Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
25 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
เล่าเรื่องเรื่อยเปื่อยกับการออกกำลังกาย

ด้วยความที่กลัวอาการเวียนหัวจะมาอีก ประมาณว่ารักตัวกลัวตายว่างั้นเถอะ เลยคิดว่าจะต้องออกกำลังกายเป็นแน่แท้ เพื่อที่ว่าเลือดลมจะเดินดีขึ้น คิดแล้วก็คิด ว่าเราน่าจะไปเรียนประมาณโยคะ ไทเก๊ก อะไรทำนองนี้ที่เกี่ยวกับปราน วิเคราะห์เองอีกแล้ว ไม่ใช่หรอก ประมาณว่าหลังจากที่ได้เข้าห้องฉุกเฉินแล้วตรวจอาการก็ดูเหมือนจะปกติ ความดันก็ปกติ น้ำตาลในเลือดก็ปกติ จะทำไงดีหนอ คาดว่าไม่ใช่น้ำในหูซะด้วยสิ มันต้องเลือดลมเดินไม่ดีแน่ ๆ เลย เพราะเคยไปนวดกดจุดแล้วหายอะเนี่ย แต่คราวนี้ไม่เห็นจะดีขึ้นเลย

จะไปซื้อยา วินิจฉัยเองอีกแล้ว ไม่ใช่หรอก พวกใบแปะก๊วยเขาว่าน่าจะดี ขยายหลอดเลือดป้องกันอัลไซเมอร์ (อันนี้เพื่อนออกไอเดีย) เราก็แอบเห็นด้วยทันที เออเนอะน่าจะใช้ได้ ว่าจะไปลองซื้อมากินดู ไปหยิบ ๆ จับ ๆ ในร้านขายยา เห็นราคายังแอบเสียดายตังค์อะนะ ถามเภสัชในร้าน เขาว่าอาการอย่างคุณเนี่ย กินยาก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ออกกำลังกายดีกว่า คิดไปคิดมาเสียดายตังค์ว่างั้นเถอะ ถอยออกจากร้านมาคิดสาราตะว่าออกกำลังคงจะช่วยจริง ๆ แต่ก็โอ้เอ้ว่าจะทำอะไรดีหนอ ที่คอนโดก็มีเครื่องออกกำลังกายนะ แต่ตอนนี้ไม่มีรองเท้ากีฬาแหละ ของเก่าที่มีอยู่ก็เป็นเป็ดปากอ้าไปเรียบร้อยแล้ว ต้องไปหาซื้อใหม่ดีกว่า เอาแบบไม่แพง พอหาข้อมูลในพันธุ์ทิพย์สรุปได้ยี่ห้อ D-maq เนี่ยแหละ ไม่แพง ใช้ได้ เหมาะสำหรับคนขี้เกียจออกกำลังกายอย่างเรา ไม่รู้ว่าจะทำได้นานขนาดไหน

ได้ข่าวว่าเซ็นทรัลกำลังลดราคาอยู่พอดี ตอนแรกไปเดินที่พระราม 3 ไม่มีไซส์แถมต้องใช้คูปองลดราคาอีก ไว้รอถามพี่ลินก่อนดีกว่าว่ามีบัตรป่าว ที่นี้เจ๊บอกว่าที่ชิดลมจัดรายการอยู่ เลยไปสอยมาซะเลย ได้คนละคู่กับสามี

เจอน้องน้องแนะนำให้เล่นชี่กงดู สอนมาสองท่า จะได้ผลไหมเนี่ย ทำได้แป๊บเดียวก็เลิกทำ ตัวแข็งเชียว ลองทำได้สองสามวันเอง แหะ ๆ ระหว่างนี้ก็หาที่เรียนโยคะ ยังหาที่เรียนไม่ได้เลย แต่ไปซื้อเสื้อยืดกางเกงยืดสำหรับเล่นโยคะ ออกกำลังกายมาเรียบร้อยแล้ว แปลว่าต้องหาที่เรียนให้ได้นะเนี่ย หาในเน็ตเนี่ยแหละ จะเรียนที่ไหนดีหนอ มีแต่แพง ๆ ทั้งนั้นเลยอะเนี่ย ที่ไม่แพงก็ไกลบ้านเรา เกินกว่าเราจะไปได้นะ ที่ Absolute yoga Yaga element สุนีย์โยคะ ครูหนู อีกหลาย ๆ ที่ ก็ต้องเอาใกล้ที่ทำงานสามีไว้ก่อน เพราะจะได้ฝากลูกไว้ได้ แถวที่บ้านยิ่งไม่มีใหญ่เลย ที่จุฬาก็มี แต่ยังไม่เปิดคอร์สเลยนะ จะเปิดก็ 9 มีนา เด๋วก็ต้องหนีไปเที่ยวอีกซะด้วยสิ สุดท้ายก็มาหาเจอที่โรงแรมเอเซีย 1 เดือน 1800 เล่นได้จันทร์ถึงเสาร์ จริง ๆ เราก็เรียนได้แค่ 3 อาทิตย์ เองแหละ เพราะว่าจะไปเที่ยวอะนะ ลองมาเรียนซะหน่อยก่อนนะ จะไปรอดไหมเนี่ย

ไปเรียนวันแรกก็สอนหายใจ สอนทำท่าเบื้องต้น เวลาเข้าคลาสจะได้ทำได้ทัน แต่จะบอกว่าก็จำไม่ได้หรอกนะ เข้าให้เอกสารมาก็ไม่ได้อ่าน จนเรียนไปสองสามครั้งนั้นแหละ ต้องไปขอเขามาใหม่ มาอ่านจะได้ทำตามได้ แต่ก็ยังทำตามไม่ทันอยู่ดี แล้วจะทำตามทันไหมเนี่ย จริง ๆ มันน่าจะมีครูนำ แล้วมีผู้ช่วยอีกคน มาคอยปรับท่า คอยสอนคนที่ยังไม่ค่อยเป็นอะนะ เรามันพวกความจำสั้นอยู่ด้วย จะหวังเกินไปไหมเนี่ย เรียนราคานี้จะเอาอะไร ก็แหม ๆ นะ บางทีมันก็เกินสมองน้อย ๆ จะจำได้ซะด้วยสิ แต่รู้ว่าตัวเองแข็งมาก ๆ เลย ก้มไม่ได้ถึงไหน คนอื่น ๆ เขาแตะปลายเท้าได้ ไอ้เราก้มได้แค่ครึ่งเดียว เอามือแตะไกลสุดก็หน้าแข้งนะแหละ วันแรก ๆ นะ ก็ปวดเมื่อยตัวนิดหน่อย นี่ผ่านมาได้อาทิตย์กว่า ๆ ตัวก็แข็งเหมือนเดิมอะแหละ แต่อาการปวดก็หาย ๆ ไปละ แอบสงสัยต่อว่า ถ้าเราฝึกไปเรื่อย ๆ ตัวเราจะงอจะพับได้ไหมหนอ แล้วที่เขาว่าถ้ายืดเกินไปจะไม่ดีต่อเอ็นแล้วข้อต่อนี่มันตรงไหนหว่า ท่าไหน ต้องไปค้นหาสักกะหน่อย

การเดินทางมาเรียน วันแรกเริ่มต้นเขาสอนบ่าย ๆ เราก็ว่าจะออกมาตอนเช้ากับสามีให้เหนื่อยทำไมหนอ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปจะทำไงหนอ เลยนั่งแท็กซี่ออกมาตอนก่อนเที่ยง ตั้งแต่นั้นก็ตัดสินใจว่ายอมเหนื่อยหน่อยมากับสามีดีกว่าเอาชีวิตไปเสี่ยง ลงมาให้ รปภ. เรียกแท็กซี่ให้ ขึ้นมารถก็ร้อน มาร์วี่ก็บ่นว่าเปิดแอร์หน่อย แกกะว่าจะไม่เติมน้ำยาแอร์ให้เย็นเลย ร้อนสุด ๆ แล้วก็ขับรถได้น่ากลัวมาก ๆ ตอนกลับรถ รถทางตรงมาแล้วก็ยังฝืนกลับ รถทางตรงเบรกตัวโก่งเลย เราคิดว่าถ้าเขาเบรคไม่อยู่หรือไม่เบรก คงโดนชนกลางลำ โดนเราเต็ม ๆ เลย ลูกคงกระเด็นแหงม ๆ ไม่เอาดีกว่า ไปกับสามีดีกว่า

มากับสามีตอนเช้า สาย ๆ ก็ฝากลูกไว้ แล้วก็นั่งรถเมล์ไปเรียน ใกล้ ๆ แค่นี้เองเนอะ แต่ก็ต้องพบความจริงว่า การขึ้นรถเมล์น่ากลัวคนละอย่างกับการขึ้นแท๊กซี่ คุณภาพชีวิตคนไทยจริง ๆ เราเองไม่ได้ขึ้นรถเมล์มานานแล้ว ไม่รู้ว่าสายไหนไปไหนบ้าง จริง ๆ ก็แค่ไม่กี่ป้ายเอง แต่ก็ต้องดูก่อนว่ารถจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา แต่รถเมล์ไทยดีมาก คือจะไม่จอดป้ายถ้าไม่มีคนโบก กับจอดป้ายแป๊บนึง เรายังไม่ได้อ่านข้างรถเลยว่าสายนี้ไปไหน ทำให้มีขึ้นผิดอยู่บ้าง แล้วรถเมล์ก็เลยผ่านไปซะเยอะกว่าเราจะมั่นใจว่าจะขึ้นสายไหนดีหนอ แล้วตอนขึ้นรถก็ต้องคอยระมัดระวังให้ดี กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นข่าว หุหุ ตอนจะขึ้นต้องเล็งให้ดีรีบก้าวขึ้น เกาะราวจับ หาที่นั่ง แล้วค่อยหยิบเงินมาจ่าย ไอ้แบบว่าจะกำเงินไว้ก่อนเนี่ยไม่ทำ เพราะเดี๋ยวจะพะวงกับเงินที่ถือจนไม่ระวังการขึ้นรถ แล้วก็สงสัยอีกแล้ว ทำไมหนอ เวลาขึ้นรถเมล์ที รถจะออกเนี่ย ไม่รู้จักจะปิดประตูก่อนแล้วรถค่อยออกตัว มันจะช้าไปซักกี่วินาที เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร คุณภาพชีวิตคนไทยจริง ๆ ตอนลงจากรถก็เหมือนกัน กลัวเหลือเกินว่าจะตกรถ ต้องเล็งให้ดีว่ารถจอดสนิทรีบก้าวลง ถ้าช้าก็กลัวรถออก จะสบายใจหน่อยถ้าป้ายนั้นมีคนขึ้นรถต่อ แปลว่าเขาจะไม่รีบออกรถ แต่จริง ๆ ก็ไว้ใจไม่ได้นะ ถ้ามีคนขึ้นรถคนเดียวแถมขึ้นคนละประตูกับที่เราลงเนี่ย คนขึ้นก็ต้องระมัดระวังตัวเหมือนกันนะ

ช่วงระหว่างเราไปเรียนก็ฝากมาร์วี่ไว้กับสามี ปกติอยู่บ้าน มาร์วี่จะเป็นเด็กดีของแม่ อิอิ คือ เช้าพอพ่อกับพี่ไมโลออกจากบ้านไปไม่นาน แม่ก็จะรีบเข้าห้องนอนทันที นอนต่อดีกว่า แหะ ๆ ง่วงจังเลย แล้วมาร์วี่จะไปไหนรอดก็นอนกับแม่แต่โดยดี (แอบร้องนิดหน่อย) แล้วตื่นมาสาย ๆ บ่าย ๆ ก็นอนอีกรอบหนึ่ง ตั้งแต่เลิกให้มาร์วี่กินนมจนหลับคาอก ให้เขากินนมเสร็จแล้วเอาออก ปล่อยให้เขาหลับเองเนี่ย รู้สึกว่าจะหลับง่ายขึ้น แต่ไหงพอมาอยู่ที่ทำงานพ่อดันหลับยากมาก ๆ เลย ตอนเช้าแม่พานอนก็ไม่นอน พอไม่นอนแล้วแม่ต้องออกไปข้างนอกก็จะป่วนพ่อ พ่อมานหน้าเบี้ยวเชียว ลูกกวน อิอิ ไหนใครว่างานเลี้ยงลูกสบายไง สบายไงแต่ห้ามทำอย่างอื่น พอตกบ่าย มาร์วี่จะง่วงสุด ๆ กินนมนิดเดียวก็จะหลับแต่โดยดี แม่ก็มานั่งเล่นเน็ตนี่ไง อิอิ

แต่ช่วงนี้แอบสังเกตว่าถ้าอยู่บ้านแล้วแม่ใช้คอม มาร์วี่จะมาเกาะแกะขอกินนมอยู่เรื่อย ๆ คงจะเบื่อเนอะ แม่บางครั้งก็ตัดใจไปเล่นกับลูก (ก็จริง ๆ มันหน้าที่หลักนี่นา) เขาก็สนุกดี พอลูกเผลอแม่ก็พานอนซะเลย อิอิ

อ้อลืมไป นอกจากโยคะแล้วก็พยายามลงไปเดินเร็วซะหน่อยซักสิบห้านาที ทำวันเว้นวัน ทำได้อืม สักอาทิตย์นึง ก็ชักเบี้ยวไป 3 วันซะแล้วนะเนี่ย

ไอ้การออกกำลังนี่สำหรับเราดูช่างขี้เกียจเสียจริง ๆ ถ้าไม่มีลูกนะ ไม่ออกกำลังกายแล้วตายเร็วอีกนิดคงไม่เป็นไร แหะ ๆ เพราะดูจะมีความสุขกว่า อันนี้คิดเอาเองอีกแล้ว แต่โรครุมเร้า แถมมีโรคประหลาดอีก ออกกำลังกายดูจะเป็นสิ่งจำเป็น เขาว่ากันว่าออกกำลังกายแล้วจะติด สงสัยตัวเองเหมือนกัน ว่าจะติดป่าวหนอ ความขี้เกียจมันลึกไปทั่วรูขุมขนซะด้วยสิ 555

แต่เมื่อวานหยุดไม่ได้ไปโยคะ 1 วัน แถมไม่ได้ไปไหนอีกตังหาก ออกกำลังเดินวิ่งก็ไม่ได้ทำ นั่ง ๆ นอน ๆ นอนเช้านอนบ่ายอีกตังหาก ทำเอานอนไม่หลับไปเลย ร่างกายมันแอบคิดยังไงหนอ


Create Date : 25 เมษายน 2550
Last Update : 25 เมษายน 2550 12:13:51 น. 0 comments
Counter : 1514 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pinkyjung
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add pinkyjung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.