พาเที่ยววัดในเชียงใหม่ วันนี้ไปวัดเจดีย์หลวงกับวัดพันเตา
พาเที่ยววัดเจดีย์หลวง
วัดเจดีย์หลวง เป็นวัดเก่าแก่อยู่คู่เมืองเชียงใหม่มาเป็นเวลาหลายร้อยปี มีตำแหน่งที่อยู่ในจุดเกือบกึ่งกลางของแนวกำแพงเมืองเชียงใหม่โบราณ จากรูปในกูเกิ้ลในวงกลมสีเขียว
ตำแหน่งที่ตั้งของเจดีย์หลวงที่จุดเกือบกึ่งกลางของแนวกำแพงเมืองโบราณ สะท้อนให้เห็นคติของชาวล้านนา ที่กำหนดให้เจดีย์หลวงอยู่ในฐานะศูนย์กลางจักรวาล ปรากฏในคัมภีร์มหาทักษาเมือง ซึ่งกล่าวถึง การสร้างวัดสำคัญในเมืองเชียงใหม่ 9 แห่ง โดยกำหนดให้สอดคล้องกับชัยภูมิ และความเชื่อเรื่องทิศทั้ง 4 และทิศเฉียงอีก 4 เป็น 8 เมื่อทิศทั้ง 8 มาบรรจบกัน เกิดจุดศูนย์กลางรวมกันเป็น 9 ถือเป็นเลขมงคล ตำแหน่งจุดศูนย์กลางเมืองให้เป็นเกตุเมืองอยู่ตรงกับวัดเจดีย์หลวง
เจดีย์หลวงนั้นถือว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในล้านนา สูงประมาณ ๘๐ เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ ๖๐ เมตร ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพญาแสนเมืองมา (พ.ศ. ๑๙๒๘ - ๑๙๔๕) กษัตริย์องค์ที่ ๗ แห่งราชวงศ์มังราย เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พญากือนาซึ่งเป็นพระบิดา เดิมชื่อวัดคือวัดโชติการาม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดเจดีย์หลวง เนื่องจากในภาษาเหนือ หรือคำเมือง หลวงแปลว่า ใหญ่ หมายถึง พระธาตุเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่
ได้มีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้ขยายเจดีย์ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม
ต่อมาในสมัยพระนางจิระประภาเทวีผู้ปกครองเชียงใหม่องค์ที่ 15 แห่งราชวงศ์มังราย ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในล้านนา ทำให้ยอดพระเจดีย์หลวงพังทลายลงมา ในปี พศ. 2088 แล้วไม่ได้รับการซ่อมแซมเพราะช่วงนั้นล้านนากำลังเสื่อมอำนาจ จนถูกพม่าเข้ามายึดครองนานกว่า 200 ปี
ต่อมากรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะ แล้วเสร็จในปี พ.ศ 2535 ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมอยู่อย่างไม่ขาดสาย
ในวัดมีจุดที่น่าเยี่ยมชมหลายแห่ง เช่นวิหารหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่สร้างอยู่ใกล้กับต้นยางใหญ่โบราณ
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงอยู่ระยะหนึ่ง ในช่วงปี พ.ศ. 2471
ภายในวิหารหลวงปู่มั่น มีรูปเหมือนขององค์ท่านอยู่ภายใน เสมือนกับว่าท่านยังมีชีวิตอยู่เลยครับ
ภาพเจดีย์หลวง มองผ่านประตูวิหารหลวงปู่มั่น
ภาพพญานาคประตูวิหารหลวงปู่มั่น มองไปทางเจดีย์หลวง
จุดที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งคือ มณฑปบรรจุเสาอินทขิล หรือเสาหลักเมืองเชียงใหม่โบราณ สร้างมาตั้งแต่สมัยพญามังราย เดิมเสานี้ตั้งอยู่ที่วัดอินทขิลใกล้ศาลากลางเชียงใหม่เดิม ต่อมาได้ย้ายมาไว้ที่วัดเจดีย์หลวงนี้ และช่วงเดือนพฤษภาคมของทุก ๆ ปี จะมีประเพณีการนำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาเสาอินทขิลนี้ ชาวเชียงใหม่เรียกว่า "ประเพณีใส่ขันดอก"
วัดต่อไปที่เราจะไปเยี่ยมชม คือวัดพันเตาครับ จากแผนที่ในกูเกิ้ล เราจะเห็นว่าวัดพันเตาอยู่ใกล้ ๆ กับวัดเจดีย์หลวงนั่นเอง
วัดนี้ถูกสร้างขึ้นมาในระยะไล่เลี่ยกับวัดเจดีย์หลวงนั้นเอง คือสร้างในรัชสมัยพญาแสนเมืองมา เช่นกัน ส่วนที่มาของชื่อวัดพันเตา นั้นมีที่มา 2 กระแส คือ กระแสแรกมาจากคำว่า "ปันเต้า" ในภาษาล้านนา หรือ "พันเท่า" ในภาษากลาง หมายถึงเพิ่มพูนขึ้นนับพัน ๆ เท่า เป็นชื่อของเศรษฐีที่เชื่อว่าวัดนี้ได้สร้างขึ้นในบริเวณบ้านของเศรษฐีคนดังกล่าว
ส่วนอีกกระแสหนึ่งเชื่อว่า บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งเตาหลอมโลหะนับพันเตา เพื่อหล่อพระพุทธรูปอัฏฐารสที่ประดิษฐานในวิหารวัดเจดีย์หลวง เมื่อหล่อเสร็จแล้ว จึงได้สร้างวัดขึ้นในบริเวณดังกล่าว
จุดเด่นของวัดพันเตา คือวิหารวัดพันเตานั่นเอง ซึ่งเดิมเป็นหอคำของเจ้าหลวงเชียงใหม่เดิม แล้วได้รื้อมาสร้างถวายเป็นวิหารวัดพันเตาแห่งนี้
ภาพหน้าแหนบวิหารวัดพันเตา เป็นไม้แกะสลักสวยงามที่สมบูรณ์ที่สุดเพียงหลังเดียวที่หลงเหลืออยู่ในล้านนา เคยเป็นภาพในแสตมป์ฉลอง 700 ปีเชียงใหม่ด้วยครับ
ภาพเจ้าหลวงมโหตรประเทศ เจ้าผู้ครองเชียงใหม่องค์ที่ 5 ผู้สร้างหอคำแห่งนี้
ภาพเจ้าหลวงอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 ผู้ให้ย้ายหอคำแห่งนี้มาเป็นวิหารวัดพันเตา
ภาพอีกภาพหนึ่งของเจ้าอินทวิชยานนท์ ครับ
สุดท้ายก็เป็นภาพของพระประธานวัดพันเตาครับ
จริง ๆ แล้วทั้งวัดเจดีย์หลวงและวัดพันเตา ยังมีจุดที่น่าเยี่ยมชมอีกหลายจุด แต่ว่าช่วงที่ผมไปถ่ายรูปนั้น ทางวัดได้ปิดซ่อมแซมหลายแห่ง จึงทำให้ไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ ก็เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสอีก ก็จะเข้าไปถ่ายรูปเพิ่มเติมมาฝากเพื่อน ๆ นะครับ
ปล. ภาพทั้งหมดถ่ายด้วย 450D + lens kit 18-55 is ครับ แต่ทำไมภาพไม่คม เหมือนกับเพื่อนสมาชิกบางท่าน ที่ถ่ายด้วย 350D + lens sigma 17-70 mm ถ้าเพื่อน ๆ มีข้อแนะนำ วิธีทำให้ภาพคมขึ้น ช่วยบอกให้ทราบ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ
Create Date : 24 มิถุนายน 2551 |
|
8 comments |
Last Update : 24 มิถุนายน 2551 16:20:03 น. |
Counter : 5402 Pageviews. |
|
|
|