welcome to my world
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
13 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

Full Metal Panic! The End of Day by Day แปลไทย (บทที่ 3 ส่วนที่1)

Full Metal Panic!
The End of Day by Day
บทที่ 3 Black and White (ส่วนที่ 1)

20 ตุลาคม 8.10 น. (เวลาท้องถิ่นญี่ปุ่น)
โซฟุชี โตเกียว ญี่ปุ่น
โรงเรียนม.ปลายจินได

"อรุณสวัสดิ์ เคียวโกะ!" คานาเมะร้องทักทันทีที่เห็นเคียวโกะที่สถานีรถไฟเซ็นคาว่า แล้วใช้มือตบลงไปที่หลังของเธอ

"อรุณสวัสดิ์ เช้านี้ท่าทางร่าเริงดีจังนะ คานะจัง"เคียวโกะพึมพัมพร้อมกับหาวไปด้วย

"งั้นรึ?"

"ใช่...ไปเจออะไรดีๆมาหรือไง?"

"ปะ...เปล่า...ไม่มี...หรือว่ามีนะ? คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง? แหะๆ"

" แปลกๆไปนะ คานะจังเนี่ย"

คานาเมะกับเคียวโกะเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยนักเรียนที่กำลังจะไปโรงเรียน น่าเสียดายที่วันนี้ฝนตก แล้วอากาศก็เย็นมาก เธอยืนอยู่ข้างๆเคียวโกะ กางร่มออกมา คานาเมะรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก เพราะเพื่อนของเธอเตี้ยกว่าเธอมาก ร่มของเคียวโกะจึงบังสายตาเธอไว้หมด

"เมื่อวานนี้วุ่นจังเลยนะ ซางาระคุงไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิด" เคียวโกะพูดขึ้นหลังจากเดินมาได้สักระยะหนึ่ง คานาเมะพยักหน้า

"ฉันรู้ เขาไม่ได้ดีขึ้นเลย ทั้งที่ก็เตือนกันไปตั้งหลายครั้งแล้ว เสียเวลาจริงๆ ฉันล่ะอยากจะลองติดเครื่องช๊อตไฟฟ้าไว้ในหัวของหมอนั่นดูซักที เวลาที่ทำอะไรไม่ได้เรื่อง จะได้ลงโทษด้วยการช๊อตซะเลย อาจจะได้ผลบ้างก็ได้..."

"ฮ่าๆๆ เขาไม่ใช่หมานะ ...ว่าแต่ว่า เกิดอะไรขึ้นตอนที่ฉันกลับบ้านไปแล้วเหรอ?"

"เอ่อ? กะ..ก็ เราก็กลับบ้าน ถามทำไมล่ะ?" คานาเมะเลี่ยง เธอยังอายที่จะบอกว่าเธอพาเขาไปที่บ้านแล้วตัดผมให้

มาคิดดูแล้ว มันออกจะใจกล้าเกินไปรึเปล่านะ ปกติแล้วเธอไม่เคยทำดีกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นถึงขนาดนั้นเลยนี่ ถ้าเพื่อนๆในชั้นรู้เข้า จะทำท่าทางเย็นชาใส่เธออีกหรือเปล่านะ..?

(...เอาเถอะ)

ถ้าเธอเจอกับโซสึเกะ เธอคงต้องตกลงกับเขาให้แต่งเรื่องว่า เขาตัวผมด้วยตัวเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็คงไม่มีปัญหา

"ก็เธอน่ะท่าทางอารมณ์ดี"

"ใครกัน?"

"เธอนั่นแหล่ะ"

"หา?คิดไปเองรึเปล่า หุๆ ฮ่าๆๆๆ..."

"นั่นไง ท่าทางแปลกๆอีกแล้ว"

แล้วบทสนทนาก็ไม่ได้ไปไกลกว่านั้น พวกเธอเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น แล้วในตอนที่กำลังคุยกันถึงละครช่วงหัวค่ำ ทั้งคู่ก็เดินผ่านประตูโรงเรียน จากนั้นจึงเปลี่ยนรองเท้าเป็นแบบที่ใช้ในอาคาร แล้วก็เดินเข้าห้องไป

คานาเมะวางกระเป๋าลงบนโต๊ะและมองไปรอบๆห้อง โซสึเกะไม่อยู่ที่นั่น

(คงยังไม่มาล่ะมั้ง...)

เธอเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลา 8.23 น. กำลังจะเริ่มเรียนแล้ว

(มัวไปทำอะไรอยู่นะ?)

เธออยากจะรู้ว่าทุกคนจะมีปฎิกิริยาอย่างไรเมื่อได้เห็นเขา และเมื่อเธอกำลังคุยกับเพื่อนร่วมห้อง เสียงระฆังเข้าเรียนก็ดังขึ้น มีเสียงเลื่อนโต๊ะ นักเรียนทุกคนเข้าประจำที่ แต่เก้าอี้ของโซสึเกะยังว่างเปล่า

(สายอีกแล้วเหรอเนี่ย? จริงๆเลย ตาบ้านี่ น่าจะมาได้แล้วนะ...)

คานาเมะเปิดหนังสืออย่างไม่พอใจเล็กน้อย

โซสึเกะไม่มาตลอดคาบนั้นและคาบต่อๆไป

เขาไม่มาอีกเลย


*****
20 ตุลาคม 17.19 น.(เวลาท้องถิ่นแปซิฟิกตะวันตก)
ฐานทัพเกาะเมริด้า

เทซซ่ากำลังตรวจสอบเอกสารอยู่ในห้องทำงานที่ฐาน เสียงอินเตอร์คอมบนโต๊ะดังขึ้น เลขานุการที่อยู่ห้องข้างๆติดต่อมา

"คะ?"

"กัปตันคะ สิบโทซางาระมาถึงแล้วค่ะ"

เนื่องจากผู้บังคับบัญชาโดยตรงของโซสึเกะไม่อยู่ที่ฐาน เขาจึงต้องมาที่นี่เพื่อรายงานตัว พันตรีคาลินินนั้นยังอยู่ที่ศูนย์บัญชาการของหน่วยปฏิบัติการที่ซิดนี่ย์ เพื่อคุยเรื่องยุทธโธปกรณ์กับวิศวกรจากบริษัทโรสแอนด์ฮัมเบิลตัน

"...ให้เขาเข้ามาได้เลยค่ะ"

"ค่ะ ท่าน"

เธอปิดเครื่องรับพร้อมกับปิดจอแสดงเอกสารที่เธอกำลังดูอยู่ มันคือโครงการทดสอบระบบสื่อสารในเรือดำน้ำตัวใหม่ ซึ่งยังคงเป็นความลับสุดยอด ซางาระ โซสึเกะไม่มีสิทธิ์ที่จะได้อ่านมัน

เธอรู้สึกเสียใจ

คนที่ออกคำสั่งให้เขากลับมายังฐานทัพนั้นไม่ใช่ใคร นอกจากตัวเธอเอง มันเป็นผลมาจากความลงความเห็นของพลเรือเอกและหน่วยปฏิบัติการโดยตรง ดังนั้นมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันกลับกลายเป็นว่า เธอตั้งใจที่จะแยกโซสึเกะออกจากคานาเมะด้วยตัวเธอเอง และด้วยความจริงที่ว่าเธอนั้นอิจฉาเรื่องความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ เธอจึงรู้สึกผิดอย่างมาก

คุณคาลินินน่าจะกลับมา...เธอคิด แล้วก็รู้สึกไม่พอใจในความอ่อนแอของตัวเอง เธอเป็นคนออกคำสั่ง แต่เธอกลับอยากจะหลบอยู่ข้างหลังของลูกน้องแทน เธอคงขาดคุณสมบัติการเป็นกัปตันเรือไปแล้วสินะ

แต่เธอจะมองหน้าเขาได้อย่างไร?

เธอคิดมาตั้งแต่กลับจากซิดนีย์แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีความคิดดีๆอะไรจะมาช่วยเธอได้เลย

"ประทานโทษครับ"โซสึเกะพูดพร้อมกับก้าวเข้ามาในห้อง เขาเดินตรงมายังโต๊ะของเธอและทำความเคารพ เทซซ่ารับความเคารพ เขารีบลดมือลงแล้วยืนตัวตรง

"ตามสบายค่ะ พักได้"

"ครับผม" เขาพูดพร้อมกับเปลี่ยนเป็นท่ายืนตามระเบียบพัก

ท่าทางของโซสึเกะต่อผู้บังคับบัญชาเป็นแบบนี้เสมอ แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าวันนี้เขาตั้งใจจะสุภาพกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาพึ่งจะเคยติดต่อโดยตรงกับนายทหารสัญญาบัตรก็ได้ เธอคิด...หรือว่าเธอจะคิดมากไป

ทั้งคู่นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง เป็นความเงียบที่นานแสนนาน

โซสึเกะไม่ได้มองเทซซ่า เขาจ้องตรงไปที่แผนที่ขนาดใหญ่ข้างหลังเธอ แม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกันดี แม้ว่าพวกเขาจะอายุเท่ากัน แต่ท่าทางที่ดูสุภาพเกินเหตุคงเป็นการประท้วงแบบเงียบๆของเขา

"คุณจะมาคุยเรื่องที่ต้องแยกจากคุณคานาเมะใช่ไหมคะ?" เธอพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ

"...ครับ"เขาตอบเรียบๆพร้อมกับพูดเสริมในขณะที่ตายังจ้องมองแผนที่ว่า"จะขอทราบเหตุผลหน่อยได้ไหมครับ?"

เทซซ่ากำหมัดแน่นด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่มี และเริ่มอธิบาย

"มันเป็นการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาและตัวฉันเองค่ะ ตอนนี้ หน่วยข่าวกรองของโตเกียวเตรียมความพร้อมเสร็จแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องอยู่กับคุณคานาเมะต่อไปอีกแล้ว"

"ผมไม่เห็นด้วยครับ การคุ้มกันของหน่วยข่าวกรองอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ"

"ไม่จริงหรอกค่ะ ดูเหมือนว่าคุณจะประเมินความสำคัญในตำแหน่งของคุณต่ำไปนะคะ ที่สำคัญ มันเป็นความรับผิดชอบของฉันเองที่ส่งคุณไปทำภารกิจที่ไม่มีประสิทธิผลและไม่ แน่นอน คุณควรที่จะมุ่งมั่นไปทำงานอื่นมากกว่า"

"งานอะไรเหรอครับ?"

ถ้ามีภารกิจอะไรที่สำคัญกว่าการคุ้มกันคานาเมะ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน นั่นคือสายตาที่เขาส่งให้เธอ

"อาร์บาเลสค่ะ" เทซซ่าตอบ ริมฝีปากของโซสึเกะยังคงปิดสนิท

"ฉันอยากให้คุณมีสมาธิในการควบคุมหุ่นตัวนั้น อาร์บาเลสไม่ยอมรับนักบินคนอื่นนอกจากคุณ

"..."

"ในเหตุการณ์ที่ชุนออน คลื่นสมองของคุณถูกบันทึกอยู่ในแลมด้าไดร์เวอร์ ถ้าจะให้เจาะจง"ฝังอยู่"คงจะตรงกว่า ระบบทั้งหมดถูกล้างออกจนถึงตอนนั้น และเมื่อครั้งแรกที่คุณใช้มัน อาร์บาเลสรับรู้ตัวคุณและจดจำเอาไว้ ในขณะที่คุณบังคับมัน โครงข่ายที่คล้ายกับระบบประสาทที่ทำหน้าที่เป็นระบบโครงสร้างของหุ่น ได้จำลองระบบประสาทของคุณเอาไว้ในทารอส และตอนนี้โครงสร้างนั้นก็ปรับไม่ได้อีกแล้ว"

"ผมไม่เข้าใจครับ"

"พูดอีกอย่างหนึ่งว่า อาร์บาเลสกลายเป็นตัวคุณอีกคนหนึ่งตั้งแต่แรกที่คุณเริ่มบังคับมันค่ะ" เธอพูดพร้อมกับเอนหลังลงพิงเก้าอี้ มีเสียงดังเอี๊ยด "ตอนนี้มิธริลไม่มีกำลังพอที่จะสร้างASที่ติดตั้งแลมด้าไดร์เวอร์ได้อีก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ คุณและอาร์บาเลสเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะต่อกรกับศัตรูอย่าง"เวนอม"และ"เบฮีม อท"ได้ ตอนนี้เรามอบงานคุ้มกันคุณคานาเมะให้กับหน่วยข่าวกรองแล้ว ฉันอยากให้คุณตั้งใจฝึกบังคับอาร์บาเลสให้เชี่ยวชาญกว่านี้ค่ะ" เธอจบการอธิบายอย่างอดทน โซสึเกะก้มศีรษะลง ถอนหายใจเล็กน้อย

"หมายความว่าผมไม่มีทางเลือกอื่นสินะครับ?"

"ฉันเกรงว่า เอ่อ..." เทซซ่าตอบอย่างไม่มั่นใจ"ได้โปรดเข้าใจฉันด้วยนะคะ คุณซางาระ"

"เป็นคำสั่งเหรอครับ?"

เมื่อได้ยินคำพูดประชดประชันแบบนั้น เทซซ่ารู้สึกราวกับว่าโดนทุบศีรษะด้วยฆ้อน เขาพูดอย่างตั้งใจ เขาพูดแบบนั้นเพื่อจะตำหนิฉัน เขาบอกว่าจะมาขอคำอธิบาย แต่ยังกล้าพูดมาได้ว่า"เป็นคำสั่งเหรอครับ?" เป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกแล้ว นอกจากว่าเขาตั้งใจจะประกาศตัดความสัมพันธ์อย่างเพื่อนกับเธอ เอาล่ะ เขาอาจจะโกรธ แล้วความรู้สึกของเธอล่ะ

"ใช่ เป็นคำสั่งค่ะ" เธอพูด เสียงของเธอเริ่มดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว "ถ้านั่นจะทำให้คุณเข้าใจได้ จะให้ออกคำสั่งคุณหรือจะทำยังไงก็ได้ ก็ทำแบบนั้นมันง่ายกว่านี่ แน่นอน ฉันจะไม่ขอร้องอะไรคุณอีกแล้ว แม้ว่ามันจะหมายถึงการพรากคุณมาจากคุณคานาเมะก็ตาม ถ้ามันจำเป็นแบบนั้น ฉันก็จะทำ"

"กัปตันครับ...?"

โซสึเกะกำลังสับสน แต่เทซซ่ายังไม่หยุด เธอยังคงระบายมันออกมา

"คุณไม่เข้าใจว่าข้างบนเขาทำงานกันยังไง คุณก็เห็นแล้วว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ฉันทำอะไรคนเดียวไม่ได้ คุณไม่เข้าใจเรื่องของโครงสร้างการทำงาน นโยบาย ข้อตกลงหรืออะไรเลยใช่ไหม!? คุณถึงได้คิดอะไรง่ายๆ คุณไม่เห็นด้วยกับฉันแต่คุณก็ยังคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องอื่นๆได้ แต่ฉันทำไม่ได้ เพราะฉันไม่เพียงแต่ต้องนึกถึงความปลอดภัยของตัวเอง แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกเรือคนอื่นๆด้วย!!เข้าใจไหม? ลองคิดดู คุณเคยสู้กับเวน่อมและเบฮิมอทมาแล้วคงจะเข้าใจสินะ!?แค่M9เพียงอย่างเดียวทำ อะไรASที่ติดตั้งแลมด้าไดร์เวอร์ไม่ได้เลย ถูกไหม!? แล้วคนที่ตายในครั้งต่อไปที่ศัตรูปรากฎ....ใคร!...ลูกน้องฉันเอง!อาจจะเป็นเ มลิซ่าหรือคุณเวเบอร์ก็ได้ แล้วยังมีอันตรายอื่นที่สามารถทำลายกองกำลังภาคพื้นดินได้จนหมดอีกด้วย แต่ฉันไม่มีวันยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นแน่!!"

เธอมองร่างของโซสึเกะผ่านม่านน้ำตา คำพูดหลั่งไหลเหมือนสายน้ำจากทำนบที่พังทลาย เสียงนั้นสั่นพร่าอย่างไร้การควบคุม

โธ่...แย่จัง ฉันร้องไห้อยู่เหรอเนี่ย ผู้นำประเภทไหนกันที่เป็นซะอย่างนี้

แย่ที่สุด ไม่ว่าเธอจะพยายามรวบรวมกำลังสักกี่ครั้ง แต่ความรู้สึกที่ท่วมท้นนั้นก็ไม่จางหายไป

"ผมทราบครับ..."

"แล้วคุณยังหวังอะไรอยู่อีกล่ะ คุณไม่เคยคิดถึงอะไรนอกจากเธอ คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม?"

"ผะ...ผมเสียใจอย่างยิ่งครับกัปตัน ผม..."

"พอซะที!!" เธอตะโกน นัยตาแดงกล่ำ

"คุณมันแย่ที่สุด คุณทำท่าทางเป็นคนใจดี แต่จริงๆแล้วคุณมันเห็นแก่ตัว คุณโกหก ทำไมคุณไม่พูดออกมาซะเลยล่ะว่า ผมอยากอยู่กับเธอ เพราะงั้นอย่ามายุ่งกับผม!"

เมื่อได้ยินเธอพูด โซสึเกะก็ถึงกลับนิ่งตะลึงงัน ตาทั้งคู่กระพริบปริบๆ ตัวสั่น ริบฝีปากเผยอขึ้นๆลงๆ เขาพยายามคิดว่าควรจะพูดอะไรดี

"ถ้าคุณพูดแบบนั้น....ยังดีซะกว่า...."

เธอพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว พึ่งสังเกตว่าตัวเองยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว เรี่ยวแรงหายไปหมด เธอทรุดตัวลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

"ผมขอโทษครับ กัปตัน ผมจะกลับไปคิดทบทวนทุกอย่าง ทั้งงานแล้วก็ สถานการณ์ปัจจุบัน แล้วก็..เอ่อ..ที่คุณเรียกว่า เอ่อ..." ร่างของโซสึเกะรู้สึกขัดขืน เขาพยายามจะเค้นคำพูดออกมา แล้วอินเตอร์คอมบนโต๊ะของเทซซ่าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

เทซซ่าปาดน้ำตาด้วยข้อมือเสื้อ ค่อยๆหยิบเครื่องรับ

"มีอะไร...?"

"กัปตันคะ ร้อยโทครูซโซมาถึงแล้วค่ะ" ร้อยโทวิลาน เลขานุการบอก

"รอสักครู่ก่อนได้ไหมคะ แล้วฉันจะเรียกเขาเข้ามาเอง"

"ค่ะ ท่าน"

เมื่อวางเครื่องรับแล้ว เทซซ่าก็หยิบเอากล่องกระดาษทิชชู่ออกมาสั่งน้ำมูก ใช้ข้อมือเสื้อเช็ดน้ำตาอีกครั้งแล้วพึมพัมออกมาอย่างไม่พอใจ

" คุณซางาระ ฉันเกลียดคุณ"

"....ขอโทษครับ"

"แล้วก็เกลียดที่คุณขอโทษอะไรง่ายแบบนี้ด้วย..."

"ขอประทานโทษครับ...."

"ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว ไปได้"

"ครับผม...."เขากล่าว แล้วเดินออกจากห้องทำงานของเธอ

เมื่อประตูปิดสนิท เทซซ่ารู้สึกว่าตัวเองถูกปกคลุมไปด้วยความสำนึกผิดที่ท่วมท้น

เธอพึ่งจะต่อว่าลูกน้อง ทำให้เขาสับสน แล้วยังตะโกนใส่เขา มันไม่ใช่แค่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำตัวน่าขายหน้าแบบนี้ ยังดีที่ไม่มีคนอื่นรู้เห็นอีก แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะ เธอได้พูดเรื่องแย่ๆออกไปหลายเรื่องโดยไม่รู้จักควบคุมมันไว้ เป็นไปได้ว่าเขาคงเกลียดเธอแล้วแน่ๆ

เทซซ่าตั้งสติอีกครั้ง ใช้เวลาสามทีเต็ม กว่าที่เธอจะรวบรวมกำลังกลับมาได้ หลังจากที่ส่องกระจกสำรวจดูตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอก็เรียกให้เลขานุการเชิญแขกเข้ามา

ประตูบานที่โซสึเกะพึ่งจะออกไป เปิดออกอีกครั้ง แล้วชายผิวดำร่างสูงก็ก้าวเข้ามา ทำความเคารพ

"เบลฟานกัน ครูซโซ่ รายงานตัวครับ"

"ยินดีต้อนรับสู่กองเรือแปซิฟิกตะวันตกค่ะผู้หมวด ฉัน เทเลซ่า เทสต้ารอสซ่า เป็นผู้บัญชาการกองเรือ"เธอรับความเคารพพร้อมกับพูดโดยไร้ร่องรอยของเรื่องว ุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

"ได้ยินชื่อท่านมานานแล้วครับกัปตัน ยินดีที่ได้พบครับ"

"เช่นกันค่ะ ได้พบหน่วยของคุณรึยังคะ?"

"ยังครับ ว่าแต่ว่า สิบโทคนก่อนหน้านั้น ใช่สิบโทซางาระไหมครับ?"

เขาคงจะเห็นโซสึเกะตอนที่รออยู่อีกห้องหนึ่งและถามเพื่อยืนยันตัว

"ค่ะ คิดว่าฉันน่าจะแนะนำให้คุณรู้จักกันก่อน"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมจะไปพบกับ"พวกเขา"เอง" เขาพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

(จบบทที่ 3 Black and White (ส่วนที่ 1)




 

Create Date : 13 กันยายน 2551
0 comments
Last Update : 13 กันยายน 2551 21:58:32 น.
Counter : 575 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


คนรักมิวฟิล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คนรักมิวฟิล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.