http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Workshop for Siam Commercial Foundation

by merveillesxx


"สื่อพูนพลังเยาวชน" (มูลนิธิสยามกัมมาจล)
13-16 สิงหาคม 2552
ณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

























ช่วงที่ผ่านมาก็เพิ่งไปร่วมสอนหนังสือ เป็นกึ่งๆ พี่เลี้ยง ในงาน "สื่อพูนพลังเยาวชน" (ชื่องานไม่ได้เข้ากับตัวกูเลย) ของมูลนิธิสยามกัมมาจล ที่จัดร่วมกับงาน ไบโอสโคป + ฟิ้ว

งานนี้ก็จะประมาณว่าให้เด็กจากหลายๆ จังหวัด (ส่วนใหญ่อยู่ชั้นมัธยมปลายกัน) มารวมตัวกันที่กรุงเทพ แล้วทาง ไบโอสโคป + ฟิ้ว ก็จะจัดการ workshop การทำหนังสั้นหรือสารคดีให้

จริงๆ งานนี้เขาจัดกัน 4 วัน แต่ตัวเองก็ไปร่วมได้แค่สองวัน เนื่องด้วยตารางเวลาอันวุ่นวาย (เฮ้อ)

ช่วงก่อนจะเริ่มงานก็ปั่นต้นฉบับหัวกระเซิง เลยไม่ค่อยได้เตรียมตัวอะไรเท่าไร คือตัวเองต้องไปทำอะไร หรือค่ายนี้มันเกี่ยวกับอะไรก็ยังงงๆ เลย จนโทรถามคนโน้นคนนี้เอาสองวันก่อนงานนี่แหละ ถึงพอจะรู้ว่าต้องทำอะไร

หลักๆ ก็คือ ต้องสอนหนังสือวันแรกในหัวข้อ "การนำประเด็นทางสังคมมาปั้นเป็นหนัง" ซึ่งสอนคู่กับพี่แอน (aka แอนนา เพนกวิน) ส่วนอีกหน้าที่หนึ่งคือ คอมเมนต์บทของน้องๆ ในช่วงตอนเย็นของวันที่หนึ่งและสาม

คุยกับพี่แอน แล้วก็เลยตกลงกันว่าจะเปิดหนังป็อปๆ แมสๆ แล้วกัน เพราะน้องที่มานี่ส่วนใหญ่จะไม่ได้รู้เรื่องหนังอะไรมาก แต่เป็นอารมณ์เด็กทำกิจกรรม แล้วก็คิดว่าลองยกเคสหัวข้อโลกร้อนเป็นเรื่องใหญ่ๆ ไปเลยแล้วกัน จะได้เปิดหนังหลายๆ เรื่องเทียบให้ดูกันไป

ก่อนวันจริงหนึ่งวัน ก็ยังคงปั่นงานหัวยุ่ง ก็เลยไม่ค่อยได้เตรียมตัวอะไรเลย หยิบๆๆๆ หนังใส่กระเป๋าอย่างเดียว พอมาสอนแล้วเห็นชาวบ้านเขามีการเตรียม powerpoint อะไรกันมา ก็รู้สึกละอายใจประมาณหนึ่ง 555

วันแรก - พฤหัส 13 สิงหาคม มีคิวสอนตั้งแต่ 9 โมงเช้า ด้วยความว่าเป็นวันธรรมดาก็เลยรีบออกจากบ้านตั้งแต่ 7 โมง เพราะถ้าหลังจากนั้นจะหาแท็กซี่ยาก สถานที่จัดงานก็คือ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งก็เคยไปสอนหนังสือที่นั่น

ปรากฏว่าคุณแท็กซี่รู้ทางลัดเลาะเป็นอย่างดี และรถไม่ติดเลย ก็จึงมาถึงที่หมายตั้งแต่ 7 โมงครึ่ง! โดยทั้งงานมีแค่ พี่นพ (พิธีกรงาน) และพี่แตน (ฝ่ายประสานงาน) ที่มาถึงแล้ว กับน้องๆ บางส่วน (ไปถึงเห็นน้องหลายคนแบกกีต้าร์มาด้วย ก็งงๆ เหมือนกันว่านี่มันมาเข้าค่ายอบรมหนังหรือมาทำอะไรกันแน่ แต่พี่นพให้ความเห็นว่ามันอาจเอามาทำเพลงประกอบ ...อืมมม)

ตอนแรกตั้งใจว่าจะรีบมาเพื่อเข้าไปตรวจสอบสภาพห้อง + ทำความคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์ แต่พอขึ้นไปเ้จ้าหน้าที่ยังไม่มาซะงั้น ก็เลยยังเปิดแอร์ เปิดคอม ไมได้ ส่วนสภาพห้องก็เป็นห้อง slope ใหญ่เหมือนกัน ซึ่งห้องแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีตรงที่มันไม่มีพื้นที่ให้เด็กทำกิจกรรมนัก (เช่น นั่งเป็นวงเป็นกลุ่มย่อยๆ อะไรเทือกนั้น)

ระหว่างนั้นไม่มีอะไรทำก็เลยช่วยพี่นพกางป้าย standee แต่ไปๆมาๆ ก็รู้สึกว่ายืนดูเฉยๆ จะดีกว่า (555) พี่นพก็เลยให้เราช่วยไปแปะป้ายบอกทางตามทางเดิน ระหว่างขึ้นๆ ลงๆ ก็เจอกับอาจารย์ภาคฟิล์มของที่นี่ แกก็แย็บๆ ว่าเทอมหน้ามาสอนอีกมั้ย แต่ก็ไม่ได้รับปากอะไรมาก อันนี้ก็ต้องลุ้นกันไป

จากนั้นไม่มีอะไรทำแล้ว ก็เลยไปเดินเล่นในมหาลัย มาคราวนี้ก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วที่นี่ก็บรรยากาศใช้ได้ทีเดียว ต่างจากครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาแล้ว culture shock สุดขีด เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เข้าใจว่าตัวเองคงเริ่มชินแล้ว

ใกล้ๆ 9 โมง พี่แอนก็โทรตามตัวบอกว่ามาถึงแล้ว ให้ขึ้นไปเตรียมการสอนกันข้างบน ซึ่งเราก็บอกว่าให้เปิดหนังของพี่แอนเป็นหลักไป เพราะของเรามีแต่หนังเฮี้ยนๆ บ้าๆ บอๆ เป้นส่วนใหญ่ (ฮา) ส่วนตอนนี้น้องๆ ก็เริ่มทยอยกันมาเกือบครบแล้ว

แต่กว่าจะเริ่มพิธีเปิด, รอให้น้องมาครบ, ปล่อยน้องไปกินข้าว สรุปแล้วเราได้เริ่มสอนตอน 10.30 นู่น ซึ่งทำให้เวลาสอนเหลือน้อยลงไปเยอะเหมือนกัน การสอนก็ไม่มีอะไรมาก ก็เปิดหนังเรื่อง An Inconvenient Truth, The Happening, Pom Poko ให้เด็กดูว่าหนังที่มีประเด็นทางสังคม ทำได้หลายแบบ ทั้งสารคดี, หนังเล่าเรื่อง และแอนิเมชั่น ซึ่งตอนที่สอนเ้นี่ย น้องๆ ก็ดูจะนิ่งๆ กัน เพราะว่าเพิ่งเดินทางกันมาเหนื่อยๆ (บางคนนั่งรถมาตั้งแต่ตี 4) แต่ก็ยังดีว่าไม่เห็นใครหลับจริงจังมากจนเราเสียขวัญ ฮ่าๆๆ

ส่วนเรื่องสุดท้ายก็ตัดสินใจเปิด "มึงฆ่าแฟนกู" ของเมธัส ศิรินาวิน ตบท้ายด้วยหนังสั้น น้องเขาจะได้รู้สึกว่ามันไม่ไกลตัวมาก เขาเองก็ทำหนังได้ อะำไรเทือกนั้น พอเปิดเสร็จก็ให้แบ่งจับกลุ่มกัน 5 คน ช่วยกันตอบว่าหนังสื่อถึงอะไร นำเสนออย่างไร และวิจารณ์หนัง บรรยากาศตอนนี้ก็เลยดีขึ้นหน่อย มีความแอ็คทีฟเพิม่ขึ้นมานิดนึง แต่น้องๆ ก็ยังไม่ค่อยกล้าคุยกันมาก เพราะยังไม่รู้กัน ก็เลยต้องส่งพี่เลี้ยงเข้าไปชง

ตอนน้องๆ พรีเซนต์ก็สนุก บางคนก็ตีความได้ลึกมาก จนวิทยากรหงายหลัง บางคนก็ตอบแบบฮาๆ ดี เช่น เราถามว่านำเรื่องนี้นำเสนออย่างไร น้องดันตอบว่า "หนังเรื่องนี้นำเสนอด้วยความรักค่ะ" (เอ่อ น้องพี่หมายถึง style หนังอะไรงี้)

จบช่วงของเรา + พี่แอน ก็เป็นพักกลางวัน (ซึ่งเป็นข้าวกล่อง และไม่ค่อยอร่อย) แล้วต่อด้วยช่วงของพี่เต้-ไกรุวฒิ สอนเรื่อง การพัฒนาบทหนัง + โครงสร้างแบบ 3 องก์ จะว่าไปแล้วนี่็เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีเลยมั้งเนี่ย ที่เราได้มานั่งฟังพี่เต้สอนหนังสืออย่างเป็นทางการอีกครั้ง (4 ปีก่อนคือตอน คอร์สภาพยนตร์วิจักษ์)

ตอนพี่เต้สอนก็มีกิจกรรมเก๋ๆ แจกหนังสือพิมพ์ให้เด็ก แล้วก็ให้น้องๆ แต่งบทหนังจากหัวข้อข่าวในนสพ. ความชิบหายมันอยู่ที่ข่าวของสนพ.บ้านเราัมันก็จะมีแต่เรื่องเสื่อมๆทรามๆ นั่้นเอง กิจกรรมนี้จึงเป็นที่สนุกสนานมาก

พอพี่เต้สอนจบก็ปล่อยให้น้องๆ แต่ละโรงเรียนแยกไปคิดบทของตัวเอง พอกินข้าวเย็นเสร็จ ก็ถึงช่วงของการคอมเมนต์บทหนัง ซึ่งแยกออกเป็น 3 ห้อง เราก็แท็กทีมกับพี่แอน ส่วนพี่เต้ก็คู่กับเต๋อ คลีโอไป ส่วนอีกทีมเป็นทีมหนุ่มใหญ่ พี่บอย-ศิวะดล, อ้วน-นคร และพี่นิค (ผู้กำกับหนังคัลต์ "โคตรเพชฌฆาต" 555)

ก่อนจะคอมเมนต์บทนี่ก็หนักใจเหมือนกัน เพราะว่าไม่เคยเรียนเขียนบทอย่างจริงจัง ไอ้หนังที่ตัวเองเคยทำก็เรียกได้ว่าบทหนังไม่มีความหมาย (ถ่ายพรุ่งนี้ เขียนวันนี้ อะไรแบบนั้น) แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาจริงๆ ความคิด ข้อสังเกต ข้อเสนอ มันก็ออกมาเอง ด้วยการเทียบเคียงจากหนังที่เึคยดูๆ มา เออ ก็เรียกว่าไม่เสียแรงที่ดูหนังมาประมาณหนึ่ง

น้องๆ ที่มาอยู่ในกลุ่มคอมเมนต์บทกับเรามี 3 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรกจะทำสารคดีเกี่ยวกับ อบย. (องค์การบริหารส่วนเยาวชน - ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งเราก็เสนอไปว่าถ้าถ่ายอะไรไปเรื่อย มันมีความเป็นไปได้สูงที่ 1. หนังจะโคตรน่าเบื่อ 2. หนังจะการเป็นงานพรีเซนต์องค์กร เรากับพี่แอนก็เลยเสนอไปว่าลอง focus อะไรสักอย่างมั้ย เช่น หาตัวละครนำ หรือหากิจกรรมอะไรสักอย่าง อบย.ต้องเข้าไปทำ

ส่วนน้องอีกกลุ่มมาให้หัวข้อขยะรีไซเิคิล แต่ว่าน้องคิดคร่าวๆ ยังไม่ได้ลงดีเทลอะไรมาก แล้วน้องก็เสนอมาอีกพล็อตว่าด้วยเศรษฐกิจพอเพียง (โอ้ว...) พล็อตประมาณว่าเด็กคนนึงไม่รู้เรื่อง ศก.พอเพียง แต่พอไปเจอเด็กอีกคนที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตัวพระเอกก็เลยบรรลุถึงปรัชญาพอเพียงขึ้นมา (!!) อันนี้เราก็เลยแนะไปว่าต้องระวังการนำเสนอถึงการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติจากหน้ามือเป็นหลัง TEEN แบบนี้ เพราะทำไม่ดีอาจดูไร้สติและเฟค

กลุ่มสุดท้าย ทำหนังสั้นเกี่ยวกับเยาวชนที่ออกจากสถานพินิจแล้วมักจะจงใจกลับเข้าไปใหม่ เพราะไม่ fit in กับโลกภายนอก น้องๆ เขาดูมี sense ทางภาพประมาณนึงทีเดียว แล้วเขาก็มีเพื่อนเป็นเด็กประมาณนี้อยู่แล้ว ข้อมูลก็เลยแน่น เล่าเรื่องได้เป็นฉากๆ บทก็เลยผ่านฉลุย แต่ก็น่าเป้นห่วงตรงที่ตอนทำออกมาเป็นหนังนี่แหละ เพราะว่าน้องๆ ที่มาค่ายนี้ส่วนใหญ่ไม่เคยทำหนังกัน

วันแรกนี้ก็จบกันประมาณ 20.30 จริงๆ พวกทีมไบโอ + ฟิ้ว เขานอนค้างกันที่นี่เลย (ได้นอนโรงแรมหรู DPU Hotel เสียด้วย) จริงๆ ก็อยากจะค้างด้วย แต่ว่าวันรุ่งขึ้นมีภารกิจ ก็เลยต้องกลับบ้าน โชคดีว่าเต๋อเอารถมา ก็เลยเป็นกาฝากติดรถไปกับเต๋อ แล้วพอถึงบ้านก็หลับเป็นตาย

ตัดมาอีกทีก็เป็นวันที่สาม - 15 สิงหาคมเลย จริงๆ ตามตารางวันนี้เราต้องไปที่งานทั้งวัน แต่พอดีมันมีงานซ้อนคือ ฟิ้วแคมป์ที่ TK PARK เขาก็เลยให้เรา + พี่นพ ไปที่ฟิ้วแคมป์

วันนี้ก็ทรหดน่าดู เพราะมีสิ่งต้องทำหลายอย่าง เดินทางย้อนไปมา แถมอากาศวันนี้ยังร้อนชนิด HEE แหก เริ่มจากไปซื้อบัตรคอนเสิร์ตโมเดิร์นด็อกก่อน ตามด้วยไปเอาหนังที่ร้านพี่แว่น (เดินเข้าจตุจักร เหงื่อไหลออกมาเป็นถัง) จากนั้นก็นั่งรถไฟฟ้าไป CTW ซึ่งคนก็แน่นมาก กว่าจะไปถึง TK PARK ได้ก็โทรมทีเดียว

ฟิ้วแคมป์วันนี้ก็คนไม่เยอะเท่าไร ประมาณ 16.30 ก็จบงานแล้ว จากนั้นเรา + พี่นพ ก็ต้องกลับไปที่ธุรกิจบัณฑิตย์ ตอนแรกก็วางแผนไปขึ้นแท็กซี่ตรง BTS หมอชิต แต่ตรงนั้นคนแน่นมาก ก็เลยนั่งย้อนกลับมาทีสะพานควาย โชคดีว่าโบกคันแรกเขาก็ยอมไปเลย รถติดเอาการเหมือนกัน ไปถึงที่ธุรกิจบัณฑิตย์เกือบๆ หกโมง หิวข้าวมาก คว้าข้าวกล่องมากินทันที ไม่อร่อยก็ต้องยอมกินแล้ว งานนี้

พักหายใจแป๊บเดียว เขาก็เข้าสู่ช่วงคอมเมนท์บทกัน ซึ่งวันนี้สภาพร่างกายไม่ค่อยพร้อม เหนื่อยอ่อนระโหยโรยแรงมากๆ ก็เลยคิดอะไรไม่ออก ปล่อยให้พี่แอนพูดเสียเยอะ รู้สึกผิดเหมือนกัน แต่ก็พอถูไถไปได้ บางอันไม่ไหวก็เรียกพี่เต้กับเต๋อมาช่วยดู

บทของน้องๆ วันนี้ก็ไม่ค่อยอัพเดทจากวันแรกเท่าไร เรากับพี่แอนก็เป็นห่วงเหมือนกันว่าจะรอดมั้ยเนี่ย ก็เลยทิ้งเบอร์กับอีเมลให้น้องๆ อย่างน้อยก็จะได้ปรึกษาหารือกันได้

อุตส่าห์คิดว่าขากลับจะสบาย นั่งรถคุณเต๋ออย่างคุณชาย ปรากฏว่าวันนี้มันไม่ได้เอารถมา ก็เลยต้องโบกแท็กซี่กลับกัน ถึงบ้านก็หลับสนิทเป็นตายตามเคย

ส่วนงานหน้าก็เป็นคิวของ 'คิดดี 5' ซึ่งจัดที่ธุรกิจบัณฑิตย์ตามเดิม แต่เด็กที่มาคราวนี้จะผ่านการคัดกรองบทมาแล้ว ก็หวังว่าจะผ่านพ้นไปด้วยดีอีกงานหนึ่ง




Create Date : 16 สิงหาคม 2552
Last Update : 16 สิงหาคม 2552 18:31:01 น. 7 comments
Counter : 1449 Pageviews.

 
งานดีน่าสนับสนุนๆ ^^ หวังว่าหนังน้องคงสำเร็จลุล่วงนะคร้าบบบ

ว่าแต่วันที่ 15 นี่มันร้อนจริงๆเนอะ ไม่รู้จะร้อนไปถึงไหน!!!

ซื้อบัตร MD วันแรกมาเหมือนกัน (แบบว่านอยอะ กลัวเต็ม) แต่มีปัญญาแค่ 800 อะแถวหน้าสุด ไม่รู้จะไกลมากไหม???


โดย: Seam - C IP: 58.9.185.87 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:12:11:46 น.  

 
"แต่ก็ยังดีว่าไม่เห็นใครหลับจริงจังมากจนเราเสียขวัญ ฮ่าๆๆ"
^
^
เท่าที่เห็นจากรูปนี่ยังไม่เสียขวัญอีกเรอะ?

น่าลุ้นเหมือนกันนะว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:13:16:11 น.  

 
คลาดกัน เพราะกูไปค้างวันแรก และตื่นมาวันที่ 2 ก็ไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่ เพราะเป็นช่วงพี่เต้สอน เลยออกไปสัมภาษณ์พี่รัตน์กับพี่อ้วน

เดี๋ยวคิดดีไปร่วมแจมแน่นอน


โดย: penkor IP: 124.120.169.132 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:16:31:41 น.  

 
ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณครูรุ้งดาวค่ะ :-)


โดย: MdS IP: 124.157.132.106 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:21:57:01 น.  

 
An Inconvenient Truth, The Happening, Pom Poko ปิดท้ายด้วย "มึงฆ่าแฟนกู"
เลือกหนังได้หักมุมมากครับ ฮ่าๆๆ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:6:27:11 น.  

 
อ่านแล้วท่าจะเหนื่อยจริงๆ
ถ้าให้ผมไปสอนหนังสือใครคงไม่ถนัด

เคยไปธุรกิจบัณฑิตย์ตอนเช้ามืด บรรยากาศดี+สวยมาก


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:17:33:49 น.  

 
อู~~~ มีการเอาลูกค่ายมานินทา ด้วยอ่ะ อู~~~
ผมก็ไปค่ายนั้นมารู้ไหม
อู~~~ อู~~~





































(ล้อเล่นน่ะ)


โดย: ShadowServant วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:4:48:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.