เดิมตามผมมาเลยครับ ผมจะพาไปห้องใบบัว2 อยู่คนละฝั่งกับที่check in เดินไปตามสะพานไม้นี่แหละ
เตียงนอนนุ่มสบาย แถมมีฟูกพิงอยู่ที่พื้นเหมือนจะรู้ว่าเราจะนอนกันไม่พอ
วันที่ไปร้อนมากเลยค่ะ กว่าแอร์จะเย็นใช้เวลานานมาก เปิดแอร์ทิ้งไว้ไม่ได้ เพราะเอากุญแจห้องออก ไฟก็ดับหมด
ไปกินข้าวเย็นกลับมานี่เหงื่อแตกพลัก เกือบจะขอย้ายห้องแล้ว แอร์ก็เสียงดังมากนึกว่าแอร์เสีย ไม่เย็นสักที
ในตู้ใต้ทีวีมีมาม่าคัพ2ถ้วย กินได้ฟรี ในตู้เย็นก็มีชาเขียวเย็น2กล่อง แลคตาซอย2กล่อง น้ำ2ขวดฟรีหมด
ห้องน้ำopen air รีบอาบซะตั้งแต่เย็นๆ พอมืดเข้าทั้งแมลงทั้งจิ้งจก เยอะแยะไปหมด
นี่ระเบียงหลังบ้าน
ถ่ายจากท่าน้ำหลังบ้าน
เด็กๆชวนกันดูปลาเข็ม
บรรยากาศยามเย็น
กินอาหารเย็นกันค่ะ พนักงานจะให้สั่งอาหารไว้ตั้งแต่check in จะไปกินข้างนอกก็ไม่ควรเพราะไม่มีร้านอาหารเลยยย มีแต่ไร่กับภูเขา
อาหารที่สั่งมีน้ำพริกอ่อง-อร่อย ไก่ผัดเม็ดมะม่วง-ธรรมดา ต้มจืดตำลึง-ให้ตำลึงเยอะมากกกแต่เหมือนเค้าล้างหม้อที่ทำไม่สะอาดรึเปล่าไม่รู้ มันมีกลิ่นคลอรีนอ่ะ จานสุดท้ายอร่อยที่สุด-สลัดกุ้งทอดใส่ลิ้นจี่ด้วย(ช่วงนี้ลิ้นจี่ออกเยอะ)มาพร้อมกับน้ำสลัด3แบบให้เลือก ผักที่นี่ปลูกเองทุกอย่าง สดมากๆ ข้าวกล้อง ข้าวขาวไม่มีนะ น้องปัณณ์ไม่ยอมกินข้าวกล้องเลย กินไข่เจียวกับไก่ปล่าวๆ
(อุ๊บอิ๊บ ตอนอาหารมาวาง ไม่รู้แมลงวันมาจากไหน มากันเป็นฝูงเลย)
ตื่นมากินอาหารเช้ากันค่ะ อาหารเด็กไม่ฟรีนะคะ สั่งต่างหาก
ได้ยินชื่อเสียงมานาน คาดหวังไว้เยอะ แต่พอมาถึงแล้วเฉยๆอ่ะค่ะ แต่ไม่เถียงนะคะว่าบรรยากาศดี วิวสวย ผักสดอาหารอร่อย ควรไปหน้าหนาวและพักบ้านริมโขงเท่านั้น เพราะเดินไม่ไกล แต่ก็จองยากเช่นกัน ตรงส่วนบ้านที่เราอยู่เงียบมากกกก คนเมืองอย่างสามีเราไม่ชอบเค้ากลัวเรื่องความปลอดภัย มันเงียบมากจริงๆ แต่สำหรับคนรักความสงบ รักธรรมชาติป่าเขา ไร่แสงอรุณเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ