วัดเล่งเน่ยยี่ 2

ข้อมูลและแผนที่(ภาพแรก) ได้จาก เว็บไซต์วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) //www.lengnoeiyi.com/index.php และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย


จากแคราย ใช้ถนนงามวงศ์วาน ข้ามสะพานพระนั่งเกล้าฯ ถึงสี่แยกบางพลู เลี้ยวขวาไปยังอำเภอบางบัวทอง ทางเข้าวัดจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงโรงเรียนเทศบาลวัดละหาร ยังไม่ถึงตลาดบางบัวทองนะครับ จะมีป้ายบอกเมื่อถึงวัดฯ

หรือหากเดินทางจากกรุงเทพฯ มาตามถนนกาญจนาภิเษก (ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี) กลับรถ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตามเส้นทางไปโรงเรียนพระแม่สกลสงเคราะห์ ถนนจะขรุขระหน่อยนะครับ ผ่านศูนย์เยาวชนเทศบาล ไปยังวัดซึ่งอยู่ทางด้านขวาได้เช่นกัน ถ้ามาจากด้านนี้จะเลยตลาดบางบัวทองมานะครับ



ตั้งอยู่ ตำบลโสนน้อย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เดิมเป็นโรงเจขนาดเล็ก มีพื้นที่ 2 ไร่เศษ ที่ชาวบ้านบางบัวทองให้ความศรัทธามาเนิ่นนาน ต่อมาคณะสงฆ์จีนนิกายมีปณิธานจะพัฒนาที่ส่วนนี้ให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ เพื่อสร้างเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสเถลิงถวัลย์ ครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จนปัจจุบันวัดบรมราชากาญจนาภิเษกฯ มีเนื้อที่ทั้งหมด ๑๒ ไร่ โดย คณะสงฆ์จีนนิกายได้มอบหมายให้ พระเดชพระคุณพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (ท่านเจ้าคุณเย็นเชี้ยว)ดำเนินการก่อสร้างและพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตรเป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมทั้งพุทธบริษัทไทย-จีน ร่วมกันสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยปีกาญจนาภิเษกทางวัดมังกรกมลาวาส ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จองค์ประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๙ รวมเวลาในการก่อสร้างประมาณ ๑๒ ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ เป็นที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจีนนิกาย และมีโรงเรียนพระปริยัติธรรม ไทย-จีน อยู่ภายในวัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชานุญาติให้สร้างวัดและพระราชทาน นามว่า “วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์”



สถาปัตยกรรมภายในวัดบรมราชาฯเป็นสถาปัตยกรรมในยุคหมิง-ชิง จำลองมาจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง มีลักษณะความสวยงามเป็นสง่าและประณีตอย่างยิ่ง ภายในพระอารามแบ่งเป็นสัดส่วนตามแบบวัดหลวง โดยมีวิหารจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก พระอุโบสถอยู่ตรงกลาง ด้านหลังพระอุโบสถมีวิหารหมื่นพุทธ วิหารอวโลกิเตศวร วิหารบูรพาจารย์และวิหารด้านซ้ายขวาประกอบกัน ลักษณะตัวอาคารมีทั้งหมด ๔ ชั้น คือ ชั้นที่ ๑ เป็นหอฉันและกุฏิ ชั้นที่ ๒ เป็นหอกลอง หอระฆัง หอธรรมและวิหารบูรพาจารย์ ชั้นที่ ๓ เป็นพระอุโบสถ วิหารอวโลกิเตศวร (พระกวนอิม) และโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ชั้นที่ ๔ เป็น วิหารหมื่นพุทธ นับเป็นวัดจีนที่มีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศไทย





หลังคาวิหารมุงด้วยกระเบื้องเผาแบบจีน สีเหลืองเข้ม ที่ตรงมุมหลังคาทั้ง 4 มุมประดับด้วยรูปสัตว์มงคล ได้แก่ เทวดาขี่หงส์ มังกร สิงโต ม้าน้ำ ม้าเทวดา แพะเทวดาเขาเดียว กระทิงเทวดา ปลาเทวดาและนกเค้าแมว นอกจากนี้ รายรอบพระวิหารยังประดับด้วยหินแกะสลักต่าง ๆ มากมายซึ่งล้วนนำมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งเหมาะอย่างยิ่งแก่การศึกษาพุทธศิลป์ของจีน





จากชั้นล่างสุด จะมีซุ้มบันไดทางขึ้นไปชั้นที่สอง(หอกลองและหอระฆัง) ซึ่งบนเพดานเขียนภาพลายจีนด้วยสีสันสดใสสวยงาม ทำให้บรรยากาศครึ้มๆ ในวันฝนปรอย สว่างจ้าขึ้นในบัดดล



เชิงชายของหลังคาอาคาร สีสันสดใส สุดๆ



ภายในวัดประกอบด้วยอาคารหลัก ได้แก่





วิหารท้าวจตุโลกบาล เป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์และเทพต่าง ๆ ที่พิทักษ์ปกปักษ์พระพุทธศาสนา ด้านข้างวิหารเป็นหอกลอง และหอระฆัง(ที่เราเดินขึ้นบันไดมา)




หากขึ้นบันใดด้านลานจอดรถมา จะเห็นวิหารท้าวจตุโลกบาลดังในภาพ ก็คืออาคารสีขาว หน้าต่างวงกลมสีแดงเขียนลายสีทอง ด้านซ้ายมือเป็นบันไดขึ้นด้านหน้าพระอุโบสถ ในภาพเห็นแค่กระถางธูปที่ตั้งตรงบันไดด้านหน้าพระอุโบสถ




สิงโตหน้าพระอุโบสถมีหนึ่งคู่ ตัวใหญ่มาก






เดินเรื่อยๆ ผ่านบันไดทางขึ้นพระอุโบสถ จนมาอีกด้านหนึ่ง มองไปจะเห็นอาคารด้านหลัง ในภาพเป็นอาคารกุฏิพระสงฆ์ อยู่ด้านหลังพระอุโบสถ ซึ่งสร้างเป็นอาคารยาวต่อเนื่องกันกับวิหารอวโลกิเตศวรสหัสกรสหัสเนตรมหาโพธิสัตว์ (กวนอิม)และวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ




พระอุโบสถ เป็นอาคารหลังใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลาง (ในภาพเป็นด้านหน้าวิหารอวโลกิเตศวรสหัสกรสหัสเนตรมหาโพธิสัตว์ และวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ มองจาก ด้านหลังพระอุโบสถ)





ประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ คือ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระอมิตาภพุทธเจ้า และ พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้าซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าในอดีต





แต่ละองค์ มีความสูงถึง 4.30 เมตร นับเป็นพระประธานแบบจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพุทธลักษณะที่เด่นเป็นสง่า พระพักตร์มีเมตตากรุณา ด้านข้างของพระประธานทั้งสองด้าน เป็นเสาขนาดใหญ่ มีกลอนอักษรจีน





ตามผนังประดับด้วยแผ่นไม้สักแกะสลัก 7 ชิ้นเป็นเรื่องราวพระพุทธเจ้าในอดีต





พระอรหันต์ ๑๘ องค์ และจตุมหาบรรพตหรือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่ง ส่วนด้านนอกของพระอุโบสถมีเสมาเป็นศิลปะแบบจีนอยู่ทั้งสองด้าน






โคมไฟกลางเพดานพระอุโบสถ ของจริงสวยมากครับ




เทียนที่จุดบูชาพระประธานภายในพระอุโบสถ




บริเวณที่ขายเครื่องบูชาด้านหน้าพระอุโบสถ มีที่ใส่บาตรพระประจำวันเกิด แต่สะดุดตาผมคือพระอรหันต์องค์เล็กๆ ปางต่างๆ ขนาดหน้าตักประมาณสามสี่นิ้ว เช่น ด้านหน้าสุดนี้คือ พระอรหันต์นาคเสน ปางชูมือ เป็นต้น



วิหารอวโลกิเตศวรสหัสกรสหัสเนตรมหาโพธิสัตว์ และวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ เป็นอาคารสองชั้นอยู่ด้านหลังถัดจากพระอุโบสถ ในภาพเป็นกระถางธูปหน้าวิหารฯ ถ่ายจากด้านข้าง





ด้านล่างเป็นวิหารอวโลกิเตศวรสหัสกรสหัสเนตรมหาโพธิสัตว์ (กวนอิม )




จุดเทียนบูชาครับ แม้เป็นช่วงกลางวันแต่ แสงสว่างจากเทียนทำให้ภาพออกมาสวยมากครับ





เมื่อขึ้นบันไดไปด้านบนจะเป็นวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ เป็นที่ประดิษฐานองค์พระอมิตาภพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวร และพระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์









ตามผนังวิหารด้านในรายล้อมพระพุทธรูปเล็ก ๆ หนึ่งหมื่นพระองค์ วิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนดินแดนสุขาวดี ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของโลกมนุษย์ เชื่อกันว่าผู้ที่บำเพ็ญภาวนา จะได้ไปเกิด ณ ดินแดนสุขาวดีซึ่งมีแต่ความสุข





ขอเชิญร่วมรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และร่วมงานพิธีตัดหวายลูกนิมิต ครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 30 ปีของวัดจีน





วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 - 18.00 น.

Create Date : 22 กันยายน 2552		4 comments
Last Update : 23 กันยายน 2552 0:21:52 น.
Counter : 7607 Pageviews.
Share Tweet