Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

กฎแห่งกระจก A Rule of a Mirror <ตอนที่ 3>


ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
คนที่โทรศัพท์มาคือคุณยางุจิ
“สวัสดีครับ ยางุจิครับ ตอนนี้ผมมีเวลาสักห้าสิบนาทีเลยโทรมา เมื่อครู่ผมมีธุระเลยต้องวางสายไปทั้งๆที่ยังคุยค้างอยู่น่ะครับ
“ดิฉันโทรไปหาพ่อแล้วน่ะค่ะ ดีจริงๆ ที่โทรไป ขอบคุณมากเลยนะคะ เพราะคุณยางุจิแท้ๆ”
เอโกะเล่าเรื่องที่เธอคุยกับพ่อให้ฟังคร่าวๆ
“อย่างนั้นเหรอครับ คุณตัดสินใจถูกต้องแล้วละครับที่แสดงความกล้าออกไป”
“ดิฉันเคยคิดว่าปัญหาใหญ่ที่สุดคือการที่ยูติถูกเพื่อนแกล้งแต่จริงๆ แล้วคือการที่ดิฉันไม่ให้อภัยพ่อมานานหลายปีต่างหาก ยูตะช่วยให้ดิฉันได้ปรับความเข้าใจกับพ่อ ปัญหาของยูตะก็มีส่วนดีเหมือนกันนะคะ”
“คุณเริ่มจะมองเห็นด้านดีจากปัญหาความทุกข์ในของยูตะแล้วสินะครับ”

“มีกฎที่เรียกว่า “กฎของสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น” ครับ เมื่อเราเริ่มเข้าใจถึงสิ่งหนึ่ง เราก็จะเข้าใจอีกสิ่งหนึ่งตามมา ที่จริงแล้วทุกปัญหาในชีวิตที่เกิดขึ้นเพื่อทำให้เรารู้ซึ้งถึงความสำคัญของบางสิ่ง หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นต่างหาก นั่นหมายความว่า ปัญหาที่เราแก้ไขด้วยตนเองไม่ได้จะไม่มีวันเกิดขึ้น เราแก้ไขได้ทุกปัญหาและถ้าพยายามอย่างเอาใจใส่ มองโลกในแง่ดี เราจะนึกขอบคุณในภายหลังว่า “ดีแล้วที่เกิดปัญหานั้นขึ้น เพราะนั่นทำให้ฉัน ........”

“จริงด้วยค่ะ แต่ปัญหาของยูตะยังไม่หมดไป ดิฉันเลยกังวลอยู่ค่ะ”
“คุณคิดว่ายังไม่ได้แก้ปัญหาเลยสินะครับ แต่ไม่แน่นะ มันอาจจะกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ดีก็ได้ เพราะความรู้สึกของทุกคนเชื่อมโยงถึงกันอยู่ ถ้าแก้ไขที่ต้นเหตุได้แล้ว ผลลัพธ์ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป ถูกไหมครับ”

“ปัญหาจะหมดไปจริงๆ หรือคะ”
“ขึ้นอยู่กับคุณมากกว่า เอาละครับ ลองมาสรุปกันง่ายๆก่อน ความทุกข์ของคุณในตอนนี้ก็คือยูตะไม่ยอมเปิดใจให้ คุณเลยรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหน เป็นแม่ที่ช่วยลูกไม่ได้ และคุณก็ไม่อยากทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้ ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ ใช่ค่ะ ลูกไม่เคยปรึกษาอะไรกับดิฉันเลย ทั้งที่ดิฉันอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ แต่แกก็ปฎิเสธว่า “อย่ามายุ่ง!” ยิ่งรู้ว่าลูกโดดเดียว ดิฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหน ไม่มีอะไรน่าทุกข์ใจไปกว่าการช่วยเหลือลูกตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ”
“ครับ จริงด้วยครับ ทีนี้คุณคงเข้าใจแล้วสินะครับว่านั่นคือความทุกข์ใจของใคร”
“เอ๊ะ ของใครเหรอคะ ......”

ตอนนั้นเองที่ใบหน้าของพ่อลอยขึ้นมา ใช่แล้ว! ความทุกข์ทรมานนี้เป็นสิ่งที่พ่อต้องทนมานานหลายปี ความทุกข์ที่ลูกสาวไม่ยอมเปิดใจให้ ความทุกข์ที่ถูกลูกสาวเกลียดมาโดยตลอด ความทุกข์ที่ไม่สามารถช่วยเหลือลูกได้ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ ...........

นั่นเป็นความทุกข์เดียวกับที่ฉันมีอยู่ในตอนนี้ พ่อทนทุกข์ทรมานกับมันมานานกว่า 20 ปีเชียวหรือ
น้ำตาไหลรินลงบนแก้มของเอโกะ
“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรู้ถึงความทุกข์ที่พ่อเผชิญมาสินะคะ พ่อต้องทรมานมากถึงขนาดนี้นี่เอง ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะว่าทำไมพ่อถึงร้องให้คร่ำครวญอย่างนั้น”
“ปัญหาในชีวิตเกิดขึ้นเพื่อให้เราได้รู้ซึ้งถึงสิ่งสำคัญครับ”
“ดิฉันเข้าใจความทุกข์ใจของพ่อแล้วค่ะ เพราะยูตะแท้ๆ ดิฉันถึงได้คิด เป็นเพราะยูตะไม่ยอมเปิดใจให้ดิฉันนี่เอง ......”

“ทั้งลูกชาย คุณพ่อ และตัวคุณเองต่างมีความรู้สึกเชื่อมโยงกันอยู่ลึกๆ ยูตะเป็นเหมือนที่คุณเคยเป็น แล้วก็รู้สึกเหมือนที่คุณเคยรู้สึกครับ เหตุการณ์นี้เลยทำให้คุณได้คิด”
“ดิฉนอยากขอบคุณยูตะค่ะ อยากบอกเขาว่า “ขอบคุณที่ทำให้แม่รู้ซึ้งถึงสิ่งสำคัญ” ที่ผ่านมาดิฉันบ่นลูกอยู่ในใจเสมอว่า ไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังเลย”

“ตอนี้คุณเข้าใจยูตะแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ! ตอนเป็นเด็ก ดิฉันไม่ชอบพ่อที่จู้จี้ขี้บ่น ไม่ชอบให้พ่อมายุ่งวุ่นวาย คิดดูแล้ว นั่นคงเป็นการแสดงความรักของพ่อ แต่ตอนนั้นดิฉันกลับรู้สึกว่าน่ารำคาญ ตอนนี้ยูตะคงรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ความรักที่ดิฉันพยายามหยิบยื่นให้กลับกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับยูตะไป”

“จริงๆ แล้วตอนเด็กๆ คุณอยากให้พ่อเป็นยังไงครับ”
“อยากให้พ่อไว้ใจดิฉันบ้างค่ะ อยากให้พ่อคิดว่า “ถ้าเป็นเอโกะละก็ต้องทำได้แน่ๆ!” ....ดิฉันเองก็คงไม่ไว้ใจยูตะละมังคะ คิดว่าถ้าไม่มีดิฉัน ลูกคงทำอะไรไม่ได้ ก็เลยถามโน่นถามนี่กับแก .... ดิฉันอยากไว้ใจลูกให้มากกว่านี้ค่ะ”
“คุณเข้าใจความทุกข์ของพ่อ และความทุกข์ของยูตะแล้วใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกลับสามีนะครับ คุณจำเรื่องที่คุยกันได้เมื่อเช้าไหมครับ ที่ผมบอกว่า “สาเหตุที่ทำให้ยูตะลูกชายคนสำคัญของคุณถูกเพื่อนแกล้งก็คือการที่คุณเกลียดคนใกล้ตัว”

“ค่ะจำได้ แล้วดิฉันก็บอกว่า ดิฉันไม่ได้เกลียดสามี แต่ก็ไม่ได้เคารพ”
“ถ้าอย่างนั้นมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณของสามีบ้างครับ ลองบอกผมได้ไหม”
“ดิฉันมักคิดว่าสามีเป็นคนไม่มีการศึกษา หรือไม่ก็ไม่มีความคิด แม้แต่กับเรื่องของยูตะ ทั้งๆ ที่ดิฉันเป็นทุกข์มากแต่เขากลับมองเรื่องนี้ในแง่ดีไปเสีย ถึงดิฉันจะบ่นให้เขาฟังแต่ก็ไม่เคยปรึกษาเขาจริงๆ จังๆ ไม่เคยคิดจะฟังความคิดเห็นของเขาเลยค่ะ”

ถึงตรงนี้เอโกะเริ่มคิดได้ว่า เธอมองสามีด้วยมุมมองที่คล้ายกับที่มองพ่อ
“เหมือนกับที่ดิฉันมองพ่อของตัวเองเลยนะคะ”
“ใช่แล้วครับ ส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงมองพ่อของตัวเองอย่างไรก็จะมองสามีอย่างนั้น แต่เท่าที่ผมฟังมา ดูเหมือนสามีของคุณจะไว้ใจยูตะมากเลยนะครับ”
“อ๊ะ! จริงด้วยค่ะ! ดิฉันน่าจะเอาอย่างสามีนะคะ ดูยูตะจะเล่าเรื่องต่างๆ ให้พ่อฟังเสมอ เป็นเพราะพ่อไว้ใจ ยูตะก็เลยเปิดใจกับพ่อ ดิฉันไม่เคยมองเห็นข้อดีนี้ของสามีเลยค่ะ”

“เหรอครับ คุณคิดอย่างนั้นใช่ไหมครับ ทีนี้ผมจะให้การบ้านนะครับ จะทำหรือไม่ทำคุณต้องลองตัดสินใจดู เมื่อตอนบ่ายผมให้คุณเขียน “สิ่งที่ควรขอบคุณพ่อ” และ “สิ่งที่อยากขอโทษพ่อ” ตอนนี้ผมอยากให้คุณเขียนเพิ่มลงใไปให้มากที่สุด จะกี่แผ่นก็ได้ครับ”
“พอเสร็จแล้วก็นำกระดาษมาอีกแผ่นแล้วเขียนหัวข้อว่า “ควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับพ่อ” ไม่ใช่เขียนเพื่อสำนักผิดที่ทำไม่ดีกับพ่อนะครับ แต่เพื่อให้คุณค้นพบแนวทางในการปฏิบัติตัวกับสามี”
“อีกอย่าง ตอนกลางคืน พอยูตะหลับสนิทแล้ว ขอให้คุณมองหน้าเขา และกระซิบในใจว่า “ขอบใจจ้า” ร้อยครั้ง ฟังแล้วอยากลองทำดูไหมครับ”
“ค่ะ ดิฉันจะลองดู”

หลังจากวางโทรศัพท์ได้ไม่นาน ยูตะก็กลับถึงบ้าน
ยูตะกองกระเป๋าไว้ที่หน้าประตู หยิบถุงมือและลูกเบสบอลออกไปเล่นที่สวนสาธารณะเช่นเคย
“เมื่อวานเพิ่งถูกเพื่อนไล่กลับมาแท้ๆ ยังจะไปสวนสาธารณะอีกเหรอ” จิตใจของเอโกะเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นกังวลมากไปกว่านี้ เอโกะจึงมุ่งทำการบ้าน มีหลายสิ่งที่เธอคิดได้ว่าควรจะขอบคุณพ่อ

“สิ่งที่ควรขอบคุณพ่อ”
- พ่อเป็นคนงานคุมการก่อสร้าง ทำงานเหน็ดเหนื่อย เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
- เมื่อตอนเป็นเด็ก ฉันมักเป็นไข้ตอนกลางคืน ทุกครั้งพ่อจะขับรถพาไปโรงพยาบาล (พ่อต้องทำงานใช้แรงงานในตอนกลางวัล เพราะฉะนั้นพ่อคงลำบากน่าดูที่ต้องนอนดึก)
- เมื่อตอนเป็นเด็ก พ่อชอบพาไปทะเล และแม่น้ำ พ่อสอนให้ฉันว่ายน้ำเป็น
- เมื่อตอนเป็นเด็ก ฉันชอบเมลอนมาก ทุกๆ ปีพอถึงวันเกิด พ่อจะซื้อเมลอนมาให้เป็นประจำ
- เมื่อตอนเป็นเด็ก ฉันเคยถูกเด็กข้างบ้านแกล้ง พ่อจึงไปที่บ้านของเด็กคนนั้นเพื่อพูดกับพ่อแม่ของเขา
- ฉันเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเอกชน พ่อออกค่าเล่าเรียนให้โดยไม่บ่นสักคำ (สำหรับครอบครัวเราในตอนนั้นถือเป็นภาระอันหนักหน่วง)
- ตอนที่ฉันได้งานทำ พ่อสั่งซูชิมากินที่บ้าน (เป็นซูชิหรูหรา ราคาแพงมาก แต่ฉันกลับพูดไปว่า “ไม่ชอบกินซูชิ” พ่อจึงหงอยไป)
- พ่อเปิดบัญชีให้ลูกๆ ทุกคน พร้อมทั้งบอกว่า “เผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉิน” และนำเงินฝากเข้าบัญชีให้แม้จะไม่มากก็ตาม (พ่อพยายามจะยื่นสมุดบัญชีนั้นให้ฉันในวันก่อนวันแต่งงาน แต่ฉันบอกว่า “ไม่อยากเดินถือไปถือมา โอนเข้าบัญชีให้ดีกว่า” และไม่ยอมรับไว้ในตอนนั้น)

“สิ่งที่อยากขอโทษ” ผุดขึ้นในสมองของเธออย่างต่อเนื่อง หลังจากเขียน “สิ่งที่อยากขอบคุณ” เธอเขียน “สิ่งที่ควรขอบคุณ และ “สิ่งที่อยากขอโทษ” พลางร้องให้

“พ่อรักฉันมากขนาดนี้เชียวหรือ ถึงฉันจะดื้อแค่ไหน พ่อก็ยังรักฉันอยู่ เพราะมัวแต่ถือทิฐิไม่ยอมให้อภัย ฉันเลยไม่เคยรู้ถึงความรักนี้ และถึงแม้จะได้รับความรักจากพ่อมากแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่เคยทำอะไรให้พ่อเลย จะตอบแทนคุณสักครั้งก็ไม่เคย”




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2551
5 comments
Last Update : 25 ธันวาคม 2551 22:00:38 น.
Counter : 730 Pageviews.

 

 

โดย: ความเจ็บปวด 25 ธันวาคม 2551 23:54:12 น.  

 

รออ่านต่อนะคะพี่ Ratitu ^^
แต่แพรเชื่อในกฏนี้เหมือนกันน้า... จริงเนอะคะ =)

 

โดย: +~%Chocolate Republic%~+ 26 ธันวาคม 2551 23:47:13 น.  

 

ตามมาอ่านให้ครบ

แล้วก็รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ

 

โดย: ความเจ็บปวด 27 ธันวาคม 2551 0:27:39 น.  

 

อยากอ่านต่อตั้งหน้าตั้งตารอนะค๊าหวังว่าจะได้อ่านไวๆๆ*-*

 

โดย: *-* IP: 114.128.96.219 28 ธันวาคม 2551 19:44:26 น.  

 

สนุกดีเจ้า จะรอตอนต่อไปเช่นกันเจ้า

 

โดย: แม่เฮือน 29 ธันวาคม 2551 0:33:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Ratitu
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฝากคอมเม้นท์ไว้ เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าของบ้านด้วยนะคะ
Friends' blogs
[Add Ratitu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.