|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ก๋วยเตี๋ยวชามละหมื่น กาแฟแก้วละสี่พัน ฉี่ทีละพัน...
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องไปทำธุระที่ จ.อุดร'หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วเห็นว่ายังมีเวลาเหลือ ก็เลยหาเรื่องทำให้เวลาที่เหลืออยู่หมดไป จับกลุ่มรวมหัวกันคิด(กันที่ร้านข้าวต้ม)ก็สรุปได้ว่าจ.อุดร' ก็มิได้อยู่ไกลกันนักกับประเทศลาว พินิจพิจารณาดูแล้วพวกเรา(ผมและพรรคพวก) ก็ยังมิเคยย่างกายไปลาวกันแม้แต่คนเดียว อย่ากระนั้นไหนๆก็ไหนแล้วเราก็หาเรื่องไปเที่ยวลาวต่อเลยดีกว่า ก่อนไปก็มีการโทรศัพท์หาข้อูลจากพรรคพวกเล็กน้อย ได้ความเคร่าๆว่าก่อนจะเข้าไปลาวนั้น พรรคพวกแนะนำว่าให้เรียกน้ำย่อยแถวๆ "ท่าเสด็จ" ที่หนองคายกันก่อน เพราะว่ามันเป็นทางผ่านอยู่แล้ว
เช้ารุ่งขึ้นออกจากโรงแรมที่ อุดร' ขับรถไม่นานนักก็มาถึงหนองคาย แน่นอนว่ากองทัพเดินได้ด้วยท้อง อุตสาห์ไม่กินอาหารเช้าที่โรงแรม กะว่ามาหากินอาหารยอดฮิต "ไข่กระทะ+ขนมปัง" และแล้วก็มาุดุดเอาร้านหนึ่งก่อนถึงทางเข้าตลาด "ท่าเสด็จ" ที่สะดุดก็เพราะเห็นฝรั่งนั่งกินกันอยู่ 3-4 โต๊ะ สมองก็จัดการคำนวณความน่าจะเป็นทันทีว่า ร้านนี่แหละวะน่าจะอร่อย ขณะนั้นมือผมก็ทำการยื่นไปเคาะกระจกหลังคนขับ (ผมนั่งอยู่กระบะหลัง) บอกเป็นความนัยว่า ร้านนี่แหละน้องเอ๋ย! จอดรถได้ผมก็ลงไปสั่งเป็นคนแรก "ไข่กระทะ,ขนมปัง,กาแฟร้อน" ซักพักพอเค้ายก ไข่กระทะมาเสริฟ แว๊บ!แรกที่เห็นต้องบอกว่า "ตูคงจะเข้าผิดร้านเป็นแน่แท้" เพราะไข่กระทะที่ยกมานั้น ไม่ได้มีส่วนผสมของกุนเชียงและหมูยอเลย ทางร้านเค้าใส่ไส้กรอกแบบที่เสียบไม้ขายกันอยู่ตามรถเข็น ดูรูปร่างหน้าตาแล้วไม่มีความน่าอร่อยอยู่เลย เข้าใจว่าคงจะทำแบบอาหารเช้าขายพวกฝรั่ง เมื่อลองกินดูก็เป็นอย่างที่คิดไว้ พรรครพวกที่ไปกันก็ไม่ค่อยบซีเรียสอะไร เพราะว่าส่วนมากจะสั่งโจ๊กกินกัน แถมยังมีแซวอีกว่า "พี่เองนะที่เป็นคนเคาะกระจกให้กินร้านนี้" .... เช้านี้โดนสองเด้งเลยเว้ยยย
ลืมๆเรื่องไข่กระทะร้านนั่นไปเถอะครับ มาดูแหล่งช้อบปิ้งกันดีกว่า 555
สภาพทางเข้า "ตลาดท่าเสด็จ"
เดินทะลุร้าน otop เข้าไปก็จะเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขง
ที่เห็นฝั่งตรงข้ามโน้นนนน ก็คือฝั่งลาวครับ เห็นแล้วนึกถึงเพลงที่ร้องว่า "น้ำโขงไม่เคยคิดแบ่งเป็นกำแพงชนชาติชนชั้น..."
ร้านค้าขายของบริเวณ "ท่าเสด็จ"
สินค้าที่ว่างขายในตลาดท่าเสด็จนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นสินค้าที่มาจากฝั่งลาวน่ะครับ (แต่อาจจะมีผลิตที่จีน) ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของกินครับ เช่น ปลาหมึกซอง (8ซอง100บาท) ผลไม้แห้งบรรจุซอง เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าเล็กๆน้อยๆ ในฐานะที่ผมเดินตลาดนัดมาแล้วหลายรูปแบบ ทั้ง JJ ,คลองถม,โรงเกลือ,คลองแงะ,ปาดัง',แม่สาย ฯลฯ ดังนั้นสินค้าที่ตลาดท่าเสด็จแห่งนี้ จึงไม่ได้แอ้มเงินในกระเป๋าผมคร้าบบบ
รถสกายแล็บ (คนพื้นเมืองเค้าเรียกกันแบบนี้)รถโดยสารยอดฮิตของเมืองนี้ จริงๆแล้วหลายจังหวัดในอีสานก็นิยมรถชนิดนี้กัน แม้กระทั้งฝั่งลาวก็มีให้เห็น
หลังจากช้อบ'ด้วยสายตาเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางจะข้ามไปฝั่งลาวกัน โดยจะต้องไปยื่นหรือทำหนังสือเดินทางแถวๆ "สะพานมิตรภาพไทย-ลาว" ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักกับ "ท่าเสด็จ" ที่ว่าไม่ไกลนี่ไม่ใช่หมายความว่าเดินก็ไปถึงนะครับ มันไกลเกินกว่าคนปกติจะเดินกันครับ แนะนำว่าว่าถ้าไม่มีรถก็ใช้บริการ "ยานสกายแล็บ" ตามรูปข้างบนนั่นแหละครับ จะเป็นการดี
เมื่อไปถึงบริเวณ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แล้วท่านก็ทำหน้าตา งงๆมึนๆ เข้าไว้ซักพักก็จะมีคนขี่มอเตอร์ไซด์เข้ามาถามท่าน ว่าจะข้ามไปฝั่งลาวไหม? คนพวกนี้เค้ามีอาชีพคอยอำนวยเรื่องการทำหนังสือ ยื่นเอกสารที่จะต้องใช้ข้ามไปฝั่งลาวครับ ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป อย่างถ้าใครไม่มีเอกสาร(หนังสือเดินทาง)เลย เค้าก็จะจัดการปลอกเอกสาร ถ่ายรูปติดเอกสารให้เรียบร้อย สนนก็อยู่ที่ท่านละ 150 บาท (ถ้ามีรูปถ่ายติดตัวไป 2 ใบ ก็ลดไป 50 บาท) ถ้าใครมีหนังสือเดินทางอยู่แล้วก็น่าจะ 100 บาท นั่งรอไม่นานก็เอกสารเสร็จเรียบร้อย พร้อมเดินทางข้ามฝั่งไปได้เลย
นีครับตึกแถวข้างๆ ที่เป็นเหล่าบริษัทรับจัดทำเอกสารเข้าลาว พร้อมทั้งรับจัดนำเที่ยว และจัดหารถนำเที่ยว
ส่วนนี่ก็คือเอกสาร "หนังสือข้ามแดนชั่วคราว" ที่เค้าจัดการมาให้เสร็จสัพ
ได้เอกสารเรียบร้อยแล้วก็ไปที่ด่าน(ฝั่งไทย) ยื่นเอกสารขอออกนอกประเทศ
คำเตือน-ข้อห้ามต่างๆที่บอกไว้
การเดินทางครั้งนี้นั้น พวกผมไม่มีใครคนใดเลยที่เคยไปลาว ก็เลยไม่ได้นำรถข้ามไปฝั่งลาว ตัดสินใจจอดรถตรง บ.ที่จัดทำเอกสารข้ามแดนนั่นแหละ แล้วใช้บริการรถตู้เพื่อที่จะโดยสารไปยังด่าน โดยค่าบริการนั้นค่อนข้างจะแพงไปซักหน่อย 250 บาท/เที่ยว (ไปอย่างเดียว) ถ้าใครไปกันน้อยๆก็แนะนำให้เดินไปขึ้นรถโดยสารที่เค้าบริการจะประหยัดดว่าเยอะครับ ราคา 20/คน ถ้าใครคิดจะเดินไปที่ด่านละก็ ไม่แนะนำครับ เพราะไกลเกินกว่าคนปกติจะเดินได้อีกเช่นกันครับ
รถตู้ที่ทางเราใช้บริการนั่งไปยังด่านของทางฝั่งลาว
ส่วนนี่ก็เป็นรถโดยสารที่บอก ราคาก็ 20 บาท/คน
บรรยากาศตอนนั่งรถข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงด่านฝั่งลาว)
เมื่อมาถึงด่านฝั่งลาวก็ยื่นหนังสือเข้าเมืองอีกครั้ง
แอบมองเข้าไปดู คอมพิวเตอร์ภาษาลาว
โทรศัพท์มือถือของลาวนี่ กำลังบูมมาก โปรโมชั่นก็คล้ายๆกับของบ้านเรา ทั้งแบบเติมเงิน และแบบรายเดือน
หลังจากเข้ามาฝั่งลาวแล้ว ก็ติดต่อรถตู้ที่จะนำพาพวกเราเข้าไปยังเวียงจันทร์กัน ก็อย่างที่บอกแล้วว่าไม่มีใครคนใดเคยมากันเลย ก็เลยให้ทาง บ.วิ่งเอกสารได้ติดต่อรถตู้ไว้ให้ ค่ารถตู้พร้อมคนขับและน้ำมันก็ราคา 1,250 บาท โดยเค้าจะเขียนป้ายกระดาษให้เรา พอข้ามมาฝั่งลาวแล้วก็เดินชูป้ายกระดาษ (เหมือนชูป้ายหาแขกโรงแรมที่สนามบิน) เดี๋ยวคนขับรถตู้ก็เดินเค้ามาหาเราเอง
คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด ! ใครคิดจะประหยัดก็ไม่ต้องติดต่อรถจากฝั่งไทยให้โดนกินหัวคิวเล่นนะครับ ถ้าติดต่อฝั่งลาวเอง ก็อยู่ที่ราคา 700-800 บาทเท่านนั้นครับ
ร้านค้าปลอดภาษีฝั่งลาว
ตรงด่านฝั่งลาวนั้น มีร้านจำพวกปลอดภาษีอยู่หลายร้าน บางคนถ้าไม่อยากเข้าเวียงจันทร์ ก็แวะเข้าไปซื้อของในร้านเหล่านี้ แล้วก็นั่งรถกลับไทย ...เรื่องช้อบเอาไว้ก่อน เพราะว่าตั้งใจจะเข้าไปเวียงจันทร์ก่อน
นี่ครับรถตู้ที่จะพาเราเข้าไปยังเวียงจันทร์ ซึ่งระยะทางแค่ 22 กม. เท่านั้น
รถยนต์ในลาวนั้น เป็นพวงมาลัยซ้ายนะครับ เพราะที่นั่นเค้าให้รถวิ่งทางขวา และแซงซ้าย ใครเอารถยนต์จากไทยเข้าไปวิ่ง ตอนจอดก็ให้ระวังกันหน่อยนะครับ เพราะประตูรถบ้านเราอยู่ทางซ้ายมือ ขื่นเปิดลงไปทะเล่อทะล่า เจอรถตำ*เอานะครับ
วิ่งออกจากด่านมาได้หน่อยหนึ่ง ก็ถึงโรงงาน เบยลาว* ว่ากันว่าลาวมีโรงงานผลิตเบยแค่โรงงานเดียว
วิ่งมาอีกหน่อยก็ถึง ที่จัดแสดงสินค้าของลาว คงจะประมาณ "ไบเทค" บ้านเรามั้ง?
จุดจอดรถลงเที่ยวจุดแรกก็คือลาน "พระธาตุหลวง" คนขับรถบอกว่าคงประมาณ สนามหลวงบ้านเรา
ว่ากันว่ามีการจัดงานเฉลิมฉลองอะไรนี่แหละ ก็เลยมีการตั้งร้านค้ากันบริเวณนั้น
ซุ้มประตูทางเข้าไปยังพระธาตุหลวง
บริเวณรอบๆ "พระธาตุหลวง"
ถ้าจะเข้าไปภายในพระธาตุหลวง ก็ต้องจ่ายค่าเข้าชมคิดเป็นเงินไทยก็ 20 บาท
ถ้าจะกราบไหว้ก็ต้องซื้อธูปซื้อเทียนอีกต่างหาก สำหรับผม ไหว้ด้วยมือเปล่าครับ
บริเวณรอบ(ใน)พระธาตุหลวง
ทางเดินฝั่งหน้ากำแพงรอบๆพระธาตุหลวงนั้น มีการนำวัตถุต่างๆให้ได้ชมกัน ส่วนฝั่งหลังก็เป็นภาพวาด(สีน้ำมัน)วิถีชีวิตของคนลาว ซึ่งภาพที่นำมาแขวนนั้ก็ติดราคาขายไว้ด้วย สนนก็ราคามีตั้งแต่ 300-900 บาท(ไทย)
ออกจากพระธาตุหลวง คนขับรถก็พาไปยัง "ประตูชัย"
ประตูชัย (คนขับรถบอกมาอย่างนั้น) ส่วนข้อมูลความเป็นมานั้นไม่ได้ถามไม่ได้จดมา
ด้านใต้ของปรตูชัย (สามารถขึ้นไปยังชั้นบนได้แต่ต้องจ่ายค่าขึ้นอีก 15 บาท)
แหงนหน้าขั้นไปดู ก็จะเห็นตามรูป
ระหว่างช่วงบันใด ก็จะมีช่องให้มองลอดลงมาใต้ซุ่มประตูได้
ชั้นแรกที่ขึ้นไปถึง ก็มีพวกของที่ระลึกวางขายอยู่
พอขึ้นมาอีกชั้นก็เป็นร้านขายของที่ระลึกอีก
จากนั้นก็ถึงดาดฟ้าชั้นแรก มองไปรอบๆก็เป็นอย่างที่เห็น
เดินสำรวจรอบๆ เจอบันไดวนขึ้นไปยังหอคอย แล้วจะมีเหรอที่เราจะอยู่เฉย
ด้านบนหอคอยก็ไม่มีอะไรมากนัก ก็ได้มุมมองที่สุงขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย
อ่อ! ลืมไปยังมีอีกอย่างบนผนังหอคอย รูปที่เห็นนี้ก็ไม่ใช่ หลักศิลาจารึกทางทางประวัติศาสตร์แต่อย่างใดนะครับ มันเป็นผลงานของพวกมือบอน สมองกลวง ที่ขีดลงบนผนังของหอคอยครับ
ออกจากประตูชัย คนขับรถก็จะพาไปยังแหล่งช้อป' ระหว่างทางก็ผ่าน สถานที่ๆพระแก้วมรกตเคยประดิษฐานอยู่ (คนขับรถบอกมา) ถามพวกเราว่าจะลงไปดูไหม ... ทุกคนส่ายหัว ส่วนตัวผมแม้ว่าจะเป็นคนธรรมะ ธำโม แต่ในเมื่อเสียงข้างมากว่ามาอย่างนั้น ก็ต้องว่าตามเสียงส่วนใหญ่ล่ะครับ
และแล้วก็มาถึงแหล่งที่ขายมือถือ Nokia ของปลอมกัน
เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากครับ มือถือปลอมที่ลาวนี่ ทำออกมา ฟั่งชั่นเยอะกว่าของแท้ซ่ะอีก ไม่ว่าจะ เอ็นซีรีย์ หรืออีซีรีย์ อย่างของแท้ไม่มีปากกาจิ้มที่จอ แต่ของปลอมที่นี่มีปากกาให้จิ้มที่จอได้ด้วย 555 แต่ผมดูแล้ว ราคาใช่ว่าจะถูกนะครับ 4000-5000 บาท(ไทย)เชียวครัับ ซื้อไปแล้วไม่รู้ว่าจะใช้ได้กี่เดือน แล้วไม่รู้ว่ามันจะระเบิดใส่หูเราหรือเปล่า?
ที่ไหนได้ พวกไปซื้อ N95.5 (แถมให้จุด 5 เพราะว่าอย่างที่บอก ทำฟั่งชั่นเกินของแท้) ตามรูปมาซ่ะ 2 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 4,200 บาท(ไทย) คิดแล้วเสียวหูมันจริงๆเลย กลัวว่าแบตจะระเบิดใส่
ศูนย์กลางค้าในเมืองเวียงจันทร์ (ชื่อว่าอะไรก็ไม่รู้)
ออกจากร้านโทรศัพท์ คนขับรถก็พาไปศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง พอดีไม่ได้ถามข้อมูลมา ก็เลยไม่รู้ว่าชื่ออะไร รู้แต่เพียงว่า ดูแล้วน่าจะเป็นศูนย์กลางค้าที่คิดว่าจะมีที่เดียวในเวียงจันทร์ มีแหล่งจับจ่ายซื้อของอยู่ 3 ชั้น ภายในติดแอร์ทั้งหมด ร้านต่างๆข้างในก็แบ่งเป็น shop กั้นห้องแยกใครแยกมัน (คล้ายๆ MBK บ้านเรา) สินค้าที่ขายก็มีหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า,รองเท้า,ฯาฬิกา,โทรศัพท์,CDผี ฯลฯ
บรรยากาศภายในศูนย์กลางค้าในเวียงจันทร์
เดินไปเดินมาไปเจอเค้าถ่ายทำอะไรกันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ดาราเค้าก็สวยดีนะ
มี internet cafe' ตั้งอยู่ในศูนย์กลางค้าแห่งนั้นด้วย
มีศูนย์อาหาร อยู่บริเวณชั้น 3
ช้อป'(ด้วยสายตา) มาเยอะแล้ว พลังงานของไข่กระทะบ้อบอของท่าเสด็จหมดฤทธิ์แล้ว ก็เลยต้องควักเงินในกระเป๋ามาแลกบัตร กินอาหารกัน ผมแลกมา 15,000 (อ่านว่าหมื่นห้านะคร้าบบบ) คิดเป็นเงินไทยแล้วก็ 60 บาท
อาหารมื้อแรกในลาวของผมก็คือ ก๋วยเตี๋ยว แต่ดูๆแล้วผมว่ามันคล้ายๆกับ "เฝอ" ครับ ก็อย่างที่จั่วหัวเรื่อง blog ไว้ละครับว่าชามนี้ราคา 10,000 กีบ (40 บาทไทย)
ส่วน(โกปี้)กาแฟร้อนแก้วนี้ รสชาติเข้มเหมือนหน้าคนกินเลย ราคา 4000 กีบ (15 บาทไทย)
แลกมาหมื่นห้า กินก๋วยเตี๋ยวกับกาแฟ ก็เกือบเกลี้ยงตั๋บ เหลือแค่ 1000 กีบ เดินเข้าห้องน้ำจะเข้าไปฉี่ เจอด่านเก็บเงินน่าห้องน้ำ จ่ายไปอีก 1000 กีบ (5 บาทไทย) สรุปว่าเกลี้ยงตั๋บจริงๆ ...
สรุปแล้วค่าครองชีพในเวียงจันทร์ ผมว่าค่อนข้างจะสูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะอาหารที่ผมไปกิน ก็เป็นอาหารปกติ ธรรมด๊า ธรรมดา ซึ่งดูแล้วคนเลาวเองก็นั่งกินกันเยอะ ผมได้ถามคนขับรถแล้ว เค้าก็บอกว่าค่าครองชีพในเวียงจันทร์ก็สูง แต่ถ้าเป็นออกไปรอบนอกเมือง ก็จะไม่สูงขนาดนี้ ระหว่างนั่งรถกลับผมก็ถามไปเรื่อย เค้าบอกว่าคนลาวที่มีรถยนต์นี่ จะต้องค่อนข้างรวย เพราะว่าอย่างรถกระบะโตโยต้าตัวผู้ (4WD) ราคาเป็นเงินไทยก็เกือบๆล้าน แล้วราคาน้ำมันที่ลาวก็ลิตรละ 40 กว่าบาท อีกอย่างซื้อรถที่โน่น ค่อนข้างจะซื้อเงินสดกัน ถ้าจะเป็นแบบผ่อนก็ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเยอะแยะ
ขากลับก่อนจะกลับเข้าไทย มาลาวทั้งทีหมดเงินแค่ 60 บาทก็ดูจะเป็นคนพอเพียงไปหน่อย ก็เลยแวะเข้าไปหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือซักหน่อย ของในร้านปลอดภาษีมีหลากหลาย มีทั้งเหล้า,บุหรี่,ขนม,กาแฟ,ช๊อกโกแล็ค..ฯลฯ "แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่า ตาดีได้ตายร้ายเสีย ของถูกไม่มีของดี ของดีย่อมไม่ใช่ของถูก " ที่ผมซื้อก็มี กาแฟ,ลูกอม,ช็อกโกแล็ค (อย่างหลังนี้กินแล้วถุยทิ้งแทบไม่ทัน นอกนั้นถือว่าฟลุ๊กไปที่ได้ของแท้)
ออกจากลาวก็ขับรถกลับกรุงเทพฯระหว่างนั้นก็แวะ อุดร' หาซื้อของฝากอีกครั้ง มาอุดรก็คงไม่ต้องว่าจะซื้ออะไร ... ดูรูปเอาล่ะกัน
ร้าน VT แหนมเนือง ร้านใหญ่ร้านดังของ อุดร'
พระเอกของร้านนี้ก็คือ "แหนมเนือง" ซึ่งทางร้านบรรจุกล่องไว้ให้ซื้อกลับบ้านตั้ง 3 แบบ แบบเอาไปกินที่บ้าน,แบบเอาไปกินไกลบ้าน(ไว้ได้นานหน่อย),และแบบเอาขึ้นเครื่องบินได้
ร้านนี้มีระบบการจัดการที่ค่อนข้างจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามาก สามารถสั่งของโดยไม่ต้องลงจากรถได้ (คล้ายกับจอกรถแล้วสั่งกลับบ้าน) หรือว่าท่านจะจอดรถ เลยเดินไปเลือกซื้อสินค้าก็ได้ ซึ่งในร้านก็มีหลายอย่าง
กรรมวิธีการผลิตแหนมเนืองของร้านนี้ ใช้เครื่องจักรทำซ่ะส่วนใหญ่ ว่ากันว่ากู้เงินมาลงทุน 10ล้าน ใชหนี้้หมดภายในปีเดียว...
------------จบแล้วนะครับ------------
*** ข้อมูลใน blog นี้ใครที่อ่านแล้ว ก็คิดซ่ะว่าอ่านขำๆเพลินๆนครับ เพราะเป็นข้อมูลที่ออกมาจากความจำของผมเพียวๆเลย มิได้มีการตรวจสอบกลั่นกรองแต่อย่างใด ดังนั้นถ้าเอาไปเป็นข้อมูลอ้างอิง กลัวว่าจะไม่ถูกต้องทั้งหมดนะครับ ***
รถตำ* ก็คือ รถชน เบยลาว* ก็คือ เบียร์ลาว
ปล. ท่านใดที่ Tag 31 ข้อมาหากระผม ขอผลัดเป็น blog หน้าแล้วกันนะครับ
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 8:39:04 น. |
|
29 comments
|
Counter : 6035 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:15:33 น. |
|
|
|
โดย: nam_sila วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:37:39 น. |
|
|
|
โดย: จ่าหมาน วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:23:20 น. |
|
|
|
โดย: wildbirds วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:05:56 น. |
|
|
|
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:34:28 น. |
|
|
|
โดย: nakwan6 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:43:54 น. |
|
|
|
โดย: cartoon1759 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:05:43 น. |
|
|
|
โดย: iamorange วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:51:50 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:22:32 น. |
|
|
|
โดย: ToY (tiny ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:25:52 น. |
|
|
|
โดย: ToY (tiny ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:27:00 น. |
|
|
|
โดย: ShoesMonster วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:20:21 น. |
|
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:34:26 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:04:57 น. |
|
|
|
โดย: prncess วันที่: 18 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:19:52 น. |
|
|
|
โดย: mungkood วันที่: 18 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:34:12 น. |
|
|
|
โดย: ST.Exsodus วันที่: 18 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:55:38 น. |
|
|
|
โดย: goodpeople วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:23:33 น. |
|
|
|
โดย: Atomix1976 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:33:50 น. |
|
|
|
โดย: อะนะ IP: 124.157.220.71 วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:20:14:49 น. |
|
|
|
| |
|
|
แวะเข้ามาเยี่ยมครับ
และเก็บภาพทั้งกิน ทั้งเที่ยวมาฝากครับ
อยากดูแบบบรรยากาศแบบเต็มๆ คลิกที่รูปได้เลยครับ