Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
20 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
กฎแห่งกระจก A Rule of a Mirror <ตอนที่ 2>


"ถ้าอย่างนั้น ก่อนอื่น ช่วยลองทำสิ่งที่ผมกำลังจะบอกต่อไปนี้นะครับ ผมอยากให้คุณเขียนระบายความรู้สึกที่คุณคิดว่าให้อภัยไม่ได้ ลงบนกระดาษ เป็นคำพูดระบายความโกรธก็ได้ครับ อย่างเช่น "ไอ้บ้า" หรือไม่ก็ "ทุเรศ" หรือไม่ก็ "หนูเกลียดพ่อ" อะไรทำนองนั้นน่ะครับ ถ้านึกเหตุการณ์ในอดีตออกก็เขียนลงไปด้วย เช่นว่า "เรื่องราวในตอนนั้นทำให้ฉันรู้สึกแย่" ระบายความเจ็บแค้น ความทุกข์ทุกอย่างลงไปในกระดาษให้หมด ไม่ต้องยั้งเลยนะครับ คุณต้องเขียนความรู้สึกของตัวเองออกมา เขียนไปจนกว่าจะพอใจ แล้วค่อยโทรศัพท์มาหาผม ผมจะบอกเบอร์มือถือให้นะครับ"

เอโกะยังนึกสงสัยอยู่ว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยแก้ปัญหาอย่างไรได้
แต่เธอคิดว่าถ้ามีความเป็นไปได้ก็น่าจะลองดู ดีกว่านั่งสงสัยแล้วไม่ทำอะไรเลย เอโกะคิดว่า "จะลองทำทุกอย่างหากสิ่งนั้นจะช่วยแก้ปัญหาในตอนนี้ได้"

ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจเหตุผลของคุณยางุจิ แต่คำพูดของเขาฟังดูน่าเชื่อถือ หลังจากที่เอโกะวางโทรศัพท์ เธอก็หยิบกระดาษเปล่าสำหรับเขียนรายงานมาเริ่มเขียนระบายความรู้สึกที่มีต่อพ่อของตัวเอง

สมัยที่เอโกะยังเด็ก พ่อของเธอเป็นคนจู้จี้ขี้บ่น บ่อยครั้งที่เวลาอาหารเย็นกลายเป็นเวลาของการเทศนาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น และเมื่อลูกๆทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะตะโกนด่ากันเสียๆ หายๆ นั่นหละพ่อของเธอ

"พ่อไม่สนเหรอว่าฉันรู้สึกยังไง!" หลายครั้งที่เธอคิดอย่างนั้น และเธอก็ไม่พอใจที่พ่อชอบบ่นเรื่องงานเวลาเหล้าเข้าปาก
พ่อเป็นคนงานคุมการก่อสร้าง เมื่อเลิกงานกลับมาบ้าน พ่อจะนั่งกินข้าวทั้งๆ ที่ยังสวมเสื้อผ้าเปื้อนเหงื่อเลอะเศษดินและทรายเต็มไปหมด
เอโกะเขียนระบายความรู้สึกออกมาไม่หยุด รู้ตัวอีกทีก็มีคำว่า "คนไม่ได้ความ!" และ "คนแบบนี้ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพ่อหรอก!" และอื่นๆ อีกมากมาย บางคำก็ค่อนข้างรุนแรงทีเดียว

เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีตสมัยชั้นมัธยมปลาย เธอเคยออกไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายในวันอาทิตย์แล้วพ่อบังเอิญผ่านมาเห็นเข้าพอดี เมื่อกลับถึงบ้านเธอจึงถูกพ่อดุอย่างรุนแรง
เธอโกหกพ่อแม่ว่าไปเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิง และพ่อก็รับไม่ได้ที่เธอโกหก เธอยังจำคำพูดของพ่อในวันนั้นได้ดี

"แกแอบคบกับเขาเสียๆ หายๆ หรือยังไง ถึงต้องปิดบังพ่อแม่! แกไม่มีทางโตขึ้นมาเป็นผู้หญิงดีๆ เหมือนใครเขาได้หรอก!"
น้ำตาแห่งความคับแค้นใจรินไหลออกมา เธอเขียนต่อไป
"ก็เพราะพ่อเป็นเสียแบบนี้ หนูถึงต้องโกหกไงเล่า! พ่อนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ ไม่รู้หรือยังไง "แกไม่มีทางโตขึ้นมาเป็นผู้หญิงดีๆ เหมือนใครเขาได้หรอก" พ่อพูดเกินไปแล้ว พ่อไม่รู้หรอกว่าหนูเสียใจแค่ไหนที่พ่อพูดแบบนี้! พ่อต่างหากที่ไม่ดี! หนูไม่อยากพูดอะไรกับพ่ออีกตั้งแต่นั้นมา พ่อนั่นแหละทำตัวเอง!"
ขณะที่เขียนน้ำตาก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย

รู้ตัวอีกทีก็เลยเที่ยงวันไปนานแล้ว เธอเขียนอยู่เกือบสองชั่วโมง กระดาษเขียนรายงานหลายสิบแผ่นเต็มไปด้วยข้อความแห่งความโกรธแค้น ไม่รู้ว่าเพราะได้เขียนระบายความคับแค้นใจหรือเพราะว่าได้ร้องให้ออกมา เอโกะจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

เอโกะโทรศัพท์หาคุณยางุจิอีกครั้งตอนบ่ายโมงกว่า
"เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ"
"ค่ะ ดิฉันระบายทุกอย่างออกมาหมด แล้วพอได้ร้องให้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะค่ะ"
"คุณพร้อมที่จะให้อภัยพ่อหรือยังครับ"
"พูดตรงๆ นะคะ ดิฉันคงไม่ค่อยพร้อม แต่ก็จะลองดูค่ะ ถ้าทำได้ดิฉันก็ให้อภัย จะได้สบายใจเสียที"
"ถ้าอย่างนั้นก็จะมาเริ่มกันเลยครับ การให้อภัยคุณพ่อเป็นการทำเพื่อตัวคุณเองนะครับ ช่วยหยิบกระดาษมาเขียนหัวข้อว่า "สิ่งที่ควรขอบคุณพ่อ" ทีครับ เอาละ สิ่งที่คุณจะขอบคุณท่านได้มีอะไรบ้างครับ"

"อย่างแรกเลยคือ พ่อทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว เพราะพ่อ ครอบครัวจึงมีกินมาใช้ และดิฉันก็โตมาได้จนทุกวันนี้"
"เขียนลงไปเลยครับ แล้วอย่างอื่นละครับ"
"เอ่อ...สมัยประถม พ่อชอบพาดิฉันไปเล่นที่สวนสาธารณะบ่อยๆ ค่ะ"
"เขียนลงไปด้วยครับ มีอีกไหมครับ"
"เท่านี้มังคะ"
"ถ้าอย่างนั้นหยิบกระดาษแผ่นใหม่มาเขียนหัวข้อว่า "สิ่งที่อยากขอโทษพ่อ" น่ะครับ คุณมีเรื่องที่อยากขอโทษพ่อบ้างไหมครับ"
"คิดไม่ออกเลยค่ะ ถ้าจะมีก็คงเป็นเรื่องที่ดิฉันนึกต่อต้านพ่ออยู่ตลอดเวลา แต่ใจจริงแล้วดิฉันไม่อยากขอโทษเลยค่ะ"
"ไม่ต้องเอาตามความรู้สึกที่แท้จริงก็ได้ครับ แค่เริ่มจากการกระทำภายนอกก่อน ยังไงช่วยเขียนสิ่งที่เพิ่งพูดลงไปก่อนนะครับ"

"เขียนแล้วค่ะ เอ่อ แล้วที่บอกว่าเริ่มจากการกระทำภายนอกนี่คืออะไรเหรอคะ"
"ฟังให้ดีนะครับ จากนี้ไปคุณต้องรวบรวมความกล้าแล้วละครับ นี่อาจเป็นสิ่งที่คุณต้องใช้ความกล้ามากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ วิธีที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้ คุณอาจไม่อยากทำตาม แต่จะทำหรือไม่ คุณต้องตัดสินใจเอาเองครับ"
"ผมอยากให้คุณโทรศัพท์ไปหาพ่อแล้วพูดขอบคุณ และขอโทษท่าน ถ้าคุณไม่อยากพูดเพราะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น พูดตามที่เตรียมเอาไว้ก็ได้ครับ แค่อ่านข้อความในกระดาษสองแผ่นที่เขียน "สิ่งที่ควรขอบคุณพ่อ" และ "สิ่งที่อยากขอโทษพ่อ" แค่บอกท่านไปตามนั้นเองครับ พูดเสร็จแล้วจะวางสายเลยก็ได้ ลองดูนะครับ"
"......ดิฉันคงต้องใช้ความกล้ามากที่สุดในชีวิตอย่างที่คุณพูดละมังคะ แต่ถ้าสิ่งนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ ก็มีค่าควรแก่การลองจริงไหมคะ แต่ก็ยากจังเลยค่ะ"

“จะทำหรือไม่ คุณต้องตัดสินใจเอาเองครับ แต่ผมคิดว่ามีค่าพอที่จะลองใช้ความกล้าดู พอดีผมต้องไปทำธุระต่อแล้ว ยังไงขอตัวก่อนนะครับ ถ้าคุณโทรศัพท์ไปหาคุณพ่อเรียบร้อยเมื่อไหรร่ ขอให้โทรมาหาผม แล้วผมจะบอกขึ้นตอนต่อไปให้ครับ”

คำพูดที่ว่า “เริ่มจากการกระทำภายนอกก่อน” เป็นแรงจูงใจให้เอโกะคิดว่าน่าจะลองทำตามที่คุณยางุจิแนะนำดู
เธอทำใจไม่ได้ที่จะต้องขอโทษ เพราะคิดว่าคนผิดคือพ่อ เธอไม่ควรต้องเป็นฝ่ายขอโทษเลย แต่ถ้าแค่อ่านสิ่งที่เขียนเอาไว้โดยไม่ต้องรู้สึกตามนั้นจริๆง เธอก็น่าจะทำได้ และควรที่จะลองทำดู
เอโกะคิดว่าจะโทรศัพท์ไปหาพ่อ และอดแปลกในกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำไม่ได้ ถ้าไม่มีแรงจูงใจเช่นนนี้ เอโกะคงไม่มีโอกาสได้คุยกับพ่อไปตลอดชีวิต

ตอนที่แต่งงานใหม่ๆ ทุกครั้งที่เธอโทรศัพท์กลับบ้าน ถ้าพ่อเป็นคนรับสาย เธอจะรีบพูดว่า “นี่หนูเองนะ ขอคุยกับแม่หน่อย” แต่เดี๋ยวนี้ พอเอโกะพูดว่า “นี่หนูเองนะ” เธอก็จะได้ยินเสียงพ่อร้องเรียกแม่ “แม่ เอโกะโทรมา” พ่อเองก็คงรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่เอโกะจะคุยด้วย

แต่วันนี้เธอจะคุยกับพ่อ
“ถ้ามัวแต่ลังเล เดี๋ยวก็ไม่อยากโทรขึ้นมาหรอก” เมื่อเอโกะคิดเช่นนนั้นจึงรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
แม่เป็นคนรับสาย
“นี่หนูเองนะคะ”
“อ้าว เอโกะเหรอ สบายดีไหมลูก”
“ก็ดีค่ะ ....เอ่อ แม่คะ พ่ออยู่ไหมคะ”
“เอ๊ะ พ่อเหรอ มีธุระอะไรกับพ่อหล่ะ”
“เอ่อ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกค่ะ”
“เอ แปลกจัง แล้วมีธุระอะไรล่ะจ๊ะ”
“เอ่อ มันก็ออกจะแปลกๆ อยู่สักหน่อยน่ะค่ะแม่ เรื่องมันยาวขอหนูคุยกับพ่อเองได้ไหมคะ”
“อย่างนั้นก็ได้จ๊ะ รอเดี๋ยวนะ”

ในช่วงวินาทีที่รอพ่อเดินมารับโทรศัพท์ ความตื่นเต้นของเอโกะก็ถึงขีดสุด เธอเกลียดพ่อและไม่ยอมคุยเปิดออกกับพ่อมาตลอด
แต่ตอนนี้เธอกำลังจะกล่าวของคุณและขอโทษด่อ ซึ่งความจริงแล้วเธอไม่น่าจะทำได้

เอโกะเป็นกังวลเรื่องของยูตะ และความกังวลนั้นก็ทวีความรุนแรงขึ้นจนทำให้เธอทำสิ่งที่ไม่น่าจะทำได้ ถ้ามีความเป็นไปได้ที่จะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์นี้ละก็ เธอยอมทำทุกวิถีทาง ความคิดนี้เป็นแรงผลักดันให้เอโกะโทรศัพท์ไปหาพ่อของตัวเอง

พ่อรับสาย
“มะ.....มีอะไร ธุระอะไรเหรอ”
เอโกะคิดอะไรไม่ออก เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“อะ เอ่อ คือ หนูอยากบอกอะไรกับพ่อน่ะค่ะ คือหนูไม่เคยบอกเลย แต่คิดว่าน่าจะบอกสักหน่อย ก็เลยโทรมาน่ะค่ะ ...คือว่าพ่อทำงานก่อสร้างคงเหนื่อยมาก เพราะพ่อตรากตรำทำงานหนัก หนูถึงโตมาได้ เอ่อ ตอนหนูเป็นเด็ก พ่อชอบพาหนูไปเล่นที่สวนสาธารณะบ่อยๆ ใช่มั๊ยล่ะคะ หนูเลยคิดว่าน่าจะขอบคุณพ่อ อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ หนูไม่เคยพูดออกมา ก็เลยว่าจะบอกพ่อสักครั้ง แล้วก็ .....หนูรู้สึกต่อต้านพ่อ เถียงพ่ออยู่ในใจมาตลอด เลยคิดว่าควรจะขอโทษพ่อด้วยค่ะ”

เธอพูดสิ่งที่ควรพูดออกไปแล้ว
เธอคิดจะวางสายทันทีที่ได้ยินเสียงพ่อตอบรับกลับมา
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
“ถ้าไม่ตอบแล้วจะวางสายได้ยังไงกันหล่ะ” ทันที่ที่เธอคิดเช่นนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของแม่ดังมาตามสาย

“เอโกะ! พูดอะไรกับพ่อหน่ะ”
“คะ?”
“หนูว่าอะไรพ่อเขา! พ่อเขาลงไปนั่งร้องให้อยู่กับพื้นนแล้วรู้ไหม!”
เธอได้ยินเสียงร้องให้ของพ่อทางโทรศัพท์
เธอทำอะไรไม่ถูกเพราะความตกใจ
ตั้งแต่เกิดมา เธอไม่เคยได้ยินพ่อร้องให้เลยสักครั้ง
พ่อเป็นคนเข้มเข็งมาก แต่ตอนนี้เธอได้ยินเสียงสะอื้นให้ของพ่อดังมาจากปลายสายอีกฝั่งหนึ่ง การที่เธอพูดขอบคุณซึ่งเป็นเพียงการกระทำภายนอก ทำให้พ่อผู้แข็งแกร่งถึงกับร้องให้ออกมา เมื่อได้ยินเสียงร้องให้ของพ่อ เอโกะก็น้ำตาคลอ
พ่อคงอยากให้ความรักกับฉันมากกว่านี้ และคงอยากคุยกับฉันเหมือนอย่างพ่อลูกคู่อื่นๆ พ่อคงเหงาสินะ พ่อที่เข้มแข็ง อดทนไม่ว่าจะทำงานเหนื่อยยากแค่ไหน ตอนนี้กลับกำลังนั่งร้องให้
การที่ลูกไม่รับความรักของตัวเองเป็นเรื่องทุกข์ทรมานอย่างนี้นี่เอง
เอโกะสะอื้นให้

ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอจึงได้ยินเสียงของแม่
“เอโกะ! ใจเย็นลงหรือยัง ไหนเล่าให้แม่ฟังหน่อย”
“แม่คะ หนูขอคุยกับพ่อหน่อยค่ะ
แล้วเธอก็ได้ยินเสียงสั่นๆ ของพ่อ
“เอโกะ พ่อขอโทษ พ่อไม่ดีเอง ทำให้ลูกต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆ ...”
เธอได้ยินเสียงร่ำให้ของพ่ออีกครั้ง
“พ่อคะ หนูขอโทษ หนูเองก็เป็นลูกสาวที่แย่มาก แล้วก็ขอบคุณที่เลี้ยงหนูมานะคะ .....”
เสียงของเอโกะเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น
หลายวินาทีผ่านไป เสียงของแม่ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นหรือลูก สงบอารมณ์ได้เมื่อไหร่ค่อยอธิบายให้แม่ฟังก็ได้จ๊ะ ตอนนี้แค่นี้ก่อนแล้วกันนะ”
แม้จะวางโทรศพัท์ไปแล้ว แต่เอโกะก็ยังทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่

เธอเกลียดพ่อมาตลอด 20 ปี และไม่เคยให้อภัยพ่อเลย เธอคิดมาตลอดว่าผู้ได้รับผลกระทบคือเธอคนเดียวเท่านั้น
เธอมองเพียงด้านเดียว ไม่เคยคิดที่จะมองในมุมกลับกันเลย ความรักของพ่อ ความอ่อนแอของพ่อ ความไม่รู้ของพ่อ ....เธอไม่เคยมองเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อน พ่อทุกข์ใจมากแค่ไหนกันนะ เธอทำให้พ่อต้องทุกข์ทรมานมานานแค่ไหนแล้ว
แล้วเธอก็เริ่มรู้สึกอยากขอบคุณพ่อจากใจจริง
“เริ่มจากการกระทำภายนอกก่อนก็ได้ เดี๋ยวความรู้สึกก็ตามมาเอง” ในที่สุดเธอก็เข้าใจคำพูดของคุณยางุจิ
“อีกหนึ่งชั่วโมงยูตะก็จะกลับมาแล้วสินะ”



Create Date : 20 ธันวาคม 2551
Last Update : 20 ธันวาคม 2551 14:03:35 น. 4 comments
Counter : 628 Pageviews.

 
น้ำตาไหลเลยค่ะ

อ่านแล้วแบบนึกถึงตัวเองเลยย


โดย: Nufufine วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:11:40:58 น.  

 
เรื่องดีจังเลยค่ะพี่ Ratitu ^^
รออ่านตอนต่อไปนะคะ =)


โดย: +~%Chocolate Republic%~+ วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:13:13:24 น.  

 
เช่นกันเจ้าจะแวะมาอ่านตอนต่อไป


โดย: แม่เฮือน วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:2:13:01 น.  

 
น้ำตาคลอเลยค่ะ


โดย: I+am+With+You IP: 222.123.223.23 วันที่: 16 มกราคม 2552 เวลา:22:06:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ratitu
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฝากคอมเม้นท์ไว้ เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าของบ้านด้วยนะคะ
Friends' blogs
[Add Ratitu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.