คุณพี่คะคุณพี่ขา คอร์ส นี้สิคะคอร์สนี้สิขา เหมาะ เหม้าะ เหมาะ กับคุณพี่มากเลยคร่าาาา

บางคนที่เคยหลุดเข้าไปในคลินิกเสริมความงาม โอ่อ่าใหญ่โต หรูหราราวกับ ลอบบี้โรงแรม ห้าดาว
น่าจะเคยได้ยิน คำ ประมาณนี้มาบ้าง

จากพนักงานหน้าร้าน พนักงานเชียร์คอร์ส หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา แต่งหน้า เนี้ยบ รวบผมเป้ะ
หุ่นนางแบบ ใส่สูทสีสวย

"คอร์สนี้เหมาะกับคุณพี่มากเลยคร่า คุณพี่มีปัญหา เรื่องผิวแห้ง มีริ้วรอย ต้องนี้เลยค่ะ ด้วยโปรแกรม โกธแฟนเด้อ

เทอราพี่
อ้ะๆ ตรงหางตานี่ถ้าคุณพี่ได้ฉีดโบทอกส์ ด้วย จะ"เป้ะ"มากเลยค่ะ ริ้วรอยจะหายเรียบ รับรองเลยค่ะ หน้าคุณพี่จะ

เด็กลงถึงห้าปีสิบปี แบบคุณจิ้กกี้ เนาวะแร่ด ตอนนี้โปรโมชั่นพิเศษ ค่ะ ซื้อคอร์ส แถมยาฟรี ห้าตัว มีไมโครคอลลา

เจน มี บลาๆๆๆ"


ด้วยความมึนๆ ไม่คุ้นสภานที่ หรือว่า คล้ายๆถูก นะจังงัง ถูกป้ายยา คุณอาจจะมึนๆงงๆ รูดบัตร ไปแบบงงๆ

หากคุณตั้งสติได้สัก นิ้ด ขอให้คุณบอกไปเลยว่า "ขอคุยกับคุณหมอก่อนค่ะ"


บางครั้ง การพิจารณา การรักษา ของแพทย์ กับพนักงานเชียร์คอร์ส ต่างกันมาก พนักงานเชียร์คอร์ส ส่วนใหญ่ถูก

ฝึกมาเพื่อให้ เชียร์ๆๆ และก็เชียร์ การมองปัญหาผิวพรรณของ พวกหล่อนจะไม่แตกฉานเท่าแพทย์(ถึงกระนั้น

ความแตกฉานของแพทย์แต่ละท่านก็ยังมีความแตกต่างกันอีก)


ด้วยบางครั้ง พนักงานเชียร์คอร์ส จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากคอร์ส ที่เชียร์ได้ ตรงจุดนี้บางที่ก็ ได้กันครึ่งๆ แพทย์ด้วย

พนักงานด้วย

บางที่ก็ พนักงานได้ แพทย์ไม่ได้(แต่แพทย์จะได้จากค่าหัตถการเป็นตัวๆไป)

ซึ่ง ไม่ใช่ทรีทเมนท์ทุกอย่างในคลินิกแพทย์จะเป็นคนทำ ส่วนใหญ่แพทย์จะทำหัตถการที่ ค่อนข้าง invasive หรือ

มีข้อกำหนดว่า แพทย์ต้องเป็นผู้กระทำการ

ถ้าของบ้านๆอย่าง AHA, IONTO, PHONO, Crystal peeling (กรอผิว) ส่วนใหญ่ จะเป็นทรีทเมนท์ ที่พนักงานเป็น

ผู้ทำให้ทั้งสิ้น

ดังนั้น ขออย่าให้คิดว่า แพทย์จะได้เยอะ ได้แยะ จากการขายคอร์ส นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด

คนที่ได้เต็มๆคือนายทุน หรือ เจ้าของคลินิก มากกว่า

หมอส่วนใหญ่ทำเท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น ทำมากได้มากทำน้อยได้น้อย ยิ่ง หมอ มีจรรยาบรรณมากเท่าไหร่ หมอก็ได้

รายได้น้อยเท่านั้น

แบ่งๆกันไป ในองค์กรนึง มีหลายหน้าที่ ต้องแบ่งๆกันกินแบ่งๆกันใช้

บางหัตถการที่พนักงานหน้าร้าน โอ้โลมปฏิโลม ตื๊อ หว่าน ชักแม่น้ำทั้งห้า จนลูกค้าซื้อคอร์สได้(อาทิเช่น โบทอกส์

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด)

พอเข้ามาพบแพทย์ บางที ริ้วรอย มันไม่ได้แก้ไขได้ด้วยโบทอกส์ทั้งหมด อธิบายง่ายๆว่า รอยย่น ที่เป็น static คือ

เหี่ยว เป้นขีดเส้นเล็กๆ จากหนังมันไม่ตึง นั้น แก้ด้วยโบทอกส์ค่อนข้างยาก แต่ แบบ ที่เป็น dynamic แบบยิ้มแล้ว

เห็นเป็นตีนกาชัดๆเลยน่ะ แก้ด้วยโบทอกส์ จะเห็นผลดีอย่างชัดเจน


พนักงานหน้าร้าน ด้วยความที่ฝึกมาแบบการตลาด คือต้อง ปิดการขายให้ได้เร็วที่สุด
ก็มักจะใช้คำพูดบางครั้งก็โกหกตอแหล เพื่อให้ขายได้


แต่แพทย์ ที่เป้นผู้ทำหัตถการสิ น่าหนักใจ คือพอมองหน้าคนไข้แล้วเป็นเคสที่ยาก ฉีดแล้วอาจจะเห็นความเปลี่ยน

แปลงไม่ชัดเจน อาจจะต้องใช้วิธีอื่นในการ correct รอยย่น เช่นการฉีด ฟิลเลอร์ หรืออะไรเพิ่มเติม

แต่ทำอย่าไรได้ พนักงานหน้าร้านเชียร์คอร์สมาได้แล้ว
ถ้าพูดอธิบายแล้วคนไข้ รู้สึกไม่ดี ทำไม หมอพูดอย่าง หน้าร้าน พูดอย่าง คนไข้ก็อาจแคนเซิล คอร์ส

ความหนักใจจึงอยู่ที่หมออย่างยิ่ง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

แพทย์บางคนที่ เลินเล่อ "อ่อน" ประสบการณ์ ก็ ฉีดๆไป ไม่ยอมอธิบายข้อเท็จจริงให้คนไข้ฟัง ถึงข้อดีข้อเสีย ผล

ข้างเคียง และ ข้อจำกัด กลัวแต่ว่า คนไข้จะแคนเซิลคอร์ส ไม่ฉีดล่ะ เลยยอมเป็น เครื่องมือ ให้แก่ คนอื่น โดย

ความซวย ตกอยู่ที่ตัวเองคนเดียว

พอหลังฉีดมา เกิด มีcomplication หรือ ว่าไม่ได้ผล แบบที่ตัวเองต้องการ แบบที่พนักงานโม้ไว้
คนไข้ มาบ่นมาด่า หมอ ที่ใจเย็น ก็อาจจะ calm down อธิบายให้คนไข้เข้าใจได้ ก็ไม่เกิดเรื่อง วินๆ กันไป



หมอที่ EGO สูงๆ ก็จะด่าในใจหาว่าคนไข้เรื่องมาก อาจมีชักสีหน้า อาจเกิดกรณีชวนทะเลาะ หรือ ฟ้องร้องกันได้

ตรงนี้แหละที่เซ็ง
ทั้งคนไข้ก็เซ็ง หมอก็เซ็ง

ดังนั้น หากคุณจะทำอะไรที่มันดูเสี่ยงต่อร่างกายคุณ ขอให้คุณคุยกับหมอที่จะทำให้คุณโดยตรงให้เคลียร์
ไม่ใช่ไปเชื่อพนักงานขายคอร์ส


หมอบางคนไม่ละเอียด ไว้ใจพนักงาน ไว้ใจคนไข้ คิดว่าไม่น่าจะมีเรื่อง
ก็ไม่ถามคนไข้ต่อ คุณบอกอยากมาฉีดหางตา ก็ฉีดให้ โดยไม่ถามถึง ความคาดหวัง หรือคุยเรื่อง ผลก่อนฉีดหลัง

ฉีดให้เคลียร์

ถ้าเกิดเรื่องเพราะความเลินเล่อของคุณหมอเอง คุณหมอก็ต้องรับผิดชอบล่ะ

คนไข้บางคนยอมรับว่า เชื่อพนักงานขายคอร์สมาก บางคนคิดว่าพนักงานขายคอร์ส เป็นผู้เชี่ยวชาญ

แต่ว่าพนักงานพวกนี้ไม่สามารถรับผิดชอบอะไรคุณได้หรอก มีปัญหา ก็เปิดตูดหนี ภาระก็ตกอยู่ที่หมอที่ฉีดให้เต็มๆ

ดังนั้นสรุป ณ ตรงนี้ ถ้าคุณ อยากจะทำอะไรที่คิดว่ามัน เสี่ยง
กรุณาถามแพทย์ผู้ที่จะ ทำให้คุณ อย่างละเอียด ไม่ต้องกลัวหมอ
เพราะปัจจุบัน การแพทย์เพื่อ เสริมความงาม relation ship มักไม่ใช่ หมอกับคนไข้ ซะแล้ว
แต่เป็น หมอ กับลูกค้ามากกว่า

ดังนั้น หากโดน ตื๊อมากๆ วิธีตัดบทคือ ขอคุยกับคุณหมอ ก่อนเลย
หรือไม่ก็ เกทับไปเลยเรื่องความรู้ เพราะส่วนใหญ่พนักงานพวกนี้ ไม่ค่อยรู้จริง รู้แค่พื้นๆ
อย่างเช่น ถามส่วนประกอบ ถามส่วนผสมอะไร ไปเธอก็มักจะตอบไม่ได้
หรือว่าถามว่าเลเซอร์ นี้ ใช้ความยาวคลื่นเท่าไหร่ เอาให้ อึ้ง งงเป็นไก่ตาแตกไปเลย

เอาเป็นว่าถ้าหมอ หรือพนักงาน คนไหน เรียก เครื่อง IPL ว่า LASER ก็ มั่วแล้ว
เพราะว่า IPL คือ intense pulse light (ลำแสงความเข้มข้นสูง)หลักการคล้าย LASER แต่ไม่ใช่เครื่องเลเซอร์
หมอหรือพนักงานคนไหนปล่อยไก่บอกว่า ไอพีแอล คือเลเซอร์ อนุมานได้ว่า ไม่รู้จริง

ไม่ว่าจะ VIPL, advanceIPL แต่ไอพีแอลก็ไม่ใช่เลเซอร์

ที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาไม่ได้หมายความว่าให้ไปจับผิดหมอ หรือว่า ท้าทาย พนักงานขายคอร์ส อะไร

แต่เห็นมักมี เพื่อนๆ ชอบไปตกม้าตาย ที่พนักงานขายคอร์ส บ่อยๆ ขนาดเพื่อน ดิฉันเรียนทางสายวิทย์มาสู้งสูง ยัง

เพิ่งโทรมาเล่าแบบเจ็บใจว่า เพิ่งไปตกม้าตายกับพนักงานขายคอร์ส คลินิก เครือ ข่ายชื่อดังแห่งหนึ่ง

ก็ถือว่าอ่านเอาขำๆละกันนะคะ อย่าซีเรียส เอามาเป็นสาระอะไร เรื่องไหนควรเชื่อ เรื่องไหนไม่ควรเชื่อก็ใช้

วิจารณญาณกันเอาเอง

ขอให้ทุกคน สวยแบบมีสติ และ ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดกว่าค่ะ

Create Date : 08 ธันวาคม 2552		6 comments
Last Update : 8 ธันวาคม 2552 14:03:12 น.
Counter : 3170 Pageviews.
Share Tweet