ขอบคุณที่มีตัวตน ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกนี้

Free TextEditor
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
16 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
การประหยัดพลังงานไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม


          ในยุคที่เศรษฐกิจฝึดเคืองเช่นนี้ การบริหารโรงงานอุตสาหกรรมจำเป็นต้องคำนึงถึงการผลิตที่มีค่าใช้จ่ายเป็นต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง หนทางหนึ่งที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิต คือการใช้พลังงานทุกประเภทอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ              
          การประหยัดพลังงานของโรงงาน หมายถึงการลดใช้พลังงานลงโดยการจัดการใช้พลังงานให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยไม่ทำให้กระบวนการผลิตลดลงและไม่ทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลง
จำเป็นแค่ไหน
          พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานที่มีความจำเป็นและการใช้ในการผลิตของทุกโรงงาน ความจำเป็น และความสำคัญของการประหยัดพลังงานไฟฟ้า  จึงไม่ใช่เพียงแต่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นความจำเป็นและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบัน ยังต้องพึ่งเชื้อเพลิงนำเข้าจากต่างประเทศ และมีแนวโน้มว่าจะต้องมีการนำเข้าเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้นตามปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม   ซึ่งเป็นสาขาที่มีความต้องการไฟฟ้าสูงสุด ดังจะเห็นได้จากรายงานสถานการณ์พลังงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี พศ. 2543
ระบุว่าภาคธุรกิจอุตสาหกรรมยังต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10.3
มีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร

          กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้เสนอแนะว่าการประหยัดพลังงานในโรงงาน ควรมีการดำเนินเป็นขั้นตอนโดยเริ่มจากเทคโนโลยีที่ง่ายที่สุด และใช้เงินลงทุนน้อยที่สุดไปจนถึงงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูง และเงินลงทุนมากได้แก่ 



         1. การบำรุงรักษาและการดูแลเบื้องต้น (House Keeping) การประหยัดพลังงานโดยวิธีนี้  เป็นการปรับแต่งเครื่อง และการทำงานต่างๆ เช่น การกำหนดให้มีกรรมวิธีดูแลรักษาที่ถูกต้อง วิธีเหล่านี้โดยมากแล้วจะไม่ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หรือเป้นมาตรการที่เสียค่าใช้จ่ายน้อย แต่มีระยะคืนทุนสั้นๆ คือน้อยกว่า 4 เดือน
                              
          2. การปรับปรุงขบวนการเดิมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือทำให้การสูญเสียต่างๆ ลดน้อยลง ซึ่งจะต้องอาศัยการตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียด โดยทั่วไปมาตรการนี้จะต้องการเงินลงทุนปานกลาง โดยมีระยะเวลาคืนทุน1 - 2 ปี 
                            
          3. การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์หรือระบบ (Major Change Equipment)   เมื่อการตรวจวิเคราะห์ขั้นต้นชี้ให้เห็นว่า
สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มาก โดยการเปลี่ยนหรือเพิ่มอุปกรณ์ ทั้งนี้จะต้องมีการประเมินผลตอบแทนทางการเงินที่ได้จากการดำเนินการมาตรการดังกล่าว     ถ้าพบว่ามีความสอดคล้องเข้ากับเกณฑ์การลงทุนของฝ่าย บริหาร ก็จะเสนอขอความเห็นชอบ มาตรการนี้จะต้องมีการลงทุนสูงโดยมีระยะเวลาคืนทุน 2-5 ปี

ทำอย่างไรได้บ้าง

          การประยัดพลังงานไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
             
-  การปรับปรุงต้นพลังงานไฟฟ้าต่อหน่วยการผลิต
             -  การปรับปรุง Load Factor ให้สูงขึ้น 
             -  การปรับปรุงค่า Power factor 
             -  การควบคุมค่ากำลังไฟฟ้าสูงสุดของโรงงาน 
                        
         ซึ่งแต่ละวิธีสามารถทำได้โดยการบริหารจัดการ การปรับปรุงการทำงาน  การใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพการลดการสูญเสีย การบำรุงรักษา ตลอดจนการใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานไฟฟ้า

จะเริ่มต้นอย่างไร
          ในการวางแผนจัดการด้านพลังงานให้มีการใช้พลังงานอย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องมีการดำเนินการตรวจสอบ  และวิเคราะห์หาสภาพการใช้พลังงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของโรงงานที่เรียกว่า   Energy Audit เสียก่อน การตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงานดังกล่าวจะให้ทราบถึงสภาพการใช้พลังงาน และการสูญเสียพลังงานที่เกิดขึ้น โดยทั่วไปมีการปฏิบัติอยู่ 3 ขั้นตอนคือ

          1. การตรวจสอบวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น (Preliminarly Audit) เป็นการตรวจสอบรวบรวมข้อมูลด้านการผลิตระบบการใช้พลังงานในปีก่อนๆ ที่ทางโรงงานจดบันทึกไว้เพื่อทราบปริมาณการใช้พลังทุกรูปแบบ  ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน  ผลผลิตที่ได้ต่อพลังงานที่ใช้ ตัวแปรของการใช้พลังงานในแต่ละช่วงตลอดจนรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง
                              
          2. การตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยการสำรวจแผนผังโรงงานเพื่อทราบลักษณะทั่วไปของโรงงาน กระบวนการผลิตและเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ พิจารณาบริเวณที่มีการใช้พลังงานสูง     ระบบการใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆและบริเวณที่เกี่ยวข้อง และในขั้นตอนต่อมาคือ การเข้าสำรวจในโรงงานเพื่อหาสาเหตุการสูญเสียพลังงาน โดยการสำรวจใช้พลังงานทุกระบบทั้งในช่วงทำการผลิต และช่วงหยุดการผลิต รวมทั้งทำการตรวจวัดโดยใช้เครื่องมือต่างๆทำให้ได้ข้อมูลสภาพการใช้พลังงานของโรงงานนั้น

          3. การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานอย่างละเอียด (Detailed Audit) ผลการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น นำข้อมูลมาสร้างรูปแบบการใช้พลังงานว่าจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขส่วนใดบ้าง     ซึ่งจะต้องทำการตรวจสอบและวิเคราะห์อย่างละเอียด โดยการตรวจวัดและบันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่อง     หรือเป็นช่วงเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้ทราบสภาพการทำงานและวิเคราะห์การสูญเสียพลังงานโดยจัดทำสมดุลพลังงาน    เพื่อหาประสิทธิภาพของระบบ และของอุปกรณ์ที่สำคัญ และหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งจะต้องมีการวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ในแต่ละมาตรการลงทุนเพื่อหามาตรการที่เหมาะสมและเป็นไปได้

แล้วจะได้ผลแค่ไหน
                        
          
ตัวอย่างการศึกษาวิจัยเพื่อทำการปรับปรุงการใช้พลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ และเกิดการประหยัดพลังงานโดยใช้วิธีการของ Energy Audit ที่จะนำเสนอในบทความนี้ คือการศึกษาศักยภาพการประหยัดพลังงานไฟฟ้า   ในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตมิเตอร์      โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทราบการใช้พลังงานของโรงงาน ประเมินหาศักยภาพในการประหยัดพลังงาน
   และเสนอแนวทางการปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ     โดยโรงงานที่เข้าทำการศึกษาคือ บริษัทมหาจักรไฟฟ้าสากล จำกัด ตั่งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่จัดอยู่ในประเภทขนาดกลาง ตามการจัดแบ่งประเภทกิจการไฟฟ้าในการคิดอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยเข้าทำการสำรวจ ตรวจวัดและวิเคราะห์หาสถาพการใช้พลังงาน   และการสูญเสียพลังงานที่เกิดขึ้นในเครื่องจักรอุปกรณ์ไฟฟ้าของโรงงานได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศซึ่งมีสัดส่วนการใช้พลังงานมากกว่า 90 เปอร์เซนต์ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของโรงงาน
                           
          ผลการศึกษาพบว่า ปัจจุบันโรงงานมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 1,376,160 kWh โดยมีค่าความต้องการไฟฟ้าสูงสุด 426 kW ค่าตัวประกอบภาระ 0.47 และค่าตัวประกอบกำลัง 0.09 มีสัดส่วนการใช้พลังงานสูงสุดในระบบมอเตอร์ของเครื่องจักรอุปกรณ์ร้อยละ 56..70 รองลงมาคือระบบปรับอากาศร้อยละ 34.71 และระบบแสงสว่างร้อยละ 8.59 อัตรา การใช้พลังงานไฟฟ้าต่อผลผลิตเท่ากับ 3.46 kWh/เครื่อง    มีศักยภาพในการประหยัดพลังงานได้ทั้งโดยวิธีที่ไม่มีการ ลงทุน และวิธีการที่ลงทุนรวม 5 แนวทางคือ
             
 1. การยุบภาระหม้อแปลงรวมกันในช่วงที่ไม่ทำการผลิต
              2. การสับเปลี่ยนมอเตอร์ให้พิกัดเหมาะสมกับภาระของเคื่องจักร
              3. การลดระยะเวลาการใช้งานของเครื่องปรับอากาศลง
              4. การเปลี่ยนอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิเป็นแบบอิเลคทรอนิคส์เทอร์โมสตัท


          จากการวิเคราะห์ความเหมาะสมในการดำเนินการ และความคุ้มทุนโดยหาระยะเวลาคืนทุน (Playback Period) และวิธีมูลค่าปัจจุบันสนธิ (Net Present Value) แล้วพบว่า มีแนวทางการประหยัดพลังงานที่สมควรเสนอแนะให้แก่โรงงานในการปรับปรุงการใช้พลังงานของโรงงานเหลือเพียง 3 แนวทางได้แก่ 
                      
              
1. การลดระยะเวลาการใช้เครื่องปรับอากาศลง
              2. การปรับตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมให้แก่เครื่องปรับอากาศ 
              3. การเปลี่ยนอุปกรณ์ควบคุมของเครื่องปรับอากาศ 
        

          จึงได้เสนอแนะให้โรงงานใช้แนวประหยัดพลังงานดังกล่าวร่วมกัน    เพื่อให้ศักยภาพในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าของโรงงานสูงสุด โดยสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ปีละ 14,0001.63 kWh  ( หรือลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ ปีละ10.68 เปร์เซนต์) หรือคิดเป็นค่าพลังงานไฟฟ้าที่สามารถประหยัดได้ปีละ 452,765 บาท

          จะเห็นได้ว่าแนวทางการประหยัดพลังงานที่เสนอแนะไว้ในตัวอย่างการศึกษาข้างต้น เป็นแนวทางที่สามารถดำเนินการได้โดยใช้เทคโนโลยีง่ายๆ ลงทุนน้อย และไม่ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานมาดำเนินการอย่างใด  จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งต่อขโรงงานขนาดกลางลงไป เนื่องจากโรงงานเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ดำเนินการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง อันเนื่องมาจากไม่ได่อยู่ในขอบข่ายที่ต้องปฏิบัติตามกฏหมาย พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พศ. 2535 และการที่ไม่ได้อยู่ในขอบข่ายการปฏิบัติตามกฏหมายดังกล่าว ทำให้ไม่ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินในการดำเนินการประหยัดพลังงานรวมถึงการขาดผู้รับผิดชอบโดยตรงด้านพลังงานประจำโรงงานด้วย 
  
          ดังนั้น บทความนี้จึงประสงค์จะกระตุ้นและชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการประหยัดพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดกลางลงไป ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 25,000 แห่งในเขตของภูมิภาค ให้เห็นถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่ได้รับจากการประหยัดพลังงาน ซึ่งถ้าหากทุกโรงงานได้ดำเนินการประหยัดพลังงาน และได้ผลลัพธ์อย่างน้อยที่สุด เช่นเดียวกับกรณีตัวอย่างที่ได้ทำการศึกษาแล้วนี้ ย่อมจะสามารถช่วยให้ประเทศชาติประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากถึงปีละ  235 เมกกะวัตต์ หรือถ้าคิดเทียบสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของโรงงานแม่เมาะ ซึ่งมีกำลังผลิตปีละประมาณ 2,625  เมกกะวัตต์ โดยมีความต้องการถ่านหินปีละประมาณ 16 ล้านตัน แล้วเท่ากับสามารถลดค่าใช้ถ่านหินลงไปได้ถึงปีละมากกว่า 1.4 ล้านตันดังนั้น การประหยัดพลังงานไฟฟ้าในกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่โรงงาน และยังช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงของประเทศแล้ว ยังสามารถช่วยลดมลพิษ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ไม่น้อยทีเดียว

          กล่าวโดยสรุป การประหยัดพลังงานไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมมีความจำเป็นมาก สามารถดำเนินการได้โดยอาศัยวิธีการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงานหรือ Energy Audit ซึ่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเนื่องจากช่วยให้สามารถหาแนวทางการประหยัดพลังงานลงได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตของผู้ประกอบการลงได้   และเป็นผลดีต่อเศรษกิจของประเทศ รวมทั้งช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม


ที่มาโดย:วารสารสายใจไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พฤษภาคม 2545






Free TextEditor


Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 15:24:07 น. 1 comments
Counter : 226 Pageviews.

 
บริษัทเราได้พัฒนาในการประหยัดพลังงานเกี่ยวกับโคมไฟในพื้นที่ใช้งานคือบริษัทได้ผลินโคมประหยัดพลังงานคือโคมเพิ่มแสงแต่ไม่เพิ่มหลอดหรือจากโคมเดิม3หลอดเราปรับปรุงเป็น2หลอดหรือ1หลอดโดยที่แสงเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม
ติดต่อสอบถามเพิ่ม
นายวีระศักดิ์
0830278422


โดย: บริษัทประหยัดพลังงานไฟฟ้าจำด IP: 124.120.160.8 วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:19:13:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จั๊กจั่นเรไร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add จั๊กจั่นเรไร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.