http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
29 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

Bangkok International Film Festival 2008 (PART 2)

by merveillesxx


DAY 6 : 28 Sep 2008

วันนี้พีคมากๆ หนังดีทุกเรื่อง




1. In the City of Sylvia (2007, Jose Luis Guerin, A+++++++++)

ถ้า ใครเป็นคนประเภทชอบนั่งในร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือกระทั่งรถไฟฟ้า แล้วมองผู้คนไปเรื่อย หนังเรื่องนี้สร้างมาเพื่อคุณ เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลา (แต่ฝรั่งข้างๆ ดูนาฬิกาทุก 10 นาที, หาว 18 รอบ และเดินออกไปในที่สุด)

ชอบที่ช่วงแรกๆ หนังจับแต่ผู้หญิงสวยๆ แต่ฉากท้ายๆ จะมีแต่ ญ ไม่สวย เหมือนกำลังสะท้อนเรื่องโลกความเป็นจริง หรืออะไรเทือกนั้น

หลาย คนบอกว่าจี๊ดกับฉากนางเอกโบกมือมากๆ (ซึ่งแน่นอนมันเป็น scene of the year จริงๆ) แต่ฉากที่ impact เรามากที่สุดคือฉากที่พระเอกนั่งในผับ ดูแล้วแทบจะร้องไห้ แล้วเพลงในฉากนี้มันก็โดนมากๆ ทุกเพลง





2. Summer Hours (2008, Olivier Assayas, A++++++)

น่า จะนับเป็นหนังที่เศร้าที่สุดในเทศกาล มันเศร้าแบบซึมลึก ถ้าเทียบกับ A Christmas Tale แล้ว เรื่องนั้นเราว่าเป็น "หนังที่ดี" แต่สำหรับ Summer Hours มันคือ "หนังที่ถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ได้ดี" เรารู้สึก connect กับมันได้เยอะกว่ามาก มันเป็นเรื่องมนุษย์ที่รู้ดีว่าอุดมคติคืออะไร แต่ก็รู้ว่าสิ่งนั้นกำลังจะพังทลายลงไปช้าๆ และพวกเ้ราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน

มีประมาณ 3 ฉากที่เราร้องไห้ ได้แก่ 1.ตอนพี่น้องสามคนคุยกัน (โดยเฉพาะตอนที่ จูเลียต บิโนช บอกว่า "โอ๊ย นี่ถึงคราวชั้นพูดแล้วใช่มั้ย") 2. ตอนที่คนใช้กลับมาที่บ้าน แล้วเห็นข้าวของในบ้านกำลังถูกห่อ เหมือนเรื่องตลกร้ายที่คนที่มีความผูกพันกับบ้านหลังนี้มากที่สุด คือคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับครอบครัวนี้เลย 3. ตอนที่คนใช้พูดกับพระเอกว่า "คุณแม่ของคุณรู้อยู่แล้วแหละว่า....."

เทคนิค ภาพยนตร์ของอัสซายาสยังน่าสนใจเหมือนเคย ไม่ว่าจะการถ่ายลองเทค กล้องที่ซอกซอนไปตามเฟอร์นิเจอร์ชิ้นต่างๆ ของบ้าน หรือการตัดต่อที่เมื่อถึงฉากที่จะเร้าอารมณ์ เขาก็ fade ดำทันที (อันนี้น่าจะคล้ายๆ กับ Clean)

ชอบที่ตอนจบก็ไม่ได้ให้มุมมองที่ negative กับรุ่นลูก (ซึ่งจริงๆ ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย) เพลงในปาร์ตี้สองเพลงในฉากสุดท้าย (เพลงฮิปฮ็อปคือตัวแทนของ generation Y) แสดงได้ว่าอัสซายาสเข้าใจโลกใบนี้ดีขนาดไหน





3. Lorna's Silence (2008, Jean-Pierre Dardenne + Luc Dardenne, A-)

ชอบ น้อยกว่างานชิ้นก่อนๆ (ชอบที่สุดคือ The Son และ Rosetta) เพราะรู้สึกว่างานก่อนหน้าจะมีความดิบ สด และสมจริง มากกว่านี้ (รู้สึกการเคลื่อนกล้องเรื่องนี้นุ่มนวลมากขึ้น) แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดีมาก ชอบพล็อตเรื่องลูก ที่ดูเป็น metaphor อะไรสักอย่างที่ดูเก๋ แต่ก็น่าสะเทือนใจไปพร้อมกัน แล้วก็แอบเซอร์ไพรส์เล็กน้อยที่คราวนี้มีเพลงประกอยด้วย (แต่ก็นิดเดียว)





4. Let the Right One In (2008, Tomas Alfredson, A+++++++++)

นี่คือหนังโคตรโรแมนติก!

และแค่ขึ้นฉากแรกมา เห็นบรรยากาศหนังก็ A+ แล้ว แบบว่าเข้าทางมากๆ

รู้สึก หนังมีส่วนผสมหลายๆ อย่างดี ทั้งหนัง coming of age, road movie, สยองขวัญ, ระทึกขวัญ, ดราม่า, ตลกร้าย แล้วมันก็ลงตัวหมดเลย แต่จุดที่ชอบจริงๆ คือ มันเหมือนหนังชีวิตของแวมไพร์ เรารู้สึกว่านางเอกไม่ใช่ผีดิบ แต่เป็น "มนุษย์ที่กลายเป็นผีดิบ" อย่างน้อยที่สุดผีดิบในเรื่องก็ไม่ได้แยกเขี้ยวใส่คนดูแม้แต่ครั้งเดียว (หรือมันไม่มีตังค์ทำเขี้ยว??)

ตอนแรกนึกว่าหนังจะจบแบบหวานๆ ก็แอบแย้งในใจขึ้นมาว่าไม่ชอบ แต่พอเจอฉากสระน้ำเข้าไป อยากจะกรี๊ดลั่นโรง (คือคนดูก็เดาได้อยู่แล้วล่ะว่ามันต้องมีอะไรแบบนี้ แต่เราก็รู้สึกว่าเขาก็ design ให้มันดูทุนต่ำแบบมีคลาสได้ 555)


บทวิจารณ์ LET THE RIGHT ONE IN ใน Film Comment
//www.filmlinc.com/fcm/so08/rightone.htm





DAY 7 : 29 Sep 2008




1. Feast of Villains (2008, Pan Jianlin, B+)

หนัง อาจดูธรรมดาไปหน่อย แต่เราก็ชอบที่มันไม่กดดันให้เรารู้สึกเศร้าอะไรมาก อารมณ์ในหนังออกจะดูนิ่งๆ ด้วย แล้วก็ชอบที่พระเอกดู passive มากๆ แต่ก็ไม่แส่หาเรื่องดี (เช่น ไม่ฝืนคำสั่งโทรศัพท์ หรือไม่ไปตามหาตัวพวกแกงค์ค้าไต - ซึ่งปกติแล้วมักจะมีฉากแบบนี้อยู่สูง แล้วลงเอยด้วยการถูกกระทืบ) แล้วก็ชอบความเซอร์ในหนังที่อยู่ดีๆ ก็มีฉากเต้นเพลงแขก (!) หรือตอนท้ายที่ขึ้นหน้าตัวละครชั่วๆ ในหนังขึ้นมาทีละตัว ตามชื่อหนัง "งานฉลองของคนชั่วร้าย" จริงๆ เลย (จนอุทานว่า "เฮ้ย เล่นงี้เลยเหรอพี่")





2. The Betrayal - Nerakhoon (2008, Ellen Kuras + Thavisouk Phrasavath, A)

จริงๆ แล้วอินกับหนังมาก ร้องไห้อยู่ฉาก แล้วพวกฉากถ่ายวิวทิวทัศน์ เราก็ว่า poetic ดี แต่ส่วนที่เป็นเนื้อเรื่องมันดู set เกินไปหน่อย จนแอบคิดว่าจริงๆ แล้วถ้าทำเป็นหนัง fiction ไปเลย แล้วแทรกสารคดี จะดีกว่ามั้ย (แต่ถ้าทำหนังแบบนั้นหนังมันคงไม่ได้รับความสนใจขนาดนี้) นอกจากนั้นยังให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ลาวด้วย (สำหรับเราที่ไม่เคบรู้เรื่องพวกนี้เลย จึงถือว่าเป็นสิ่งเดีมากๆ)





3. Citizen Juling (2008, Kraisak Choonhavan + Ing K. + Manit Sriwanichpoom, A+)

แรง น้อยกว่าที่คิด แต่จริงๆ หนังมันก็มีอะไรแรงๆ อยู่ (แต่ก็ขึ้นกับว่าคนดูจะ conscious กับเรื่องตรงนั้นยังไงด้วย) ตอนดูก็เพลินๆ ดี เพราะบางเรื่องก็ลืมไปแล้ว เป็นการทบทวนความจำ หรือบางเรื่องก็ไม่เคยรู้ มีจุดที่รู้สึกเบื่อๆ บ้าง แต่ก็ชอบแนวคิดที่ไปสำรวจทั้งภาคเหนือและภาคใต้มากๆ ถึงแม้จะรุ้สึกเอียนๆ leader ของตัวหนังเป็นบางครั้ง

ชอบลีลาการสัมภาษณ์ของคุณอิ๋งมาก ตอน Q&A ก็อยากจะถามเรื่องนี้เหมือนกัน แต่แย่งไมค์กับฝรั่งไม่ทัน (แต่ประเด็นหลักคือไม่กล้าถาม 555)

ไม่ชอบอย่างหนึ่งคือ การตัดต่อบางอย่างที่หนังใช้บ่อยไปหน่อย ฉากเช่นฉากห้องเปื้อนเลือด ใช้บ่อยๆ ก็ไม่ทรงพลังแล้ว แถมยังดูจงใจไปด้วย แต่ใขขณะเดียวกันการตัดต่อแบบนี้ก็ยังให้ผลฮาๆ แล้วก็น่าสงสัยมาก เช่น การตัดฉาก อ.เฉลิมชัย หัวเราะ ซ้ำๆย้ำๆ นี่ก็ไม่รู้เหมือนว่าตกลงผู้สร้างต้องการอารมณ์ไหน

ชอบอารมณ์ช่วงท้ายๆ ในช่วงหลัง 19 กันยาด้วย รู้สึกเป็นหนังตลก absurd

แล้วก็อยากให้คุณอิ๋งกลับไปทำสารคดี 6 ตุลาด้วย (เห็นว่าเคยจะทำ แล้วพับไป)





DAY 8 : 30 Sep 2008




1. Quiet Chaos (2008, Antonio Luigi Grimaldi, A+)

ไม่ ค่อยได้คาดหวังอะไรกับหนังเท่าไร เพราะไม่ค่อยชอบเรื่อง The Caiman แล้วก็ไม่ค่อยถูกชะตากับหนังอิตาลีด้วย แต่เรื่องนี้ดูแล้วรู้สึกรื่นรมย์มากๆ ชอบมากที่หนังไม่ได้ดูฟูมฟายเกินไป แต่ก็ไม่ได้แอ๊บแบ๊วจนน่ารำคาญ (อย่างเช่น พล็อตพระเอกกับสาวสวยจูงหมา ก็ดีใจมากที่หนังจบไว้แค่นั้น) ชอบที่หนังสร้างพล็อตเก๋ๆ ขึ้นมา (พ่อที่เมียตาย ไม่ไปทำงาน เอาแต่เ้ฝ้าลูกหน้าโรงเรียน) แล้่วก็คลี่คลายมันอย่างเรียบง่าย (ฉากที่ลูกขอของขวัญคริสมาสต์จากพ่อ มัน touching มากๆ) อ้อ แล้วก็ชอบ voice over ของพระเอกด้วย ดูประสาทฮาๆ ดี (เช่น นั่งนึกว่าชั้นเคยนั่งสาบการบินอะไร, ฃั้นเคยอยู่บ้านที่ไหนบ้าง - ปกติตัวเองเวลาว่างๆ ก้ชอบนึกอะไรประสาทๆ แบบนี้เหมือนกัน เลยรู้สึกอินกับตัวละครนี้ไ้ด้ในจุดนี้)

จริงๆ ชอบครึ่งแรกของหนังมาก เพราะพระเอกไม่ร้องไห้เลย พอมีฉากร้องไห้ใหญ่ๆ ก็เลยชอบหนังน้อยลงไปบ้าง แต่รู้สึกว่าอาจจะดีแล้วที่มีฉากนี้

นอกจากนั้น หนังยังเลือกเพลงประกอบได้เก๋ไก๋มากๆ ด้วย พอมีเพลงของ Radiohead ขึ้นมา ก็ให้ A+ กับหนังทันที ยิ้มเท่ห์





2. Modern Life (2008, Raymond Depardon, A+)

ช่วง แรกๆ อาจรู้สึกเบื่อๆ บ้าง + ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะอีป้าข้างๆ คุยกันตลอด ตอนหลังเลยย้ายที่ แล้วก็ดูหนังรู้เรื่องขึ้นเยอะ เริ่มซึมลึกกับหนังมากขึ้น แล้วก็พบว่านี่คือหนังที่ทรงพลังที่สุดของเทศกาล

ชอบ หนังที่ไม่บิวด์อารมณ์อะไรเลย แค่คำตอบของผู้ให้สัมภาษณ์แต่ละคนก็ผลักอารมณ์ของเราให้ถึงขีดสุดแล้ว โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ หนังถ่ายภาพสวยมาก แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ปรุงแต่งอะไรเลย (อาจมีการ set บ้าง เท่าที่เดา) การจับภาพของฟาร์มโล่งๆ หรือภาพหน้าคนแก่ก็เป็นอะไรที่ impact คนดูได้สุดๆ

ปกติแล้วจะรู้สึกมันฉากประเภทขึ้นเครดิตหน้าตัวละคร พร้อมชื่อจะเสร่อ แต่เรื่องนี้ต้องยกเว้นจริงๆ เพราะมันทำให้เราคิดคำนึงต่อไปว่าชีวิตของพวกเขาจะเป็นยังไงต่อไป

อนึ่ง หนังเืรื่องนี้ควรใช้ประกอบกับ Summer Hours





3. 24 City (2008, Jia Zhangke, A-)

เป็น ผลจากการที่ก่อนหน้าเพิ่งดู Modern Life มา พอมาเจอหนังสัมภาษณ์ๆๆๆๆๆ อีกก็เลยแบบเหนื่อย เบื่อ และไม่อินกับหนังเลย (แถมคนจีนในหนังพูดจาล้งเล้ง แบบว่า ku หนวกหูมากค่ะ) พอมาถึงฉากบังคับอย่างฉากตึกถล่มก็ไม่รู้สึกอะไรกับมันเลย (ฉากประเภทนี้ใน My Winnipeg ยังอินมากกว่าเลยแฮะ)

สิ่งที่ชอบที่สุดในหนังคือ เพลงประกอบฝีมือของ Lim Giong (ที่เป็นเพลงแดนซ์ๆ หน่อย) ถ้าจำไม่ผิดเขาคือคนทำเพลงประกอบเรื่อง Millennium Mambo ของโหวเชี่ยวเฉียน (ซึ่งเราชอบมาก)





4. Nanayo (2008, Naomi Kawase, B+)

(กว่าจะได้ตั๋วมาก็ยากเย็นเหลือเกินนะ)

ต้องยอมรับว่าผิดหวังกับหนังพอสมควร อาจจะเพราะคาดหวังกับหนัง (แบบในทางที่ตัวเองอยากให้เป็น) มากเกินไป

สิ่ง ที่ชอบคือ ภาษาหนังของคาวาเสะยังแข็งแรงเหมือนเดิม ภาพถ่ายภาพ (ชอบฉากที่นางเอกวิ่ง + ฉากจบ), การบันทึกเสียง อันนี้คือสุดยอด แล้วก็ชอบการถ่ายแบบสารคดีด้วย อย่างเช่น ฉากที่ถ่ายชาวบ้าน แล้วชาวบ้านยิ้ม และโบกมือให้กล้อง เธอก็เอาเทคนั้นเลย

สิ่งที่ไม่ ชอบคือ หนังควบคุมการแสดงของนักแสดงชาวไทยไม่ได้นัก (หรือไม่ได้่เลย) จนกลายเป็นหนังตลกไปซะงั้น แต่อันนี้ก็ต้องหมายเหตุไว้ว่าอาจเป็นเฉพาะการรับรู้ของคนไทยอย่างเราๆ ก็ได้ พยายามจะทำความเข้าใจในจุดนี้ แต่ก็ยังมีปัญหากับฉากตบตีกันอย่างมาก (จริงๆแล้วมันเป็นฉากเซอร์เรียลเลยทีเดียว) แต่จริงๆ ฉากนี้ก็ต้องชมว่า เคียวโกะ ฮาเซกาว่า ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก เธออาจจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เธอก็เล่นประสาทแดกไปได้

ที่ชอบใน หนังอีกอย่างคือ หนังไม่ได้ปูพื้นอะไรเท่าไร (ว่านางเอกมีแบ็คกราวด์อย่างไรจากญี่ปุ่น) และไม่ได้บอกบทสรุปกับเราว่า ตกลงแล้วนางเอกได้อะไรจากการมาเที่ยว (คือชอบที่ไม่ได้บอกว่า โอ้ นี่คือการค้นพบความสงบทางจิตวิญญาณ บลาบลาบลา) เหมือนหนังก็แค่จับภาพ 7 วัน ที่เธอมาร้อนเหงื่อแตกที่ประเทศไทยก็เท่านั้น รวมถึงฉากบวชก็อาจจะเป็นเพียงกิจกรรม exotic อย่างนึงก็เท่านั้น (แต่ก็ยังรู้สึกหงุิดหงิดที่ฝั่งตัวละครยึดติดกับเรื่องนี้เหลือเกิน)

ฉากความฝันของนางเอกก็น่าสนใจดี แต่กลัวเหมือนกันว่าการตีความในบางมุม อาจทำให้ประเด็นนี้ sensitive เกินไปได้





อันดับสำหรับเทศกาล

1. Summer Hours (2008, Olivier Assayas, A++++++)

2. Let the Right One In (2008, Tomas Alfredson, A+++++)

3. In the City of Sylvia (2007, Jose Luis Guerin, A+++++)

4. Modern Life (2008, Raymond Depardon, A+)

5. Quiet Chaos (2008, Antonio Luigi Grimaldi, A+)

6. Citizen Juling (2008, Kraisak Choonhavan + Ing K. + Manit Sriwanichpoom, A+)

7. Vicky Cristina Barcelona (2008, Woody Allen, A)

8. A Christmas Tale (2008, Arnaud Desplechin, A)

9. The Last Mistress (2007, Catherine Breillat, A-)

10. Lorna's Silence (2008, Jean-Pierre Dardenne + Luc Dardenne, A-)

11. The Betrayal - Nerakhoon (2008, Ellen Kuras + Thavisouk Phrasavath, A-)

12. 24 City (2008, Jia Zhangke, A-)

13. Nanayo (2008, Naomi Kawase, B+)

14. Feast of Villains (2008, Pan Jianlin, B+)

15. 12 Lotus (2008, Royston Tan, B+)

16. My Winnipeg (2007, Guy Maddin, B+)

17. Parking (2008, Chung Mong-Hong, B)




 

Create Date : 29 กันยายน 2551
36 comments
Last Update : 1 ตุลาคม 2551 2:58:08 น.
Counter : 3106 Pageviews.

 

SPOIL นะ








ไปอ่านมา มีคนเค้าเปรียบล่ะ ว่าชีวิตของ ELI จบตั้งแต่โดนตัดจู๋แล้วค่ะ เจ้าหล่อนก็เลยกลายเป็นคนไร้เพศ และทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแล้ว

มองโลกในแง่ร้าย ไอ้ออสการ์จะเป็นรายต่อไปที่ต้องตายเหมือนผู้ชายคนนั้น มองโลกในแง่ดี ออสการ์รักกันแบบไร้เพศต่อไป

ปล. พ่ออีออสการ์มันเป็นเกย์เปล่าวะ

 

โดย: เพอร์รี่ IP: 58.9.148.253 29 กันยายน 2551 2:52:45 น.  

 


SPOIL : LET THE RIGHT ONE IN



เมื่อคืนเถียงกับเพื่อนอยู่เลยว่า ตกลงฉากที่ซูมจิ๋มนังผีเปรตนี่มันอะไร ตกลงมันคือ จิ๋มที่โดนตัดจู๋เหรอ ไอ้เรานึกว่าจิ๋มที่ขนยังขึ้นไม่เต็มที่ 555

นอกจากความคลุมเครือเรื่องเพศแล้ว เราว่ามันยังมีเรื่องเวลาด้วย อย่างเช่นว่า ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์ในหนังคือช่วงไหนกันแน่ (เห็น Film Comment เขียนว่า pre–Bram Stoker ที่มันพูดในข่าววิทยุ แม้โลกในหนังมันจะดูโมเดิร์นแล้ว) เพราะงั้นหนังมันอาจจะมี context ทางสังคม/การเมืองก็ได้ อย่างน้อยๆ ก็บรรยากาศเมืองที่ไม่น่าไว้ใจ เราว่าคล้า่ยๆ 4 Months, 3 Weeks, 2 Days

หรืออายุของนางเอกก็เหมือนกัน อย่างแหวนก็นางเอกนี่ก็ไม่รู้มาจากตั้งแต่ยุคไหน หรือเชื้อชาติของนางเอกนี่ก็เดาไม่ถูกเหมือนกัน (เพื่อนเราบอกว่าหน้าเธอเหมือนยิปซี แต่ตามปกติยิปซีกับแวมไพร์จะตบกัน)

เราเห็นด้วยว่า ความจริงหนังมันก็จบแบบน่ากลัวนะ เหมือนพูดเรื่องการส่งต่อ เพราะ Oskar ก็ต้องดูแล Eli ต่อไป พี่เต้บอกว่าอีพ่อ (ที่กลายเป็น Two Face 5555) น่าจะเป็นผัวเก่าของ Eli ด้วย

พ่อออสการ์น่าจะเป็นเกย์นะ ฉากที่พระเอกเห็นเพื่อนพ่อแล้วทำหน้าไม่ไว้วางใจ เราคิดไปถึงขั้นว่ามันเคยถูกเื่พื่้อนพ่อ Abuse ด้วยซ้ำ (หรือไม่เคยเห็นคุณพ่อ อ่ะดึ่งดึ๊ง กับเพื่อน)

คิดแล้วควาามรักของเกย์ (พ่อออสการ์ + เพื่อน) กับความรักของแวมไพร์ (ออสการ์ + อีลาย) นี่มันก็คล้ายๆ กันนะ เพราะแบบว่าต้องหนีไปอยู่ต้องที่ไกลๆ

ตกลงแล้ว Let The Right One In เป็นหนังสัท้อนสังคมเกย์ นี่เอง!! 5555555

 

โดย: merveillesxx 29 กันยายน 2551 9:28:53 น.  

 

ดูจากคะแนน A++++++++++
แล้วน่าหาแผ่นมาดูจริงๆเชียว

 

โดย: Shallow Grave 29 กันยายน 2551 10:40:08 น.  

 

ชั้นอยากดูเรื่องนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆ Let the Right One In

 

โดย: mei IP: 124.121.113.131 29 กันยายน 2551 10:46:23 น.  

 

บรรยากาศงาน พรมแดง Bangkok International Film Festival 2008 วันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2551 ที่ผ่านมาค่ะ

//www.muangthai.com/thaidata/?p=4233

 

โดย: แก้ม IP: 58.10.161.122 29 กันยายน 2551 11:18:02 น.  

 

... เมื่อวานพี่ได้ดูแค่ 2 เรื่อง แต่ก็รู้สึกคล้ายๆ น้องต่อทั้ง 2 เรื่องเลยครับ

+ In the City of Sylvia - ชอบความละเอียดของ ผกก. ทุกช็อต ทุกเสียงประกอบ ที่รวมออกมาเป็นตัวหนังได้อย่างสมบูรณ์

+ Let the Right One In - ชอบมากๆ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พอได้มาอ่านบทวิเคราะห์เพิ่มที่นี่ ก็เริ่ม 'ดวงตาเห็นธรรม' แฮะ 555
- ชอบบรรยากาศในเรื่อง ชอบที่สามารถเอาความน่ารัก + โรแมนติค + หลอน มาผสมกันได้อย่างลงตัว

- เถียงกับเพื่อนอยู่ว่าพ่อออสการ์น่าจะเป็นเกย์ ตกลงอ่านจากข้างบนก็คิดว่าคงจะใช่อ่ะแหละเนาะ

- ฉากสระน้ำนี่ ทำเอาตายไปเลย แบบไม่คิดว่ามันจะขนาดนั้น แร๊งงงงได้ใจ

 

โดย: บลูยอชท์ 29 กันยายน 2551 11:24:59 น.  

 

หนังที่น้องเมอร์ให้ A+++++ นี่ อยากดูก็อยากดู กลัวก็กลัว ไม่รู้จะเอายังไงดี

ได้ดูอะไรมาก็รีวิวไปเรื่อยๆนะครับ อ่านเพลินดี ชอบ

 

โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 29 กันยายน 2551 11:25:04 น.  

 

คะแนนขั้วบวกนี้มีจำกัดไหมนี้ ห่ะๆๆ

ก็หวังว่าหนังเหล่านี้จะมีแผ่นให้เราดูในอนาคตน่ะ

 

โดย: BloodyMonday 29 กันยายน 2551 13:30:37 น.  

 

เข้ามาหน้านี้ ได้อ่าน หนัง A++++ หลายเรื่อง สงสัยต้องรอแผ่น ละกัน

 

โดย: haro_haro 29 กันยายน 2551 13:42:50 น.  

 

อิจฉาว่ะ
มีหนังดีๆดูใกล้ๆบ้าน แบบนี้ถึงจะไปเจอเรื่องเฮงซวยแค่ไหน ก็ยังอยู่ต่อไปได้ เพราะมีหนังดีๆ มีดนตรีเจ๋งๆ มีศิลปะโดนๆไว้รองมือรองเท้าเวลาที่หดหู่ เวลาที่สมองทึบๆ โง่ๆ ก็มีสารอาหารชั้นดีจากสัมมนา ที่กระจุกกองตัวกันอยู่ใกล้ๆบ้านหมดเลย

ที่บ้านนอกของเรา มีความสุขกับอะไรง่ายๆที่อยู่รอบตัวได้ก็จริง แต่บางครั้ง เวลาที่เราอยู่ในภาวะเบื่อหน่าย ซ้ำๆ เดิมๆ ตันๆ อยากจะหาอะไรมาเปลี่ยนสี เปลี่ยนจังหวะให้มันตรงกับจริตที่มันวิ่งของมันอยู่เรื่อยๆซะบ้าง ก็หายากชะมัด ระบบที่มันพอจะทดแทนกันได้ก็ถูกทำลายไปซะแล้ว ไอ้ที่ควรจะมีมันก็ยังไม่ถูกสร้าง

มีอยู่ 2 ทางเลือก
1. วิ่งตาม เสพ รู้สึก เหนื่อย
2.ตัดขาด ใส่ปรมัตถ์เข้าไปในจิตใจ เข้าสู่ภาวะไร้ความรู้สึก

 

โดย: เอกภพสีน้ำเงิน IP: 117.47.28.143 29 กันยายน 2551 13:43:42 น.  

 

มันเป็นหนังสืออ่ะเรื่องนี้ ถ้าอยากรู้กระจ่างๆต้องไปอ่านจากในหนังสือมั้ง

แต่ถ้าดูจากในหนัง ก็คิดว่าพ่อมันเป็นเกย์แน่ๆ เพราะอีผู้ชายคนนั้นมาแบบไม่ปกติ คุกคามมากๆ (พ่อออสการ์น่ารักอ่ะ)

แต่สำหรับเรื่อง sexual ของ ออสการ์กับ อีลี่ เค้าว่าการที่ทำให้มันคลุมเครือ (ในขณะนี้ ที่เป็นเด็กๆกันอยู่) เพราะ ไม่อยากสื่อออกไปในทางเพศอ่ะ อารมณ์ว่า context มันเกี่ยวกับเด็ก มันจะมีความไม่แบ่งเพศกันอ่ะ ออสการ์มันมาเจออีนี่ในตอนที่การแบ่งเพศมันยังเบาบาง หญิงชายเป็นเพื่อนกันได้อ่ะ

พอดีไปเจอกับนังอีลี่ ที่ไม่มีเพศ แถมไม่ใช่คนด้วย แต่ต่อไปหลังจากนี้ มันก็อาจจะพัฒนาไปในทางที่โตขึ้นแล้วล่ะ

ผู้ชายคนนั้น คิดเหมือนกันว่าคงเป็นผัวมัน ฉากที่มันบอกว่าอย่าเพิ่งไปเล่นกับออสการ์ในคืนที่มันโดนจับนี่เจ็บปวดนะ
เหมือนรู้แล้วว่า เค้าเจอคนใหม่แล้วอ่ะ

พีคว่ะ

ชอบฉากแมวกัดด้วย แมวแม่งแร๊งงงงงงง

 

โดย: เพอร์รี่ IP: 58.9.148.179 29 กันยายน 2551 16:11:12 น.  

 

อยากดูๆๆๆ

 

โดย: เสจัง IP: 124.121.167.120 29 กันยายน 2551 20:22:32 น.  

 

spoil

- let the right one in ... ฉากตัดจู๋ นี่ฉากไหนอ่ะ ... สงสัยจะดูไม่ทัน

เราว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักแนวแปลกที่เหงาสุดๆ เลย ....
ถ่ายภาพสวยมากๆ ด้วย

แล้วก็จบได้เศร้ามาก คือ ออสการ์ก็คงต้องเป็นแบบที่ผู้ชายคนนั้นเป็นน่ะแหละ ...

เราไม่เข้าใจ ว่าทำไม หนังถึงจับประเด็นเรื่องเกย์ ... แต่พ่อพระเอกเป็นเกย์นั่นถูกต้องแล้ว ส่วนความคลุมเครือเรื่องยุคสมัยนั้น เราก็แอบสังเกตเหมือนกัน ว่าพระเอกแต่งตัวได้วินเทจโบราณมาก เอาเสื้อเข้าข้างในตลอดเลย 555

เราชอบ ดื่มกาแฟ และชอบสีเหลือง
In the City of Sylvia มีสีเหลือง และฉากดื่มกาแฟเยอะมาก
แต่ก็ยังทำให้เราหลับได้ทั้งเรื่อง 555
โชคดี ที่ผู้หญิงในเรื่องที่เดินสวนไปมา สวยมากกกก แถมพระเอกก็หล่อสุดๆ นี่จึงเป็นเหตุผล ที่เรานอนหลับต่อจนหนังจบ
เอ่อ..แล้วฉากที่พระเอกนั่งในผับ นี่ใช่ฉากที่มีผู้หญิงเต้นแบบเย้ายวนหรือเปล่าคะ ...แล้วถ้าใช่ ทำไมทำคุณต่อจี๊ด จนอยากร้องไห้เลยล่ะ ... หรือว่า มันคือช่สงที่เรากำัลังหลับหว่า ...

แล้วน้องต่อได้ดู เรื่อง In search for a midnight kiss ไหมคะ
เป็นหนังโรแมนติก ที่เหงาได้จับใจมากค่ะ ชอบ ....คิดว่าถ้าได้ดูในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ คงตายจมไปกับความเหงาเลยล่ะ

 

โดย: christmas IP: 58.8.208.206 29 กันยายน 2551 21:36:06 น.  

 


-- IN THE CITY OF SLYVIA

พยายามจะค้นว่าเพลงที่เปิดในผับ (ที่เป็นเพลงช้าๆ หน่อย) ในหนังเรื่อง In the City of Sylvia คืออะไร แต่ก็เจอแต่เพลงแดนซ์ๆ ใน หนัง

Blondie - Heart of Glass
//www.youtube.com/watch?v=oUG0GjdoGHE

Desireless - Voyage Voyage (เพลงที่อยู่ในฉากร้านกาแฟ ที่พระเอกจุดไฟแช็กฮาๆ)
//www.youtube.com/watch?v=6PDmZnG8KsM

รู้สึก ฉากเพลง Voyage Voyage ก็จี๊ดดี เพราะว่าจริงๆ พระเอกกับสาวเสิร์ฟ ก็เหมือนจะเีริ่มสานสัมพันธ์กันได้ (สาวเสิร์ฟกำลังเป็นซิลวีคนต่อไป) แต่แล้วพระเอกก็วิ่งออกไปตามหาซิลวีทันที ปล่อยให้อีสาวเสิร์ฟอารมณ์ค้างต่อไป 55555555



-- A CHRISTMAS TALE + SUMMER HOURS

ตลกดีที่หนังสองเรื่อง นี้มี connection กันตรงที่มีนักแสดงคนเดียวกันคือดาราเด็กสุดหล่อ Emile Berling (คนที่เล่นเป็น พอล เด็กโรคจิิต / เอ๊ะ น้องเขาเป็นอะไำรกับ Charles Berling หรือเปล่า) แต่มันก็แสดงให้เห็นกลายว่าๆ การที่เด็กคนเดียวกันนี้โตมาในครอบครัวสองแบบที่แตกต่าง ก็ส่งผลที่ต่างกันสุดขั้ว ดูจากากรตบตีกันของพี่น้องใน A Christmas Tale แล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพอลถึงเป็นบ้า 5555 (ตลกดีที่ำีพี่ Mds บอกว่าอยากให้เด็กคนนี้เอามีดมาแทงคนทั้งบ้านให้ตาย)


- - - - - - - - - - - - -

ตอบ เพอร์รี่

เออ จริงๆ เรื่องเพศเนี่ย appearance ระหว่างพระเอกนางเอกก็ดูสลับกันด้วยนะ (ตอนชั้นเห็นภาพ still นึกว่าน้องออสการ์คือนางเอก 555555)

ชอบอีป้าแสนซวยนั่นมาก แบบเธอซวยจริงๆ ถ้าถูกกัดตายห่าไปห็หมดเรื่องแล้ว นี่เสือกรอด แล้วเป็นผีดิบซะงั้น แต่เธอก็เก๋มากที่ sacrifice ตัวเอง สุดยอด



ตอบ christmas

- พ่อออสการ์หล่อค่ะ

- ชอบสีเหลือง ต้องดู Citizen Juling (ฮา!)

- ฉากผับใน Sylvia จะร้องไห้เพราะ อยากลุกเต้น แต่อายคน เอ๊ย เพราะว่าสมัยก่อนชอบทำอะไรแบบนี้เหมือนกันจ้ะ

- In search for a midnight kiss บ่ได้ดูจ้ะ

 

โดย: merveillesxx 29 กันยายน 2551 23:56:32 น.  

 

อืม ดู Citizen Juling แล้ว ตอบไม่ได้เลยว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่ก็ดีใจที่ได้ดู เพราะว่าเป็นช่วงที่เราไม่อยู่เมืองไทยพอดี เลยไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ (ฝรั่งนั่งข้างเราถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ช่วงนั้น เราตอบอะไรไม่ได้เลย อายมาก) ได้ข้อมูลแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

คิดว่าชอบการไปถ่ายบ้านที่เชียงรายแล้วมาโยนกลับมาที่ภาคใต้ จริงๆชอบหลายประเด็นในหนัง มันไปต่อยอดได้เยอะ

แต่ว่าก็ไม่ได้คิดว่าหนังจะให้เราตัดสินเองเท่าไหร่ เพราะว่าคนทำเขาก็มีอะไรชัดเจนอยู่แล้วว่าชอบหรือคิดอะไรยังไง จริงๆพูดออกมาตรงๆหลายครั้งมากที่มันเกิดขึ้นเพราะอะไร (แต่ก็ไม่ผิดนะ เพราะหนังเขา เขาอยากพูดไรก็คงพูดได้ แต่เพียงมันทำให้เรารู้สึกไม่ปลื้มหนังเท่าที่ควร)

แต่สรุปหนังดีนะ อยากให้คนอื่นดูกัน (รู้สึกงี้ไม่บ่อยอ่ะ)

 

โดย: DropAtearInMyWineGlass 30 กันยายน 2551 13:27:17 น.  

 

รู้สึกพลาดไปที่ไม่ได้ดู Let The Right One In ว่ะ เห็นบอกว่าโคตรโรแมนติคแล้ว แบบว่า เฮ้อออ เสียดาย

สรุปชอบ In the City of Sylvia ที่สุดในเทศกาลนะ กำลังพิจารณาเข้าเป็น top 10 หนังโปรดสุดในชีวิตอยู่เลยเนี่ย ขนาดนั้น

 

โดย: เอกเช้า IP: 124.120.195.62 30 กันยายน 2551 22:02:02 น.  

 

อ่านคห.พี่เต้ที่เขียนถึง Nanayo แล้วรู้สึกเีสียดายเล็กๆ 55+
หวังว่ามันจะเข้าโรงจริง ตามที่สตาฟเทศกาลบอกพี่ grappa (ตอนนั้นก็ยืนอยู่ด้วยกันน่ะแหละ)

 

โดย: nanoguy IP: 125.24.130.132 1 ตุลาคม 2551 4:25:45 น.  

 

อิจฉาคนกรุง คนบ้านนอกไม่มีโอกาส

 

โดย: คนขับช้า 1 ตุลาคม 2551 4:39:38 น.  

 

+ จาก 10 เรื่องที่พี่ได้ดู มี 2 เรื่องในวันที่พี่ดูวันสุดท้าย (วันอาทิตย์) ที่รู้สึกชอบมากที่สุด แล้วก็ดีใจที่ติดท็อปลิสต์ A+++++ ของน้องต่อทั้ง 2 เรื่องเลยอ่ะครับ (In the city of Sylvia / Let the right one in)

 

โดย: บลูยอชท์ 1 ตุลาคม 2551 14:06:48 น.  

 

อยากรุ้จิงว่าคุณ merveillesxx คนไหน

ดิฉันทำ งานที่ press center ที่นั้นคะ

 

โดย: กะหล่ำปลี IP: 58.64.71.127 2 ตุลาคม 2551 0:16:14 น.  

 

คือ ช่วยแนะนำภาพยนตร์ที่ ใช้หลัก mise-en-scene ในการถ่ายทำหน่อยได้ไหม๊ครับ

 

โดย: Onike IP: 203.156.4.247 2 ตุลาคม 2551 2:30:58 น.  

 


ตอบ คุณกะหล่ำปลี

อาจจะไม่ค่อยบได้เห็นผมหรอกครับ เพราะผมขึ้นไปที่ PRESS CENTER แค่สองครั้ง คือวันเปิด และวันปิด เพราะส่วนใหญ่ผมซื้อตั๋วเองหมด (พอดีชอบนั่งไกลๆ คน)



ตอบ คุณ Onike

เอาตัวอย่าง classic สุดๆ ก็ Citizen Kane ไปเลยแล้วกันครับ ถ้าจำไม่ผิดผมเขียนไว้ (คลิกด้านซ้ายมือ)

แล้วก็แนะนำให้อ่านหนังสือ "มาทำหนังกันเถอะ" ของ อ.ประวิทย์ แต่งอักษร ครับ จะมีบทนึงพูดเรื่องนี้เลย ทาง Bioscope จะพิมพ์ออกมาขายใหม่ในงานหนังเดือนตุลานี้ด้วยจ้า

 

โดย: merveillesxx 2 ตุลาคม 2551 7:39:49 น.  

 

เราว่า In the City of Sylvia มันเป็นเหมือนบทกวีอ่ะ

แบบว่ามานั่งรอ มอง ค้นหาในสิ่งที่ตัวเองคิด

ปั้นแต่งจินตนาการว่าใช่...อะไรประมาณนั้น

พระเอกก็หน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรหลุดมาจากนิยายโรแมนติค เศร้าสุดที่แกยืนน้ำตาซึมบนรถไฟ (หรือรถราง) ที่ปากแกยังรำพึงรำพันว่า ไม่ใช่เธอจริงๆเหรอเนี่ย...

 

โดย: renton_renton 2 ตุลาคม 2551 10:28:50 น.  

 

น่าดูหลายเรื่องเลยแฮะ

 

โดย: I will see U in the next life. 2 ตุลาคม 2551 11:42:14 น.  

 



คิมคีด็อค แกะดำของหนังเกาหลี
โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง (merveillesxx)



คิโยชิ คุโรซาว่า หนังผี ไซ-ไฟ และเมืองใหญ่ชื่อโตเกียว
โดย วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา (Filmsick)



งานหนังสือครั้งนี้ (11-23 ตุลา) สนพ. Bioscope ออกหนังสือทั้งหมด 4 เล่มจ้ะ (อีก 2 เล่มคือ ซีเนมารุ ของ อ.ต้น อนุสรณ์ ติปยานนท์ และ มาทำหนังกันเถอะ (ฉบับตัดต่อใหม่) ของ อ.ประวิทย์ แต่งอักษร - - ยังไมไ่ด้ปกมา)

แล้วพบกันครับ

 

โดย: merveillesxx 3 ตุลาคม 2551 14:09:13 น.  

 

แกะดำของหนังเกาหลี

อืม.. ง่ายๆ แต่ตรงกับเฮียคิมที่สุดแล้ว เฮียแกเป็นอย่างงั้นจริงๆ

 

โดย: เอกเช้า IP: 124.120.187.46 3 ตุลาคม 2551 20:42:03 น.  

 

แวะมาทักทายจ้า

งานหนังสือไม่รู้จะได้ไปมั้ย แต่คงจะซื้อแน่นอน

 

โดย: Ploffy 3 ตุลาคม 2551 20:46:53 น.  

 

ซื้อแล้วจะไปขอลายเซ็นนะ

 

โดย: Evil is Live 3 ตุลาคม 2551 23:24:27 น.  

 

บอกไบโอ เอาหนังสือมาฝากขายที่บู้ทด้วยนะ
คราวที่แล้ว เดือนเมษา มีคนจากไบโอฯโทรมาว่าจะฝากหนังสือขาย แต่พี่ไม่ได้ออกบู้ท

คราวนี้บอกให้เขาเอามาฝากได้เลย

 

โดย: grappa IP: 58.9.189.137 3 ตุลาคม 2551 23:51:18 น.  

 

อุดหนุนแน่นอนครับ งานนี้!!!!

 

โดย: ฟ้าดิน 4 ตุลาคม 2551 2:20:59 น.  

 

(คำถามจาก แฟน อุบล)

ภาพปกหนังสือน้องเมอร์ ไปจ้างนางแบบที่ไหนมาครับ

...หรือว่า เป็นแบบเอง (ฮา)

 

โดย: แฟน อุบล (Evil is Live ) 4 ตุลาคม 2551 12:50:02 น.  

 

^
^
เครดิตนางแบบอยู่ในปกครับ (ประมาณอยากรู้ต้องซื้อ)

ไม่ใช่ผมแน่นอน 555

ขอบคุณที่ยังดูออกว่าเป็นอะไรครับ เพราะเพื่อนผมบางคนบอกว่าดูไม่รู้เรื่อง

 

โดย: merveillesxx 4 ตุลาคม 2551 22:54:17 น.  

 

อืม อยากอ่าน คิมคีด็อค แฮะ


ว่าแต่ว่า "Kim Ki-duk" มันเขียนอย่างนี้
มันอ่านว่า "คิม คิ ดุค" ไม่ใช่เหรอ (ผมอ่านงี้นะ)

หรือจริงๆแล้ว มันออกเสียงว่า "คิมคีด็อค"

 

โดย: navagan 5 ตุลาคม 2551 14:56:42 น.  

 

^
^
คือ ชื่อ ผกก. คนนี้ มันประมาณนี้ครับ

อ่านแบบ อังกฤษ - คิมคีดุค

อ่านแบบ เกาหลี มี 2 แบบ
1. คิมคีด็อค
2. กิมกีดึค

เลยตัดสินใจว่าอ่าน คิมคีด็อค แล้วกัน เพราะถ้าอ่าน กิมกีดึค คงประหลาดเกินไปสำหรับคนไทย 555

 

โดย: merveillesxx 5 ตุลาคม 2551 16:07:26 น.  

 

อู้ยยย...ตื่นเต้น
รับรองว่าจะเป็นเจ้าของหนังสือของน้องต่อให้ได้
งานนี้ ถ้าเจอหน้า ต้องรี่เข้าไปขอลายเซ็นกันหน่อย

 

โดย: christmas IP: 58.8.108.92 6 ตุลาคม 2551 15:33:27 น.  

 

^
^
ถ้าเจอหน้า อาจจะไม่อยากขอลายเซ็น ก็ได้นะครับ 5555

 

โดย: merveillesxx 7 ตุลาคม 2551 0:58:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.