาเมื่อลอร์ดไทวินถูกลอบสังหาร ที่พลอยทำให้เด็กตายไปด้วยสองคน ตอนนี้ลุ้นอารมณ์น่าดู เสียดายนอกจากแทตเชอร์จะพูดปลุกเร้าอารมณ์ให้ควีนฮึกเหิมใจ อย่าง มันไม่มีหรอกฆาตกรรมการเมือง ความรุนแรงทางการเมือง มีแต่อาชญากรที่ฆาตกรรม หม่อมฉันจะทำสงครามจนกว่าจะชนะ แล้วก็จบไปแบบไม่มีอะไรตามมาเลยนอกจากลมปากที่แสดงให้เห็นในซีรีส์ ถึงในความจริงจะมีการปล่อยให้นักโทษไอริชที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดเรืออดอาหารตายตามใจชอบไปเองบ้าง
-ความเข้ากันไม่ได้ของวังกับแทตเชอร์เรียกว่าดูแล้วแหม่งๆมาก กับความสมจริง ที่ว่าทางวังไม่ได้เตรียม dress code หรือแทตเชอร์คิดไม่ได้ว่าน่าจะเอาชุดลุยๆไปวังที่อยู่ป่าบ้าง เหมือนทั้งกระเป๋านางมีแต่ชุดไปงานเลี้ยงกับรองเท้าส้นสูง ดูเหมือนนางกับสามีจะเดินเข้านอกออกในห้องต่างๆอย่างสบาย ไม่ดูตาม้าตาเรือ หรือมีคนเฝ้าอยู่บ้างเลย ทั้งๆที่พวกราชวงศ์ก็พยายามดูบ้านๆในแบบของพวกเขาแล้ว คอมเม้นท์ของนางกับสามีก็ดูถูกคนสก็อตว่าเหมือนว่าเป็นคนนุ่งโสร่งลายตารางล่าสัตว์ เสียเวลาไปกับการมาอยู่เพื่อพักผ่อน ทั้งที่ถ้าคิดในอีกแง่ การเป็นราชินีที่จะผูกใจประชากรหลากหลายเชื้อชาติไว้ได้ ก็ต้องมีกิจกรรมแบบนั้นบ้าง แม้กระทั่งการล่ากวาง อย่างน้อยส่วนนึงก็เอามากินละกัน สามีควีนเคยบอกว่ากินจนเขาจะงอกออกจากหัวอยู่แล้ว เฮอะๆ อยากจะได้หัวกวางก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย
-เรื่องสงครามอาเจนตินา ในตอนต้น พอชนะก็เลยได้เสียงสนับสนุนจากประชาชน แต่ถึงกระนั้นคนในอังกฤษเอง ส่วนนึงกลับประสบความยากลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจกลับมองว่าทำไมต้องไปใส่ใจกับเรื่องนอกดินแดนขนาดนั้น เอามาใส่ใจปากท้องในประเทศก่อนไหม อย่างตอนนึงที่ชายที่มีปัญหาทางจิตใจบุกเข้าห้องพักควีนไปเพื่อร้องเรียน "ผมไม่ได้มีปัญหาทางจิต ผมแค่จน" เขาเข้าหาประกันสังคม เข้าหาสส.เขต ซึ่งพอรู้ว่าไม่ได้เลือกตัวเอง ก็ไม่ช่วยอะไร (สส.ไทย อาจมีแจกเงินล่อใจไว้ก่อนไปแล้ว) ซึ่งก็มาจากนโยบายรัดเข็มขัดของนางแทตเชอร์ที่รัฐจะไม่ช่วยอะไร เน้นพึ่งตัวเองให้ได้ แต่สำหรับบางคนแล้วการที่อยู่ดีๆรัฐยกเลิกโครงการก่อสร้างหลายอย่าง เศรษฐกิจฝืดเคืองก็ทำให้หาอาชีพไม่ได้ พลอยทำให้ชีวิตครอบครัวล้มเหลวไปด้วยอย่างนายคนนี้ ซึ่งเเทตเชอร์เองก็มั่นใจในความคิดนี้เพราะพ่อเธอธุรกิจล้มก็ฝ่าฝันมาได้ด้วยตัวคนเดียวเช่นกัน ไม่ฟังคำค้านของควีนที่ว่า"แล้วคนที่ไม่เก่งอย่างพ่อเธอล่ะ จะทำยังไง" จะมีรัฐบาลไว้ทำไม เพราะตัวควีนเองถึงจะอยากช่วยประชาชนแต่เธอก็ทำไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้มีความสามารถในการบริหารโดยตรงแบบนั้นเลย ทำได้แต่แนะนำนายก
-อีกช่วงที่น่าสนใจคือการบอยคอตแอฟริกาใต้ ซึ่งควีนยืนยัน และยืนหยัด ว่าจะต้องทำเพื่อช่วยลดการเหยียดผิวในประเทศแถบนั้น อันเนื่องมาจากคำสัญญาของเธอที่ให้ไว้เมื่อนานมาแล้ว ได้ให้กับประเทศอาณานิคมทั้งหมด ไม่ใช่แต่อังกฤษอย่างเดียว และหน้าที่ควีนที่สำคัญต้องซื่อสัตย์กับพระเจ้านั่นคือต้องรักษาสัจจะวาจา แต่แทตเชอร์กลับไม่เห็นประโยชน์ ซึ่งตอนดูก็งงๆนะว่าอังกฤษมีสัญญาการค้ากับแอฟริกาใต้ที่สำคัญมากขนาดนั้นเลยที่จะต้องรักษาสัมพันธไมตรีไว้ให้ได้ เพราะนานาประเทศก็ลงนามกันมาแล้ว จนสุดท้ายต้องไปหาถ้อยคำที่ละมุนละม่อม อย่างถ้าไม่เลิกเหยียดผิวอังกฤษจะส่งสัญญาณว่าจะ ....บลา ..บลา ภาษาการทูต จนสุดท้ายมาเฉลยว่า ลูกชายคนโปรดของนางเเทตเชอร์นี่เองที่เป็นนักธุรกิจอยู่ที่โน้น ถ้าอังกฤษแตกกับแอฟริกาใต้ ธุรกิจจะล้มแหงๆ ตอนนี้ดูแล้ว อ้าว อีนี่ ขึ้นมาเลย ผลประโยชน์ทับซ้อนนี่ ตอนศึกอาเจนตินาก็ห่วงที่ลูกชายหายตัวไปมากกว่าเรื่องของชาติอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยสิ่งที่ควีนทำได้ เนลสัน แมนเดล่า ก็ยืนยันว่าเป็นการช่วยลดปัญหาได้มาก
-มากาเร็ต เเทตเชอร์ เป็นนายกที่ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ก็จริง แต่ก็มีทั้งคนรักคนเกลียดเยอะเหมือนกัน ข้อดีของการรัดเข็มขัดก็ทำให้รัฐมีงบประมาณที่เหลือเพียงพอแต่ก็ต้องแลกมาด้วยคนตัวเล็กๆที่ต้องเดือดร้อน ลำบาก เสียสละเพื่อให้คนส่วนมาก วันที่นางตาย ถึงกับมีคนเฉลิมฉลอง กู่ร้องว่า นังแม่มดตายแล้ว ในหลายๆเมือง อย่าง ลิเวอร์พูล นางก็ไปโทษเรื่องฮิลส์โบโร่ ว่าเเฟนบอลเหยียบกันตายเอง ทั้งที่ถ้าเจ้าหน้าที่จัดการดีๆแต่แรกก็น่าจะไม่เกิดเรื่อง การปฏิรูปอุตสาหกรรมมีส่วนให้อังกฤษขาดอุตสาหกรรมพื้นฐานบางอย่าง จนอียูยื่นมือเข้ามาช่วยบางเมืองที่เสื่อมโทรมลง ในขณะที่รัฐบาลของนางเองกลับไปซบอเมริกา
-สำหรับเรื่องรักสามเส้า เราสามคน ควีนเองเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่อยู่แล้ว ที่เป็นได้ส่วนหนึ่งคือตัวเองก็ถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น เหมือนจะเคยบอกว่า ตัวเองเป็นแม่ ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก รวมกับความหัวโบราณก็เลยไม่ได้แก้ปัญหาให้ลูกๆเท่าไหร่ ชอบที่เจ้าหญิงแอนพูดเรื่อง เจ้าหญิงรักเจ้าชายซึ่งรักหญิงอีกคน ทั้งหมดจึงอยู่กันอย่างไร้ความสุขไปตลอด ตอนควีนไปหาชาร์ลพูดได้ตรงมาก ว่าเลิกคิดถึงแต่ตัวเองเสียทีเถอะ ส่วนตัวคิดว่าต่อให้แต่งกับคามิลล่าได้ตามใจก็เป็นไปได้ยาก เพราะตัวคามิลล่าเองช่วงแรกเลย ไม่ได้รักชาร์ลเท่าไหร่ หวนมาหากันก็ตอนที่สามีนางนอกใจ แม้แต่ภายหลังคามิลล่าก็ไม่ได้อยากอยู่กับชาร์ลแบบออกนอกหน้า ส่วนไดอาน่าเองด้วยความที่ต้องการจับเจ้าชายอยู่แล้ว คบกันไม่นานก็ยอมแต่งด้วย พอแต่งแล้วด้วยนิสัยแบบเด็กๆที่จะเอาให้ได้ ไม่ประนีประนอมบ้างก็มีปัญหา ยิ่งชาร์ลนี่ยิ่งดูไม่เป็นลูกผู้ชาย พ่อแม่ก็เสนอทางออกให้ว่าการเเต่งงานแบบเปิดกว้าง แบบคู่คามิลล่าก็ได้ ต่างฝ่ายต่างมีคนรัก แต่ก็ยังอยู่ร่วมกันมาได้ตั้งนานเป็นสิบปีเพื่อเลี้ยงลูก แต่ชาร์ลนี่ดูทนไดอาน่าไม่ได้เลย คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด แถมยังเอาเมียไปนินทา อิจฉาเมีย ไม่แปลกที่ควีนกับสวามีว่าชาร์ลว่า หลงทางมานานแล้ว ก็หวังว่าซีซั่นต่อไป ไดอาน่าที่ได้พบงานการกุศลจะมีความสบายใจขึ้นบ้าง แอบสงสารนางไม่น้อยในฉากที่นางโผเข้าไปกอดควีนถึงจะเพื่อสร้างภาพก็เหอะ จนกระทั่งในฉากสุดท้ายของซีซั่นนี้
มืดจริงหนอ สถาบัน อันกว้างขวาง ปล่อยฉัน อ้างว้าง ขับเคี่ยว เดินหา ซื้อความรัก จนหน้าเซียว เทียวมา เทียวไป ไม่รู้วัน
ดอกดอกหางนกยูง สีแดงฉาน บานอยู่เต็ม ฟากสวรรค์ เกินพอ ให้เจ้าแบ่งปัน จงเก็บกัน อย่าเดิน ผ่านเลยไป ...
Create Date : 02 เมษายน 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 2 เมษายน 2564 0:52:49 น. |
Counter : 830 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|