A Snake of June วงกลมพิศวงในหน้าฝนสีน้ำเงิน
โดย merveillesxx
ตีพิมพ์ ในนิตยสาร BIOSCOPE ฉบับที่ 44 (กรกฎาคม 2548 - หน้าปก Lindsay Lohan)
(หมายเหตุ - บทความนี้เปิดเผยส่วนสำคัญของภาพยนตร์)
เป็นเรื่องน่าบังเอิญกึ่งจงใจที่หนังเรื่อง A Snake of June ของชินยะ ทสึกาโมโต้เข้าฉายในบ้านเราในเดือน มิถุนายน ตามชื่อของหนัง แถมมันยังตรงกับฤดูฝนที่แสนจะเข้ากับหนังเรื่องนี้ที่ตลอดเรื่องสายฝนสาดเทลงไม่หยุดหย่อน
ต่างกันที่ว่าในขณะที่หนังฮิตถล่มทลายอย่าง Be With You (ซึ่งเป็นหนังสัญชาติปลาดิบเหมือนกัน) เป็นฤดูฝนใสบริสุทธิ์ที่นำมาซึ่งปาฏิหาริย์ แต่ฝนสีน้ำเงินในหนังอย่าง A Snake of June นั้น มันคือความลึกลับ ความท้าทาย และความน่าลิ้มลอง
มีหลายคนที่เข้าไปดูหนังเรื่องนี้แล้วอาจจะรู้สึกมึนงงกับตัวหนังอยู่เอาการ (แน่นอนผมเองก็ไม่ชัดแจ้งในบางจุด) เท่าที่ผมพิจารณาดูแล้ว หนังเรื่องนี้มีรูปแบบของเล่าเรื่อง (Narrative) ที่ชวนสับสนอยู่เหมือนกัน (โดยเฉพาะตอนท้ายเรื่อง) อันเป็นเหตุให้ผู้ชมเข้าไม่ถึงสารที่หนังต้องการจะสื่ออย่างเพียงพอ แต่ผมพบว่า ตัวช่วย ที่จะเป็นหนทางเข้าสู่หนังเรื่องนี้ได้อย่างดีก็คือ สัญลักษณ์ (Symbol)
และนี่คือสิ่งที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้
งูเอ๋ย เจ้าอยู่ไหน? น่าแปลกดีที่ชื่อหนังเรื่องนี้มีคำว่า งู อยู่แท้ๆ แต่เรากลับไม่เห็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้สักตัวในหนัง
ทสึกาโมโต้เคยให้สัมภาษณ์ว่า งูในที่นี้เป็นตัวแทนของอารมณ์ทางเพศของหญิงสาวที่ถูกปลุกปั่นขึ้นมาในช่วงฤดูฝน สภาพแวดล้อมชุ่มช่ำในช่วงนั้นจะทำให้ความรู้สึกภายในกายของเธอเหมือนกับเวลาที่งูเลื้อย (?) โอ คุณผู้หญิงครับ เวลาถึงหน้าฝนแล้วพวกคุณรู้สึกกันแบบนี้จริงๆหรือเปล่า ช่วยบอกผมทีครับ
อย่างไรก็ตาม ในหนังเรื่องนี้ก็มี งู อยู่สองตัว 1. งูเทียม = ไวเบรเตอร์ เจ้างูตัวนี้เราแทบจะไม่เห็นมันเลย แต่มันก็มีบทบาทน่าดูชมเชียวล่ะ ไวเบรเตอร์คือสิ่งที่ชายถ้ำมอง (ชินยะ ทสึกาโมโต้ รับบทนี้เอง) ใช้สื่อสารกับรินโกะ (อาซูกะ คุโรซาว่า นางเอกของเรื่อง) มันทำให้เธออับอาย ทำให้เธอร้องไห้ แต่ในที่สุดมันก็ทำให้เธอค้นพบความต้องการที่แท้จริง
นี่หรือเปล่ารูปธรรมของความรู้สึกที่มี งูเลื้อย อยู่ในตัวอย่างที่ทสึกาโมโต้ว่าไว้
2. งูยักษ์ = งวงเหล็ก (?) ของชายถ้ำมอง ใครๆ ก็ต้องงงเป็นไก่ตาแตกที่อยู่ดีๆ ฉากที่ชายถ้ำมองชูชันงวงเหล็ก (ที่ตำแหน่งของมันก็เหมือนจะบอกเราว่ามันคือ กระจู๋ยักษ์!) ของเขาขึ้นมาต่อหน้าชิเกะฮิโกะ (ยูจิ โคตาริ สามีของนางเอก) เหตุผลของฉากนี้นอกจากเรื่องความเพี้ยนตามสไตล์ของทสึกาโมโต้แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการเปรียบเปรยกับข้อหนึ่งที่ว่าไปในข้างต้น เพราะในขณะที่เขาสื่อสารกับรินโกะ (= ผู้หญิง) ด้วยไวเบรเตอร์ แต่กับชิเกะฮิโกะ (= ผู้ชาย) เขาใช้งวงเหล็กมหึมา! ที่ทั้งรัดคอ ฟาดหน้าจนปางตาย
แม้ทั้งสองอย่างจะเป็นจะเป็น งูประดิษฐ์ เหมือนกัน แต่ดูเหมือนวัตถุประสงค์การใช้จะต่างกันฟ้ากับเหวเลยล่ะ เพราะอันแรกมันใช้ความสุข แต่อันหลังมันให้ความเจ็บปวด (ไอ้งูอย่างแรกนี่พอรู้ที่ขายนะ แต่ไอ้อย่างหลังนี่ไม่รู้หาซื้อที่ไหน) นอกจากนั้นสองฉากที่ว่ายังแสดงถึงการเลือกปฏิบัติต่อเพศชายและเพศหญิงของตัวละครชายถ้ำมองอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่า งูในทั้งสองข้อล้วนมีนัยยะทางเพศทั้งสิ้น และแท้จริงแล้วงูก็เป็นสัญลักษณ์สากล (Universal Symbol) ของ อวัยวะเพศชาย (ทุกคนคงรู้จักคำว่า งูตาเดียว นะครับ ใครไม่รู้ลองถามเพื่อนๆ ดูนะจ๊ะ) ดังนั้นแล้วงูในข้อหนึ่งและสองจึงเป็นการใช้ในลักษณะอุปมาอุปไม (metaphor)
แล้วทีนี้ งูในความหมายสากลอย่างอวัยวะเพศชายอยู่ที่ไหน เพราะตลอดทั้งเรื่องเราเห็นแต่เรือนร่างของฝ่ายหญิงเท่านั้น
งูตัวนี้ไม่ได้โผล่ออกมาให้เราเห็นหรอกครับ แต่มันซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ในตัวของชิเกะฮิโกะ นั่นก็คือ ฉากที่เขาแอบมองรินโกะเปลือยกายท่ามกลางสายฝน แล้วเขาก็ช่วยตัวเองไปพร้อมกัน! ใช่แล้วครับ งูตัวนี้กำลังจะ ตื่น แล้ว
วงกลมพิศวง ไม่ต้องใช้ความพยายามสังเกตให้มากมาย เราทุกคนต่างรู้สึกว่า หนังเรื่องนี้มีภาพหรือวัตถุที่เป็น วงกลม อยู่บ่อยครั้งเหลือเกิน มีตัวอย่างหนังคลาสสิกที่ใช้วงกลมเป็นสัญลักษณ์ก็คือ Psycho ของอัลเฟรด ฮิตช์ค็อก (ในฉากหญิงสาวถูกฆาตกรแทงตายในอ่างน้ำ มีวงกลมให้คุณนับเป็นสิบอันได้) อันแสดงถึง ภาวะที่ติดกับ ตกอยู่ในวังวน ของผู้หญิงที่ถูกฆ่า*(1) ดังนั้นคำถามของเราก็คือ วงกลมใน A Snake of June ต้องการสื่อถึงอะไร หรือพาเราไปสู่อะไร
การปรากฏตัวของวงกลมในหนังเรื่องนี้ มีลักษณะที่เรียกว่า Motif ชนิดที่เป็นปรากฏตัวถี่ๆ เป็นระยะ (Multiple) โดยหลักแล้วจุดมุ่งหมายของการใช้ Motif ก็คือ การนำเราไปสู่แก่น (Theme) ของหนัง
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ามีวงกลมอะไรบ้างในหนัง โดยผมขอแบ่งวงกลมในหนังออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้
1. กลุ่มแรก ท่ออ่างล้านจาน, ท่ออ่างอาบน้ำ, เพดานห้องอาบน้ำ, วงล้อในกรงหนู วงกลมนี้ในกลุ่มนี้ปรากฏขึ้นในช่วงแรกของหนัง (ผมคิดว่ามันมีมากกว่านี้ แต่นี่คือเท่าที่ผมจำได้ครับ) ลองสังเกตสิครับว่าทั้ง 4 ตัวอย่างนี้มีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่ง
หมดเวลาครับ คำตอบก็คือ ทั้งหมดล้วนมีลักษณะที่มี รูกลวงตรงกลาง นั่นเอง (เพดานห้องน้ำก็มีรู เพียงแต่เราเอากระจกไปกั้นไว้) เอ๊ะ วงกลมมีรูพวกนี้หมายถึงอะไรกันนะ
2. กลุ่มหลัง จานข้าว และ เอ่อ
ปทุมถันของนางเอก (!) ส่วนวงกลมกลุ่มนี้อยู่ในช่วงหลังของหนัง โดยมีลักษณะทึบตัน (ผมเลือกใช้คำได้ดีที่สุดแค่นี้แหละครับ แต่ผมตระหนักดีกว่าปทุมถันของคุณผู้หญิงไม่คู่ควรกับคำว่าทึบตันเอาเสียเลย) ไม่มีรูกลวงตรงกลาง
วงกลมอีกชิดหนึ่งที่มีในหนัง และช่วยแบ่งเรื่องเป็น 3 องค์ก็คือ 1. สัญลักษณ์เพศหญิง 2. สัญลักษณ์เพศชาย 3. สัญลักษณ์เพศชาย+หญิง
เอาล่ะครับ จนถึงตรงนี้ผมจะให้โอกาสคนที่อ่านอยู่ไปนั่งนอนคิดต่อ หรือหาโอกาสไปดูหนังอีกสักรอบหนึ่งเพื่อหาคำตอบด้วยตัวเอง หลังจากบรรทัดนี้ไปผมจะลุยเฉลยแล้วนะครับ
โอเค
ถ้าคุณก้าวสายตามาถึงบรรทัดนี้แปลว่าคุณพร้อมจะลุยไปกับผมแล้ว
เรามาหาความหมายของสัญลักษณ์โดยอิงจากบริบทเรื่องราวในหนังกันดีกว่า จะเห็นว่าช่วงแรกของหนังความสัมพันธ์ของนางเอกกับสามีช่างห่างเหินกันเสียเหลือเกิน ตัวผัวนั้นแสนจะเย็นชา, เคร่งครัดเจ้าระเบียบ และรักความสะอาดจนถึงขนาดไม่ยอมแตะต้องเมียตัวเอง ส่วนฝ่ายเมียนั้นก็ได้แต่เก็บงำความรู้สึก ความต้องการของตัวเองไว้ในใจ
เช่นนั้นแล้ว วงกลมรูกลวงในช่วงแรกของหนัง ก็เหมือนความสัมพันธ์ของสองผัวเมียที่มี ช่องว่างขนาดมหึมา อยู่ตรงกลาง (ที่เห็นได้ชัดก็คือ ทั้งคู่แยกห้องกันนอน) ซ้ำร้ายในแต่ละฝ่ายก็ล้วนมี รูโหว่ในใจ ด้วยกันทั้งคู่ นั่นก็คือความบกพร่องเว้าแหว่งของทั้งฝ่ายชายและหญิง
ท่อน้ำในอ่างที่ปล่อยให้น้ำไหลผ่านไป ก็เหมือนกันความรู้สึกที่รินโกะถ่ายทอดให้ชิเกะฮิโกะที่มันไม่เคยไปถึงเขาได้เลย ต่อมาเมื่อเธอได้เจ้าหนูแฮมสเตอร์เป็นตัวทำให้จิตใจได้เบิกบาน เธอก็ต้องจำใจเอามันไปทิ้งเพราะสามีของเธอไม่ชอบ ฉากหนึ่งที่ทำให้ผมเศร้ามากๆ คือตอนที่เธอนั่งมองกรงหนู แล้วกล้องก็จับภาพไปยังหนูที่กำลังวิ่งในกงล้อ ช่องว่างกลางวงล้อนั้นคือการบอกว่าสุดท้ายแล้วหนูแฮมสเตอร์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอยึดเหนี่ยวไว้ได้ และวงล้อที่หมุนวิ่งก็หมายถึง ชีวิตของรินโกะที่กลับไปเป็น แบบเดิม อีกครั้ง
จุดตัดของหนังเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงฉากที่รินโกะเปลือยกายท่ามกลางสายฝน อันเป็นฉากที่ผมชอบมาก เพราะมันให้อารมณ์ที่หลากหลายเหลือเกิน ทั้งเศร้า ทั้งเหงา ทั้งอีโรติก และโรแมนติกไปพร้อมกัน หลังจากฉากนี้แล้ว หนังก็ตัดไปสู่ฉากที่รินโกะกับชิเกะฮิโกะนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างหน้าชื่นตาบาน (เป็นครั้งแรกที่เราเห็นว่าทั้งสองมีสีหน้าที่มีความสุข) นี่คือการเข้าสู่วงกลมในกลุ่มหลัง โดยในฉากนี้มันก็คือ จานข้าว เพราะว่าจานข้าวคือสิ่งที่ไม่มีรู ไม่มีอะไรจะรั่วไหลออกไปได้ และที่สำคัญมันคือสิ่งที่เรา เติม อะไรสักอย่างลงไป
ดูเหมือนว่าฉากนี้ทั้งสองกำลังเติมเต็มความสัมพันธ์ของกันและกัน ช่องว่างของเธอและเขาค่อยๆ เล็กลงแล้ว
ฉากที่หนังใช้สัญลักษณ์วงกลมได้สุดโต่งและเฉียบขาดที่สุดคือ ฉากจบ สำหรับผมแล้วนี่เป็นฉากที่ช่วยยืนยันว่า A Snake of June เป็นหนังที่มีการใช้ระบบสัญลักษณ์ที่เยี่ยมยอด โดยก่อนจะถึงฉากนี้ชิเกะฮิโกะจะได้ผ่านเหตุการณ์บ้าบอคอแตกมามากมาย (ซึ่งผมจะกล่าวถึงในภายหลัง) เขาซมซานกลับมาที่บ้าน แล้วก็พบกับรินโกะ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กระโจนมีเซ็กซ์กันทันที! ตอนท้ายของฉากนี้ชิเกะฮิโกะก้มลงไปจูบหน้าอกของรินโกะ ตอนแรกนั้นปทุมถันของเธอหายไป (?) แต่พอเขาก้มลงมาอีกทีมันก็กลับมา (กรี๊ดดด!)
นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่าช่องว่างของทั้งคู่ถูกกลบมิดสนิทไปแล้ว
เรื่องของวงกลมนั้นมีตัวช่วยอีกอย่างก็คือ สัญลักษณ์เพศชาย-หญิงที่ว่าไว้ในข้างต้น หน้าที่อย่างแรกก็ของมันก็คือ การแบ่งเนื้อเรื่องของหนังเป็น 3 ตอน ตอนแรก (สัญลักษณ์เพศหญิง) หนังก็มุ่งเน้นน้ำหนักไปที่ตัวรินโกะ ตอนสอง (สัญลักษณ์เพศชาย) ก็คือการปะทะกันผู้ชายสองคนในเรื่อง (ชิเกะฮิโกะและชายถ้ำมอง) และตอนที่สาม (สัญลักษณ์เพศชาย+หญิง) ก็คือบทสรุปของความสัมพันธ์ระหว่างรินโกะกับสามี
หน้าที่อย่างที่สองของสัญลักษณ์ของเพศเหล่านี้ ก็คือ การนำเราไปสู่แก่นของหนัง
ถ้าจำกันได้ในช่วงที่หนังใช้สัญลักษณ์เพศชายกับหญิง หนังมีภาพของสัญลักษณ์ทั้งสองเคลื่อนเข้าหากัน แต่แทนที่หนังจะใช้วิธีรวมกันแบบข้อ (1) ในรูป ซึ่งเป็นนัยที่แสดงว่าผู้ชายเป็นผู้กระทำและเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า ทสึกาโมโต้กลับเลือกใช้ในแบบสมการข้อ (2) นั่นคือการรวมกันเป็นหนึ่งอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อพิจารณาสัญลักษณ์ในรูป เห็นได้ว่าก่อนหน้าจะรวมกันนั้นทั้งเพศชาย-หญิงต่างมีรูโหว่ในใจของตัวเอง (ตรงกับเรื่อง วงกลมในกลุ่มแรก) แต่เมื่อชายและหญิงรวมกันแล้ว ช่องว่างระหว่างเพศก็หายไป (ตรงกับเรื่อง วงกลมในกลุ่มหลัง) ช่องว่างกลวงเปล่ากลายเป็นจุดดำทึบในที่สุด และจุดที่สีดำนี่ก็คือ ปทุมถันของนางเอกนั่นเอง
ทีนี้ก็ไม่น่าแปลกใจแล้วว่าทำไมป้าแคทเธอรีน เบรลญาต์ถึงชอบเรื่องนี้เป็นนักหนา*(2)
อีกหนึ่งวงกลมที่เราจะลืมไปไม่ได้ก็คือ พระเอก(ตัวจริง)ของหนังเรื่องนี้ มันก็คือ กล้อง ของชายถ้ำมองนั่นเอง ดวงไฟทรงกลมของกล้องดูจะไม่เข้าพวกกับวงกลมที่เราว่ามานัก แต่วงกลมนี้มีหน้าที่ ส่องแสง ออกมา ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนสิ่งที่นำทางคู่ผัวเมียไปหาความต้องการที่แท้จริง ทั้งนี้ชายถ้ำมองก็มีตำแหน่งเป็น ตัวกลาง ที่เชื่อมคนทั้งสองเข้าหากันอยู่แล้ว เพราะรินโกะเป็นคนสั่งให้เขาส่งรูปลับของเธอไปให้ชิเกะฮิโกะ เธอต้องการให้สามีเห็น ตัวตน ที่แท้จริงของเธอ
นรกหรือสวรรค์ ฉันกำลังอยู่ที่ไหน? นี่อาจจะเป็นคำถามที่คนดูบางคนถามกับตัวเองตอนที่ดูช่วงท้ายของหนังก็ได้ ไม่ว่าจะเพราะรู้สึกร่วมไปกับตัวละคร (โดยเฉพาะชิเกะฮิโกะ) หรือเพราะดูไม่รู้เรื่องก็ตาม (ฮา)
ช่วงท้ายของหนังนอกจากฉาก งวงเหล็ก ที่ว่าไปแล้ว ความเพี้ยนสุดยอดของหนังก็คือฉาก คลับลับ ที่ชิเกะฮิโกะถูกจับตัวไป ผมไม่อาจตอบได้แน่ชัดหรอกครับว่าเหตุการณ์ในนี้ความเป็นจริง เป็นความฝัน หรือเป็นอะไรกันแน่ แต่ถ้าเป็นชายถ้ำมองที่จับเขาไปไว้ในคลับนั้นแล้วล่ะก็ นั่นก็หมายความว่าเขาต้องการให้ชิเกะฮิโกะลองเป็นพวก ถ้ำมอง ดูเสียบ้าง (กล้องที่ชิเกะฮิโกะมองลอดไปก็เป็นวงกลม ส่วนเครื่องทรมานให้จมน้ำตายก็เช่นกัน) แต่ชิเกะฮิโกะก็พบว่าเขาไม่ชอบมัน เขาไม่ได้อยากถ้ำมองคนมีเซ็กซ์กัน แต่จริงๆ แล้วเขาอยากทำมันเสียเองต่างหาก!
ในอีกด้านหนึ่ง ประโยคที่น่าสนใจในฉากนี้ก็คือ ตอนที่ชิเกะฮิโกะพูดว่า หรือว่าที่นี่คือนรก? ดังนั้นเราอาจจะคิดไปได้ว่า ฉากวุ่นวายทั้งหลายนั้นเป็นจินตนาการ อาจจะเป็นความว้าวุ่นในใจของเขา และที่ๆเขาไปมันก็คือ นรกในใจ ของตัวเอง
ก่อนที่สุดท้ายเขากลับขึ้นมาได้จากการไปลงนรก และไปพบกับ สววรค์ ที่บ้าน นั่นก็คือ รินโกะ
ความจริง และจินตนาการในเรื่องนี้ยังมีอีกหลายอย่าง เช่น มะเร็งของตัวรินโกะ โดยเธออาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลยก็ได้ (เราไม่ได้ยินจากปากคุณหมอของเธอสักคำ) แต่มะเร็งนั้นมันหมายถึงความเจ็บป่วยทางใจ ที่ไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการที่มันอยู่ในใจของเธอ (= มะเร็งเต้านม) แต่การที่ชิเกะฮิโกะไม่เห็นด้วยที่จะให้เธอตัดเต้านมทิ้ง ก็แสดงให้เห็นว่าเขาก็ยังเห็นความสำคัญของเธอ
น่าสังเกตอีกอย่างว่าชายถ้ำมองก็อ้างว่าตัวเองเป็นมะเร็งเหมือนกัน เขาก็คงมีอะไรที่ไม่ได้รับการสนองได้เหมือนกัน
สิ่งที่ไม่มีตัวตนจริงอีกอย่างในหนังอาจรวมไปถึงตัวของชายถ้ำมองเอง ซึ่งเขาอาจจะไม่ได้มีตัวตนจริงๆ ก็ได้ อาจจะเป็นคนที่รินโกะสร้างขึ้นมาเพื่อขุดค้นหาความต้องการของตัวเอง โดยฉากที่เด่นชัดมากก็คือ ตอนที่เธอยืนอยู่ในครัวแล้วพูดโต้ตอบกับชายถ้ำมอง แต่มันเหมือนกับเธอกำลัง พูดคนเดียว มากกว่า แม้เราจะคิดได้ว่า หูอีกข้างของเธอที่เราไม่เห็นกำลังใส่หูฟังอยู่ ถ้าใครจะไปรู้ว่าตอนที่เธอคุยโทรศัพท์น่ะ มันมีคนที่อยู่อีกฝั่งของสายจริงหรือเปล่า
และตอนที่ชิเกะฮิโกะวิ่งเข้าบ้านมายิงปืนไปโดนโทรศัพท์ (ซึ่งรอยกระสุนปืนก็เป็นรูกลม-อีกแล้ว) ก็เหมือนกับการ ฆ่า จินตนาการของชายถ้ำมองของรินโกะไปจากโลกนี้
ฉากที่ย้ำประเด็นนี้ก็คือ ตอนที่ชายถ้ำมองถ่ายรูปของตัวเอง และล้างรูปออกมาสองรูป รูปแรกเป็นตัวของเขานั่งตรงหันหน้าเข้ากล้อง ส่วนอีกรูปเป็นเพียงห้องเปล่าๆ ในนัยหนึ่งมันอาจจะหมายถึงการตายของชายถ้ำมอง เขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว แต่อีกนัยหนึ่งมันคือ ความไร้ตัวตน ของคนผู้นี้
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามชายคนนี้ก็ได้ทำให้สามี-ภรรยาคู่หนึ่งหันหน้าเข้าหากันอีกครั้งแล้ว
จะว่าไปแล้วชายถ้ำมองคนนี้ก็เหมือนคนที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อดลให้ชายและหญิงคู่หนึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และดูเหมือนว่าพระเจ้าช่างสร้างคนนั้นจะมีชื่อว่า ชินยะ ทสึกาโมโต้
เชิงอรรถ *(1) อ่านเพิ่มเติมได้ใน ตำนานระทึกขวัญ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก โดย อ.ประวิทย์ แต่งอักษร
*(2) แคทเธอรีน เบรลญาต์ ผู้กำกับเฟมินิสต์สุดขอบจากฝรั่งเศส ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์(โดยเฉพาะ ทางเพศ)ของชาย-หญิง แถมยังเปิดวิชาสอนเรื่องเพศในภาพยนตร์ในมหาวิทยาลัยเสียด้วย (เปรี้ยวมั้ย) เมื่อต้นปีหนังเรื่อง Anatomy of Hell ของเธอเพิ่งมาช็อคสายตาคนดูชาวไทยในงานเทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพฯ
ว่ากันว่าเมื่อตอนที่ A Sanke of June เข้าฉายที่เวนิซ ป้าแกก็เชียร์เรื่องนี้สุดใจขาดดิ้น
Create Date : 26 มิถุนายน 2548 |
|
36 comments |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2548 3:45:43 น. |
Counter : 25356 Pageviews. |
|
|
|
24 มิ.ย. ไปดูมาสามเรื่องครับ เป็นวัน "เจแปน แฮ็ททริก" เพราะดูหนังญี่ปุ่น 3 เรื่องรวด
1. A Snake of June (A+)
-- หนังเรื่องนี้ให้อารมณ์หลายอย่างมากๆ ทั้งเศร้า ทั้งเหงา ทั้งอีโรติก และโรแมนติกไปในตัว
-- ชอบระบบสัญลักษณ์ในหนังเรื่องนี้มากๆ โดยเฉพาะในฉากจบ (คิดได้ไง?)
-- นางเอกเล่นดีมาก
-- น่าเสียดายที่ตอนผมดู มียัยป้างี่เง่านั่งแทะเงาะอยู่ข้างๆตลอด 20 นาทีแรก ไม่งั้นคงจะชอบหนังมากกว่านี้อีก
2. Swing Girls (A-)
-- หนังสนุก และน่ารักมากๆ
-- ชอบที่หนังให้ความรู้สึกที่ดีมากๆหลังดูจบ แม้ว่าบทหนังจะมีช่องโหว่อยู่หลายจุดเหมือนกัน
-- ชอบคาแร็กเตอร์ของเหล่าสาวๆ สวิงกลิ้งมากๆ
-- หนังมีการใช้เพลง what a wonderful world ได้ฮาสุดๆ
3. One Missed Call (B+)
-- มาคอนเฟิร์มว่าที่ GRAND EGV เป็นเสียงญี่ปุ่น-บรรยายไทย เพราะไปดูที่ดรงนี้แหละครับ
-- หนังให้บรรยากาศได้น่ากลัวดีในช่วงแรกๆ น่าเสียดายที่หลังๆหนังพยายามหักมุมไปมา จนคนดูเหนื่อย
-- แถมการหักดูนั้นยังไม่เคลียร์ และไม่ได้ช่วยอะไรกับตัวหนังมากนัก
-- ผิดหวังกับฉากจบของหนังมากๆๆๆๆๆๆๆ
-- อย่างไรก็ตาม หนังไม่ได้แย่เหลือทน มิอิเกะใส่ลูกผีหลอกได้ดีกับเสียงมือถือ และเทคนิคด้านภาพ
-- หนังพูดเฉียดๆ ถึงประเด็นทางสังคมดอย่างสื่อโทรทัศน์ และการเสพติดเทตโนโลยีการสื่อสาร แต่ยังเทียบกับ Kairo แล้ว ยังถือว่าห่างชั้นมากๆ แต่เข้าใจว่า มิอิเกะ ไม่ได้อยากเป็น คุโรซาว่า เบอร์สอง อยู่แล้ว
-- หนังเรื่องนี้มีประเด็น Children Exploitation อีกแล้ว หนังของมิอิเกะมีประเด็นนี้บ่อยๆ
-- ส่วนตัวแล้วงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมิอิเกะยังคงเป็น Ichi The Killer
-- ใครอยากดูฝีมือการแสดงของ โค ชิบาซากิ เรื่องนี้มีให้ดู เพราะเธอจะกรี๊ดจนตาเหลือกกกกก
-- เพลงตอน end credit เป็นเพลงของเธอ เพราะดี
-- ตอนดูหนังจบแล้วขึ้น BTS แล้วจู่ๆมือถือของคนบนรถดังพร้อมกับประมาณ 5 เครื่อง ...รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
------------------------------
กระทู้แนะนำหนัง 7 เรื่อง ที่เข้าในสัปดาห์นี้
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3560344/A3560344.html