http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 

10 อัลบั้มเพลงยอดเยี่ยมประจำปี 2005

โดย merveillesxx

ปี 2005 นี้ถือเป็นเป็นปีที่ผมได้ฟังเพลง (ไม่ว่าจะเป็นเพลง นอก, ในหรือไร้กระแสก็ตาม) น้อยลงเอามากๆ เลยครับ สาเหตุหนึ่งก็อาจจะมาจากการทุ่มเวลา (และเงิน) ไปกับการดูหนังเสียมากกว่า เรื่องที่ไม่ค่อยมีเงินซื้อซีดีใหม่ๆ มาฟังยังไม่เท่าไร แต่ที่เลวร้ายกว่าก็คือ การที่ตัวเอง “มีเวลา” น้อยมากในการที่จะนั่งลงฟังอัลบั้มชุดหนึ่งๆ อย่างตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ก็ยังมี 10 อัลบั้มเพลงที่ผมชอบมาก ดังต่อไปนี้ครับ… (ขอนับถอยหลังจากอันดับ 10 ไปอันดับ 1 นะครับ)







10. Damnwrong: LIBERATION EVOLUTION

เห็นปกอัลบั้มแล้วอย่าเพิ่งเข้าใจว่านี่เป็นอัลบั้มรวมเพลงอิเล็กโทรนิกสไตล์หลุดอวกาศหรืออะไรแบบนั้น ตรงกันข้ามนี่เป็นเพลงที่ฟังสบาย และจริงใจเอามากๆ

ถ้าลองแบ่งเพลงในอัลบั้มชุดนี้ดูแล้ว คงแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ เพลงกลุ่มแรกก็คือ เพลงที่นำด้วยกีต้าร์ไฟฟ้า และอาจจะแซมด้วยซาวด์อิเล็กโทรนิกบ้าง ซึ่งแต่ละเพลงล้วนมีทำนองที่น่าติดตาม อย่างเช่นเพลงอย่าง The Mirage หรือ Free My Mind

เพลงในกลุ่มที่สองมีพระเอกคือ กีต้าร์โปร่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่บางเพลงอาจจะดูเชยไปหน่อย แต่สิ่งน่าสนใจไม่แพ้กันก็คือเนื้อเพลง โดยเฉพาะในเพลง “ใจเราเป็นของกันและกัน” ที่มีลีลาการแต่งเนื้อที่จัดจ้านและเซียนมาก จนน่าจะได้ตำแหน่งเพลงรักที่ผมชอบที่สุดเพลงหนึ่งไปอย่างสบายๆ

เชื่อว่าในอัลบั้มชุดต่อๆ ไป Damnwrong จะสามารถพัฒนาฝีมือไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก เพราะตอนนี้เขาเข้าถึงคำว่า Liberation แล้ว ส่วน Evolution นั้นก็อยู่ไม่ไกลนักหรอก

เพลงโดน: ใจเราเป็นของกันและกัน

“ใจเราเป็นของกันและกัน
และไม่มีวันที่จะเปลี่ยนไป
เราโอบกอดรักไว้เต็มหัวใจ
มันจะไม่มีใครเปลี่ยน ใจที่มั่นคงในคำว่ารัก
เธออยู่กับฉันแม้นานแสนนาน”








09. Futon: Love Bites

นอกจากเรื่องน่าตื่นเต้นที่ Futon ได้ ไซม่อน กิลเบิร์ต (อดีต Suede) มาประจำในตำแหน่งวงมือกลองของวงแล้ว สิ่งที่ดูเปลี่ยนไปในอัลบั้มชุดนี้ก็คือ ความดิบ-ลูกบ้าที่ลดลงไปจากชุดแรก แต่สิ่งที่มาแทนก็คือเพลงเนี้ยบซ่อนเปรี้ยวอย่าง Love So Strong และ Give Me More หรือเพลงน่ารักๆ อย่าง Suitcase

ทุกเพลงในอัลบั้มนี้จัดเป็นเพลงที่ดีมาก แต่เหตุที่ทำให้อัลบั้มนี้อาจจะอันดับต่ำไปเสียหน่อยก็คงเพราะ เพลงส่วนใหญ่เราเคยได้ฟังไปแล้วจาก EP ชุด 1000 (ซึ่งติดอันดับอัลบั้มที่ผมชอบที่สุดของปี 2004 ด้วย)

อย่างไรก็ตาม Futon ยังคงเป็นถือวงดนตรีที่น่าจับตา และน่าจะเป็นความหวังหนึ่งของวงการเพลงไทย (ถ้าพวกเขาไม่โกอินเตอร์ไปไกลเสียก่อนอ่ะนะ)

เพลงโดน: Love So Strong

“Feelin’ love so strong, nothing can be wrong
Cos the way I’m feeling need’s no healing
There’s a fire in me
It’s destiny
What you do to me…what u do to me”








08. Flure: VANILLA

หากอัลบั้มชุดแรกของ Flure เปรียบเป็นดั่ง “ลมหนาวอันเกรี้ยวกราด” งานชุดสองที่สองอย่าง Vanilla ก็คงถือเป็น “ลมหนาวอันหอมหวาน”

เปล่าเลย ไม่ใช่ว่า Flure เปลี่ยนแนวมาทำเพลงหวานๆ เลี่ยนๆ ตีหัวคนฟังเอาเงินเข้าค่าย เพลงหนักๆ ยังมีให้เราฟังอยู่ (อย่างเพลง “เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไป” นั่นไง) เพียงแต่ว่าสิ่งที่พัฒนาขึ้นมากคือความเป็น “เอกภาพ” ไม่มีเพลงไหนที่ดุดันจนเกินไป หรือในอีกทางเพลงหวานๆ อย่าง Honeymoon (ที่มีเสียงน่ารักๆ ของนาเดียมาแจมด้วย) หรือ Wasurete Hoshi-i ก็สามารถบรรจุอยู่ในอัลบั้มนี้ได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว

เรื่องโชคดีอีกอย่างก็คือ Flure ท่าทางจะเป็นคนมองการไกล เพราะหน้าหนาวปีนี้ก็หนาวจริงๆ ลงแบบนี้แล้วเพลง “ฤดูที่ฉันเหงา” คงกลายเป็นเพลงฮิตข้ามปีไปเสียแล้ว

เพลงโดน: ฤดูที่ฉันเหงา

“ว่าฉันคิดถึง และยิ่งคิดถึง
ในคืนที่ฝนโปรย เราอยู่ด้วยกันตรงนี้
ฉันเหงาเธอรู้ไหม ฉันหนาวจนแทบขาดใจ
ไม่มีอ้อมกอด จากเธอที่รู้ใจ
รอคอยเธอกลับมาหา เฝ้ารอจนฝนซา
สุดท้ายก็ว่างเปล่า…”








07. Pet Shop Boys: Battleship Potemkin

ลุงทั้งสอง (เอ๊ะ หรือจะเรียกว่า “ป้า” ทั้งสองดี) แห่งวง Pet Shop Boys นั้นคงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในศิลปินยอดอึดของวงการ เพราะทำเพลงล้ำๆ ฮิตๆ ข้ามผ่านกาลเวลามาได้สองศตวรรษแล้ว

แต่รู้สึกว่า Release (2002) อัลบั้มชุดล่าสุดของลุงเนี่ยเพลงมันออกแก่ๆ ไปหน่อย สงสัยคำบ่นเด็กแนวเข้าหู ลุงก็เลยปล่อยอัลบั้มเต้นบ้านแตกอย่าง DISCO 3 (2003) ออกมา หลังจากนั้นเก็บตัวเงียบไปอีก 2 ปี พอกลับมาอีกทีก็ “ปล่อยของ” ชนิดให้แฟนเพลงตายกันไปข้างหนึ่ง

“ของ” ที่ว่าของลุงๆ แกก็คือ อัลบั้มชุดนี้ …แกเล่น “ของสูง” ทำเก๋าแต่งเพลงประกอบในหนังในตำนานอย่าง The Battleship Potemkin (1925, เซอร์ไก ไอเซนสไตน์) ว่าแล้วการผสมผสานอันมหัศจรรย์ของเพลงอิเล็กโทรนิกกับออเครสต้าก็เกิดขึ้นได้ แถมยังเป็นการ “ตีโจทย์” ที่ “ไม่เสียของ” เพราะถ้าใครเคยดูหนังแล้วมาหลับตาฟังเพลงในชุดนี้ ฉากในหนังเรื่องที่ว่าจะลอยขึ้นมาในหัวชนิดช็อตต่อช็อต

จะว่าไปแล้ว Pet Shop Boys ก็เป็นศิลปินช่างผสมมือฉมัง เพราะเมื่อครั้งกระโน้น แกก็เอาเพลง Can’t Take My Eyes Off You กับเพลง Where the Street Have No Name ของวง U2 มามิกซ์กันได้ ชนิดที่อีตาโบโน่งงเป็นไก่ตาแตก

ทว่าการ “ยำใหญ่” ครั้งนี้ถือว่ายิ่งใหญ่กว่ามากนัก เพราะนอกจากจะเป็นอัลบั้มที่ควรจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ แล้ว มันยังเป็น “เหรียญเกียรติยศ” ของลุงทั้งสองด้วย

เพลงโดน: Full steam ahead และ The squadron







06. Depeche Mode: Playing the Angel

นอกจาก Pet Shop Boys แล้ว อีกหนึ่งวงดนตรีที่ฝ่าฟันยุคสมัยจนอยู่รอดมาได้ถึงปัจจุบันก็มี Depeche Mode วงนี้นี่ล่ะ

ลุงๆ เสียหลักไปพักใหญ่หลังจากอัลบั้มชุดที่แล้ว Exciter ไม่ค่อยดังเปรี้ยงปร้างเท่าไร พวกลุงหายไปนานมากจนแฟนหลานๆ วิตกจริตกันไปพักหนึ่งว่าลุงจะชิ่งยุบวงหนีไปจากวงการเสียแล้ว พอได้ข่าวว่า Depeche Mode จะออกอัลบั้มใหม่อีกครั้ง ก็เรียกได้ว่าเฮกันลั่นบ้าน

หลังจากซ่อนนัยยะเรื่องเหตุการณ์ 9/11 ไว้ในมิวสิกวิดีโอ Enjoy the Silence (ฉบับรีมิกซ์ปี 2004) ดูเหมือน Depeche Mode ยังคงจะวนเวียนกับห้วงเวลานั้น เพราะ Playing the Angel เต็มไปด้วยเพลงหม่นเศร้า หดหู่ ไปจนถึงดำมืด เหมือนกับ “โทนสีเทา” ที่ฉาบไปทั่วทั้งอัลบั้มชุดนี้

ปกหลังของอัลบั้มชุดนี้เขียนบอกกับเราไว้ว่า “Pain and suffering in various tempos” เช่นนั้นแล้ว Playing the Angels ก็คืออัลบั้มที่เต็มไปด้วย “บาดแผล” และ “ความเจ็บปวด” และสองสิ่งนี้เองที่ทำ Depeche Mode กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการ “ทวงบัลลังก์คืน”

เพลงโดน: a pain that I’m used to

“All this running around
Well it’s getting me down
Just give me a pain that I’m used to
I don’t need to believe
All the dreams you conceive
You just need to achieve
Something that rings true”








05. Billy Corgan: The Future Embrace

คำถามที่น่าสนใจในตอนนี้ก็คือ ตาเหม่ง-บิลลี่ย์ คอร์แกน เป็นคน “มองโลก” ยังไงกันแน่

ในยุคสมัย Smashing Pumpkins คอร์แกนเป็นคนหนุ่มที่ทวีการมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้นทุกวัน สิ่งที่ถ่ายทอดออกมาก็คือบทเพลงที่เกรี้ยวกราด …ถัดมาวง Zwan ก็เป็นเป็นดั่ง Smashing Pumpkins แบบมองโลกในแง่ดี แต่สงสัยเฮียเหม่งคงจะไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้ เพราะไม่นานนัก Zwan ก็สลายโต๋กันไป

ณ วันที่ชีวิตล่วงเลยมาถึงเลข 4 แล้ว คอร์แกนก็มีอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเองจนได้ จากบทเพลงใน The Future Embrace เราคงคาดกันได้ไม่ยากนักว่าเขากลับไปมองโลกด้วย “สายตาคู่เดิม” อีกครั้งแล้ว ทว่าท่วงทำนองอิเล็กทรอนิกอันหลอกหลอน กับซาวด์กีต้าร์หวีดหวิวไม่ได้บอกเราถึงการมองในแง่ร้าย แต่เป็นสายตาที่ “เย็นชา” และไม่ยี่หระต่อสิ่งใดต่อไปอีกแล้ว

คอร์แกนขึ้นชื่อในความ “เผด็จการ” ดังนั้นการทำงานโซโลที่ได้เผด็จการกับหัวสมองตัวเองอย่างเต็มที่ ก็ทำให้เรารับรู้ว่าภายใต้กบาลใสๆ ของเขานั้นยังอุดมไปด้วยความล้ำลึกอีกมากมาย

The Future Embrace เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า “อัจฉริยะก็ย่อมเป็นอัจฉริยะวันยังค่ำ”

เพลงโดน: To Love Somebody (เพลงนี้เป็นเพลงเก่าของ Bee Gees ส่วนเวอร์ชันใหม่นี้ได้ โรเบิร์ต สมิธ แห่งวง The Cure มาช่วยเล่นกีต้าร์ให้)

“you don’t know what it’s like
you don’t know what it’s like
to love somebody, to love somebody
the way I love you”








04. The Tears: Here Come The Tears

ว่ากันว่าไม่มี “มิตรแท้” และ “ศัตรูถาวร” ในวงการบันเทิง ถ้าเช่นนั้นแล้ววงการเพลงก็คงไม่เว้นไปจากเรื่องทำนองนี้เช่นกัน

เมื่อในอดีต เบรท แอนเดอร์สัน (นักร้องนำที่ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครระบุเพศของเขาได้) กับ เบอร์นาร์ด บัทเลอร์ (มือกีต้าร์ที่หล่อที่สุดในโลก) ไม่มองหน้ากันไปเกือบสิบปี แต่คงเพราะกาลเวลาที่ผ่านไป “อีโก้” ที่ลดลง กับ “สังขาร” ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน คงทำให้สองหน่อนี้คิดได้ และหันมาจูบปากกันอีกครั้ง

นี่คือ “การกลับมา” ที่ทั้งโลกรอคอย

เพลงของ The Tears ไม่ใช่อะไรแปลกใหม่ มันคือส่วนผสมของเสียงร้องเปี่ยมจริตของแอนเดอร์สัน และเสียงกีต้าร์เปรี้ยวๆ ของบัทเลอร์ ทั้งซาวด์คึกคักในเพลงอย่าง Refugees หรือ Lovers (ที่คล้ายกับงานที่บัทเลอร์ทำกับ เดวิด แม็คอัลมอนต์) หรือถ้าใครคิดถึงเสียงกีต้าร์แตกพร่าอย่างในชุด Dog Man Star เขาก็มีให้ในเพลงอย่าง The Ghost of You และ Brave New Century

มันอาจจะฟังดูซ้ำซากหรือน่าเบื่อ แต่นี่คือสิ่งที่เราถวิลหาและเฝ้ารอมาแสนนาน เพราะไม่มีใครอีกแล้วที่เพลง “แบบนี้” ได้เหมือน “คนคู่นี้”

เพลงโดน: The Ghost of you

“I wake in the morning and try to be brave…
But it’s hard to move on when the ghost of you stays”








03. Pru: ZERO

ที่จริงแล้วคำว่า “คอนเซ็ปต์ อัลบั้ม” ไม่ใช่สิ่งใหม่ในวงการเพลงบ้านเรา มันเคยปรากฏขึ้นแล้วหลายครั้งหลายครา อย่างน้อยก็ในอัลบั้มของ ธเนศ วรากูลนุเคราะห์ หรือมาโนช พุฒตาล แต่ทุกชุดนั้นล้วนมีจุดร่วมกันคือมันจะ “ขายไม่ออก”

หากมองในแง่ยอดขาย ถ้าเทียบกับชุดที่แล้ว Pru ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้ามองในแง่ตัวเพลงแล้วคงไม่ใช่แค่ประสบความสำเร็จเท่านั้น เพราะ ZERO ถือเป็นการ “สรรค์สร้าง” ปรากฏการณ์ใหม่ในรอบหลายปีของวงการเพลงไทย

อัลบั้มชุดนี้เปี่ยมไปด้วยความ “กล้าหาญ” และไม่ค่อยจะมีการ “ประนีประนอม” เท่าไรนัก ทั้งทำนองเพลงที่ไม่ติดหู เนื้อเพลงที่ไม่ใช่เพลงรัก ซ้ำด้วยเพลงบางเพลงที่ความยาวเกินขอบไปถึง 8 นาที เหล่านี้คือสิ่งตรงข้ามกับคำว่า “ใช้ฟังเพื่อความบันเทิง” ทั้งสิ้น

ผมไม่ได้ต้องการจะบอกว่าคนที่ฟังอัลบั้มชุดนี้ไม่รู้เรื่องเป็นคนโง่ หรือตัวผมที่ชอบอัลบั้มนี้ฉลาดเสียเต็มประดา แต่ผมอยากจะให้คุณลองเหลียวสายตามองมัน และนั่งลงฟังมันในห้องเงียบๆ คนเดียวอีกสักครั้ง บางทีคุณอาจจะ “ค้นพบ” อะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากผมก็ได้

ผมว่ามันน่าเศร้าที่เราจะพูดว่าอัลบั้มชุดนี้ “มาเร็วเกินไป” นั่นเป็นเหตุผลที่ “ไม่สร้างสรรค์” เอาเสียเลยครับ

เพลงโดน: World War IV (จุดเดิม)

“ลืมตา…เหมือนเคย…ไหลไป…ไม่เปลี่ยนเลย
สุดท้าย…ก็วน…ไปจุดเดิม”








02. Goose: 20 guns pointing in your face

ความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของผมในการจัดอันดับอัลบั้มที่ชอบที่สุดในปีที่แล้วก็คือ การที่ไม่มีชื่อของอัลบั้มชุดแรกของ Goose รวมอยู่ด้วย

เปล่าหรอกครับ ไม่ใช่ว่าผมได้ฟังอัลบั้มนั้นแล้ว จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ได้ฟังครับ แต่พอได้ฟัง 20 guns pointing in your face อัลบั้มชุดที่สองของพวกเขาแล้ว ผมก็เชื่อเลยว่าผมจะต้องชอบชุดแรกของเขาอย่างสุดขีดแน่นอน

20 guns pointing in your face ถือเป็นอัลบั้มเพลงไทยที่ผมรอคอยมานานแสนนาน นี่คือซาวด์กีต้าร์ที่ผมใฝ่หาจากเพลงไทยมาทั้งชีวิต ซาวด์ที่คิดว่าคงไม่มีทำมันแล้วอีกแล้วนอกจาก เบอร์นาร์ด บัทเลอร์ หรือบิลลี่ย์ คอร์แกน แต่ ณ วันนี้ Goose ทำมันได้แล้วครับ

ชื่อบุคคลที่กล่าวมาในข้างต้นไม่มีความคล้ายคลึงกันทางดนตรีกันอย่างแนบสนิทหรอกนะครับ แต่มันให้ผลในแง่ทางอารมณ์ที่ “รุนแรง” ในระดับพอกัน เพราะซาวด์กีต้าร์ของ Goose เป็นสุดแสนจะหลอกหลอน บางครั้งมันก็ลอยละล่อง (เสียงร้องนำก็เป็นในแนวทางนั้นเช่นกัน) แถมซ้ำด้วยเอฟเฟกต์นานับประการที่ถาโถมเข้ามาในเพลง เหล่านี้ล้วนทำให้ผมอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ และนอนตายคาลำโพงด้วยอารมณ์เปี่ยมสุข

ด้วยความรู้ทางดนตรีอันน้อยนิด ผมคงต้องขออภัยทุกท่านที่ไม่สามารถจะพรรณนาคุณความดีของอัลบั้มชุดนี้ออกมาได้มากกว่านี้แล้ว สิ่งที่ผมบอกได้ก็คือ ณ ตอนนี้ หนึ่งในวงดนตรีไทยที่น่าจับตาและเชื่อถือได้มากที่สุดคือวง Goose ครับ

เพลงโดน: เวลาที่มี (แต่เพลงนี้เพลงเดียวผมก็ตายคาที่แล้วครับ)

“ทุกอย่าง…ที่เราเคยมี
ทุกวัน…เลือนลาง
กับเวลา…ที่เราเคยมี
บางสิ่ง…หายไป
กับความจริง…ที่เราเคยมี
ไม่อาจ…ย้อนมา
วันเวลาที่เราเคยมี
เหลือเพียง…แค่เรา”








01. madonna: Confessions on a Dance Floor

ครั้งแรกที่จับแผ่นนี้ใส่เข้าไปในเครื่องเล่นซีดีก็จกใจแทบสิ้นสติสมประดี เพราะนึกว่าตัวเองตาถั่ว หยิบแผ่นผิด ไปซื้อพวกแผ่นรวมเพลง RCA แดนช์ของค่าย Red Beat มาเสียอีก แต่พอจ้องปกดูดีๆ อีกที ยังไงก็เห็นป้าคนนึงใส่ชุดชมพูแปร๊ดนั่งเก้ๆกังๆ ในท่าประหลาดอยู่ดี ก็เลยแน่ใจว่าที่คืออัลบั้มใหม่ของ เจ๊ป้ามาดอนน่า ชัวร์ป้าด

ถึงแม้ Confessions on a Dance Floor จะไม่ใช่อัลบั้มเพลงแดนซ์ที่รสนิยมต่ำขนาดเพลง “รัชดาแดนซ์” แต่เพลงในอัลบั้มนี้ไม่มีอะไรใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างเราเคยผ่านหูกันมาหมดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ขัดกับการทำงานเพลงในยุคหลังของมาดอนน่าอย่างสิ้นเชิง เพราะในอัลบั้มชุด Ray of Light (1998) เธอทำให้ทั้งโลกรู้จักคำว่า “อิเล็กโทรนิก้า” …ถัดมาชุด Music (2000) เธอก็นำเสนอสิ่งที่เรียกว่า Acid Rock และใน American Life (2003) เธอก็ลุกขึ้นมาแต่งเพลงแฉอเมริกา

อย่างไรก็ตาม เรามิอาจหลงลืมไปได้เลยว่าเธอเคยอยู่ตำแหน่งราชินีเพลงแดนซ์มาก่อน เพราะฉะนั้นแล้ว COADF ก็คือการกลับไปทำในสิ่งที่เธอ “ถนัด” อีกครั้ง และนั่นก็ได้มาซึ่งผลตอบรับอันยอดเยี่ยม เพราะจนป่านนี้สาวกของเจ๊ป้าคงได้เต้นตายคาฟลอร์กันทั้งโลกไปแล้วเรียบร้อย ตามคอนเซ็ปต์ THE NON STOP, ALL-DANCE TOUR DE FORCE ที่ปะหน้าอัลบั้มไว้ไม่มีผิด

เพลงบางเพลงอย่างเช่น Jump นั้นดนตรีเชยลากดิน แต่การที่มาดอนน่าตัดสินใจทำ COADF เป็นอัลบั้มน็อน-สต็อปนั้นถือเป็นไหวพริบชั้นยอด เพราะเมื่อทุกเพลงถูกโยงต่อกันเป็นเหมือนเพลงๆ เดียวแบบนี้แล้ว ผลที่ออกมาคือ การช่วยฉุดให้ตัวเองขึ้นมาจากการเป็นเพลงโหลๆ และวิ่งเข้าเส้นชัยไปอย่างสวยงาม

มาดอนน่าให้สัมภาษณ์ว่าเธอทำอัลบั้มชุดนี้ออกมาเพราะอยากให้คนที่ฟังเกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัวอยากจะ “แดนซ์” ขึ้นมา ซึ่งสำหรับผมแล้วเธอทำสำเร็จ แถมยังสำเร็จมากเสียด้วย

เพราะตอนที่ฟัง Confessions on a Dance Floor จบครั้งแรก ผมก็อยากจะตะโกน “สารภาพ” ออกไปดังๆ ว่า “ป้าจ๋า ชั้นโคตรรักป้าเลยว่ะ!”

เพลงโดน: Sorry (เพลงนี้จะถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลที่สอง ต่อจาก Hung Up)

“I don’t wanna hear, I don’t wanna know
Please don’t say you’re sorry
I’ve heard it all before
And I can take care of myself”






แล้วอัลบั้มเพลงยอดเยี่ยมของคุณล่ะครับ คืออะไรบ้าง…?




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2548
45 comments
Last Update : 25 ธันวาคม 2548 4:09:44 น.
Counter : 7119 Pageviews.

 


mer’s AWARDS 2005

ALBUM OF THE YEAR
01. madonna: Confessions On A Dance Floor
02. Goose: 20 guns pointing in your face
03. Pru: ZERO
04. The Tears: Here Come The Tears
05. Billy Corgan: The Future Embrace
06. Depeche Mode: Playing The Angel
07. Pet Shop Boys: Battleship Potemkin
08. Flure: VANILLA
09. Futon: Love Bites
10. Damnwrong: LIBERATION EVOLUTION

----------------------------------------------------

SONG OF THE YEAR

01. “Hung Up” - madonna
เชื่อว่าจนถึงสิ้นปีนี้ตัวเองจะฟังเพลงนี้เกิน 100 รอบแน่นอน

02. “Endless Story” - REIRA starring YUNA ITO
นี่เป็นเพลงฟังแล้วซึ้งที่สุดของปีนี้ ส่วนตอนดูหนังฉากที่เพลงนี้ขึ้นมาก็น้ำตาไหลพรากๆ

03. “Glamorous Sky” - NANA starring MIKA NAKASHIMA
จากนี้ไป มิกะ นากาชิม่าจะไม่ใช่นักร้องที่ “น่าเบื่อ” ในสายตาผมอีกต่อไปแล้ว

04. “War World IV จุดเดิม” - Pru
ฟังแล้วจะนิพพาน …ขอกราบเท้าพี่น้อย และบอย โกสิยพงษ์ที่แต่งเพลงแบบนี้ขึ้นมาได้

05. “The Ghost of You” - The Tears
นี่คือเพลงที่หลอกหลอนและโดนใจตัวเองมากที่สุดในปีนี้

06. “ใจเราเป็นของกันและกัน” - Damnwrong
นานๆจะหาเพลงจีบสาวที่ไม่เลี่ยนและถูกใจตัวเองได้ (จริงๆ เพลงนี้ออกมาตั้งแต่ปี 2002 แล้วโดยอยู่ในอัลบั้มคอมพิเลชั่น Panda Rangers แต่เนื่องจากอัลบั้มเต็มของ Damnwrong เพิ่งมาในปีนี้ ก็เลยขอพิจารณาให้ติดอันดับด้วย)

07. “เจ้าหญิงคนต่อไป” - Blissonic
Blissonic ไม่ได้ทำเป็นแต่เพลงน่ารักๆ หรอกนะ

08. “อยากรู้” - 4GOTTEN
ท่อนเครื่องสายเศร้ามาก

09. “ฤดูที่ฉันเหงา” - Flure
เชื่อมั้ยว่ามีเพื่อนผมหลายคนโทรเข้ามือถือผม ก็แค่เพื่อจะฟังเพลงนี้ (ผมตั้งเพลงนี้ไว้เป็น calling melody) พอผมรับโทรศัพท์มันก็ด่าว่า “รับทำไมวะ ตูจะฟังเพลง”

10. “Love So Stong” - Futon

----------------------------------------------------

MUSIC VIDEO OF THE YEAR

01. Madonna: Hung Up
ดูมิวสิกวิดีโอเพลงนี้แล้วเกิดความรู้สึกสองอย่างคือ 1.อยากลุกขึ้นมาเต้น และ 2.อยากกลับไปเล่นเกมเต้น (ซึ่งตอนนี้ยังมีอยู่ที่เช็นทรัลลาดพร้าว ชั้นใต้ดิน)

02. Nologo: Paranoid
เท่ขาดใจ

03. Girly Berry: GOSSIP
ปีที่แล้ว “ตุ๊มต่อม” ทำให้ผมเกือบช็อคหัวใจวาย ปีนี้เพลง GOSSIP ก็ทำให้ผมต้องนั่งเฝ้าทีวีเพื่อรอดูรายการเพลงของอาร์เอส!

04. Coldplay: Speed of Sound
นี่เป็นการพิสูจน์ว่ามิวสิกวีโอไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องราววุ่นวาย หรือถ่อไปถ่ายทำในโลเคชั่นสุด exotic แค่ให้นักร้องยืนเล่นดนตรีไป และใช้ไลทติ้งเอฟเฟกต์เก๋ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว…จริงมั้ย?

05. Blissonic: เจ้าหญิงคนต่อไป
ถ้ามิวสิกวิดีโอของเมืองไทยใช้สมองคิดมากขึ้นสัก 1 ใน 3 ของมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ ผมก็ดีใจนอนตายตาหลับแล้วครับ

----------------------------------------------------

CONCERT OF THE YEAR

01. moderndog คอนเสิร์ตตาสว่าง (21 พ.ค. 2548 / อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก)
ฉลอง 10 ปี โมเดิร์นด็อก รักที่สุดเลยวงนี้

02. Pru Pop Life Concert (3 ธ.ค. 2548 / ทศภาคอารีน่า)
นอกจากอัลบั้มจะคิดมากแล้ว คอนเสิร์ตก็ยังคิดมากพอกัน เอากับพี่แกสิ!

----------------------------------------------------

MOST DISAPPOINTED ALBUM OF THE YEAR

01. Academy Fantasia 2: ปฏิบัติการ เร่ขายฝัน
เราจะหวังอะไรได้กับอัลบั้ม “ตามน้ำ” แบบนี้ล่ะ

02. Nologo: How to be a rock star?
ความน่าผิดหวังของอัลบั้มชุดนี้ไม่ได้อยู่ที่มันห่วยจนรับประทานไม่ลง แต่เพราะ โดมเคยทำเพลงที่สุดยอดมากอย่าง “เวียน - Circumambulate“ ไว้ (อยู่ในอัลบั้ม Smallroom 003) หรือเพลงเปิดตัวอย่าง Paranoid ก็ยังถือเป็นเพลงระดับดีมาก แต่เพลงที่เหลือในอัลบั้มก็เหมือนกับเป็น “คนละเรื่อง” กันไปเสียฉิบ …มันเหมือนกับมีคนบอกว่าจะพาคุณไปสยามพารากอน แต่สุดท้ายไปโผล่ที่มาบุญครอง อะไรประมาณนั้นแหละ

สิ่งที่น่าตลกก็คือ เพลงที่ดีที่สุดในอัลบั้มชุดนี้ ดันเป็นเพลงที่ Stylish Nonsense มารีมิกซ์ให้

----------------------------------------------------

เพลงน่าหวาดผวาแห่งปี

“อะมั่ยยาฮี้ อะมั่ยยาฮู้ อะมั่ยยาฮา ยะฮั่ยมาย้าฮา”

มันคือเพลงอะไรผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ (รู้สึกมันจะชื่อเพลง “ไมยาฮี้” รึป่าว) แต่นอกจากจะต้องเจอมันทุกครั้งเวลาดูหนัง (มันจะมาพร้อม “อีไก่เวร”) ล่าสุดมีคนรายงานมาว่าขณะนี้ลานเบียร์การ์เด้นสามารถนำเพลงไปแสดงสดได้แล้ว! อ๊ากกกกก!!!

 

โดย: merveillesxx 25 ธันวาคม 2548 4:11:07 น.  

 


MY CD LIST : YEAR 2005

ซีดีที่ซื้อทั้งหมดในปี 2005 (เรียงตามตัวอักษร) โดยนับเฉพาะผลงานที่วางจำหน่ายในปี 2005

-THAI MUSIC-
01. Academy Fantasia 2: ปฏิบัติการ เร่ขายฝัน (2005, C)
02. Bear Garden: love is sweet suicide (2005, B+)
03. blissonic: automatic (2005, A-)
04. cyndie seui: Micro bitz life (2005, B+)
05. Damnwrong: LIBERATION EVOLUTION (2005, A+)
06. Deathtrip: 500 (2005, B+)
07. Ebola: enlighten (2005, A)
08. Fat Code 2 (Limited Edition) (2005, A-)
09. Flure: VANILLA (2005, A+)
10. Friday: EXPRESS LIVE (2005)
11. Futon: Love Bites (2005, A+)
12. Girly Berry: GOSSIP (2005, C+)
13. Goose: 20 guns pointing in your face (2005, A+++++++)
14. Montonn Jira: these love songs EP (2005, B)
15. Nologo: How to be a rock star? (2005, B-)
16. Nop Ponchamni: a man of smiles a-side album (2005, B)
17. Pru: ZERO (2005, A+)
18. Pru: D.S. double single รักเหลือ / ได้โปรด (2005, A-)
19. Smallroom 005: mini-mart (2005, A-)
20. Smallworld 001: BangPop! (2005, A)
21. T-BONE: ENJOY YOURSELF (2005, B+)
22. The East Downers: Broken Hearts & Paper Cuts (2005, A-)


JAPANESE + ASIAN MUSIC
01. Ayumi Hamasaki: single “STEP you / is this LOVE?” (2005, A+)
02. Ayumi Hamasaki: single “fairyland” (2005, A)
03. Halation: Down to the Wire (2005, A) **ขอบคุณ คุณ Halation ที่ไรท์ให้**
04. Namie Amuro: Queen of Hip-Pop (2005, A-)
05. Utada Hikaru: single “BE MY LAST” (2005, A)
06. Vivian Hsu: Resolute Love (2005, C+)


INTERNATIONAL MUSIC
01. Billy Corgan: The Future Embrace (2005, A+)
02. Bjork: the music from Drawing Restraint 9 (2005, ?)
03. Coldplay: X&Y (2005, A-)
04. Depeche Mode: Playing the Angel (2005, A+)
05. Dream Theater: Octavarium (2005, A)
06. Fiona Apple: extraordinary machine (2005, B+)
07. Hood: Outside Closer (2005) **ขอบคุณ คุณเก้าอี้มีพนัก ที่ไรท์ให้**
08. madonna: single "Hung Up" (2005, A+)
09. madonna: Confessions on a dance floor (2005, A+++++++)
10. New Order: WAITING FOR THE SIRENS' CALL (2005, A-)
11. Pet Shop Boys: Tennant/Lowe Battleship Potemkin (2005, A+)
12. Royksopp: The Understanding (2005, A-)
13. saint etienne: tales from turnpike house (2005, B+)
14. t.A.T.u.: DANGEROUS AND MOVING (2005, A-)
15. Teenage Fanclub: Man-Made (2005) **ขอบคุณ คุณเก้าอี้มีพนัก ที่ไรท์ให้**
16. Telepopmusik: Angel Milk (2005, B+)
17. The Tears: Here Come The Tears (2005, A+)

 

โดย: merveillesxx 25 ธันวาคม 2548 4:13:14 น.  

 


<อัลบั้มที่รอคอยมากที่สุดของปี 2006>






Ayumi Hamasaki : (miss) understood

Release Date: 1 JAN 2006

 

โดย: merveillesxx 25 ธันวาคม 2548 4:27:52 น.  

 

น้องต่อคะ สอบครั้งนี้สงสัยจะเครียดถึงเครียดหนัก อัพเว็บบ่อยมาก โผล่เน็ตถี๊ถี่... ผิดวิสัยจริงๆ ยังไงก็สุขกระสันต์วันคริสมาสต์นะคะ โชคดีในการสอบด้วยจ๊ะ

 

โดย: ฮาเลชั่น IP: 202.5.87.142 25 ธันวาคม 2548 4:33:18 น.  

 

ยังไม่ได้ทำอันดับอัลบัมเลย แต่ซาวด์แทรคและเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ชอบมากๆในปีนี้รวมถึงเพลงในภาพยนตร์เรื่อง

1.เพลงที่สามสาวโอเปร่าร้องในงานเลี้ยง “หนังสือพิมพ์” ใน DORIAN GRAY IN THE MIRROR OF THE YELLOW PRESS (1984, ULRIKE OTTINGER, A+)

2.เพลงที่นักบุญ (ELSE NABU) ร้องขณะถูกตรึงกางเขนใน FREAK ORLANDO (1981, ULRIKE OTTINGER, A+)

3.PAMELA, POUR TOUJOURS (2003, ALAIN BOURGES, A++++)

4.MYSTERIOUS SKIN (2004, GREGG ARAKI, A+)
ดนตรีประกอบโดย ROBIN GUTHRIE + HAROLD BUDD

อยากซื้อซีดีซาวด์แทรคอัลบัมนี้จัง
//www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0009HLC0G/104-6885715-9971968?v=glance
//images.amazon.com/images/P/B0009HLC0G.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


5.IT’S ALL GONE PETE TONG (2004, MICHAEL DOWSE, A+)

ซาวด์แทรคหนังเรื่องนี้มีเพลงของ 808 STATE, DEPECHE MODE, GOLDFRAPP, DEEP DISH, FERRY CORSTEN และ ORBITAL
//www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B00097HDOU/qid=1135471854/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/104-6885715-9971968?v=glance&s=music

//images.amazon.com/images/P/B00097HDOU.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


6.TOUCH THE SOUND (2004, กำกับโดย THOMAS RIEDELSHEIMER, A+) หนังสารคดีเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักดนตรีหญิงหูหนวก EVELYN GLENNIE
//images-eu.amazon.com/images/P/B000BKF5KY.03.LZZZZZZZ.jpg


7.LIKE ASURA
ชอบเพลง COMME A LA RADIO ของ BRIGITTE FONTAINE

8.NEAREST TO HEAVEN
ชอบเพลง TU ME DELIRIO ของ ETIENNE DAHO

9.NANA

10. CUBAN MUSIC (GERMAN KRAL, A)
//images-eu.amazon.com/images/P/B0007TWEGM.03.LZZZZZZZ.jpg


--มีเรื่องอยากกราบเรียนถามอาจารย์ MERVEILLESXX สักเล็กน้อย

ไม่ทราบอาจารย์ทราบมั้ยคะว่า ตัวเลขเศรษฐกิจตัวนึงที่เรียกว่า “GDP DEFLATOR” นั้น คำว่า “DEFLATOR” ในที่นี้ มีคำแปลเป็นภาษาไทยมั้ยคะ หรือว่าคนไทยก็เรียกทับศัพท์ไปเลยว่า “DEFLATOR”

 

โดย: M.Scudery Worships Khavn de la Cruz IP: 210.86.146.124 25 ธันวาคม 2548 8:28:49 น.  

 

เพลงน่าหวาดผวาแห่งปี

“อะมั่ยยาฮี้ อะมั่ยยาฮู้ อะมั่ยยาฮา ยะฮั่ยมาย้าฮา”


อะจ๊าก
เราชอบเพลงนี้มากๆ เลยนะ (ฮา)
จริงๆ ชื่อเพลงคือ Dragostea Din Tei
เป็นเพลงบุกตลาดโลกของ Ozone - วงจากโรมาเนีย

อันที่จริง ซิงเกิ้ลนี้ ค่อนข้างเก่าพอสมควร
น่าจะตั้งแต่กลางปีที่แล้วโน่นแน่ะ
แต่ที่มาดังอีกรอบตอนนี้ ก็เพราะ
....โฆษณาปิดมือถือของไก่นรกตัวนั้นนั่นเอง


- ขอจัดอันดับอัลบั้มในดวงใจมั่ง

1. Madonna - Confessions on a Dance Floor
นี่คือ อัลบั้มที่ผมตั้งความหวังไว้มากที่สุดแห่งปีครับ
มันคือ อัลบั้มที่ทำให้ผมว้าวุ่น กระวนกระวายใจอยู่ทุกชั่วขณะ
...กระวนกระวาย ว่ามันจะเพราะไหมหนอ?
แล้วคนฟังทั่วไปล่ะ เค้าจะชอบไหม?
ผมได้แต่คิดๆๆๆๆๆ กลุ้มๆๆๆๆๆ กับอัลบั้มนี้ จนไม่เป็นอันกิน อันนอน (แหะๆ เวอร์ไปนิด)

และแน่นอน มีหรือที่หญิงเหล็ก อย่างเจ๊แม่มาดอนน่าจะทำให้ผมผิดหวัง ....เพราะอัลบั้มนี้เปรี้ยวจริงๆ

จริงอยู่ ที่มันอาจจะไร้ซึ่งความแปลกใหม่
(ทั้งซิงเกิ้ลเปิดตัว ที่ไปอัญเชิญของเก่า อย่างเพลง Gimme, Gimme, Gimme ของคุณลุง Abba มาใส่, หรือจะเป็น Future Lover , Isaac ก็ล้วนแล้วแต่เอาเพลงเก่าๆ มามิกซ์ใหม่ทั้งสิ้น)

....ไม่มีเพลงที่มีเนื้อหาสาระ จรรโลงจิต
(ต่างจาก ROL และ AL ที่แต่ละเพลง มักจะมีปรัชญาอันล้ำลกสอดแทรกอยู่เสมอๆ ...อ่อๆ ลืมไป อัลบั้มนี้ ยกเว้น Isaac เพลงสุดหลอน ไว้หนึ่งเพลง)

แต่อะไรล่ะ คือสิ่งที่ทำให้หลายคนหลงรักอัลบั้มนี้
(ลองคิดดูสิ แม้กระทั่งคริส มาร์ติน ยังเอาท่อนฮุคของ Hung Up ไปร้องแทรกในเพลง God Put A Smile Upon Your Face เลย)

ติ๊กต๊อกๆๆๆ

เหตุผลก็คือว่า
.
.
มันคือ อัลบั้มที่ทำให้เราแดนซ์ได้จริงๆ นั่นเอง ----

ทุกเพลงในอัลบั้ม ล้วนแล้วแต่ถูกมิกซ์อย่างมีชั้นเชิง
อีกทั้งการจัดวางแทร็ค ยังไล่เรียงเพลงอย่างเหมาะสมอีก (ชอบ I Love New York - Let it will be - Forbidden Love ต่อกันมากกก)
สรุปแล้ว เมื่อฟังต่อกันทั้งหมด
และเมื่อเพลงไปจบลงตรงที่

This is who i am
You can like it or not
You can love me or leave me


ผมก็ต้องตะโกนออกไปดังๆ ว่า
"Yes , I like it. And I will always love YOU!"


เพลงโดน : Sorry , Let It Will Be, Get Together, Like It Or Not

=============================

2. Fischerspooner - Odyssey
ราชาแห่งเพลงอิเล็กโทรแคลช
ตอนนี้ เขา "กลับมา" แล้วครับ

....ตั้งแต่ Emerge เพลงอิเล็กโทรแคลชสุดเก๋
มาจนถึงเพลงในอัลบั้มนี้
ต้องยอมรับเลยครับ ว่า Fischerspooner คือราชาแห่งวงการเพลงอิเล็กโทรนิก้าตัวจริง (ต่างจาก William Orbit อดีตโปรดิวเซอร์ของมาดอนน่า ที่ตอนนี้ ทำเพลงเข้ารกเข้าพงไปเรียบร้อยแล้ว)

เพลงโดน : We Need a War, Just Let Go

============================

3. Rik - ราสมาลัย 2
ไม่รู้จะอธิบายความชอบอัลบั้มนี้อย่างไร
รู้แต่ว่า เทอมที่แล้วก่อนสอบ Econ
มีความรู้สึกง่วงมากๆ
เลยตัดสินใจ ฟังอัลบั้มนี้ไปหนึ่งรอบ
และผลก็ปรากฎว่า
ตาสว่าง และทำข้อสอบไม่ได้เลย (ฮา)

เพลงโดน : Russian Roulette

===========================

4. Sufjan Stevens - Illinois
เพลง Easy Listening ฟังง่ายๆ สบายๆ
น่ารัก สดใส เหมาะกับบรรยากาศหนาวๆ แบบนี้เป็นที่สุด
ชอบมากกกก (แต่เสียดาย ที่ในไทยมีแต่แผ่นอิมพอร์ตราคาแพง ฮือๆๆๆ)

เพลงโดน : The Black Hawk War

=============================

5. Franz Ferdinand - You Could Have It So Much Better
6. Tahiti 80 - Fosbury
7. Jem - Finally Woken
8. KT Tunstall - Eye To The Telescope
9. P2Warship - P2Warship
10. Depeche Mode - Plaing the Angel / Gorrillaz - Demon Days

 

โดย: it ซียู (it ซียู ) 25 ธันวาคม 2548 10:01:58 น.  

 

แก้ให้ต่อนิด อัลบั้มเพลงไทยที่ซื้อมาอันที่ 22 ชื่อว่า The Eastbound Downers จากแพนด้า เรคคอร์ด

พูดถึง Depeche Mode เมื่อวานฟัง The Selector มีเพลงใหม่ของ Depeche Mode ที่มิกซ์โดย Goldfrapp (พิมพ์ผิดชัวร์) ด้วย เลิศมาก

พี่ซอนนี่เอาวงหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง ชื่อวงอะไรหนอ รันเนอร์ ๆ นี้แหละ มาเปิดให้ฟังด้วย เยี่ยมเลย วงนี้อยู่ค่าย Parlophone ค่ายเดียวกับโคลด์เพลย์และเรดิโอเฮด จะยังไงติดตามปีหน้า

มีวงเพื่อนของ Mylo อีก (จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว) ดนตรีอิเล็คโทรนิคส์เยี่ยมเป็นบ้าเลย

อัลบั้มที่ชอบของพี่ในปีนี้ (ก็อปมาจากบล็อกตัวเอง)


1. ริค วชิรปิลันธ์ : Rasmalai part I & II

แม้จะมีสองแผ่น แต่ถือว่าอยู่ในซีรีย์เดียวกัน งานชิ้นนี้เป็นที่รอคอยของแฟนริคมาเสมอ และริคก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง ทุกเพลงเปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์และทรงพลังยิ่งนัก โดยส่วนตัวผมชอบ เพลง "ไหมมายา" มากครับ

อยากดูริคแสดงสดอีกสักครั้งจัง




2. Pru : Zero

หากจะหาตัวอย่างของอาถรรพ์ชุดสองที่มักแป้กแล้ว นี้คืออัลบั้มหนึ่งในนั้นที่บรมแป้กทางด้านยอดขาย แต่ทว่าเมื่อดูด้านคุณภาพแล้ว ผลงานของพรูชุดนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคงขายยากแน่ แต่พวกเขาก็ยังทำออกมาเป็นแผ่นคู่ที่เต็มไปด้วย concept album (ซึ่งแทบไม่มีอัลบั้มคอนเซปท์ใดเลยของไทยที่ขายดี)

หลาย ๆ คนผิดหวัง เพราะยังต้องการเพลงอย่าง โรมิโอกับจูเลียต แต่สำหรับผม พรูทำผลงานออกมาได้สร้างสรรค์และยิ่งฟังยิ่งได้อะไรใหม่ ๆ ออกมาเสมอ




3. Flure : Vanilla

ถ้าพรูชุดสองแป้กทางด้านยอดขาย ฟลัวร์คงเป็นอะไรที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง วงดนตรีวงนี้ชุดแรกทำท่าว่าจะตาม Pixyl ไปอีกวง แต่พอออกชุดสอง คำชมต่าง ๆ เกิดขึ้นจนผมคิดว่าทางวงเองก็คงคาดไม่ถึง

งานของฟลัวร์ชุดนี้ มีทั้งเพลงรักชวนละลาย (คนที่รออยู่,Honeymoon ฯลฯ) ถืงเพลงที่มันจังหวะสนุก (ความหลัง ,หยั่งรู้ ฯลฯ) ภาคดนตรีของพวกเขาอัดแน่น เสียงร้องมีเอกลักษณ์ ที่สำคัญแสดงสดมันมาก

เทียบกับวงในรุ่น ๆ กัน ฝีมือห่างชั้นกับฟลัวร์อยู่หลายขุม



4. Lipta : Lipta

ถ้าถามผมว่าตอนนี้อยากหยิบเพลงเพราะขึ้นมาฟังสักแผ่น ผมจะเลือกแผ่นไหน ผมตอบได้ทันทีแบบไม่ต้องคิดเลยว่า "ลิปตา"

เพลงของพวกเขาเพราะทุกเพลงครับ ไม่ว่าจะเป็นเพลง "กอดตัวเอง" ที่ดังตั้งแต่ยังไม่ได้ออกเทป ไปจนถึง "ฝืน" เพลงที่เยี่ยมทั้่งเสียงร้องและภาคดนตรี

ผมว่าลิปตาจะเป็นวงดนตรีที่ไปรับการพูดถึงต่อไปในวงการเพลงไทยอีกนานทีเดียว



5. Goose : 20 Guns pointing in your face

งานชุดที่ 2 ของกูส ที่ย้ายค่ายมาอยู่กับสมอลล์รูม พวกเขายังคงรักษาชุดเด่นของวงตัวเองด้วยเสียงซาวด์กีตาร์ที่หม่น ๆ ชุดนี้ผลงานเบาลงกว่าชุดแรกที่มีความละเมียดมาทดแทน

แม้งานนี้คงไม่ฮิตในวงกว้างแน่ แต่แฟนของพวกเขาจะยิ่งคงเหนียวแน่นกว่าเดิมไปอีก

ได้ฟังเพลงอย่าง เปลือก ลั่นทม No.9 แล้ว เป็นงานที่เยี่ยมและหาฟังได้ยากในวงการเพลงไทยยิ่งนัก




ส่วน Damnwrong พี่จะซื้อเหมือนกัน ฟังทางเนตแล้วชอบมาก

ปีหน้าเพลงไทยเฝ้ารอชุดใหม่ของบัวหิมะ และแน่นอนสี่เต่าเธอ

สุดท้าย ไม่น่าเชื่อว่าแผ่นป้ามาดอนน่าที่พึ่งออกมาไม่นาน มีขายมือสองแล้วที่ซีดีแวร์เฮาส์ สาขา เอมโพรเรียม น่าเสียดาย สอยแอร์ไปแล้วเลยไม่มีตังค์สอยแผ่นนี้

เพลงป้าก็แรดได้ใจมากกกกกกกกกกกกกก

 

โดย: I will see U in the next life. 25 ธันวาคม 2548 10:44:02 น.  

 

เออ ขออีกนิด แฮะ ๆ (มาโพสต์อย่างกับบล็อกตัวเอง)

ว่าด้วยเรื่อง Goose พี่ชอบเพลง "เวลาที่มี" กับ "No.9" มาก

สุดยอดแล้ววงนี้

 

โดย: I will see U in the next life. 25 ธันวาคม 2548 10:46:02 น.  

 

มีอัลบั้มยอดเยี่ยมที่ได้ฟังครบถ้วนทุกเพลงตรงกันแต่สองอัลบั้มเองครับ
คือ Flure: VANILLA กับมาดอนน่าครับ

Flure อัลบั้มนี้ลงตัวนะครับ อารมณ์ของเพลงมีขึ้นมีลง ทั้งร็อคทั้งพ็อพผสมผสานกันได้ดีมาก คำร้องน่าสนใจ ส่วนภาคดนตรีก็ไหลไปเรื่อยไม่ขัดหู มีเซอรไพร์สหลายแทร็คอย่าง Honeymoon ที่ร้องกับ Nadia และ Wasurete Hoshi-i
ช่วงที่เพลงฤดูที่ฉันเหงา ต่อกับเพลงHoneymoon ถือเป็นไฮไลท์ของอัลบั้มเลยนะครับ ฟังแล้วขนลุก
องค์ประกอบทั้งอัลบั้มไปทางเดียวหมดเลย หาข้อผิดพลาดได้น้อย ถือเป็นเพลงไทยที่ดีในรอบปีเลยครับ
สรุปคือ อัลบั้มนี้ไม่น่าเบื่อและทำให้หยิบมาฟังได้เรื่อยๆ ครับ
เป็นอัลบั้มที่ตัดสินได้ด้วยหน้าปกจริงๆ สวยตั้งแต่ปกยันร่องเล็กๆ ของซีดีและทุกอณูเสียงที่ปล่อยออกมา

ส่วนมาดอนน่า มือไม้สั่นตั้งแต่เพลงแรกที่หลุดออกมาแล้วครับ
พอได้ฟังทั้งอัลบั้มปุ๊ป อืม อึ้งไปเลย โดยเฉพาะแทร็คที่สองของอัลบั้มอย่าง Get Together เพราะมันเป็นดิสโก้แบบไคลี่ย์และแทรนซ์ผสมอิเล็คโทรนิก้าในช่วงหลังแบบแทร็คท้ายๆ ในอัลบั้ม Ray Of Light ทำให้เพลง Get Togetherอารมณ์ที่ต่างกับเพลงแรกอย่าง Hung Up มากๆ
ความคาดหวังที่ว่าทั้งอัลบั้มจะเป็นเพลงเต้นรำโครงสร้างย้อนยุคเหมือนเพลง Hung Up และอัลบั้ม The Immaculate Collection หายไปทันที
มันทำให้เรารู้ว่า ผู้หญิงแก่คนนี้คาดหวังอะไรกับเธอไม่ได้เลย
เว้นซะแต่ว่าเราคาดหวังไว้ว่าเธอจะทำเพลงได้ดี
เธอทำได้ดีมาเสมออยู่แล้ว
และเป็นที่น่าสังเกตว่าเพลงที่สองในอัลบั้มของมาดอนน่าช่วงหลังๆ จะมีเซอร์ไพร้สมาให้เราทึ่งเรื่อยๆ เธอกำลังเล่นกับความคาดหวังของคนที่รอฟังรึเปล่า
ทั้ง Ray Of Light ที่แทร็คแรกอย่าง Drowned World Substitute for Love ที่เป็นทริปฮอพเนิบนาบ แล้วมากระชากอารมณ์กับเพลงร็อคล้างบาปแทร็คที่สองอย่าง Swim
หรืออัลบั้มมิวสิคที่แทร็คที่สองอย่าง Impressive Instant ที่ดนตรีหวือหวา ต่างจาก Music แทร็คแรกโดยสิ้นเชิง

เพลงอื่นในอัลบั้ม COADF ต้องขอบคุณ Stuart Price (อายุน้อยแต่เจ๋งมาก) ที่มาช่วยเรียงร้อยดนตรีทั้งหมดให้กลายเป็นหนึ่งเดียว (ช่วงรอยต่อหลายเพลงเจ๋งจนอยากจะตัดเอามารวบรวมในอัลบั้ม "รอยต่อระหว่างเพลงเจ๋งโครต!" ทั้งรอยต่อระหว่าง Hung Up กับ Get Together, Future Lover กับ I Love NY หรือ Forbidden Love กับ Jump)

เนื้อเพลง - ใครว่าอัลบั้มนี้เพลงไม่ล้ำลึก สักแต่เต้นอย่างเดียว ให้ไปลองฟัง Like It Or Not กับ Isaac หรือจะลองฟัง Super Pop แทร็คตลกๆ สำหรับคนที่ดาวโหลดจาก iTunes ได้ครับ ไม่ล้ำแต่ลึกเป็นบ้า! นั่งตีความได้หลายวัน

ถึงแม้วันก่อนเพื่อนจะถามว่า ช่วงนี้ฟังอัลบั้มของมาดอนน่าบ้างมั้ย แล้วเราตอบไปว่า ฟังไม่บ่อยเหมือนช่วงแรกๆ (ฟังอัลบั้มนี้ต่อๆ กันทั้งหมดแค่ช่วง2 อาทิตย์แรก) แต่ก็ถือได้ว่าอัลบั้มนี้เป็น "อัลบั้มเพลงแดนซ์" ที่ดีที่สุดของปีนี้ครับ แต่ถ้าโดยรวมสำหรับทุกแนวเพลง อัลบั้มนี้คงไม่ใช่ที่สุดสำหรับผมครับ (จุดด้อยที่เห็นได้ชัดคือเพลง Isaac หลุดมากไปหน่อยและข้อด้อยอื่นๆ อีก แต่ขอไม่เขียนถึงนะครับ เดี๋ยวยาววววว)

Quote "แล้วอัลบั้มเพลงยอดเยี่ยมของคุณล่ะครับ คืออะไรบ้าง…?"
อืมอัลบั้มไหนจะเข้า Top 10 ประจำปี 2005 อันนี้ เดี๋ยวคงมาเขียนในบล็อคผมในโอกาสต่อไปครับ ;)

ส่วนอัลบั้มสากลที่ได้ฟังตรงกันก็มีเยอะนะครับทั้ง
Bjork: the music from Drawing Restraint 9 (2005, ?)
55 อันนี้ถูกใจมากครับกับ ? ที่ให้ เหวอสุดๆ สงสัยอัลบั้มนี้เธอจะทำให้ปลาโลมาฟังมั้งครับ ผมเลยไม่ "อิน"

Coldplay: X&Y (2005, A-)
เห็นด้วยครับ วงนี้ทำเพลงดีมาก แต่สามอัลบั้มที่ผ่านมายังไม่มีดีที่สุด สุดๆๆๆๆๆ แบบที่ Radiohead เคยทำได้กับ OK Computer เลยครับ แปลกมาก

Fiona Apple: extraordinary machine (2005, B+)
จุดเด่นของอัลบั้มนี้อยู่ที่การเรียบเรียงดนตรีครับ แต่สำหรับผมตอนนี้ Fiona Apple ถูกแย่งที่ไปโดย Rachael Yamagata แล้วครับ ผมชอบฝ่ายหลังมากกว่าเพราะ Fiona เริ่ม "หลุด" ส่วนราเชล แม้ดนตรีจะไม่สดเพราะเดินตามทีหลังแต่เนื้อร้องและองค์ประกอบอื่นเข้าถึงได้ง่าย ไม่หลุดเหมือน Fiona ครับ สำหรับราเชลถือว่าเป็นการเดินตามที่พร้อมจะก้าวนำ Fiona ครับ ว่าแต่ได้ฟังราเชลรึยังครับ อ้อ ไม่ค่อยชอบปกอัลบั้มนี้เท่าไหร่ครับ ฟ้อนท์ที่ใช้กับภาพปกไม่ค่อยเข้ากันเลยครับ

Royksopp: The Understanding (2005, A-)
ผมชอบอัลบั้ม melody a.m. มากกว่านะครับ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ฟัง Daft Punk อัลบั้ม Human Afterall อัลบั้มล่าสุดแต่หัวใจเทไปให้อัลบั้ม ก่อนๆ อย่าง HomeWork และ Discovery น่ะครับ

saint etienne: tales from turnpike house (2005, B+)
เป็นอัลบั้มที่ดี แต่ไม่ได้ทำให้มีแรงจูงใจที่จะหยิบมาฟังบ่อยๆ คุณเป็น 1 ใน 500 กว่าคนในประเทศนี้ที่ซื้อซีดีของแท้ของวงนี้อยู่นะครับ!
ควรจะดีใจ หรือว่าเศร้าดีเนี่ย...

 

โดย: BAYROCKU 25 ธันวาคม 2548 10:49:04 น.  

 

คอมเม้นแต่ละอันยาวมากกกกก ขอสั้นๆ คนนึงละกันนะครับ 55+

ผมชอบ Endless Story มากๆเหมือนกันครับ แต่ว่าหาเพลงไม่ได้เลย ได้แต่รอต่อไป ในขณะที่ Glamorous Sky อยู่ในเครื่องผมเรียบร้อยแล้วครับ

Flure ตอนแรกไม่รู้จักมากมาย (แถมยังไปคิดว่าเป็นวงที่ร้อง "กลับสู่จุดเริ่มต้น" อีกตะหาก น่าอับอายยิ่งนัก - -) แต่พอฟัง "ฤดูที่ฉันเหงา" ก็ชอบครับ

MV เจ้าหญิงคนต่อไป ผมว่าสุดยอดครับ ส่วนของ Girly Berry ผมชอบ "รักนะ แต่ไม่แสดงออก" มากกว่า นับถือคนคิดท่าประกอบเพลงนี้จริงๆ ให้ตาย เพลงช้ายังแรดได้ซะขนาดนี้

ยาวกว่าที่ผมคอมเม้นให้คนอื่นๆ แต่ก็สั้นที่สุดในนี้แล้วมังครับ ผมว่านะ

 

โดย: nanoguy (nanoguy ) 25 ธันวาคม 2548 13:03:56 น.  

 

ตอบ พี่แมดเดอลีน (เรื่อง GDP Deflator)

แหะๆ ต้องออกตัวก่อนนะครับว่า เรื่องนี้เรียนในวิชา Macro Econ 1 ซึ่งเรียนไปตั้งแต่ปี 1 เทอม 1 นู่นเลย ก็จำไม่ค่อยจะได้แล้ว >__<

เท่าๆ ที่ไปค้นตำราดู GDP Deflator เขามีชื่อเรียกภาษาไทยว่า "ดัชนีผลิตภัณฑ์ประชาชาติในประเทศ" อ่ะครับ แต่ก็จะเห็นได้ว่าคำแปลภาษาไทยอันนี้มันไม่ได้แสดงถึงความหมายของคำว่า Deflate (= การปรับลด) เล้ยยย ดังนั้นเวลาเรียนส่วนใหญ่อาจารย์ก็จะใช้ทับศัพท์ไปเลยอ่ะครับว่า GDP Deflator


Note - ที่เรียกว่า Deflate ก็เพราะ GDP Deflator เป็นดัชนีให้ใช้หา Real GDP โดยเป็นดัชนีที่มีการ "ปรับลด" ราคาลงให้ใกล้เคียงกับราคาปีฐาน

ดังนั้น GDP Deflator มีชื่อภาษาปะกิดอีกชื่อคือ Implicit Price Deflator

สูตร:

Real GDP = money GDP / GDP Delfator x 100

หรืออีกนัยหนึ่ง (ย้ายข้างสมการ)

GDP Deflator = money GDP / Real GDP x 100 นั่นเองจ้า

 

โดย: merveillesxx 25 ธันวาคม 2548 16:48:27 น.  

 

สำหรับคนอื่นๆ เดี๋ยวผมจะตอบมาทีหลังนะครับ ตอนนี้ขอไปอ่านหนังสือก่อน

เอาอันดับ 10 หนังยอดเยี่ยมประจำปี 2005 ของ VILLAGE VOICE มาฝากครับ (ขอบคุณพี่แมดเดอลีนที่ไปโพสต์ไว้ที่บอร์ดไบโอนะครับ)

1 A History of Violence
2 2046
3 Kings and Queen
4 Grizzly Man
5 The World
6 Tropical Malady (สัตว์ประหลาด)
7 The Squid and the Whale
8 Cache (Hidden)
9 The Holy Girl
10 Last Days

อ่านต่อที่ //www.villagevoice.com/take/seven.php?page=winners&category=1

//www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=24460

 

โดย: merveillesxx 25 ธันวาคม 2548 16:52:48 น.  

 

อัลบั้มที่มีตรงกับใน 10 อัลบั้มยอดเยี่ยมของคุณ

09. Futon: Love Bites
08. Flure: VANILLA
02. Goose: 20 guns pointing in your face

และที่จะซื้อแต่ของหมดเลยยังไม่ได้ซื้อคือ
01. madonna: Confessions on a Dance Floor

ไปเจอเพลง sorry ที่ blog คุณไอทีซียู มา อยากซื้อขึ้นมาทันทีเลย


 

โดย: cottonbook 25 ธันวาคม 2548 20:19:03 น.  

 

น่าสนใจทั้งนั้นครับ ถ้าเลือก ขอ depeche mode ฟ่ะ

 

โดย: สาหร่าย (แร้ไฟ ) 26 ธันวาคม 2548 2:18:14 น.  

 

ส่วนใหญ่ผมฟังแบบไม่ค่อยดูเวลาเท่าไหร่
ยิ่งช่วงปีนี้
ไปคุ้ยหาของเก่า
(หลายอัลบั้มตั้งแต่สมัยยังไม่เกิดด้วยซ้ำ)
มาฟังแล้ว อ๊าวววววว!!!!

ปีนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รู้จัด David Bowie
แล้วก็บ้าคลั่ง หาฟังอัลบั้มแกไปอีกหลายอัลบั้ม

ที่ ให้คะแนนได้ก็มี
Devil & Dust - Bruce Springsteen
(****1/2)
X & Y - Coldplay
(*****) (ผมฉันทาคติส่วนตัวกับอัลบั้มนี้น่ะ)
In between dream - Jack Johnson
(****)
Octavarium - Dream Theater
(****) (ชอบอัลบั้มเก่า ๆ มากกว่า)

 

โดย: ShadowServant (ShadowServant ) 26 ธันวาคม 2548 2:51:19 น.  

 

เด๋ว จัดอันดับ Top 5 การอ่านของปีนี้มั้งดีกว่า

 

โดย: grappa 26 ธันวาคม 2548 13:41:20 น.  

 

ขอกราบขอบพระคุณ รศ. ดร. คุณหญิง MERVEILLESXX เป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ สำหรับความรู้ที่ท่านมอบให้ ขอให้โชคดีในการสอบนะคะ

ตอนนี้หลายเว็บไซท์เปิดเผย “อันดับ” ประจำปีของตัวเองออกมามากมาย สำหรับผู้ที่สนใจหนังสือภาษาอังกฤษ เว็บไซท์ village voice ได้จัดทำรายชื่อหนังสือยอดเยี่ยม 25 เล่มประจำปี 2005 ออกมาด้วยค่ะ สามารถอ่านได้ที่

//www.villagevoice.com/books/0550,vls,70946,10.html

หนึ่งในหนังสือที่น่าสนใจก็คือ MAGIC FOR BEGINNERS ของ KELLY LINK เพราะในหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเรื่องสั้นที่เฮี้ยนสุดๆ 9 เรื่อง ซึ่งรวมถึง

1.LULL ซึ่งอ่านเรื่องย่อส่วนหนึ่งแล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่อง 5X2 (2004, FRANCOIS OZON, A+) เพราะในเรื่อง LULL เชียร์ลีดเดอร์คนหนึ่งคิดว่าการได้ใช้ชีวิตย้อนหลังเป็นสิ่งที่ดีมากๆสำหรับการแต่งงาน เพราะชีวิตการแต่งงานของคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดคุณก็กลับกลายเป็นเพียงแค่เพื่อนกัน

In "Lull," a cheerleader fated to live life backward thinks (during a spin-the-bottle interlude in a closet with the Devil): "That was what was so nice about being married. Things got better and better until you hardly even knew each other anymore. And then you said goodnight and went out on a date, and after that you were just friends."


2.เรื่องสั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับซอมบี้ ซึ่งได้แก่เรื่อง SOME ZOMBIE CONTINGENCY PLANS และ THE HORTLAK

3.STONE ANIMALS ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบ้านผีสิงที่ผีมักปรากฏตัวในรูปของกระต่ายฝูงหนึ่งที่มาตั้งแคมป์กันอยู่ที่สนามหน้าบ้านในยามค่ำคืน และผีกระต่ายนี้ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตสมรสของสามีภรรยาที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือ MAGIC FOR BEGINNERS ได้ที่
//www.amazon.com/gp/product/1931520151/qid=1135600347/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/002-8254735-2922442?s=books&v=glance&n=283155

//images.amazon.com/images/P/1931520151.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


หนังสืออีกเล่มที่น่าสนใจสุดๆในอันดับประจำปีของ VILLAGE VOICE ก็คือนิยายเรื่อง THE SLUTS ของนักประพันธ์ฉาว DENNIS COOPER นิยายเล่มนี้เขียนโดยใช้โครงสร้างของเว็บไซท์ ที่ซึ่งมีคนหลายๆคนมาแสดงความคิดเห็นกันเกี่ยวกับโสเภณีชาย ตัวละครหลักของเรื่องนี้คือโสเภณีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาชื่อ “แบรด” เขาสามารถทำให้คนหลายๆคนมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเขาในเว็บไซท์ ถึงแม้ตัวจริงของเขาอาจจะตายไปนานแล้วก็ตาม

นิยายเล่มนี้เล่าเรื่องผ่านทางการแสดงความคิดเห็นในเว็บบอร์ด, อีเมล และการแชทกันของตัวละครหลายๆคนที่ชอบโกหกตอแหล เนื้อหาในนิยายเล่มนี้รวมถึงเรื่องของ

1.การมีเซ็กส์โดยไม่ใช้ถุงยาง

2.การมีเซ็กส์แบบซาดิสท์มาโซคิสท์

3.การ “ตอน”

4.การเล่นบทบาท “ทาส” กับ “เจ้านาย”

5.การมีเซ็กส์กับศพ

6.ฆาตกรโรคจิต

จุดเด่นของนิยายเรื่องนี้ก็คือการสะท้อนสังคมของคนที่มีปฏิสัมพันธ์กันผ่านทางอินเทอร์เน็ต (เอ๊ะ ทำไมฟังดูใกล้ตัวจังเลย)

ข้อมูลเกี่ยวกับ THE SLUTS
//www.amazon.com/gp/product/0786716746/qid=1135601244/sr=1-2/ref=sr_1_2/002-8254735-2922442?s=books&v=glance&n=283155

//ec1.images-amazon.com/images/P/0786716746.01._PE32_.The-Sluts._SCLZZZZZZZ_.jpg

 

โดย: M.Scudery Worships Khavn de la Cruz IP: 202.176.170.41 26 ธันวาคม 2548 20:04:24 น.  

 

อ่า... ตกลง FUTON เป็นเพลงไทยสินะครับ


ส่วนทอปของผมคงต้องนึกก่อนล่ะครับว่าปีนี้ฟังเพลงเต็มอัลบั้มไปกี่เพลง

 

โดย: Nighty IP: 58.10.84.175 27 ธันวาคม 2548 8:25:41 น.  

 

อ้อ อะเดย์เล่มที่วางแผงตอนนี้
(ปกอะเดย์อวอร์ด )
เผ่าจ้าว กำลังใจดี สัมภาษณ์ เเบรต
แอนเดอร์สัน มานิดนึง (อ่านไม่ค่อยจุใจ )
และอะเดย์ เล่มนี้มีอะไร ให้อ่านเยอะดี
(ไมได้อ่านอะเดย์มาพักใหญ่แล้ว )

 

โดย: grappa 27 ธันวาคม 2548 11:58:54 น.  

 

รศ.ดร. คุณหญิง merveillesxx

กรี๊ด พี่แมดเดอลีน ฮามากเลยครับ

ป.ล. ธรรมศาสตร์นี้ชอบสอบตอนใกล้ปีใหม่น่ะ จำได้ว่าเคยไปสอบ TU-GET วันที่ 30 ธันวาคม

ไม่จัด 31 พร้อมเลี้ยงปีใหม่คนสอบด้วยเลยล่ะ

 

โดย: I will see U in the next life. 27 ธันวาคม 2548 19:39:21 น.  

 

เมื่อวันจันทร์สอบวิชา General Knowledge of Film ไปครับ สอบมา 4 ตัวก็เพิ่งจะมีตัวนี้แหละที่มั่นใจหน่อย (วิชานอกคณะอีกแล้ว)

ชอบข้อสอบข้อหนึ่งที่ถามว่า

"ให้เลือกภาพยนตร์มา 1 เรื่อง แล้วโปรดระบุว่า หนังเรื่องดังกล่าว มี หรือ ไม่มี ความเป็น 'งานศิลปะ' "

ผมก็เลยเลือกหนังเรื่อง YES ของแซลลี่ พ็อตเตอร์ไป (เล่นของสูง ฮ่าๆ)

------------------------------------

สิ่งที่ชอบเวลาถามเกี่ยวกับอัลบั้มยอดเยี่ยมของแต่ละคนก็คือ มันทำให้รู้ว่าตัวเองพลาดอะไรดีๆ ไปบ้าง และจะได้ไปตามเก็บได้

--------------------------------------

ตอบ พี่แมดเดอลีน

ฉาก "พระเจ้าร้องโอเปร่า+งิ้ว" (Freak Orlando) กับฉาก "สาว สาว สาว สุดเฮี้ยน" (Dorian Gray) น่าได้รางวัล BEST SCENE OF THE YEAR จาก mer's AWARDS ไปโดยไม่ต้องลุ้นเลยครับ

ไม่อยากเป็น "คุณหญิง" เลยครับ เพราะสังเกตว่าตั้งแต่ คุณหมอพรทิพย์ ได้เป็นคุณหญิง ชีวิตเธอก็เจอแต่เรื่องซวยๆ ตลอด

-----------------------------------

ตอบ คุณ it ซียู

ยังไม่ได้ฟังชุดสองของ Fischerspooner เลยครับ แต่เคยได้ดูเอ็มวีเปิดตัวแล้ว ชอบมากครับ เท่สุดๆ

ชอบวงนี้นะครับ แต่ไม่ได้ชอบในระดับสุดๆ รู้สึกว่าเพลงของวงนี้เฉี่ยวดี แต่มันเป็นอารมณ์ประมาณ "พูดไม่ได้เต็มปาก เต้นไม่ได้เต็มตีน" อะไรประมาณนี้แหละครับ

 

โดย: merveillesxx 28 ธันวาคม 2548 1:51:48 น.  

 

ตอบ คุณ BAYROCKU

-- ชอบข้อสังเกตเกี่ยวกับ "เพลงที่สอง" ในอัลบั้มของ มาดอนน่า มากๆเลยครับ

เพลง Impressive Instant เป็นเพลงของมาดอนน่าที่ชอบมากที่สุดอยู่ในระดับ TOP5 ครับ ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกว่า "I'm in a trance" ตามเพลงจริงๆ

ชอบเนื้อเพลงของมาดอนน่าที่ว่าถึงแม้เนื้อเพลงของเธอจะสามารถตีความได้หลายทาง แต่เธอก็จะใช้ภาษาง่ายๆ สื่อสารกับคนฟัง ไม่เหมือน Manic Street Preacher ที่อยู่ดีๆ ชอบเอาใคร หรือประวัติศาสตร์ประเทศชาติอะไรก็ไม่รู้มาใส่ในเพลง

รู้สึกเหมือนกันว่า Isaac เป็นเพลงที่ค่อนข้างโดดจากอัลบั้ม และดู "โชว์เหนือ" มากไปหน่อย แต่ก็ชอบไอเดียในเพลงนี้มากๆ


-- อัลบั้ม Bjork ชุดใหม่นี่ รุ่นน้องคนหนึ่งพูดได้ถูกใจผมมากๆ ว่า "อัลบั้มนี้มันไม่ได้ทำให้คนฟังแล้วพี่"

ณ วันนี้ยังคงรู้สึกนับถือความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานของ Bjork อยู่ แต่ก็รู้สึก "ผูกพัน" กับเธอน้อยลงทุกวัน (ชอบอัลบั้ม Homogenic มากที่สุด)


-- แนวเพลงของ Fiona Apple นี่คงไม่ใช่แนวที่ผมชอบเท่าไร จะชอบเพลงของเธอเป็นเพลงๆ ไปมากกว่า (ชอบที่สุดคือ Across the Universe) ส่วน Rachael Yamagata ไม่เคยฟังเลยครับ แต่ชอบ Rachel McAdams และไม่ค่อยชอบหน้า Rachel Weiz (เอ๊ะ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)


-- รู้สึกว่า Royksopp เปลี่ยนแนวดนตรีไปค่อนข้างมากเลยครับ (ดูจากหน้าปกก็เดาได้แล้ว) ชอบ Melody A.M. มากกว่าเหมือนกัน คิดว่าเป็นอัลบั้มที่เหมาะกับการนั่งฟังในห้องเงียบๆ คนเดียวตอนตะวันตกดินมากๆ (เคยลองทำมาแล้วด้วย อิอิ)

ส่วน Daftpunk ผมไม่ค่อยชอบวงนี้เท่าไร แต่เคยซื้อซีดี ALIVE 1997 มา รู้สึกว่าเป็นการเล่นสดที่สนุกดีครับ

 

โดย: merveillesxx 28 ธันวาคม 2548 2:04:16 น.  

 

ตอบ คุณ nanoguy

เพลง "รักนะแต่ไม่แสดงออก" ชอบทั้งตัวเพลง และเอ็มวีเลยครับ นานๆจะมีเพลงของ Girly Berry ที่จะเอาไปร้องคาราโอเกะได้โดยผ่านพ้นไปด้วยดี

(เคยเลือกเพลง "ตุ๊มต่อม" มาร้องเกะ ปรากฏว่าล่มภายใน 15 วินาที)

ส่วนเอ็มวีตัวล่า "เรียกแฟนได้ไม่เต็มปาก" ก็ชอบเหมือนกัน เพราะ กิ๊บซี่ ได้เป็นนางเอก แถมนางเอกเอ็มวีอีกคนก็เป็นเพื่อนที่คณะด้วย (ดังใหญ่แล้วเพื่อนเรา)

----------------------------------

ตอบ คุณ ShadowServant

ไม่ค่อยได้ฟังเพลงของ David Bowie เท่าไรเลยครับ แต่คิดว่าเขาเป้นศิลปินที่มี LOOK ดูดี และดูอมตะมากๆ

ซื้อ DVD คอนเสิร์ตอันล่าสุดของแกมา ยังไม่ได้ดูเลย

ชอบเพลง Starman ของ David Bowie มากๆ

-----------------------------------

ตอบ พี่ grappa

ปีนี้ได้อ่านหนังสือน้อยมากเลยอ่ะครับ ก็เลยจัดอันดับไม่ได้

ขอบคุณมากๆ นะครับที่บอกเรื่อง Brett Anderson

------------------------------------

ตอบ พี่ I will see U in the next life.

ยังไม่เคยสอบ TU-GET เลยง่ะ แต่ได้ยินว่ายากใช่มะ

สอบช่วงปีใหม่นี่ชินแล้ว เพราะมันเป้นทุกปีแหละ แต่ปีนี้แย่เพราะมีสอบหลังปีใหม่ด้วย

-------------------------------------

รายการต่อไป...

วันพฤหัสสอบ Economics of Industrialization หลังจากก็เหลือสอบหลังปีใหม่อีก 2 ตัว (เศร้าหลาย)

สอบตัววันพฤหัสเสร็จก็ฉลองด้วยการไปดู NARNIA

 

โดย: merveillesxx 28 ธันวาคม 2548 2:13:42 น.  

 

ง่า...ปีใหม่แล้วยังต้องสอบอีก
ชวนให้เซ็ง จริง ๆ แหละ
ถึงมอ ผมจะสอบเสร็จแล้ว
แต่งานยังคั่งค้างอีกโข
อยากไปดู Narnia เหมือนกันครับ
เคยอ่านหนังสือ ถึงแต่เล่มสามเอง

(จริง ๆ ที่หนังเรื่องนี้เอามาทำเป็นเล่มสอง-เรียงจากลำดับเหตุการณ์)
ไม่รู้ว่าเค้าจะทำ Magician's Nephew ที่เป็นภาคแรกหรือเปล่า

เพลง Starman เพราะดีครับ อยู่ในอัลบั้ม Ziggy Stardust ถ้าเป็นอัลบั้มนี้ล่ะก็ ผมชอบแทบทุกเพลงเลยล่ะ

 

โดย: ShadowServant (ShadowServant ) 28 ธันวาคม 2548 3:18:54 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าครับ

Fiona Apple คงไม่ใช่แนวคุณหญิง merveillesxx
อืม สงสัยจะเป็นอย่างนั้นมั้งครับ ขนาดเพลงที่ชอบที่สุดของ Fiona ยังเป็น Across the Universe ซึ่งเป็นเพลงของคนอื่นเลย 55

ราเชล ยามากาตะนี่ติดท็อปเทนของผมแน่ๆ ส่วนจะอยู่ในอันดับอะไรและเพลงของเธอจะเพราะขนาดไหน เดี๋ยวไว้ว่างๆ จะจัดอันดับในบล็อคตัวเองบ้างครับ อย่าลืมเข้าไปฟัง (โฆษณาหาพวกสุดๆ 55)

ราเชลอีกคนที่ผมชอบคือ ราเชล สตีเวนส์ครับ สาวน้อยอดีตวง S Club 7 น่ะ ไม่ชอบเพลงแต่ชอบหน้า

อยากดูนาร์เนียใจจะขาด!

 

โดย: BAYROCKU 28 ธันวาคม 2548 8:58:00 น.  

 

เห็นไหม ต่อในที่สุด แกก็มีเพื่อน ที่หลงไปกับเสียงป้าโลมาของป้าบียอร์ค นอกจากพี่เต้ 5555

อยากดู March of the Penguin ใจจะขาด แต่ตอนนี้อยู่บ้านนอกแล้ว คงอด (ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็เข้ากรุง ค่อยไปดูก็ได้)

คนแถวบ้านถาม "พี่ดอง ๆ หนังที่พี่อยากดูอ่ะ มันมีแต่นกเพนกวิน มันจะสนุกหรอ หนูว่าพี่ดูแบทแมนภาคสองน่าจะสนุกกว่าน่ะ"

อะค่ะคุณน้อง

 

โดย: ผศ. (ผัวนักศึกษา) ดร. (I will see U in the next life. ) 28 ธันวาคม 2548 18:31:27 น.  

 

- Goose - วงห่า(น) นี้ สุดยอดจริงๆค่ะ ส่วนตัวชอบเพลง เปลือก
- Hood
- March of the Penguin

เริ่มนึกไม่ออก เพราะกว่าจะได้โพส ก็ลืมหมดแระ

- -*

 

โดย: Dr.DreK IP: 58.10.195.68 29 ธันวาคม 2548 5:20:58 น.  

 




 

โดย: มาริอา 29 ธันวาคม 2548 16:10:33 น.  

 

ศิลปินคนโปรดตลอดกาลของเราคือ Lisa Loeb อะค่า

 

โดย: foneko (fonkoon ) 29 ธันวาคม 2548 18:54:35 น.  

 

ได้แผ่น มาดอนน่า มาแล้ว

สุดยอดจริงๆล่ะ เจ๊แก ทั้งอัลบั้มทำได้ไง ฟังแล้วลุกขึ้นมาแดนซ์ไปกับเจ๊จริงๆ

เพิ่งไปดู march of penguin (The emperor's Journey) มา น่ารักดี แล้วก็ทึ่งกับคนทำ สมกับที่อ่านใน Bioscope ว่าต้องเตรียมการและใช้เวลาแค่ไหน เพลงประกอบน่ารักดีด้วย ดูแล้วทึ่งกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติน่ะ เหมือนตอกย้ำว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่มนุษย์จริงๆ (คือ รู้อยู่แล้ว แต่หมายถึงว่า เมื่อก่อนเราอาจมองสิ่งมีชีวิตอื่นแค่สัตว์ แต่จริงๆแล้ว สิ่งมีชีวิตต่างๆ ก็มีวิถีการดำรงชีวิตของตัวเอง) น่าเสียดายที่โรงลิโด จอไม่ค่อยคมชัดเท่าไร ถ้าดูด้วยภาพแบบดิจิตอล หรือรอแผ่นดีวีดี ภาพน่าจะคมชัด เห็นฟ้าตัดกับหิมะขาวตัดกับกลุ่มนกเพนกวินดำ-ขาว รวมถึงท้องน้ำสีฟ้า
อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าชมควรไม่เหนื่อยจนเกินไป เพราะตัวเรานั้นก่อนเข้าชม เดินจากวัดหัวลำโพงมาที่สยาม แล้วก็กิน KFC ก่อนเข้าดู ทั้งเหนื่อยทั้งอิ่ม พอหนังมีช่วงที่ช้าลงบ้าง ก็แอบเผลอสัปหงกไปเหมือนกัน แต่ก็รีบปลุกตัวเองขึ้นมา
แต่อย่างที่บอกล่ะ นับถือคนสร้างจริงๆ เพราะสามารถสร้างสารคดีให้เหมือนหนัง มีเรื่องราว เริ่มต้น จบ ความรัก ความตื่นเต้นให้ได้ลุ้น ความเศร้า ความน่ารัก เป็นต้น และดูจบแล้วรู้สึกถึงความมีอยู่จริงของสิ่งมีชีวิตรอบตัวเรา ไม่ใช่แค่นกเพนกวินน่ะ ถือว่าสมกับที่คนสร้างตั้งใจอยากให้คนดูรู้สึก

 

โดย: cottonbook 30 ธันวาคม 2548 7:49:45 น.  

 

น้องต่อ สวัสดีปีใหม่
ไปดู The emperor's Journey มาหรือยัง
พี่ชอบมากกกกกกกกกกก
ปีนี้เลยขอส่งความสุขด้วยเพนกวินตัวนี้ ขอให้ชีวิตเปล่งประกาย แบบนี้นะจ๊ะ (โดยเฉพาะเรื่องความรัก อิอิ)

 

โดย: grappa 30 ธันวาคม 2548 14:05:32 น.  

 

สอบเสร็จเสียทีสำหรับปีนี้ เหลือ 2 วิชาในปีหน้า สอบอีกที 4 ม.ค. เลย เพราะฉะนั้นปีใหม่ปีนี้อดเที่ยวแน่นอน...

----------------------------------------

หนังที่ได้ดูในช่วงนี้

1. The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe (A)

ชอบตัวหนังในระดับหนึ่ง จริงๆ เกือบชอบในระดับ A+ แล้ว แต่บางช่วงของหนังทำตัวเป็น "เด็กดี" เกินไปหน่อย พลังด้านมืดในตัวเองเลยเกิดความรู้สึก "ต่อต้าน"

สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือ Tilda Swinton (ผู้แสดงเป็น แม่มดขาว) นี่คือการแสดงที่ทรงพลังส่งท้ายปี รัศมีความชั่วร้ายของเธอแผ่ซ่านไปทั่วแผ่นฟิล์ม ท่าท่างการเคลื่อนไหวของเธอสุดสง่า ยามเธอเชิดหน้าเธอคือ "ราชินี" น้ำเสียงของเธอหลอกเราให้ตายใจ แต่เมื่อเธอ "คำราม" เราหวาดผวาแทบสิ้นสติ และดวงตาของเธอจะทำให้เรากลายเป็นหิน!

จริงๆ แล้วตัวเองไม่ค่อยได้ดูหนังที่ สวินตัน เล่นเท่าไรนัก (แต่ได้ยินกิตติศัพท์เธอมาเยอะมาก) แต่ดีใจกับเธอมากที่ได้บทนี้ไปครอง ผู้คนทั่วโลกจะได้รู้จัก (ความเฮี้ยนของ) เธอเสียที



2. March of the Penguins (A+++++++)

เตรียมผ้าเช็ดหน้ากันไปก่อนดูหนังเรื่องนี้ เพราะนี่คือหนังสารคดีที่มีอารมณ์ "ดราม่า" สุดๆ

โชคดีมากๆ ที่หนังเวอร์ชั่นที่เราได้ดูกันเป็นเวอร์ชันฝรั่งเศส ถ้าเป็นเวอร์ชันอเมริกา เสียงบรรยายจะเป้นเสียงนุ่มทุ้มลึกของ มอร์แกน ฟรีแมน แต่ในฉบับฝรั่งเศสเสียงบรรยายจะเป็น เสียงผู้ชาย-ผู้หญิง ซึ่งเป็นตัวแทนของเพนวินตัวผู้ และตัวเมีย (คิดได้ยังไงคะเนี่ยยยยยยยยยยยย)

นอกจากบทบรรยายที่ "กวี" สุดๆ แล้ว อีกสิ่งที่โดดเด่นมากในหนังก็คือ "เพลงประกอบ" ที่สุดยอดมาก มันช่วยทั้งเล่าเรื่อง ถ่ายทอดอารมณ์ และทำให้เราหลั่งน้ำตา อย่า...อย่าเพิ่งคิดว่ามันคือเพลงออเครสตร้าที่โหมประโคมจนลำโพงโรงหนังแทบแตก แต่มันคือเพลงอิเล็กทรอนิกจ้ะ!

ฉากที่น่าจดจำมาก คือ ฉากเลิฟซีนของเพนกวิน ที่คือการหล่อหลอมของเพลงและภาพที่ยิ่งใหญ่พอๆ กับ ฉากเลิฟซีนของหอยทาก กับเพลง Happiness is ในคอนเสิร์ต Pru-Dog ของโมเดิร์นด็อก

ความหนาวเย็นในบางช่วงของหนังทำให้เราสงสารเจ้าเพนกวินอย่างจับใจ แต่ทันใดนั้นความคิดที่แวบขึ้นมาก็ทำให้คนดูต้องสะดุ้งเก้าอี้สะเทือนเมื่อประโยคคำถามขึ้นมาว่าสมองว่า "อ้าวเฮ้ย แล้วคนถ่ายมันทนได้ไงวะเนี่ย"

ดังนั้นถ้า March of the Penguins ได้ขึ้นไปผงาดบนเวทีออสการ์ตามที่หลายคนกะเก็งไว้ผมก็คงจะดีใจมาก เพราะนอกจากสารคดีเรื่องนี้ทำให้ผมทึ่งในความพยายามของมนุษย์ในฐานะ "คนทำหนัง" แล้ว มันยังทำให้ผมรู้สึกรักครอบครัว และเห็นคุณค่าของ "การกำเนิดของชีวิต" อันที่เป็นสิ่งที่ผมต่อต้านมันมาตลอด



3. Duck Season (A+)

ความน่าปิติยินดีอย่างหนึ่งในปีนี้ของผมอย่างหนึ่งก็คือ การเลือกหนังสุดท้ายของปีให้กับตัวเอง เป็นการเลือกที่ "ถูก"

ฉากหน้าของ Duck Season อาจจะดูเป็นหนังพล็อตประหลาดรุ่มรวยอารมณ์ขันเรื่องหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าความเหงาอ้อยอิ่ง ชีวิตที่ไร้จุดหมาย สังคมอันแปลกแตกต่างหากคือ อารมณ์ที่แท้จริงของหนัง และการใช้ถ่ายหนังด้วยภาพขาวดำก็คือสิ่งขับเน้นอารมณ์เหล่านั้นได้อย่างดี

ยิ่งไปกว่านั้นช่วงท้ายของหนังอารมณ์เศร้าสะเทือนใจก็ปรากฏขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว Duck Season คือหนังที่บอกกับเราได้อย่างชัดเจนที่สุดว่า วันหนึ่งวันนั้นยาวนาน แต่จริงๆ มันแสนสั้น ...วันหนึ่งวันมันดูไร้ค่า แต่มันก็อาจมีความหมายที่สุดในชีวิตบางคน

อย่างไรก็ดี สารสุดท้ายที่หนังต้องการจะบอกกับเราน่าจะเป็นเรื่องทีว่า วันหนึ่งวันที่ดูธรรมดานั้นก็อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้เช่นกัน ดั่งเช่นตัวละครทั้ง 4 ในหนัง ที่หลังจากจบสิ้นวันอาทิตย์วันนี้ไปพวกเขาก็จะข้ามสู่ "ฤดูกาล" ใหม่ และผมเชื่อเหลือเกินว่าหนังได้ให้ความหวังกับตัวละครที่มีสิทธิให้อิสระแก่ชีวิตตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับการกำหนดทางเดินของชีวิตได้

วันเวลารุ่งขึ้นของพวกเขาก็คงเหมือน ฤดูกาลอพยพของเป็ดที่ได้เวลาโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เหมือนกับภาพเขียนที่หนังใช้เป็นสัญลักษณ์หลักของเรื่องนี้นั่นเอง

นี่คือหนังที่น่าประทับใจมาก ถ้าว่างๆก็ไปดูกันนะครับ (หนังฉายที่โรงหนัง house RCA แห่งเดียวจ้ะ)

 

โดย: merveillesxx 30 ธันวาคม 2548 21:30:14 น.  

 

ชอบ MARCH OF THE PENGUINS ในระดับ A+ เหมือนกัน

ฉากที่ชอบสุดๆรวมถึง

1.ฉากเพนกวินตัวเมียตบตีกันอย่างรุนแรงเพื่อแย่งผู้ชาย

2.ฉากเพนกวินตัวเมียมีอาการวิกลจริตหลังจากลูกเสียชีวิต

เพนกวินเป็นสัตว์ที่น่ารักมากๆ และสิ่งที่ทำให้เพนกวินน่ารักขึ้นไปอีกก็คือว่า มีการพบเพนกวินเลสเบียนกับเพนกวินเกย์อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาตามสวนสัตว์แห่งต่างๆด้วย โดยเพนกวินเกย์บางคู่อยู่กินกันนานถึง 8 ปี

มีเพนกวินเลสเบียนแต่งงานอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาที่สวนสัตว์เมืองแอนท์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ส่วนเพนกวินเกย์ที่แต่งงานอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยานั้นสามารถพบได้ที่สวนสัตว์ในสหรัฐ, สวีเดน, เยอรมนี และญี่ปุ่น

มีคู่รักเกย์เพนกวินที่โด่งดังมากๆอยู่ที่สวนสัตว์เซ็นทรัล ปาร์ค ชื่อว่า “รอย” กับ “ไซโล” ส่วนที่นิวยอร์ค อควาเรียมก็มีคู่รักเกย์เพนกวินชื่อดังอยู่ด้วยเหมือนกัน คู่นี้มีชื่อว่า WENDELL กับ CASS ในขณะที่สวนสัตว์เอดินเบอระห์ในสก็อตแลนด์ก็มีคู่รักเกย์เพนกวินชื่อ ERIC กับ DORA

ในสวนสัตว์เซ็นทรัล ปาร์คมีคู่รักเลสเบียน-เกย์เพนกวิน 6 คู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้รอยกับไซโลแยกทางกันแล้ว หลังจากใช้ชีวิตสมรสอยู่ร่วมกันมานาน 6 ปี โดยไซโลไปแต่งงานกับเพนกวินตัวเมียตัวหนึ่ง ส่วนรอยใช้เวลาไปกับการนั่งอยู่ตัวเดียวตามลำพังที่ริมขอบสถานที่อยู่ และจ้องกำแพงไปเรื่อยๆ

ที่สวนสัตว์ในเยอรมนีก็มีการพบเกย์เพนกวินอยู่กินกันหลายคู่เหมือนกัน ทางสวนสัตว์ก็เลยพยายามส่งตัวเมียเข้าไปยั่วยวนเพื่อให้คู่รักเกย์เพนกวินแยกทางกัน แต่ปรากฏว่าคู่รักเกย์เพนกวินแทบไม่เหลือบชำเลืองสายตามองตัวเมียเลย

--ข่าวเกี่ยวกับเพนกวินเลสเบียน อ่านได้ที่
//www.brusselsjournal.com/node/483

The Antwerp Zoo claims to have the world’s first lesbian penguin couple. The two female birds are rockhopper penguins (Eudyptes chrysocome). Zoos in America, Sweden and Germany are also reported to have male homosexual couples that build a nest together, but Antwerp has the only female couple to do so. The birds have been adopted by Casa Rosa, a gay organisation.


--ข่าวเกี่ยวกับเพนกวินเกย์ อ่านได้ที่
//www.gay.com/news/article.html?2002/02/22/2

Aquarium discovers two 'gay' penguins
Beth Shapiro, 365Gay.com
published Friday, February 22, 2002

Wendell and Cass would be more comfortable in a Greenwich Village one bedroom apartment than their current home at the New York Aquarium.

The male penguins, each about 14 years old, can't get enough of each other. The couple has been together for the past eight years, and the two have sex with each other whenever they can, which is often.

Presumably penguins can tell the guys from the gals, but aquarium officials apparently can't. For years they thought the pair was one of each. The truth didn't come out until aquarium staff carried out a blood test.

Angie Pelekedis, a spokeswoman for the aquarium on Coney Island, said: "They're one of the most dedicated couples in the penguin enclosure."

Penguin keeper Stephanie Mitchell added: "I was only seeing one mate with the other, but then one of the other keepers saw it happen the other way round so we did a blood test that proved they were both male.

"Cass tends to be a rather aggressive bird. Wendell is very nervous; always has been. He's on edge all the time. They're currently in a dispute with another couple over their nest. It seems to be one of the most desirable places in the penguin enclosure."


--ข่าวเกี่ยวกับการแยกทางกันของรอยกับไซโล อ่านได้ที่
//www.foxnews.com/story/0,2933,169653,00.html

On Thursday, Roy, all alone, sat disconsolately at the edge of the penguin area, staring at the wall.


--ข่าวเกี่ยวกับคู่รักเกย์เพนกวินที่เยอรมนี อ่านได้ที่
//www.guardian.co.uk/germany/article/0,2763,1414804,00.html

Ms Kuck defended her decision to bring in the females, which, she said, had had little success in "turning" the males.

"The central question is, are our penguins really gay or is it simply a lack of opportunity?" she told Der Spiegel. "So far the males have scarcely thrown the females a single glance. The men have had the opportunity but haven't done it.

"If the penguins really are gay then obviously they can stay gay."

Scientists have found numerous examples of same-sex behaviour in emus, dolphins and pigs, while same-sex couples in other penguin species are also well documented. They include Eric and Dora, two King penguins who live together in Edinburgh Zoo.

 

โดย: M.Scudery Worships Khavn de la Cruz IP: 210.86.146.110 31 ธันวาคม 2548 0:24:13 น.  

 


 

โดย: p_tham 31 ธันวาคม 2548 8:02:16 น.  

 

ขอแทรกการวิจารณ์อันดุเดือดหน่อยนะคร๊าบ ;)

 

โดย: BAYROCKU 31 ธันวาคม 2548 9:02:36 น.  

 

ครั้งแรกที่ได้เข้ามาเมนต์นี่แหละนะ
(ล่ะมั้ง)
เราไม่ได้บลอคอยู่ที่นี่ อ่านมานานล่ะ
สิ้นปีแล้ว เผยตัวสักที

ปีนี้ไม่ได้ซื้อ cd อะไรมากมาย แต่ก็กลับมาซื้อ
หลังจากที่ไม่ได้ซื้อ cd มาเลยในช่วง3ปีที่ผ่านมา
เสียใจอยู่เหมือนกัน เพราะหันไปโหลดเสียมากกว่า
เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นคนฟังเพลงได้หลากหลายขนาดนี้

ซื้อ cd เยอะจังเลย ในรอบปี ซึ่งเราซื้อในรอบปี ไม่เกิน10แผ่นโดยประมาณ
ว่างๆไปนั่งจัดอันดับ อัลบั้มที่ชอบมั่งดีกว่า
ท่าทางน่าสนุก5555555

 

โดย: Fuya IP: 203.151.140.118 31 ธันวาคม 2548 14:01:08 น.  

 

ชอบ นาเนีย เหมือนกันนะ
ดูเสร็จ รีบไปซื้อหนังสือมาอ่าน
(กำลังจะอ่าน จริงๆ ไม่ค่อยชอบวรรณกรรมเยาวชนเท่าไร
แต่เรื่องนี้น่าจะยกเว้น )

ชอบบท แม่มดขาว ของ Tilda Swinton เหมือนกัน
ยิ่งมารู้ว่า ว่าแม่มดขาว นี่คือ ลูกของ Lilith เมียคนแรกของ อดัม ยิ่งกรี๊ด พระคัมภีร์เดิม ของชาวยิวบอกว่า Lilith ถูกขับออกจากสวนอีเดน เพราะไม่ยอมรับใช้อาดัม พอรู้อันนี้ เลยยิ่งชอบบทแม่มดขาวเข้าไปใหญ่

Lilith เป็นเหมือนควีนของ Dark Side เป็นเทพีแห่งความปลดปล่อยของผู้หญิง Lilith Fair เคยเป็นชื่ออัลบัมดนตรีร็อคของผู้หญิงที่ลือลั่นมาแล้ว

ชอบบทแม่มดขาว ในเรื่องจริง ๆ โดยเฉพาะฉากที่ต้องสบตากับอัสลาน มีคนเปรียบเปรยว่าอัสลานคือ พระเยซู ด้วย (เสียสละ แล้วฟื้นคืนชีพมาใหม่ ) ดูเป็นตัวละครที่ตัดกันฉึบฉับดี (แน่นอนว่าเราต้องเชียร์ควีนออฟดาร์คไซด์อยู่แล้นน)

ชอบอีกหลายฉาก ชอบ ตัวบีเวอร์ ที่เจอกับปีเตอร์ตอนแรก แล้วปีเตอร์ทำท่าจะยื่นมือให้ดม บีเวอร์ตอบสะบัดๆ ว่า "ชั้นไม่ดมมือเธอหรอก" (จริงๆ มนุษย์อาจจะมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับสัตว์อยู่มาก )

ชอบคุณธัมนัส ที่ถือกล่องของขวัญกางร่มเดินท่ามกลางหิมะตก

ชอบแม่หนูลูซี่ ที่ร้องไห้ในสิ่งที่ควรร้องไห้ จริงจังกับความรู้สึกของตัวเองมากกว่าผู้ใหญ่บางคน

ป.ล.sms ปีใหม่เท่ห์ดีนะ ไว้คิดอะไรเก๋ๆ ได้จะตอบกลับเน้อ

อ้อๆ ข้อมูลเรื่องเพนกวินเกย์ และเพนกวินเลสเบียน ของคุณแมดเดอลีน ก็น่ารักดี ชอบจัง

 

โดย: grappa 31 ธันวาคม 2548 20:14:56 น.  

 


พรปีใหม่ จากสมเด็จพระญาณสังวรฯ ๒๕๔๙

เจริญพรสาธุชนทั้งหลาย ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2549 นี้ นับเป็นปีมหามงคลอีกปีหนึ่ง เพราะเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ถ้วน 60 ปี

จึงใคร่ขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยพร้อมใจกันถวายพระพรชัยมงคล
ขอจงทรงพระเจริญยั่งยืนนาน

ขอให้ทุกคนสำรวจตนเองว่า ในรอบปีที่ผ่านมา มีอะไรบกพร่อง จะปรับปรุงแก้ไขตนเองอย่างไร วันเวลามีค่า มีความหมาย ก็เพราะเราใช้ทำสิ่งที่มีคุณค่า ประกอบด้วยธรรม มีความหมายต่อชีวิต

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจบุญกุศล
อำนวยให้ท่านทั้งหลาย เจริญสิริสวัสดิพิพัฒมงคล ตลอดไปทั่วกัน ขออำนวยพร

 

โดย: ป่ามืด 31 ธันวาคม 2548 22:04:36 น.  

 

... สวัสดีปีใหม่ครับ

ขอให้มีความสุขกับการได้ดูหนังดีๆ มีหนังที่ชอบมากขึ้นไปอีก มีเพลงที่ประทับใจมาเล่าให้ฟัง และเขียนบทความดีๆไปอีกตลอดปี ทำข้อสอบได้ A มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีความสุขมากๆครับ

 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 1 มกราคม 2549 1:56:06 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ครับ

 

โดย: Nighty (Meroko ) 1 มกราคม 2549 9:10:53 น.  

 

 

โดย: เมื่อไหร่จะมีชื่อที่ใครพอใจ 1 มกราคม 2549 22:22:55 น.  

 

ไม่เคยผิดหวังกะการอ่านบล็อกพี่เลยนะ

ชอบค่ะ ชอบ


 

โดย: +KikKle+ 2 มกราคม 2549 0:55:04 น.  

 

เพิ่งเข้าเป็นครั้งแรกดีใจจังที่เจอwebที่ชอบอีกหนึ่งwebก็เหมือนได้แหล่งความสุขเพิ่มอีกหนึ่งแหล่งนั่นแหละ
(ประทับใจ) เพราะเราไม่ค่อยมีเพื่อนที่ชอบเหมือนกันเท่าไหร่ แต่พอเข้ามาในนี้แล้วได้เจอคนชอบแนวเดียวกันก็ดีใจแล้ว ถ้าว่างเมื่อไหร่แล้วจะเข้ามาอีก แต่ตอนนี้ฟัง
Duncan Sheik -White Limousine
Lovehammers - Trees
Lifehouse - Blind

 

โดย: en-oz IP: 61.91.166.158 30 มกราคม 2549 23:42:45 น.  

 

สุดยอดของผมไม่ว่าจะเป็น Concert หรืออะไรก็ตาม ผมยกให้ Dream Theater ง๊าบ สุดยอดดดดด

 

โดย: waspy IP: 58.9.13.114 28 พฤษภาคม 2549 17:54:08 น.  

 

I savor, result in I discovered exactly what I was taking a look for. You have ended my 4 day long hunt! God Bless you man. Have a nice day. Bye
Cheap Snapback Hats //www.jcobfreight.com/raterequest.asp

 

โดย: Cheap Snapback Hats IP: 94.23.252.21 2 สิงหาคม 2557 6:47:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.