。◕‿◕。••.•´¯`•.•• ~My Time is Still Going On!~••.•´¯`•.••。◕‿◕。
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

บันทึกน้ำท่วม 2554-เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่บ้านฉัน(2)


จากข่าวที่ออก จะเห็นว่าทางอยุธยาน้ำท่วมก่อน ไล่มาจนถึงน้ำเข้านวนคร รวมถึงทางฝั่งปากเกร็ดด้วย แม่เลยนึกถึงลูกน้องเก่าที่อยู่กันมานาน...เรียกว่ารุ่นที่มาทำงานสมัยบ้านเรายังก่อร่างสร้างตัวว่างั้นเถอะ พี่แรม เขาอยู่ที่นวนครแม่เลยโทรไปบอกว่าจะมาทำงานที่นี่ก่อนมั้ย เพราะโรงงานที่อยุธยาก็น้ำท่วมไปแล้ว มาทำที่นี่ชั่วคราวไปก่อน คือพอมีคนมาช่วยก็ใจชื้นขึ้นอะ ทำงานบริการลูกค้าได้มากขึ้น เพราะครั้นจะพึ่งคนที่มีอยู่เขาก็ดันไม่ใจกับเราซะแล้ว

เหตุการณ์ก็ยังทรงๆนะ เราก็ตามข่าวเรื่อยๆ เราพยายามบอกในบ้านว่าไม่ต้องเอาของมาเรียงแล้ว เราบอกตรงๆว่าเราเองก็กลัวเหมือนกัน ถ้ายิ่งเอาของมาเรียงๆเนี่ย ของมันก็เยอะขึ้นถ้าเกิดอะไรขึ้นปุบปับมันจะเก็บลำบาก แต่เหมือนเราบารมีไม่พอมั้ง พูดไปเขาก็ไม่ทำ เอามาเรียงอยู่นั่นแหละ แล้วก็สั่งของเข้ามาเพิ่ม....เราอยากจะระบายของที่เรียงๆอยู่ในบ้านให้มันหมดไป อย่างน้อยชั้นจะได้โล่งๆ ไม่มีปัญหามาก ของสดในบ้านไม่มีแล้ว เหลือแต่ของแห้ง ยังพอโอเค เข้าใจนะ ว่าทุกอย่างมันไม่ได้อย่างที่ใจคิดหรอก ทั้งเรียงทั้งสั่งเพิ่ม แล้วคนงานก็กลับบ้านไปอีกคนนึงต่างหาก เหนื่อยหนักเลยเรา ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยลำบาก เราทำมาทุกอย่างแล้วในบ้าน แล้วยิ่งตอนนั้นเรายิ่งต้องทำมากขึ้น ก่ออิฐเราก็ทำ โบกปูนก็เรา สูบน้ำออกทั้งสองบ้านก็เรา คิดของ ส่งของอะไรช่วงนั้นเราหมดเลย มันยิบย่อยแต่เหนื่อยมาก เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่เหนื่อยใจเพราะเครียดกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี่เหนื่อยสุด


ระดับน้ำที่บ้านพอทรงตัวไปได้สักพักก็มีข่าวทุบประตูระบายน้ำคลองสามวา....คลองสามวา!!! คลองนี้มันโอบล้อมบ้านเราเลยเถอะ เนื่องจากบ้านข้าพเจ้านั้นอยู่ในตลาดสร้างใกล้คลอง อันได้แก่ คลองสามวา และคลองแสนแสบ ครั้นเมื่อพวกท่านทำลายประตูระบายน้ำคลองสามวาปุ๊บ เพียงสองวันเท่านั้นค่ะ เป็นเรื่อง ระดับน้ำที่มันทรงตัวอยู่นั่นแหละ มันเพิ่มขึ้น และเข้าไปในโกดังหลังใหม่ที่ทางเราไม่ได้เข้าไปดูเลย พอเปิดไป เราแทบจะกรี๊ด(นี่ตูเป็นคนโวยวาย?) คือน้ำเข้าหมดทั้งโกดังเลย ความสูงอยู่ที่ระดับตาตุ่ม รีบขนของขึ้นและสูบน้ำออก แล้วของที่ไว้ที่บ้านนี้คืออะไร....น้ำส้มดีโด้เจ้าค่ะ =_________=

น้ำหนักของน้ำส้มดีโด้และเจอาร์นั้นไม่ได้แพ้เจเล่ไลท์ที่อยู่โกดังริมน้ำเลย แถมยังมีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งลังลูกอมโอเล่ ปีโป้...ของหนักอีกแล้ว กล่องบางส่วนเปื่อยไปแล้ว ของก็ร่วงลงมาต้องรีบพลิกๆกลับด้านหลังเอาส่วนแห้งวางแทน แน่นอนแหละว่าแม่ไม่ทน รีบไปซื้อนั่งร้านมาอีกสามชุดเอาของขึ้นทันที แล้วก็เอาลังพลาสติกมาซ้อนๆกันสักสองสามชั้นวางของได้อีกระดับหนึ่ง และเราก็ต้องมาสูบน้ำออกทุกๆวัน เดินไปเดินมาอยู่สองบ้าน สูบเช้ากับเย็น พอดูระดับน้ำก็พอทำใจได้ ทิ้งไว้สิบกว่าชั่วโมง น้ำที่โกดังก็ขึ้นเพียงตาตุ่ม...พอรับได้

ลืมบอกไปว่าร้านหลักที่เป็นบ้านที่เรานอนเนี่ยมันก็ท่วมไม่แพ้กันหรอก แม่จะอยู่สูบน้ำที่นี่กับพี่แรม พี่ฝน(เพื่อนที่พี่แรมชวนมาอีกคน) ช่วยๆกัน เราเองก็รู้นะว่าแกเหนื่อย เราพยายามบอกแม่ว่าอพยพมั้ย แกก็ว่าไม่ ถ้ามันท่วมเราก็อยู่ข้างบน แต่ตอนนั้นเราเครียดนะ เหมือนเราไม่เครียด แต่ลึกๆเราก็กลัวเหมือนกัน ถ้าน้ำมามากกว่าที่เราคิด เราจะอยู่ได้หรอ พี่ชายก็โทรมาถามทุกวันว่าระดับน้ำขึ้นมั้ย ขึ้นถึงอิฐก้อนไหนแล้ว พี่เรานี่แหล่ะแอบวิตกพอกัน เพราะเขาไม่ได้อยู่บ้านด้วยไง แม่จะเอาอะไรก็หาให้หมด พี่เราเป็นคนหาอิฐบล๊อกมาให้ขนมาให้สามรอบ รวมทั้งหมดสองร้อยกว่าก้อน พร้อมปูนพร้อมทรายและรองเท้าบูท และพยายามจะบอกให้แม่เก็บของแล้วออกไปอยู่กับพี่ที่ชลบุรี ก็นะทั้งแม่และพี่ก็ดื้อพอกันทั้งบ้านนั่นแหละ (รวมทั้งเราด้วย) เข้าใจปะอารมณ์ห่วงบ้านอะ อย่างที่บอกเราเองก็ทั้งอยากออกและไม่อยากออก (เรื่องมากเนาะ)...ตอนนั้นก็ยังทำใจอยู่กันได้นะ ทีนี้เริ่มออกไปไหนลำบากขึ้นล่ะ เราไปโผล่หน้าดูน้ำในคลองก็ไหลแรง และเริ่มมีกลิ่น ใจก็ยังคิด...กุจะอยู่ได้มั้ยว้า อยากออกก็อยาก อีกใจก็ไม่อยาก ทำไงดี ทำไรไม่ได้ก็ได้แต่อยู่อย่างนี้ต่อไปก่อน

...ทีนี้พี่แรมเขาบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เขาจะกลับบ้านไปงานแต่งพี่ชายที่กำแพงเพชร แต่งวันที่8พฤศจิกายน พี่เขาก็เลยจะออกจากกรุงเทพฯ วันที่6 ไอ้เรารึก็คิดว่าพี่เขาจะกลับไปคนเดียว ที่ไหนได้ พี่ฝนที่มาด้วยกันก็กลับด้วย เขาบอกว่าพ่อแม่เขากลัวจะออกจากรุงเทพฯไม่ได้ เพราะน้ำมันเริ่มเข้ามามากแล้วให้รีบกลับบ้าน งานนี้...เหลือเรา แม่ แล้วก็คนงานอีกคน เรียกว่าเหมือนปิดร้านกลายๆแล้วอะ ไม่มีใครช่วยนี่ ทำได้แค่เปิดร้านสูบน้ำออก แล้วน้ำมันก็ดันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ จากที่ครึ่งหน้าบ้าน มันกลายมาเป็นค่อนบ้าน เยอะขึ้น เยอะขึ้น แล้วที่โกดังมันดันท่วมถึงลังพลาสติกชั้นแรก เราก็รีบไปยกให้มันสูงขึ้นอีก บอกว่าพอแล้วชั้นสู้เท่านี้ แล้วก็ปล่อยไปอีกโกดังนึง

กลับมาดูที่บ้านอีกรอบ เริ่มเห็นรอยแตกในบ้านมันมากขึ้น และประตูกระจกที่บ้านเรามันปิดไม่ได้ เหมือนกับว่าน้ำด้านล่างมันดันปูนขึ้นมาทำให้ชนขอบประตู เลยทำได้แค่ปิดประตูเหล็กบานใหญ่เท่านั้น เริ่มเครียดหนักขึ้นก็เมื่อเย็นวันที่6หรือ7พฤศจิเนี่ยแหล่ะ เรากำลังสูบน้ำรอบสุดท้ายที่โกดังอยู่ เสร็จแล้วกำลังจะปิดประตู ก็เห็นลูกน้องบ้านริมสุด เรียกกันโดยทั่วไปว่าร้านเจ๊ตุ้ม เขาบอกว่า กำลังสูบน้ำอยู่เหมือนกัน เราก็แปลกใจว่าทำไมเขาสูบ
เพราะเท่าที่รู้มาคือร้านนี้เป็นร้านเดียวที่ตอนนี้ไม่ท่วมเลย และไม่มีน้ำเข้าบ้านด้วย แม่บอกว่าเขาอุดท่อทันและบ้านไม่มีรอยแตก แต่ตอนนี้น้ำท่วมเท่าเข่า เราก็ไปบอกแม่ให้ไปดูเอง พอแม่กลับมาปุ๊ปแกสั่งเก็บของด่วน ย้ำว่าด่วน โทร.หาเตี่ย หากู๋ให้หลานๆมาช่วยกันเก็บของ เพราะที่แม่เห็นและเจ๊ตุ้มบอกก็คือ ที่น้ำเข้าบ้านเขาเพราะน้ำมันดันใต้พื้นทำให้พื้นร้าวจนสุดท้ายคือพื้นแตกกลางบ้านเลย มันน่ากลัวนะ อยู่ๆก็ป้าง! ขึ้นมากลางบ้าน แล้วขอโทษเถอะ ไอ้รอยที่ว่านี่ใช่ว่าบ้านเราจะไม่มี มีค่ะ ก็ตรงที่ตั้งโต๊ะคิดตังค์เลยนั้นแหละ มันแตกพร้อมประทุ และพื้นก็เอียงออกอย่างเห็นได้ชัด คือแล้วมันไม่ใช่รอยเดียวไง สามสี่รอยทั่วบ้าน เราเครียดมาก สักพักกู๋กับเจ๊อายก่อนมาถึงก่อนเป็นชุดแรก แล้วพวกเจ๊ๆกับพี่เขยก็มา(อันนี้เตี่ยส่งมา) สิบกว่าคนเก็บของให้สูงกว่าเอวทั้งร้านภายในชั่วโมงครึ่งเสร็จ ตอนนั้นเราโคตรโล่ง แบบว่า เอาวะ ปลอดภัยแน่แล้ว ยอมปิดร้านแล้วขึ้นไปอยู่แต่ชั้นสองแล้วนะ ขอบคุณพวกเจ๊ๆมาก เราอยู่กับแม่สองคนไม่มีแขนขามันเหนื่อยมากจริงๆ ท้อก็บ่อย แต่ยังถอยไม่ได้ ตอนนี้ได้แต่ทำใจให้มันท่วมในร้านไปก่อนของไม่ขายแล้วก็ได้ เปิดร้านสูบน้ำ ใครผ่านมาถ้าพอหยิบได้ก็ขายให้ จนคืนวันที่8พฤศจิฯ พี่บอกว่าจะเอาเรือมาให้เผื่อแม่จะได้เอาออกไปซื้อของได้สะดวกดีกว่าเดินลุยน้ำไป แต่ใจเราคิดล้ะ ถ้าพี่มาเห็นสภาพบ้าน ยังไงพี่ก็ไม่ให้แม่อยู่แน่ๆ แต่ก็นะ แกก็ยืนยันว่าไงก็จะอยู่ พี่เลยได้แค่เอาเรือมาให้ เรื่อยๆไปยันเย็น เราเริ่มแบบเหลืออยู่กับแม่สองคนที่ยังวิดน้ำอยู่ ให้พี่อีกคนกลับห้องไปแล้วไง วิดน้ำไปก็บอกแม่ ไม่ไหวอะ เราปิดบ้านแล้วไปอยู่บ้านกู๋ก็ได้ แม่เหมือนจะรำคาญ ใจแกไม่อยากไปหรอกแต่รำคาญอิลูกนี่ไง แกเลยว่าไปก็ได้ ก็ปิดประตูแล้วจะขึ้นไปเก็บของ พอขึ้นไปเห็น อินวล แมวในบ้านนอนอยู่เราก็แบบ เฮ้ย ถ้าเราไปแล้วแมวล่ะทำไง ให้มันอยู่นี่เดียวดายเราทำไม่ได้หรอกนะ สงสารมันอีก เลยบอกว่าไม่ไปล้ะ โทรไปยกเลิกกู๋ว่าไม่ไปแล้ว เป็นเราล่ะทีนี้ที่เรื่องมาก เฮอๆ


ก่อนหน้านั้นสักเล็กน้อยระหว่างที่วิดน้ำอยู่ตรงหน้าบ้าน เราก็เห็นหัวงูโผล่ขึ้นมาหายใจ คืองูอะไรไม่รู้ล่ะ ชี้ให้แม่ดู แม่ว่าสงสัยจะมาบอกไม่ให้อยู่ในบ้าน เหมือนพูดกันขำๆนะ แล้วก็ขึ้นบ้านไปเก็บของก่อนตัดสินใจว่าไม่ไปบ้านกู๋นั่นแหล่ะ พอสักพักพี่โทรมาบอกว่าถึงหน้าบ้านแล้วจะเอาเรือลง เปิดประตูมา แกก็โวยวายเลย ไม่ให้แม่อยู่ แล้วอยู่กันสองคนแกก็ยิ่งไม่ให้อยู่ พี่บังคับแม่ให้ไปเก็บเสื้อผ้าแล้วไปชลบุรีเดี๋ยวนั้นเลย แน่นอนว่าแม่แพ้พี่ ...เรารีบวิ่งไปเก็บของเลย ขึ้นไปบนบ้าน แล้วพี่เอาพวกเช็คขึ้นมาเก็บตามหลัง เราร้องไห้เลยร้องไห้กับพี่นั่นแหละ คือแบบ...เราพูดแล้วให้แม่ออกแม่ไม่ไป เราดีใจมากที่แกยอมไปอะ ห่วงบ้านมั้ย ห่วงสิ แต่จุดนั้นถ้าเกิดว่ายังอยู่ต่อไปจะเป็นไง ถ้ามันท่วมหนัก เราจะเข้าออกได้มั้ย ถึงจะมีอาหารพอ แต่ถ้าน้ำไฟมันมีปัญหาล่ะ อีกอย่างพวกสัตว์จะขึ้นมาตามท่อมั้ย เพราะนอกจากงูตัวนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เริ่มๆท่วมมันมีตะขาบมันลอยมาติดหน้าบ้านสองตัว แล้วก็อีกตัวในบ้าน เราไม่อยากทนแล้วอะ คือยิ่งเห็นมันยิ่งเครียดตัวเอง ออกๆมาซะดีกว่า

เก็บเสื้อผ้าแล้วก็ของมีค่าทุกอย่างลงกระเป๋า คว้าโน้ตบุค ที่ชาร์ต ยา หมอน ผ้าห่ม ยัดๆๆๆลงกระเป๋าให้หมด ของในตู้เย็นก็โกยๆใส่ตะกร้า ดึงปลั๊กออก ที่สำคัญคือเราต้องจับแมวใส่กล่อง แล้วมันก็ตื่นดิ อยู่ๆมาจับมันใส่กล่องแล้วมัด มันก็พยายามจะมุดออกมา ต้องรีบจับรีบขึ้นรถเลย และจะเอาไปฝากบ้านกู๋ให้อี๊เจี๊ยบมารับทีหลัง ...

ที่บอกว่าปิดประตูบ้านไม่ได้ก็เป็นอีกอย่างที่แม่ไม่อยากไปไหน ทีนี้เราได้วิธีที่จะล๊อกบ้านแล้ว พอดีแม่ซื้อโซ่มาก่อนแล้วสองเส้นกะมาล๊อกประตูโกดังริมน้ำ แต่ไม่ได้ใช้(และแทบไม่ได้ไปดูเลย) โชคดีที่โซ่มันยาวพอที่จะคล้องประตูเหล็กสองบานบ้านนี้ได้ แต่ก็ลำบากอยู่หน่อย เราเอาโซ่ด้านนึงร้อยไว้กับช่องประตูลมด้านบน แล้วต้องปิดประตูอีกบานลงมาให้เห็นประตูลมเช่นเดียวกันถึงจะร้อยอีกด้านเข้าไปได้ ก็ต้องร้อยเชือกไว้จับด้วย พอเปิดจะได้ผ่อนเชือกผ่อนโซ่แล้วเราจะได้มุดออกไปได้ เท่ากับว่าโอเค ปิดประตูล็อกแม่กุญแจใหญ่ได้แล้ว ถึงออกจากบ้านกัน

เชื่อมั้ยว่าเราไม่ได้ออกจากบ้านเลยประมาณสองเดือนได้ คือออกก็ออกไปวัดแล้วตั้งแต่นั้นก็น้ำท่วม ไม่ได้ออกไปหน้าปากซอยเลย ไม่รู้ไม่เห็นว่าเป็นไงบ้างท่วมขนาดไหน เพราะมัวแต่วิ่งรอกสูบน้ำอยู่ ยิ่งถนนหลักๆไม่ต้องพูดถึง ไม่รู้ไม่เห็นทั้งสิ้นว่าเป็นไง พอออกมานั่นแหล่ะ เรากับแม่ถึงเห็นว่ามันท่วมาก ดีที่ว่ารถพี่มันใหญ่พอจะวิ่งได้ไม่ลำบากเท่าไหร่นัก ก็ขับไปถึงบ้านกู๋ ฝากแมวและให้ของในตู้เย็นให้หมด พี่ไม่ยอมให้อยู่บ้านกู๋เพราะกลัวจะท่วมเหมือนกัน ...น้ำหน้าบ้านกู๋ก็เริ่มขึ้นๆมาแล้วล่ะ แต่ก็หลักเดียวกันกะแม่ล่ะ กู๋ว่าอยู่บ้านดีกว่า แม่แกก็อยากจะทำงั้นอะนะ แต่พี่เราเผด็จการกว่าแค่นั้นเอง

ออกจากบ้านกู๋ไม่ได้ตรงไปชลบุรีเลยนะ ต้องเอาน้ำไปให้อี๊ของพี่ส้ม-แฟนพี่เรา ที่อินทรามะระก่อน ขับคลำทางกันสุดๆ มืดก็มืด กว่าจะหาทางออกไปรามคำแหงได้ก็เสียเวลาไปหน่อย เส้นนั้นน้ำไม่ท่วมเลย ปกติทุกอย่าง พอถึงบ้านอี๊ก็รีบยกน้ำลง บ้านเขาใกล้ห้าแยกลาดพร้าวมาก เห็นแล้วว่ามีการปิดถนนไม่ให้รถเข้าแล้วเรามองเห็นน้ำรางๆ แต่ยังมาไม่ถึงพื้นที่ที่เขาอยู่ จากนั้นถึงจะขับกลับชลฯ ถึงนู้นเที่ยงคืนได้ ก็นอนห้องเก่าพี่ที่ซื้อไว้แต่มีคนมาเช่าแล้ว เป็นน้องที่สำนักงานพี่นั่นแหละ แต่ขอเค้าอยู่ด้วยพักนึงก่อน เพราะพี่เราก็มีที่พักที่นี่ที่เดียวที่สะดวกสุด จะให้ไปบ้านพักที่วิทยาลัยที่บางละมุงมันก็สะดวก แต่ไกลพี่ไง พี่เลยไม่ให้ไป แบ่งๆกันนอนกับพี่เขาไปก่อน

To Be Continue -- หนีน้ำท่วมไปหาน้ำทะเล




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2554
1 comments
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2554 16:01:16 น.
Counter : 854 Pageviews.

 

แวะมาเยี่ยม...เป็นกำลังใจให้ครับ

 

โดย: **mp5** 23 พฤศจิกายน 2554 16:20:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Bai Ning
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...เสียดายเล็กน้อยที่ชื่อlog inไม่ได้ใช้ชื่อ ที่ใช้ประจำคือ Bernadette เพราะว่ามีคนใช้ไปเเล้ว เลยได้log in Bai Ning มา ^^เเละก็ไม่เข้าใจตัวเองว่า จะตั้งให้เยอะทำไมชื่อbloggang กลายเป็นอีกชื่อซะงั้น เเล้วก็...การใช้ภาษาภายในบล๊อกนี้ จะเป็นอะไรที่ค่อนข้าง จะเป็นตัวเรามากๆ อ่านๆไปจะรู้เองว่ามันไม่ค่อยอยู่กับร่อง กับรอยเท่าไหร่ (หรือเราไม่ค่อยเต็ม?) ก็อย่าไปซีเรียสอะไรกันมาก ฮ่าฮ่า^^
Friends' blogs
[Add Bai Ning's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.