Hana & Alice ความรักหลังลิ้นชัก
โดย merveillesxx
(คำเตือน บทความนี้เปิดเผยเนื้อเรื่องบางส่วนของภาพยนตร์)
ดูเหมือนว่าหนังเรื่องล่าสุดของชุนจิ อิวาอิ เรื่องนี้จะกลับมา ใจดี กับคนดูอีกครั้ง หลังจากทำเอาเราเศร้าระทมไปหลายวันกับหนังสุดหม่นหมองอย่าง All About Lily Chou-Chou (2001) บรรดาผู้คนที่ติดใจเขาจากหนังรักอย่าง Love Letter (1995) หรือ April Story (1998) คงได้เวลาโห่ร้องดีใจว่า อิวาอิคนเดิมกลับมาแล้ว!
ต้องขอเท้าความก่อนว่า Hana & Alice จริงๆแล้วเป็นโปรเจคต์หนังสั้นที่อิวาอิทำขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 30 ปี ช็อกโกแลต คิตแคต ของบริษัทเนสต์เล่ โดยทำเก๋ให้คนเข้าไปดาวน์โหลดดูกันทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งผลปรากฏว่าคนแห่ทะลักทะลายเข้าไปโหลดกันถึง 3 ล้านคน อิวาอิจึงเห็นช่องทางที่ขยายให้เป็นหนังยาว และในที่สุดหนังเรื่องนี้ก็มีความยาวถึง 135 นาที
หลังจากที่ผมได้ดูหนังทั้งในฉบับหนังยาวและหนังสั้นแล้ว ก็ต้องบอกว่าการต่อยอดในครั้งนี้ไม่ เสียของ เพราะโครงเรื่องหรือฉากหลักๆ ที่มาจากหนังสั้นยังมีอยู่ครบครัน เรียกได้ว่างานนี้อิวาอิแถได้เก่งและเนียนมาก (ฮา) ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองเวอร์ชั่นอยู่ที่ว่า แบบหนังสั้นนั้นเรื่องราวแต่ละตอนจะจบในแบบที่คล้ายๆกัน โดยที่เราต้องไปคิดต่อกันเอง และบทบาทหลักจะเน้นไปที่ฮานะ (แอน ซูซูกิ) ส่วนในแบบยาวนั้นเนื้อความทั้งหมดถูกร้อยเรียงกัน พร้อมทั้งเพิ่มเสริมเติมแต่งด้วยรายละเอียดต่างๆ และบทหนังจะเทไปทาง อลิซ (ยู อาโออิ) เสียมากกว่า (ซึ่งถูกใจผมมาก)
แม้กระนั้นลักษณะที่ปรากฏในหนังสั้นก็ยังมีอยู่ในฉบับหนังยาว นั่นก็คือ การที่หนังเล่าแบบไม่ชัดเจนและไม่ต่อเนื่องนัก (ใน All About Lily Chou-Chou ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน แต่รุนแรงกว่ามาก) ซึ่งในจุดนี้คงไม่ถือเป็นข้อเสียของหนัง เพราะผมคาดว่าผู้กำกับตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้น กล่าวคือ อิวาอิต้องการ เว้นช่องว่าง ให้ผู้ชมได้เติมจินตนาการหรือความคิดของตัวเองลงไป หนังจะไม่มีการย้อนไปเล่าเรื่องที่ผ่านมา แถมอะไรที่ยังค้างๆคาๆ หนังอาจจะตัดฉับข้ามไปเลยด้วยซ้ำ มันเป็นหน้าที่ของคนดูที่จะต้องร้อยเรียงใจความในแต่ละฉากเข้าด้วยกันเอง (นี่คงเป็นสาเหตุที่อิวาอิย้ำนักย้ำหนาว่าให้ผู้ชมไปเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อครั้งเอาหนังไปฉายที่ปูซาน) ซึ่งกลวิธีแบบนี้ผู้ที่ไม่คุ้นชินอาจจะเกิดอาการดูไม่รู้เรื่องก็เป็นได้ (มีจริงๆครับ เจอมาวันนี้เอง)
แต่อย่าเพิ่งวิตกไปครับ ตัวหนังไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น หนังเรื่องนี้ก็ยังจัดเป็นหนังรักวัยรุ่นอยู่ดี (เพียงแต่อาจจะเป็น ความรักตัดต่อ ที่เราต้องลงมือปะติดปะต่อมันเสียหน่อย) พล็อตหนังก็ว่าด้วยเรื่องจำพวก รักสามเส้า เริ่มจากว่าฮานะหลงรักรุ่นพี่ในโรงเรียนที่ชื่อว่า มิยาโมโต้ (โทโมฮิโร คากุ) วันหนึ่งขณะสะกดรอยตามรุ่นพี่อยู่ ตานี่ก็เดินเซ่อซ่าเอาหัวไปชนโครมเข้าแล้วก็ล้มสลบลงไป ตื่นมาฮานะก็เลยโมเมว่า นี่ฉันเป็นแฟนเธอ เธอจำไม่ได้เหรอไง นั่นแหละ
จากนั้นนายบื้อนี่ก็เลยตกอยู่ในฐานะคนที่เป็นโรค ความจำเสื่อม ไปโดยปริยาย
แต่หลังจากต้องเป็นแฟนกับฮานะ (แบบงงๆ) นายบื้อนี่ก็ไปพบกับรูปตัวเองในคอมพิวเตอร์ของฮานะ เมื่อสอบไซ้ไล่ความไป ในที่สุดฮานะก็ตัดสินใจพาอลิซเข้ามาร่วมนิยายรักจอมปลอมครั้งนี้จนได้ ในฐานะ แฟนเก่า ของมิยาโมโต้
ฮานะได้สร้างเรื่องประโลมโลกชนิด รักสามเส้าแบบปลอมๆ ขึ้นมา โดยหารู้ไม่ว่าท้ายสุดมันก็จะกลายเป็น ความจริง
ในที่สุดเรื่องกลับตาลปัตรกลายเป็นว่ารุ่นพี่ดันไปหลงรักอลิซเสียแทน เขากลับไป ถามหาความทรงจำของตัวเอง จากอลิซแทนที่จะเป็นฮานะ ซึ่งในส่วนนี้หนังใช้วิธีถ่ายทอดความรักที่ก่อตัวขึ้นระหว่างสองคนนี้ได้อย่างแยบยลแทนที่หนังจะกรอกประโยคตรงๆใส่ปากตัวละครอย่างมิยาโมโต้ว่า ฉันรักอลิซ ไม่ใช่ฮานะ แต่กลับใช้วิธีสุดจี๊ดที่ให้มิยาโมโต้บอกว่า ฉันคิดว่าความทรงจำของฉันกลับคืนมาบ้างแล้ว ซึ่งหมายถึงความทรงจำช่วงที่เขาใช้เวลาเป็นแฟนกับอลิซ
ทั้งๆที่มันไม่เคยเกิดขึ้น? แต่เขาบอกว่ามันกลับคืนมา?
แท้จริงแล้วความรักของมิยาโมโต้ไม่ได้กลับคืนมา แต่มันกำลังงอกเงยต่างหาก
ประโยคที่สร้างแรงสะเทือนในใจผมมากๆก็คือ ตอนที่มิยาโมโต้กับพูดฮานะว่า จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าความทรงจำของฉันกลับคืนมาเพียงครึ่งเดียว ซึ่งก็คือความทรงจำครึ่งแรกที่เขาเป็นแฟนกับอลิซ เขาเลือกที่ จำ อลิซ แต่ไม่สามารถจดจำฮานะไว้ในจิตใจของเขาได้เลย ประโยคนั้นมิยาโมโต้กำลังบอกเราว่า เขารักอลิซไม่ใช่ฮานะ เพียงแต่ว่าเขาอาจจะไม่รู้ตัว
มันน่าสงสัยว่าฮานะจะเจ็บปวดแค่ไหนกับประโยคสั้นๆประโยคนี้
ทางด้านอลิซก็ไม่แพ้กัน จากที่แรกๆเธอกุเรื่องที่เคยออกเดทกับมิยาโมโต้ด้วยความสนุกสนาน เช่น เรื่องร้านอาหารที่กินกันประจำหรือเรื่องชื่อที่เธอใช้เรียกเขาคือ มาร์ค แต่ภายหลังเรื่องราวที่เธอกุขึ้นมาดูเหมือนจะเป็นเสียงข้างในจิตใจของเธอมากกว่า จำต้นไม้ต้นนั้นได้มั้ย เราจูบกันครั้งแรกที่นี่ เธออาจอยากจะจูบเขา แต่มิอาจทำได้
มิยาโมโต้เองก็ยิ่งเกิดความสับสนในหัวใจ ฉันทิ้งอลิซไปได้อย่างไร เขาพูด อลิซทำทีเป็นตอบว่า อย่าพูดถึงมันเลย เดี๋ยวเธอก็ทิ้งฉันไปอีก ตอนนี้เธอมีฮานะแล้วนี่ แล้วใจจริงของเธอล่ะ เธอคิดอย่างไร? ความรู้สึกที่มิอาจถ่ายทอดออกมาได้ มันช่างทรมาน
ฉากที่เห็นเด่นชัดที่สุดถึงความรักของทั้งคู่คือตอนที่มิยาโมโต้รู้ความจริงทั้งหมดว่าเป็นเรื่อง โกหกทั้งเพ แต่ประโยคแรกที่เขาพูดออกมา แทนที่จะเป็น แสดงว่าฉันไม่ได้เป็นแฟนกับฮานะใช่มั้ย เขากลับพูดกับอลิซว่า นี่แสดงว่าเราสองคนไม่เคยออกเดทกันใช่มั้ย อลิซไม่มีคำตอบ เธอมีแต่คำขอโทษ
เธอหลอกเขา เธอหักหลังเพื่อน และที่สำคัญเธอหลอกความรู้สึกของตัวเอง
ตัวอย่างในข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความมีชั้นเชิงของบทหนังเรื่องนี้ซึ่งต้องยกความดีให้กับชุนจิ อิวาอิอีกครั้ง (เช่นเคยงานนี้เขาเหมาหมดทั้งกำกับ, โปรดิวซ์, เขียนบท ไปจนถึงทำเพลงประกอบ) ส่วนอีกหนึ่งคนควรได้รับคำชมก็คือ โนโบรุ ชิโนดะ ตากล้องคู่บุญของอิวาอิ ภาพที่ฟุ้งแสงอันเต็มไปด้วยความฝันยังคงปรากฏเด่นชัดในหนังเรื่องนี้ ฉากที่โดดเด่นมากคือ ฉากฮานะกับอลิซท่ามกลางดอกซากุระบาน และฉากเต้นบัลเล่ต์ทั้งหลายที่ปรากฏอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะฉากที่อลิซเต้นบัลเล่ต์ในท้ายๆเรื่อง (ตากล้องเก่งมากที่ถ่ายฉากนี้โดยไม่เห็นกางเกงในน้องหนูอลิซแม้แต่นิดเดียว -ฮา) ฉากที่น่าจะถึงขั้นส่งให้ยู อาโออิ กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงทีเดียว
นอกจากกรรมวิธีการเล่าเรื่องแบบไม่ชัดแล้ว วิธีการแบบ All About Lily Chou-Chou ยังคงปรากฏในหนังเรื่องอีกครั้ง นั่นคือ ความขัดแย้ง และ การซ้อนทับ
ในหนังเรื่องที่แล้วอิวาอิสร้างฉากประหลาดสองฉากควบคู่ไปด้วยกันคือ ตัวละครตัวหนึ่งกำลังจะถูกข่มขืน แต่อีกด้านหนึ่งมีคนกำลังสารภาพรักกัน ลักษณะแบบนี้ปรากฏใน Hana & Alice เช่นกัน (แต่อิวาอิเพลามือลงไปมาก) ความขัดแย้ง นั้นคือ ฉากที่ฮานะให้มิยาโมโต้ผูกผ้าพันเอวให้ แล้วเธอก็สารภาพความรู้สึกทั้งมวลออกมา อิวาอิใช้ภาพโคลสอัพหน้าของฮานะชนิดเต็มจอ เรารู้สึกถึงความรู้สึกผิดของเธอได้อย่างดี เรารู้ว่ามันยากขนาดไหนที่จะพูดออกมา การที่จะบอกให้คนที่เรารักไปตามทางของเขา มันช่างแสนเจ็บปวด (ฮานะบอกให้มิยาโมโต้ไปหาอลิซ) ในขณะเดียวกันรุ่นพี่ (ที่ใส่แว่นและดูบ๊องๆหน่อย) ก็ออกไปเล่าเรื่องขำขันเรียกเสียงฮาจากคนดู อิวาอิตัดภาพไปมาระหว่างสองฉากนี้ซ้ำๆ
ซึ่งมันคือภาพของ หน้าฉาก กับ หลังฉาก หน้าฉากมีคนกำลัง แสดง แต่ที่หลังฉากมีคนกำลัง สารภาพ อิวาอิซ้อนนัยสัญลักษณ์ตรงนี้ได้ดีเหลือเกิน เพราะในขณะที่คุณกำลังหัวเราะขำขันกับการแสดงหน้าเวที แต่ ณ ข้างหลังนั้นอาจจะมีบางคนกำลังร้องไห้อยู่ก็เป็นได้
สิ่งที่น่าสนใจในฉากนี้อีกอย่างก็คือ การกระทำของมิยาโมโต้ แทนที่เขาจะต่อว่าฮานะแต่กลับไม่ใช่ เขาเพียงพูดสั้นๆว่า ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้วล่ะ แล้วจากนั้นก็บอกกับฮานะว่า เอาล่ะ..อันดับแรก ตอนนี้ขึ้นไปลุยบนเวทีให้เต็มที่ดีกว่านะ ผมประทับใจการกระทำตรงนี้ของเขามากครับ นี่เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกได้ว่าตัวละครตัวนี้เป็น รุ่นพี่ อย่างแท้จริง และถ้าสังเกตดูมิยาโมโต้ไม่เคยพูดกับฮานะประมาณว่า ฉันชอบอลิซนะ ไม่ใช่เธอ แถมฮานะยังเป็นฝ่ายขอเลิกเขาก่อนด้วยซ้ำ นั่นน่าจะเป็นเพราะว่ามิยาโมโต้เห็นในคุณค่าของ มิตรภาพ ระหว่างฮานะกับอลิซ การที่เขาเลือกที่จะบอกความรู้สึกที่แท้จริง ไม่ว่ากับใครก็ตาม คำพูดของเขาจะทำลายความสัมพันธ์ของเด็กสาวทั้งสองทันที
ประเด็นตรงนี้ทำให้ผมคิดว่า เราควรจะทำตามความรู้สึกของตัวเองทุกครั้งหรือไม่ การปล่อยตัวเองไปตามหัวใจนั้นเป็นเรื่องดีเสมอจริงหรือ? ความรักของเราอาจจะไม่เพียงทำลายคนแค่หนึ่งคน แต่อาจจะเป็น เพื่อนสองคน
ส่วนเรื่องวิธีใช้ การซ้อนทับ ปรากฏในส่วนของไพ่เอชโพธิ์แดง จำได้ไหมครับว่าพออลิซได้ไพ่จากมิยาโมโต้แล้วเธอก็ร้องไห้ ถ้าจำกันได้อลิซเคยพูดกับพ่อว่า ครั้งหนึ่งเราเคยเล่นไพ่กันบนชายหาด พ่อจำได้มั้ยคะ พ่อตอบว่า จำไม่ได้นะ แต่แบบนั้นไพ่ก็ปลิวหมดน่ะสิ
ไพ่ใบนั้นคงจะเป็นไพ่ที่เธอเคยเล่นกับพ่อเมื่อตอนนั้น ไพ่ที่เป็นตัวแทนของพ่อ ไพ่ที่เป็นตัวแทนของความทรงจำ
แต่แล้วอลิซกลับให้ไพ่ใบนี้กับมิยาโมโต้ พร้อมทั้งบอกกับเขาเหมือนที่พ่อเคยบอกเธอ เก็บไพ่ใบนี้ไว้หลังลิ้นชักนะ นานๆหยิบมันขึ้นมาดู มิยาโมโต้บอกว่า ไม่นะ ฉันจะหยิบมันขึ้นมาดูทุกวัน แต่อลิซกลับบอกว่า แบบนั้นไม่ดีหรอก นานๆหยิบขึ้นมาดู มันถึงจะมีค่า
ฉากนี้เหมือนจะบ่งบอกกับเราว่าความรักที่อลิซมีต่อมิยาโมโต้นั้นเป็นสิ่งที่รอได้ วันเวลานั้นจะผ่านเข้ามาในชีวิตสักวัน ความรู้สึกจะไม่เลือนหาย เพราะความรักนั้นจะถูกเก็บอยู่ หลังลิ้นชัก ตลอดไป และเฝ้ารอวันเวลาที่จะถูกหยิบขึ้นมา
อลิซบอกกับเขากับว่า ฉันรักเธอ แล้วเจอกันนะ ณ วันนี้มิยาโมโต้อาจจะยังไม่เข้าใจ แต่สักวันเขาจะรับรู้ถึงมันได้แน่นอน ทั้งสองต้องได้พบกันอีกครั้ง
เรื่องราวตรงนี้สอดคล้องกับเพลง walking proud ของอายูมิ ฮามาซากิมากเลยครับ เพลงนี้เล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่มิอาจสมหวังกับชายที่เธอรักได้ แต่หลังจากตกอยู่ในห้วงแห่งความเศร้า เธอก็ลุกขึ้นแล้วบอกกับตัวเองว่าแม้ตอนนี้เขาคนนั้นจะเดินนำหน้าเธอไป แต่เธอก็จะก้าวต่อไป เดินไปหาเขา แม้เธอจะต้องเดินตามหลังแผ่นหลังของเขา เพราะแผ่นหลังของเขาคือความหวังที่ทำให้เธออยู่ต่อไป
บางครั้งความรักก็ไม่จำเป็นที่คนสองคนจะต้องก้าวไปพร้อมกัน บางทีเราอาจจะต้องตามหลัง แต่เราก็จะ ก้าวเดินอย่างภาคภูมิใจ เพราะสิ่งอยู่ข้างหน้าคือคนรักของเรา วันเวลาและฤดูกาลจะเป็นสิ่งพัดพาความรักมาให้
สิ่งที่หนังทิ้งท้ายไว้ก็คือนิยามของมิตรภาพ ความเป็นเพื่อนคือการที่คนสองคนต้องก้าวไปพร้อมกัน ดั่งเช่นฮานะกับอลิซที่กลับมาเดินคู่กันในท้ายที่สุด
ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน วันเวลาใดก็ตาม ฮานะกับอลิซจะอยู่เคียงข้างกัน
ตลอดไป
----------------------------------------
เกร็ดภาพยนตร์ - หนังเล่าเรื่องของฮานะกับอลิซตลอด 3 ฤดู เริ่มต้นด้วยฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ และจบด้วยฤดูร้อน - ดารารับเชิญในเรื่องนี้ก็คือ อายูมิ อิโตะ (ในบทผู้หญิงที่มาแคสติ้งที่เดียวกับอลิซ), ทาคาโอะ โอซาว่า และ เรียวโกะ ฮิโรสุเอะ (สองคนหลังมาในฉากท้ายๆ ที่อลิซโชว์การเต้นบัลเล่ต์) และเด็กหน้าทะเล้นจาก All About Lily Chou-Chou (คนที่ช่วยจัดท่าทางของอลิซตอนที่นั่งอยู่ที่ฉากบลูกรีน) - กล้องที่โนโบรุ ชิโนดะเลือกใช้คือ กล้อง HD ซีเนอัตรา HDW-F900 ตัวเดียวกับที่ใช้ใน All About Lily Chou-Chou และเป็นรุ่นเดียวกับที่จอร์จ ลูคัสใช้ใน Star Wars Episode II - ล่าสุดชิโนดะเพิ่งได้รับรางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยมจากหนังเรื่อง Crying Out for Love, In the Center of the World ซึ่งจะเข้าฉายในบ้านเราปลายเดือนนี้ (เขียนถึงหนังเรื่องนี้ไว้แล้วในบล็อกเช่นกันครับ)
บทความที่เกี่ยวข้อง - นิตสาร DDT ฉบับที่ 2 (กุมภาพันธ์ 2548 หน้าปก โจอี้ บอย) Hana and Alice รักแอบหลอกไม่ได้ โดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ หน้า 126 - นิตยสาร mars ฉบับที่ 28 (กุมภาพันธ์ 2548 หน้าปก แตงโม-ภัทรธิดา) Hana and Alice เรื่องไม่เศร้าของสองสาวที่แอบรักผู้ชายคนเดียวกัน โดย foneko หน้า87 - Little Film in a Capital City Vol.5 (แถมมากับนิตยสาร PULP ฉบับที่ 20) Hana and Alice เรื่องรัก 3 ฤดูของฮานะกับอลิซ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง //www.swallowtail-web.com/ //www.hana-alice.com/ //www.imdb.com/title/tt0407851/ //www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hanaalice/hana.html
Create Date : 15 มีนาคม 2548 |
|
35 comments |
Last Update : 15 มีนาคม 2548 11:28:25 น. |
Counter : 8319 Pageviews. |
|
|
|