Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 
FW: เรื่องดีๆ ระหว่างพี่น้อง....อยากให้อ่าน

>FW: เรื่องดีๆ ระหว่างพี่น้อง....อยากให้อ่าน
>
>เรื่องดีๆ ระหว่างพี่น้องอยากให้อ่าน
>
> 6 ครั้งที่ฉันต้องหลั่งน้ำตาให้น้องชายของฉัน ...
>
>
>
>ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน
>
>แต่ละวัน พ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
>
>ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี
>
>วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ ของฉันมีกัน ...
>จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง
>
>พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง
>โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน
>
>"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด
>
>ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า
>
>"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"
>
>พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น
>
>ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้ แล้วพูดว่า
>"ผมขโมยเองครับ"
>
>ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง
>
>พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย
>
>พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน "ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้
>ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"
>
>คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
>แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย
>
>กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก
>
>น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า "พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะ
>มันผ่านไปแล้ว"
>
>ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ
>
>หลายปีผ่านไป แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง
>
>ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
>
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...
>
>เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย
>ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย
>ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน
>
>คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน
>
>ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ"
>
>แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า
>"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"
>
>ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า "ผมไม่ต้องการเรียนต่อ
>ผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"
>
>
>
>พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่
>
>"ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน
>พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"
>
>คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน เพื่อขอยืมเงิน
>
>ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า
>"ต้องให้น้องได้เรียนต่อ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"
>
>แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้
>
>ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด
>น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
>และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว
>ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน ขณะฉันกำลังหลับ
>
>"พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ... ผมจะไปหางานทำ
>แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"
>
>ฉันนั่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...
>ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป
>
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี ...
>
>ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน
>รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที่ไ
>ซท์ก่อสร้าง ... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3
>
>วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
>เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ อยู่ข้างนอกแน่ะ"
>
>ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ??? ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
>ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง ... ฉันถามเขาว่า
>"ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"
>
>น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้
>ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"
>
>ฉันน้ำตานองหน้า ค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง
>และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ "พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง
>เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"
>
>จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
>เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ ... เขาติดกิ๊บให้ฉัน แล้วพูดว่า "ผมเห็นสาวๆ
>ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"
>
>ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด
>ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน
>
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี ...
>
>วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่า
>หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว
>
>เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก
>
>หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า
>"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
>เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"
>
>แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก น้องชายลูกต่างหาก
>วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน
>ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"
>
>ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา
>ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ
>
>ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม" ฉันถาม
>
>"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ
>มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ และ..."
>
>น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด เพราะฉันหันหน้าหนีเขา
>น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง
>
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...
>
>หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
>หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน ...
>แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ
>
>ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง แต่เมื่อออกไปแล้ว
>ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม
>
>น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...
>เขาบอกกับฉันว่า "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ
>ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"
>
>
>
>สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
>เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท ...
>แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา
>
>วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด
>... เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล
>
>ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา
>... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า
>
>"ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!
>ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ ดูตัวเองซิ
>เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"
>
>คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
>"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ
>ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"
>
>น้ำตาปริ่มดวงตาของฉัน รวมทั้งสามีของฉันด้วย ... ฉันบอกกับน้องว่า
>"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."
>
>"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ" น้องชายของฉันจับมือฉันไว้
>
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...
>
>เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน
>
>ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
>"ใครคือคนที่คุณรักและเคารพที่สุดในชีวิตนี้"
>
>น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" ...
>และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้
>
>"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
>เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน และเดินกลับบ้าน
>วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
>และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล
>เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
>เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น ผมสาบานกับตัวเอง
>ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี และจะทำดีกับเธอ"
>
>เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน
>
>คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้
>คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"
>
>ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้ น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...
>
>จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา
>คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
>แต่สำหรับคนคนนั้น อาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง ...ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ
>พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม



Create Date : 30 พฤษภาคม 2548
Last Update : 30 พฤษภาคม 2548 21:58:24 น. 1 comments
Counter : 719 Pageviews.

 


น่าเปลือมใจจังเลยนะคะ
บางที่สิ่งที่เราว่าเล็กน้อย
กลับเป็นสิ่งที่หยิ่งใหญ่สำหรับคนอืน.


โดย: asariss วันที่: 30 พฤษภาคม 2548 เวลา:22:47:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมอร์คิวรี่
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




---=_=---//*// เรื่องราวในวันไร้สาระของข้าพเจ้า //*// ---=_=
Friends' blogs
[Add เมอร์คิวรี่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.