ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
21 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
~รักป่วน ๆ ของก๊วนเด็กแสบ~ ภาค 2 ตอนที่ 6

~รักป่วน ๆ ของก๊วนเด็กแสบ~ ภาค 2 ตอนที่ 6

คำเตือน...(ใช่หรือเปล่าไม่รู้) ใครที่รู้ตัวว่าจิตใจกำลังอ่อนไหวง่ายกับความใจดีของสาวสวย....อ่าน!! โปรดทำจิตใจให้เข้มแข็ง เพื่อรักษาระดับความเที่ยงตรงของจิตใจ เพราะมิเช่นนั้นอาจจะเกิดอาการอยากเปลี่ยนนางเอก...

จะมีการเปลี่ยนนางเอกจริง ๆ หรือนี่...(ม่ายยยยรู้.....) 555

Vanilla cake
......................................................................................................................................................

“ฮัลโหล” พริกกดรับสายที่กำลังเรียกเข้าหลังจากที่เอาบรูทูสแนบกับหูเรียบร้อยแล้ว

“เป็นคนไทยทำไมไม่พูดสวัสดีวะ” เสียงจากปลายสายทำเอาพริกสะอึกกับประโยคทักทาย...ทักได้โลกาแตกแบบนี้โลกนี้ไม่มีใครอีกแล้ว

“ไอ้เหมี่ยว!!”

“พ่อแกมั้ง”

“ไอ้เพื่อนเวร”

“ก็ไม่ต่างกับแกหรอก”

“แกโทรข้ามโลกมาเพื่อกวนประสาทฉันหรือไงวะ” พริกกรอกเสียงตอบไป ได้รับเสียงหัวเราะตอบกลับมา เขาส่ายหน้าก่อนจะหักพวงมาลัยให้เลี้ยวออกจากซอยของหอพัก เขาเลิกเรียนแล้ว และเหมือนเดิมกับหลาย ๆ วันที่ผ่านมา เขาถูกชมพู่ยกเลิกนัดกลางอากาศอีกแล้ว

“ไม่ได้อยากโทรหาแกหรอก”

“แล้วต่อสายมาทำไมมิทราบ”

“โทรหาพู่ไม่ติด อยู่กับแกหรือเปล่า?” คำถามของมะเหมี่ยวทำเอาเขาถอนหายใจเฮือก ก็หลังจากที่เธอโทรมายกเลิกนัดกับเขา เธอก็ปิดเครื่องไปเลย

“เปล่า...”

“อ่าว!”

“เขามีติวฯ น่ะ ใกล้สอบแล้ว”

“แกไม่ได้ไปด้วยเหรอ”

“ไม่ได้ไป...เรียนคนละอย่างกันโว้ย!! คนละมหา’ลัยด้วย ไอ้บ้านี่ เขาไปติวกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของเขาแล้วก็พี่รหัสของเขาอีกคนน่ะ” พริกพูดให้มะเหมี่ยวฟังอย่างที่ชมพู่บอกเขามา ก็ทุกครั้งนั่นหละเวลาที่เธอยกเลิกนัดเขาเหตุผลก็แบบนี้ทุกครั้ง เขาเองจะงี่เง่ากับเธอก็ไม่อยากทำเพราะรู้อยู่ว่ามันเป็นเรื่องเรียน ไม่อยากเป็นตัวถ่วงเธอเรื่องนี้

“แย่ว่ะ...ว่าจะฝากให้ชมพู่ซื้อหนังสือให้หน่อยน่ะ งั้นแกซื้อให้หน่อยละกัน”

“หนังสืออะไรวะ”

“การ์ตูนเรื่อง...”

“แกโทรข้ามโลกมาเพื่อให้ฉันซื้อการ์ตูนเล่ม 45 บาท ส่งไปให้เนี่ยนะไอ้เหมี่ยว”

“เอ่อ...ทำไมวะแค่นี้ทำให้พี่เมียไม่ได้เหรอ...หน๋อย ไอ้น้องเขยอกตัณญู..”

“เออ ๆ เดี๋ยวฉันแวะซื้อให้ กำลังจะไปห้างพอดี อย่ามาบ่น...”

“ดีมาก แล้วแกเป็นไงบ้างวะ สบายดีมะ” พริกหรี่ตามองมือถือของตัวเองที่วางอยู่ที่เบาะข้าง ๆ มันโทรมาคุยตั้งนานสองนาน กวนประสาทอยู่เป็นพักเพิ่งจะถามสารทุกข์สุกดิบ...เขาควรจะซื้อตั๋วเครื่องบินไปเยอรมันเพื่อตั้นหน้าไอ้เพื่อนบ้าคนนี้ดีมั้ยเนี่ย

“เรื่อย ๆ ว่ะ แกละ สบายดีสินะเสียงแจ้ว ๆ เป็นนกแก้วนกขุนทองขนาดนี้”

“ก็ดีนะ...แต่เริ่มยุ่งแล้วล่ะ เพราะว่าฉันต้องเริ่มเรียน Hi-school ที่นี่ใหม่” คำบอกเล่าของมะเหมี่ยวทำเอาพริกขมวดคิ้ว...เรียน Hi-school ใหม่?...เพื่ออะไร?

“ทำไมต้องเรียนใหม่ละ แกโอนเกรด ปวช. 2ปีที่เรียนไป แล้วไปเริ่มเรียนที่นั่นไม่ได้เหรอ?” พริกถาม เขาขยับรถไปเรื่อย ๆ ตามสภาพการจราจร เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่ายเบา ๆ เพื่อนของเขาคิดจะทำอะไรนะ

“ก็คงได้มั้ง ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้ทำ เพราะมันทำให้ฉันเรียนหมอไม่ได้”

“เรียนหมอ...แกจะเรียนหมอ? เพื่ออะไรวะ แกอยากเป็นวิศวกร...” เสียงของพริกขาดหายไปตอนท้ายประโยค บางอย่างมันแวบเข้ามาในความคิดของเขา “หรือว่าแก....”

“ใช่...ยัยนั่นอยากเป็นหมอ มันเป็นอีกอย่างที่ฉันทำให้ได้”

“ไอ้เหมี่ยว...” พริกครางเสียงแผ่ว เขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ของเพื่อน มันอัดเข้ามาในใจจนพูดไม่ออก

“แต่ความจริงแล้ว...เป็นหมอรวยว่ะ...แล้วก็ได้ลวนลามคนไข้แถมได้เจาะแจะกับพยาบาล แอบกิ๊กกับหมอสาว ๆ อีกด้วย”

“ไอ้เวรเอ้ย!!” พริกตบพวงมาลัยจนมือตัวเองรู้สึกเจ็บ เขาจะทำยังไงกับไอ้เพื่อนคนนี้ดีนะ...น่าโมโหจริง ๆ

“เอาน่า..ไม่ต้องห่วงฉันให้มากหรอก ฉันโอเคดี ห่วงตัวแกเองเถอะ ปล่อยชมพู่มาก ๆ เดี๋ยวยัยนั่นก็แอบมีกิ๊กหรอก”

“ปาก...” เขาเน้นเสียงหนัก เรียกเสียงหัวเราะให้กับมะเหมี่ยวอีกครั้ง “เออ..ไอ้เหมี่ยว ฉันเจอยัยน้อยหน่าด้วยว่ะ” พริกเปลี่ยนเรื่องคุย เหยียบเบรคเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง

“น้อยหน่า...ใครวะ” ป๊าดดด... พริกว่าเขาจำน้อยหน่าไม่ได้นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกนะ แต่ไอ้เหมี่ยวจำไม่ได้นี่สิ...แต่ก็นะ ไอ้นี่มันก็แบบนี้อยู่แล้ว จำแค่สิ่งที่อยากจำ

“ไอ้ควาย!! ก็ยัยน้อยหน่า เพื่อนของชมพู่กับขิงไง”

“....” ปลายเงียบไปสักพัก เหมือนใช้ความคิด ก่อนจะพูดออกมา “อ่อ...แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันละ เจอก็เรื่องของแกนี่” บ๊ะ...ไอ้เวรนี่

“ไอ้นี่..ก็จะเล่าให้ฟังไง...”

“เล่ามาสิ”

“ฉันอึ้งไม่หายคุณเธอสวยมากเลยว่ะ...น่ารักขึ้นจม”

“สรุปจะขึ้นหรือจะจมล่ะ เอาสักอย่าง” พริกกัดฟันกรอด พอจะรู้ทางละ ไอ้เพื่อนบ้าเริ่มกวนประสาทอีกระลอกแล้ว

“หุบปากแล้วฟัง”

“ฮ่า ๆ เอ่อ..เล่าต่อ ๆ”

“ฉันจำไม่ได้นะเว้ยตอนเจอกันครั้งแรก....บลา ๆ ๆ” พริกเล่าเหตุการณ์ที่เจอน้อยหน่าคร่าว ๆ ให้มะเหมี่ยวฟัง ฝ่ายนั้นก็เงียบฟังซะดิบดี

“อยากให้เห็นว่ะเหมี่ยว สวยขึ้นมากเลยนะโว้ย”

“ก็ทำศัลยกรรมไม่สวยใครเขาจะทำละ”

“จะมีสักวินาทีมั้ยที่แกไม่วอนหาเรื่องน่ะ”

“เอาน่า...แล้วไงต่อละ สวย น่ารัก คุยดี แล้วไงอีก”

“แค่นั้นแหละ...” พริกตัดบทห้วน ๆ ซะอย่างนั้น ทำเอาอีกฝ่ายเหวอไป

“อ่าว...กวนละแก”

“รู้สึกยังไงบ้างล่ะเวลาโดนกวน”

“เออ..”

“แกคิดว่าน้อยหน่าเป็นคนยังไงวะ” พริกถามขึ้น เขาเลี้ยวรถเข้ามาให้ห้างสรรพสินค้าที่มาเป็นประจำ เริ่มวนหาที่จอดรถ

“ใครจะไปรู้วะ อยากรู้ก็ไปศึกษาเองสิวะ อะ...หรือว่าแกคิดจะเอายัยนี่มาเป็นเมียน้อยวะ”

“ไอ้บ้า!! ฉันแค่ถาม ก็แค่เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับพู่หรอก ถึงจะแค่อดีตก็เถอะ”

“ไม่รู้นะ คนเราดูแค่หน้าไม่รู้ว่าคิดอะไรหรอก อย่างเมื่อก่อนแม่นางก็แผลงฤทธิ์ไว้เยอะ แกก็รู้นี่ ฉันบอกไม่ได้หรอก แต่ถ้าให้พูด ยัยนั่นไม่ได้เลวร้ายอะไรมากหรอก ตอนนั้นแค่เป็นเด็ก พอถูกใจก็แค่อยากครอบครองโดยใช้วิธีที่ไม่ถูก แต่ตอนนี้จะเป็นไง? จะเปลี่ยนไปในทางที่ดี หรือเลวลงก็บอกไม่ได้ ถ้าอยากรู้ก็อย่างที่บอกดูเอาเอง....แกมีตานี่” พริกพยักหน้าเห็นด้วยอย่างที่มะเหมี่ยวพูดออกมา ไม่รู้ทำไมเรื่องของผู้หญิงคนนี้ถึงได้แวบเข้ามาในความคิดของเขา ถึงจะไม่บ่อย แต่ก็ชวนให้คิด

“ไม่น่าเชื่อนะ...”

“อะไร” มะเหมี่ยวกรอกเสียงถามกลับมา

“ก็ไม่น่าเชื่อว่าแกจะพูดอะไรดี ๆ เหมือนคนอื่นเขาทำก็เป็น”

“หึ...ไอ้นี่วอน...ฉันวางละ อย่าลืมการ์ตูนของฉันล่ะ”

“เอ่อ...งั้นแค่นี้ละกัน ดูท่าจะเปลืองเงินแกว่ะ”

“เพิ่งจะรู้ตัวเหรอวะ แค่นี้นะ..” เสียงพูดจบ พร้อม ๆ กับสัญญาณที่โดนตัดไปด้วย พริกมองหาที่จอดรถพลางคิดในใจว่า เมื่อไหร่ ไอ้นิสัยอยากวางก็วางของไอ้เพื่อนคนนี้จะแก้หายสักที ว่าจะพูดส่งท้ายดี ๆ สักที ไม่เคยได้พูดซะละ

“ทำไมหาที่จอดรถยากจังวะ” เขาบ่น เลี้ยวรถวนไปเรื่อย ๆ และขึ้นไปหาอีกชั้น

พริกไม่ผิดหวัง เพราะอีกชั้นมาหาที่จอดได้ง่ายกว่าจริงๆ เขาจัดการจอดรถและเตรียมตัวลงจากรถ แต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้เขาต้องหันไปสนใจ




ร่างบางของใครบางคนที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ไม่ไกลรถของเขาทำให้เขาสนใจจนต้องเดินไปใกล้ ก็เขาเพิ่งจะนินทาเธอให้เพื่อนรักของเขาฟัง ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอแทบจะทันที

“ทำอะไรอยู่นะ?” เสียงเรียบ ๆ ของเขาทำเอาร่างบางในชุดนักศึกษาสะดุ้งหมุนตัวมามองเขาด้วยใบหน้าตื่น ๆ

“ทำหน้ายังกับเห็นผี” พริกอมยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ “ทำอะไรอยู่น่ะ” เธอเงอะงะอยู่สักครู่ ก่อนจะตอบเขาไปด้วยเสียงที่ดูไม่มีความมั่นใจนัก

“ฉันเก็บของน่ะ ทำของหล่น แล้วพริกล่ะ” พริกหันซ้ายหันขวา ก่อนจะก้มลงช่วยเธอเก็บของที่หล่นกระจายอยู่

“ว่าง ๆ น่ะ เลยว่าจะมาเดินดูของ อ่อ...มาซื้อหนังสือให้ไอ้เหมี่ยวด้วย” ชื่อของบุคคลที่สามที่พริกเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอชะงักมือที่กำลังเบของนิดหนึ่ง

แม้จะบอกว่าลืมคน ๆ นั้นได้แล้ว เพราะในหัวใจมีคนตรงหน้านี้อยู่เต็มดวงใจ แต่เมื่อได้ยินชื่อของเขาก็อดไม่ได้ที่จะใจหวิว ๆ คงเพราะเรื่องที่เธอได้ทำไว้ และข่าวคราวสุดท้ายที่เธอได้รับรู้มา...เขาไปอยู่ต่างประเทศเหราะทนไม่ได้ที่จะอยู่ในที่ที่มีแต่ความทรงจำเก่า ๆ เกี่ยวกับคนรักที่รักมากมายเหลือเกิน

“เขาเป็นยังไงบ้าง..พริก...เหมี่ยวสบายดีมั้ย” เธอถามขณะที่ยืนขึ้นเอาของใส่ลงในกล่องกระดาษ เธอเห็นมือที่มีถุงผงโกโก้อยู่ตรงหน้า เขาเอามันใส่ในกล่องกระดาษ พร้อมกับเสียงเรียบ ๆ ของเขาพูดขึ้น

“สบายดี กวนประสาทเหมือนเดิม ยังมีอีกของหรือเปล่า” เธอส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าของครบแล้ว

“ขึ้นไปดื่มกาแฟมั้ย?” เธอเอ่ยชวนเขา ทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาและส่งยิ้มให้เขา

“ก็ว่าจะไป แต่เดี๋ยวไปดูหนังสือก่อน” เธอพยักหน้ากับคำพูดของเขา เขาไม่ได้มีท่าทีรังเกียจเธอเลย...เธอดีใจ ดีใจจริง ๆ

“เธอถือไหวหรือเปล่า? ฉันช่วยมั้ย” เขาเสนอความช่วยเหลือ แต่เธอรีบห้าม

“ไม่เป็นไร ๆ ถือได้ ๆ”

“มันก็ต้องขึ้นไปทางเดียวกันอยู่แล้ว เดี๋ยวแยกกันก็ค่อยคืนให้ เอามา” เขาไม่รอให้เธอปฎิเสธ แย่งเอากล่องที่อยู่ในมือของเธอมาถือซะ แล้วก็หมุนตัวเดินดุ่ม ๆ จากไปเลย จนเธอต้องรีบล็อครถ CR-Vของพี่สาวและก้าวเร็ว ๆ ตามเขาไป

“พริกจะดูหนังสืออะไรเหรอ”

“การ์ตูนปัญญาอ่อนน่ะ วันนี้ที่ร้านเธอมีเมนูอะไรพิเศษมั้ย” พริกตอบและถามกลับ ขณะที่ทั้งคู่เดินเคียงกันมาขึ้นบันไดเลื่อน

ตลอดเวลาที่เดินคู่กัน มีสายตาหลาย ๆ คู่มองทั้งสองตลอดทาง บ้างก็ว่าอิจฉาผู้หญิง บ้างก็อิจฉาเขา บ้างก็บ่นว่าพระเจ้าใจร้าย ที่สะดุดหูพริกมากที่สุดก็คงตอนที่มีคนที่ลงบันไดเลื่อนสวนลงมา

“ดูแฟนคู่นั้นสิ ทอมก็หล่อ ดี้ก็สวย เหมาะกันจัง” นั่นไง....งานเข้าแล้วไอ้พริก เขาชักสงสัยตัวเองแล้วล่ะว่าเดินยังไงให้คนคิดว่าเป็นแฟนกับชาวบ้านเขา เลยก้มลงสำรวจการยืนของตัวเอง

ก็มันอยู่บนบันไดเลื่อนขั้นเดียวกันแถมบันไดเลื่อนก็ใช่จะกว้าง ยืนชิดกันสักหน่อยก็ไม่แปลกนี่

“วันนี้ที่ร้านไม่มีเมนูพิเศษหรอก แต่วันหยุดนี้มี พี่เนคิดสูตรเค้กใหม่ได้วันเสาร์จะเอาลงที่ร้าน”

“มีบริการส่งถึงที่มะ...จะได้สั่ง” คำพูดของเขาทำเอาเธอหันมายิ้มกับเขา ซึ่งเขาก็แค่ยักคิ้วให้เท่านั้น

“ไม่ต้องทำหน้าตาดีหรอก ไม่มีบริการส่งย่ะ อยากกินมาซื้อเอง...”

“เฮ้ย!! ได้ไงเนี่ย...มาบ่อย ๆ มันเหนื่อยนะแม่คุณ” เขาพูดพร้อมกับก้าวเท้าเดิน เมื่อออกจากบันไดเลื่อน

“ก็ช่วยไม่ได้นี่นา...แค่งานที่ร้านก็ล้นมือมาก แล้วอีกอย่างนะ ลูกค้าของเราก็ไม่ได้มีมากเหมือนพวกร้าน KFC หรือพวกฟ๊าดฟูดใหญ่ ๆ นะ จะได้มีเงินจ้างคนเยอะ ๆ” เธอบอกเขา ซึ้งผลที่ออกมาก็คือใบหน้ายุ่ง ๆ แบบเด็กไม่พอใจของพริกที่เธอไม่เคยได้เห็น ทำเอาเธอแอบใจเต้นเล็ก

“แย่ ๆ บางทีฉันก็อยากกินนะ แต่ไม่อยากออกมา รถก็ติด คนก็เยอะ..”

“ไม่ชอบขนาดนั้น แต่ก็เห็นนายมาเดินห้างบ่อยนะช่วงนี้”

“ก็มันว่าง” ที่ว่างเพราะถูกยกเลิกนัดบ่อย ๆ เขาพูดแค่นั้นก็เงียบ เดินถือของขึ้นบันไดเลื่อนไปอีกชั้น และแน่นอนเธอก็ยืนอยู่ข้าง ๆ

“นี่ ๆ ดูคู่นั้นสิ สวยกับหล่อ...อิจฉา อยากมีแฟนอย่างนั้นบ้าง” เสียงของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของพริกทำเอาเขาต้องหันมามองว่าคนพูดหน้าตายังไง ชอบจังนะไอ้ที่ตู่คนนั้นเป็นแฟนคนนี้เนี่ย

แต่พอเขาหันกลับมาที่เดิมก็ได้เห็นใบหน้าสวย ๆ ของเธอแดงระเรื่อนิด ๆ ถ้าไม่สังเกตุคงคิดว่ามันเป็นเครื่องสำอาง แต่คนตาไวอย่างเขามีหรือจะมองไม่ออก ว่าแล้วก็นึกสนุกขึ้นมา

พริกชะโงกหน้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าเนียนสวยนั้นก่อนจะกระซิบเบา ๆ ที่ข้างใบหู

“เขาว่าเราเป็นแฟนกันแน่ะ” พูดจบก็กลับมายืนตัวตรงมองเธอด้วยหางตา และผลที่ออกมาคือ...


ร่างบางของเธอสะดุ้งเฮือกจนเซและเสียหลักจะล้มหงายไปทางด้านหลัง พริกลืมตัวทิ้งกล่องกระดาษใช้แขนข้างหนึ่งยึดราวบันไดไว้ และใช้แขนอีกข้างหนึ่งคว้าหมับเอาร่างบางของเธอไว้ ก่อนจะกระชากจนร่างบางนั้นถลามาปะทะกับอกของเขา

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามเร็ว ๆ สายตาดุ ๆ ของเขาฉายแววตระหนกนิดหน่อย แต่ที่มันทำให้เธอใจเต้นโครม ๆ อยู่คือความอ่อนโยนที่แฝงอยู่ในสายตานั้น

เธอส่ายหน้าช้า ๆ “มะ...ไม่...ไม่เป็นไร” เขาพยักหน้า ก่อนจะคลายอ้อมกอดออก และก้มลงไปเก็บกล่องกระดาษขึ้นมา ดีว่าของไม่กระเด็นออก ไม่งั้นงานหนักแน่

“เดินระวังหน่อย” เขาพูด เพราะตอนที่เขาขยับยืนขึ้นมา มันมาถึงชั้นสามแล้ว

มันเป็นปฎิกิริยาอัติโนมัติ และอาจจะเป็นเพราะความเคยชินของเขาที่เคยปฎิบัติกับชมพู่เวลาเดินด้วยกันหรือเปล่าไม่อาจบอกได้ เพราะเขามักจะแตะเบา ๆ ที่เอวของชมพู่เวลาขึ้ง-ลงบันไดเลื่อน และจะจับมือทันทีที่ออกจาบันไดเลื่อน...

ตอนนี้ วินาทีนี้ ใจของหน้อยน่ามันหายไปแล้ว เพราะไม่รู้ว่ามันไปหล่นอยู่ที่ไหน...เมื่อทุกกิริยาที่พริกเคยทำกับชมพู่ เขากำลังทำกับเธอ...

มือของเขากุมมือของเธอไว้ เขาบีบเบา ๆ ที่มือบางนั้น ก่อนจะเดินพาเธอไปยังบันไดเลื่อนขึ้นชั้นสี่ที่อยู่ห่างจากตรงนั้นไม่ไกลนัก

น้อยหน่ามองแผ่นหลังที่ดูอบอุ่นของเขา สลับกับมองมือที่จับมือของเธอเอาไว้ จะมีใครรู้ จะมีใครเข้าใจเธอหรือเปล่า ว่าตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร กับการกระทำที่อาจจะไม่มีความหมายอะไรของเขา แต่มีความหมายกับเธอ...ว่า...มันมีค่าขนาดไหน

พอขึ้นบันไดเลื่อนอีก เขาก็ขยับมายืนชิดกับเธออีกนิด ทิ้งระยะห่างเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น เขาใช้มือที่จับมือเธอเอาไว้ยกขึ้นชี้ให้เธอดูตัวตลกที่อยู่อีกฝั่งของบันไดเลื่อนโดยที่ไม่ปล่อยมือของเธอ ก่อนจะพูดอะไรที่ชวนให้อมยิ้ม

เขาขยับกายเข้ามาเบียดเธอจนเธอตกใจ เพราะจู่ ๆ ก็มีคนเดินรีบ ๆ ขึ้นบันได้มาเบียดกับเขา จนเขาต้องเบี่ยงตัวหลบ เขาบ่นอุบ มองอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันมาหัวเราะเมื่อหันกลับมาเห็นตัวตลกโชว์ท่าประหลาด ๆ เธอชักจะงงกับเขาเสียแล้วว่าเขาอยู่ในแรมณ์ไหนกันแน่ เพราะดูแล้ว ในเวลาไม่ถึงนาที เขาจะเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วเหลือเกิน

ทั้งสองก้าวออกบันได้เลื่อน และเดินตรงไป แต่เขาก็ชวนเธอแวะร้านขายเครื่องประดับเล็ก ๆ ที่ตั้งเป็นบู๊ทอยู่ พริกยืนมองเครื่องเงินพวกนั้นอย่างพินิจวิเคราะห์ วางกล่องกระดาษลงเพื่อจะเลือกดูของ แต่ไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับเธออยู่ เขาหันมาถามความเห็นของเธอบ้าง แต่เธอก็ทำได้เพียง ส่ายหน้าถ้าเห็นว่าอันไหนไม่สวย พยักหน้าเมื่อเห็นว่าอันไหนสวย และช่วยดูว่าอันไหนเหมาะกับเขา ซึ่งเธอก็เห็นว่ามันดูเข้ากับเขาแทบจะทุกอัน

เขาเจอจี้ห้อยคอที่ถูกใจจนตัดสินใจซื้อ ตอนนี้เองที่เธอรู้สึกเสียดายเหลือเกินที่เขาปล่อยมือของเธอไปควักเอากระเป๋าสตางค์หยิบเงินไปจ่าย แต่ไม่กี่นาทีต่อมาเมื่อเขายกกล่องกระดาษมาถือ มือของเขาก็จับมือของเธออีกครั้ง ก่อนที่เขาจะพาเธอเดินไปที่ร้านกาแฟของเธอ...

เธอจะไม่ลืมช่วงเวลานี้เลย

หากมันคือความฝัน...ขอให้เธอฝันต่อไปอีกสักนิดเถอะ


“นี่ ๆ ที่ร้านดูไม่ค่อยมีคนเลยนะ” พริกพูดเมื่อมาหยุดยืนที่หน้าร้านกาแฟ เธอพยักหน้า

“อ่าว!! นานา มาแล้วเหรอ” เด็กเสิร์ฟที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่เอ่ยทักเธอ พร้อม ๆ กับเดินเข้ามาหาเธอ

“เพิ่งมา ทำไมคนดูไม่เยอะเลย”

“ขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะ พี่เนรออยู่ข้างใน แล้ว...” เด็กเสิร์ฟร่างอ้วนมองมาทางพริก และลูกตาตี่ ๆ ของเธอก็มองไปยังมือของเขาที่จับอยู่กับมือของน้อยหน่าด้วย

“พริก...นี่ปลาดาว เพื่อนที่มหา’ลัยมาทำงานที่ร้านน่ะ” เธอแนะนำปลาดาวให้เขารู้จัก ซึ่งเขาก็ทำเพียงยิ้มบาง ๆ ให้เท่านั้น “ส่วนนี่...พริก...เป็น...” เอาละ จะบอกว่าเป็นอะไรดีละคราวนี้ จะบอกว่าเป็นแค่คนรู้จักก็ดูจะโหดร้ายกับตัวเองและเสียมารยาทกับเขาเกินไป จะบอกว่าเป็นเพื่อน กัน...เขาอยากเป็นเพื่อนกับเธอหรือเปล่า...
“เราเป็นเพื่อนกันค่ะ” พริกพูดแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นเธอหยุดกลางคัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอรู้สึกยังไง คงไม่รู้ว่าจะแนะนำเขาในฐานะอะไรละสิ...เกรงใจ? คิดมากอะไรไม่เข้าเรื่องจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้

“งั้นเดี๋ยวนานาเข้าไปหาพี่เนก่อนนะดาว ฝากดูหน้าร้านด้วย...” เธอพูด พร้อมกับหันมา ขอกล่องจากเขา พริกจึงปล่อยมือของเธอ ส่งกล่องให้เธอ และเดินตามเธอเข้าไปในร้าน

“เพื่อน?...เพื่อนอะไรจับมือกันเดินมาแบบนี้ละ” ปลาดาวพึมพำอย่างงง ๆ ก็เธอเห็นทั้งคู่เดินจับมือกันมาตั้งนานสองนาน


น้อยหน่าเดินหายเข้าไปหลังร้านได้สักครู่ พริกก็สั่งของมานั่งกินรอ....

รอเหรอ? นี่เขารออะไรงั้นหรือ...เขาแค่เบื่อที่ต้องอยู่ห้องคนเดียวเลยออกมาเดินเล่น บังเอิญได้คุยกับเพื่อนรัก แล้วก็ตกกระไดพลอยโจนต้องซื้อของให้มัน บังเอิญมาเจอเธอกับกล่องกระดาษ และบังเอิญเขาอยากช่วยเอาของมาส่งให้ มันเป็นเหตุบังเอิญ เขากลัวเธอจะล้มเลยจับมือเดินพาเธอเดินมาส่งที่ร้าน.....จริง ๆ นะ...มันแค่บังเอิญ... แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน ที่เขาต้องรอ...แค่รอให้เธอออกมาจากหลังร้าน

พริกก้มดูมือของตัวเองข้างที่ใช้จับมือนุ่ม ๆ ของเธอมาตลอดทาง...

ทำไมเขาไม่ปล่อยมือจากเธอซะตั้งแต่แรก

จับทำไม....ก็แค่มันรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับตอนที่เขาเคยจับมือกับชมพู่ เวลายืนอยู่ข้าง ๆ เธอมันรู้สึกเหมือนได้อยู่ข้าง ๆ กับชมพู่... เวลาที่คุยกับเธอมันเหมือนกับช่วงเวลาที่ได้คุยกับชมพู่....คนรักที่ไม่ค่อยมีเวลาให้เขาเลย....

“สั่งของมากินแล้วเหรอ ทำไมไม่รอสั่งกับฉันละ?” เสียงใส ๆ ของน้อยหน่าทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับเธอ เธอเปลี่ยนชุดเป็นชุดเด็กเสิร์ฟ ชุดเสื้อสีขาว มีเอี้ยมกระโปรงลายสก๊อตสีชมพูน่ารัก ทำให้เขายิ้มบาง ๆ

“ทำไมเหรอ สั่งกับคนอื่นไม่ได้เหรอ..”

“ก็ได้ แต่แบบว่าไงล่ะ ถ้าสั่งกับฉัน ฉันก็จะได้เปอร์เซ็นต์จากของที่พริกสั่งไง”

“ทำเหมือนสาวเชียร์เบียร์”

“ก็คล้าย ๆ กันแหละ” พริกยิ้มกับท่าทางน่ารักของเธอ...

“แล้วร้านปิดกี่โมง”

“ปรกติก็ตามเวลาห้างปิดนะ...แต่บางทีถ้าของหมดก็ปิดเร็วหน่อย วันนี้คงปิดเร็ คนไม่เยอะ แล้วของก็ขาดหลายอย่างด้วย ที่เอามาก็ดูจะไม่พอ...พรุ่งนี้ฉันไม่มีเรียน ว่าจะไปช่วยพี่เนดูของเข้าร้านสักหน่อย....” พริกปล่อยให้เธอพูดเจื้อยแจ้ว ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ขัด เขาไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ที่รู้คือยิ่งมอง ยิ่งฟัง ยิ่งใกล้ผู้หญิงคนนี้ เขายิ่งรู้สึกดี

“สรุปคือวันนี้ร้านปิดเร็วใช่มั้ย” พริกพูดสรุปตอนท้ายเมื่อแม่สาวเสิร์ฟคนสวยดูท่าจะลืมหน้าที่ตัวเองเพราะมัวแต่ยืนคุยกับเขาจนปล่อยให้ปลาดาวว่ายรับแขกอยู่คนเดียว

“ใช่ อีกสักสองชั่วโมง”

“อืม...งั้นฉันจะรอละกัน”

“รอ...”

“ใช่...เดี๋ยวฉันจะไปหาหนังสือให้ไอ้เหมี่ยว...แต่ไม่อยากไปคนเดียว” พริกพูดค้างไว้ค่นั้นน้อยหน่าตาโต...ถามเขาด้วยเสียงตื่นเต้นแต่ต้องเก็บอาการจนเสียงที่ดังลอดออกมาฟังดูสั่น ๆ

“นายชวนฉันไปด้วยเหรอ” เธอพูดพร้อมๆ กับชี้ที่ตัวเอง เขาพยักหน้า

“ไม่ได้เหรอ..ฉันมีเรื่องจะถามเธอด้วย”

“ได้สิ ได้ ๆ งั้นนายรอก่อนนะ..ฉันทำงานก่อน”

“ตามสบาย” เขาพยักหน้า เธอจึงหมุนตัวไปช่วยปลาดาวเสิร์ฟของ พริกมองตามยิ้ม ๆ และหันไปตักเค้กวนิลาขึ้นกิน

“อร่อยแหะ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มอ่อน ๆ

ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายเลยที่ต้องนั่งรอเธอสองชั่วโมง เพราะทุกครั้งที่เขาหันไปทางเธอก็มักจะเห็นเธอยิ้มต้อนรับลูกค้า ที่มีทยอยเข้ามาในร้านบ้างแล้ว บางครั้งเขาก็หันไปจังหวะเดียวกับที่เธอหันมาทางเขา สายตาจึงสบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเขาจะเห็นเธอหลบตาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ...ดูสวย น่ารัก (Level UP)



“โทษนะ...รอนานแย่” น้อยหน่าออกมานั่งกับพริกที่โต๊ะในชุดนักศึกษาเหมือนกับตอนที่เข้ามาในร้าน

“ไม่เป็นไร เรียบร้อยแล้วเหรอ” เธอเพียงแค่พยักหน้า “งั้นเดี๋ยวฉันไปจ่ายเงินก่อน” พริกลุกออกจากโต๊ะไปชำระเงิน เธอมองตามร่างของเขาไป

หัวใจมันพองโตจนคับอกไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร การที่ได้เจอเขา ได้ใกล้ชิดเขาแบบนี้ ในชีวิตนี้คงไม่มีอีกแล้ว

เขาไม่ได้รังเกียจเธออย่างที่เคยคิด แม้เขาจะไม่ได้รักเธอ แต่เพียงแค่เท่านี้ เธอก็พอใจแล้ว ได้ใกล้ชิด ถ้าทำให้เขารู้สึกสบายใจเธอก็พอใจแล้ว...พอใจเท่านี้จริง ๆ

“เรียบร้อยล้ว ไปเถอะ...อะ...เธอไม่ต้องอยู่เก็บร้านเหรอ” เขาที่เพิ่งกลับมาที่โต๊ะถามเธอ เธอจึงส่ายหน้า

“ไม่หรอก พี่เนอนุญาติให้กลับก่อนได้น่ะ” ความจริงเธอขอร้องพี่สาวสุดเฮี๊ยบต่างหาก แถมได้รับความช่วยเหลือจากปลาดาวใจดี ที่จะเก็บในส่วนของเธอให้...งานนี้คงต้องเลี้ยงปลาดาวสักหนึ่งมื้อใหญ่แล้ว

“งั้นก็ดี...ไปกันเถอะ” เธอยิ้ม ลุกเดินตามเขาออกไป...

“พริกบอกมีอะไรจะถาม?” เธอพุดเมื่อก้าวมาทันเขาที่หน้าร้าน

“อ่อ...ชื่อนานาไง...มันมาได้ไงน่ะ”

“เอ่อ...ก็ที่ ม.ไง เพื่อนๆ ที่เป็นลูกครึ่ง ไม่ก็คนต่างชาติเขาออกเสียงน้อยหน่าไม่ได้ เลยเรียกหน่าว่า นานา เพื่อน ๆ ที่เป็นคนไทยเลยเรียกตาม ๆ กันมาน่ะ”

“คนเมื่อกี้ด้วยเหรอ ปลาดาวน่ะ” พริกถามพลางเก็บกระเป๋าตังค์ใส่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง

“ใช่ เขาเก่งนะ พูดได้ตั้ง 4 ภาษาแน่ะ”

“โห...พริกแค่อังกฤษก็จะตายแล้ว อย่าพูดอะไรมากเลย ภาษาไทยยังเล่นเอามึนเลย แล้วหน่าล่ะพูดได้กี่ภาษา”

“ถ้าไม่นับภาษาไทยก็ อังกฤษ จีน ตอนนี้กำลังให้ปลาดาวสอนภาษาเยอรมันกับเกาหลีให้อยู่” เธอตอบ ยิ้มหวานให้เขา

“ทำไมต้องพูดหลาย ๆ ภาษาด้วยล่ะ”

“หน่าอยากเป็นแอร์ฯ” เธอตอบเขา ทั้งเธอและเขาคงไม่ได้สังเกตุว่าต่างคนต่างใช้ชื่อเรียกแทนตัวเองแล้ว มันสื่อถึงอะไร ไม่มีใครบอกได้ แต่ที่รู้คือต่างคนต่างชอบบรรยากาศตอนนี้

“จะเป็นแอร์กี่เหรอ”

“บ้า...” เขาหัวเราะเบา ๆ เดินช้า ๆ ให้เข้ากับจังหวะการก้าวเท้าของเธอ ทั้งคู่เดินห่างร้านกาแฟไปเรื่อยๆ

เธอไม่ได้วาดหวังอะไร...

เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น...

แต่ทุกก้าวของก้าวเดิน ระยะห่างของทั้งสองก็เริ่มลดลง จนมือทั้งคู่แตะกันเบา ๆ ต่างคนต่างไม่หันมาสบตากัน แต่มือของเขาจับมือเธอไว้ ...และในวินาทีต่อมา มือที่จับกันอยู่ก็เปลี่ยนไปประสานมือกัน โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ตัว....

ทั้งคู่คิดอย่างนั้น ว่ามันเป็นไปอย่างไม่รู้ตัว แต่ความรู้สึกจริง ๆ ทั้งเขาและเธอต่างก็รู้ว่า เกิดจากความตั้งใจของทั้งสองคน....



และนี่ก็คงเป็นครั้งที่สองในเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ปลาดาวตัวอ้วนสงสัย ....

เมื่อลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้าน ก่อนที่เวลาห้างจะปิดเกือบ 3 ชั่วโมง เธอเห็นนานา น้องสาวเจ้าของร้านเดินออกจากร้านไปพร้อมกับสาวหล่อ แต่นานาบอกกับเธอว่า เขาเป็นเพื่อน...

จับมือกันแบบนั้น...บรรยากาศรอบ ๆ ตัวดีขนาดนั้น...

“เป็นเพื่อนกัน...??? แล้วเพื่อนที่ไหนเขาจับมือกันแบบนั้นละนานา”


......................................................................................................................


ตัวข้าน้อยเองไม่ว่างขอรับ เลยให้น้องเอา ID มาโพสแทนให้

ต้อนรับปีใหม่กันด้วยอารมณ์แบบนี้แหละนะ

ลงวันที่ 6 ตอนที่ 6 ใช้เครื่องที่ 6 ส่ง (ชั่วโมงเน๊ตที่บ้านหมด...)

666 มีคนบอกว่ามันคือเลขมรณะ O[]O!!

เหรอ???

ไม่รู้หรอก แต่สำหรับข้าน้อย ชอบตอนนี้อะ...แฮ่...(ไม่บอกก็รู้ใช่มะ ว่าเชียร์ใคร?)

ชอบบรรยากาศตอนนี้...รู้สึกเท่าเทียมกันนิดหน่อย ชมพู่นอกใจไปแล้ว...ไอ้พริกเลยเอามั้ง...(ตีความหมายไปโน้น....)

เอาเถอะ รักใครเชียร์ใครก็ว่ากันไป เพราะไม่ว่ายังไง ภาคสองก็แต่งจบแล้ว เอีก ๆ

สุดท้ายนี้....

รักชมพู่...หลงน้อยหน่าขอร้าบบบบบบบบบ

สุดท้ายจริง ๆ ละ...

มีความสุขกับปีศักราชใหม่นะขอรับ ^^


ตอนที่ 7 >



Create Date : 21 มีนาคม 2552
Last Update : 2 เมษายน 2552 19:24:28 น. 2 comments
Counter : 652 Pageviews.

 
แหม แหม ถ้าน้อยหน่าเป็นแอร์กี่จริง ข้าน้อยจะรีบซื้อเป็นคนแรกเลยขอรับ อิอิ


โดย: m&m IP: 58.9.69.23 วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:22:17:08 น.  

 
น้อยหน่าน่ารัก จังเลย ย


โดย: หมูน้อยกลอยใจ IP: 222.123.136.60 วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:2:37:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.