|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
ซาเล้ง.com
"ไอ้ซาเล้ง.com" ชื่อนี้ไม่รู้ว่ามีใครใช้บ้างหรือยัง แต่พรรคพวกผมมันเริ่มเรียกผมด้วยชื่อนี้กันมากขึ้นแล้ว
ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับพี่น้อง ยังหายใจได้คล่องไหมครับ? อยู่ดีไม่ว่าดี กลายเป็นคนยุค "โฟตี้" (40) ไปซ่ะงั้น ที่บอกว่ายุค40 นี่ ผมหมายถึงยุคน้ำมันลิตรละ 40 บาท นะครับ ไม่รู้ว่าจะอยู่ยุค 40 นี้ได้นานแค่ไหน ดีไม่ดีคงได้เห็นยุค 50 ในเร็ววัน ที่นี้ล่ะ ได้ตายหยั่งเขียดกันแน่ๆ
ผมเองช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงปรับสายเข็มขัดอยู่ครับ รัดจนจะถึงรูสุดท้ายแล้ว ยิ่งตอนนี้งานด้านอสังหากำลังขาขึ้น(ก่ายหน้าผาก)อยู่ด้วย เงินเดือนอย่าหวังว่า จะปรับขึ้นตามค่าครองชีพเลยครับ ทุกวันนี้ขอแค่ให้ออกให้ตรงเดือนก็เก่งแล้ว อย่างล่าสุด กว่าเงินเดือนจะออกก็ปาเข้าไปวันที่ 20 เท่านั้นยังไม่พอ ยังออกแค่ 50% ไปก่อน นับว่าเป็นฝันร้ายของพวกราชาเงินผ่อนของแท้เลยครับ ผมล่ะสงสารจริงๆ เพราะบางคน สิ้นเดือนผมเห็นมี จม.แจ้งยอดผ่อนชำระ มากันท่านละ 2-3 ฉบับ อิออนบ้าง บัตรเครดิตบ้าง ยอดผ่อนรถบ้าง...
ส่วนผมนั้นโชคดีหน่อย ไม่มีอะไรให้ผ่อน รถยนต์ก็ไม่มี ค่าเช่าห้องทุกวันนี้ก็ไม่ต้องแล้ว เมื่อไม่มีค่าห้อง ก็ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟด้วย ทุกวันนี้นับว่าทำกินคนเดียว กับไอ้ไข่นุ้ยอีก 1 ตัว อ่อ! ลืมไป ต้องส่งเงินให้พ่อใช้ด้วย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะไม่ต้องส่งให้ตรงเวลาก็ได้ มีก็ให้ ไม่มีก็ค่อยให้ เผลอๆแปะโป้งเป็น 2 เดือนก็ยังได้ ... พ่อผมไม่คิดค่าตามค่าธรรมเนียมจ่ายช้าเหมือนบัตรเครดิต (ฮา)
ขนาดว่าผมอยู่แบบไม่ต้องจ่ายค่าอะไรต่อมิอะไรแล้วนะ ทุกวันนี้ยังรู้สึกได้เลยว่าเงินในกระเป๋ามันมีค่าน้อยลง ช่วงนี้มีเวลาว่างมากเป็นพิเศษ ก็เลยกลับมาหากินตาม internet เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เที่ยวนี้ไม่ใช่เฉพาะแค่อะไหล่จักรยานเท่านั้น ทั้งของเก่า, ของใหม่ ,ของใช้แล้ว ผมเอาลงมาขายในเน็ตหมดล่ะครับ จะว่าไปขายของในเน็ตนี่เข้าทางผมเลยนะครับ ผมชอบมาก ค่าที่หน้าร้านก็ไม่ต้องมี ในเมื่อหน้าร้านไม่มีก็ไม่ต้องนั่งเฝ้าร้าน ลงขายเสร็จก็เปิดมือถือ รอรับโทรศัพท์ ระหว่างนั้นเราก็สามารถนั่งทำงานอื่นๆได้อีก ...
ผมไม่ใช่เซียน ไม่ใช่ผู้ประสบความสำเร็จทางด้านขายของในเน็ตนะครับ แต่ก็พอหาเงินมาเติมในกระเป่าพอไม่ให้มันขาดมันพร่องได้อยู่เรื่อยๆ
มาดูวิธีหาเงินมาเติมในกระเป๋าของผมกันนะครับ
ทุกวันนี้ผมโชคดีที่แฟนผมทำงาน บ.ฝรั่ง ดังนั้นแฟนผมจึงมีการเดินทางไป ตปท.ค่อนข้างบ่อย บ้างครั้งถึงแม้ว่าแฟนผมจะไม่เดินทางไปเอง ผู้ร่วมงานของเค้าก็ไปกันเกือบทุกอาทิตย์ ที่นี้ก็มานั่งลุ้นกันซิครับ ว่าได้ไปประเทศไหน บ้างก็เยอรมัน บ้างก็สิงคโปร์ บางก็อเมริกา เมื่อไหร่ที่ได้ไปอเมริกา ผมก็จัดแจงเตรียมหาเงินไว้ซักหนึ่งก้อน เพื่อที่จะฝากซื้อของเอาเข้ามาขาย
อย่างเมื่อ 2 เดือนก่อน ฝากแฟนซื้อหูฟัง BOSE หูฟังตัวนี้ถ้าซื้อในไทย (เซ็นทรัลเวิดล์)ก็ราคาอยู่ที่ 26,000 บาท นับว่าแพงมาก แต่เรื่องเสียงนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่ต้องหูเทพก็ต้องบอกว่า เสียงใสปิ๊ง ที่สำคัญมีระบบตัดเสียงรบกวนในตัว ผมได้หูฟังมาลองฟังอยู่ซักอาทิตย์ จากนั้นก็นำมาลงขายในเน็ต ที่ราคา 19,000 บาท กะว่าถ้าขายได้ก็จะขาย ขายไม่ได้ก็เก็บไว้ฟังเอ เพราะว่าราคาที่ฝาก แฟนซื้อมานั้น (ซื้อที่เมกา') ราคารวมภาษีแล้ว 14,000 บาท กะว่าถ้าขายได้ก็กำไรซัก 5 พันก็คงพอได้อยู่ ลงขายอยู่ ประมาณ 1 อาทิตย์ ก็มีคนมาขอซื้อ ผมยังคิดในใจอยู่เลยว่า ใครวะกล้าซื้อหูฟัง อันละเกือบ 2หมื่น มาฟัง มีการนัดกันดูของที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ผมเสียมารยาทถามเค้าว่าเค้ามีอาชีพอะไร เค้าตอบว่าเค้าเป็นหมอ ...
วันนั้นคุณหมอเค้าขอต่อราคา 1พันบาท ตกลงว่าซื้อขายกันที่ 18,000 บาท สรุปว่างานนี้กำไร 4พันบาท แถมได้ลองฟังหูเทพอยู่ 1 อาทิตย์
ตัวนี้แหละครับ หูฟัง BOSE Quiet Comfort'3 ที่ขายไป
ที่นี้มาดูสินค้ายอดฮิตกันครับ แบบว่าเอาลงขายในเน๊ตไม่ถึง 1 ชม. ก็มีคนโทรมาขอซื้อกันแล้ว สินค้าที่ว่าก็คือ iPhone ครับ เมื่อเดือนก่อน แฟนก็มีโอกาสได้ไป เมกา' อีก ผมก็จัดแจงหาเงิน ฝากเธอซื้อ iPhone ไป 3 เครื่อง แต่ได้มาเครื่องเดียว เพราะว่าที่โน้นก็ของขาดตลาดเช่นกัน ไม่น่าเชื่อนะครับว่าทุกวันนี้ iPhone ใช้งานในบ้านเราได้ไม่เต็มประสิทธิ์ภาพ แต่ก็ยังมีคนใช้กันเยอะ ถึงขนาดของขาดตลาด ที่มีขายก็ราคาแพงซ่ะเวอร์มาก
นี่เลยครับ iPhone 16GB ตัวที่ลงขาย *** ถ้าอยากขายไว ราคาดี ก็อย่าไปแกะพลาสติกที่มกล่องมันออก ไม่ต้องไปอยากรู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไง ลงเครื่องมายังไง ก็ขายมันไปแบบนั้นเลย ... ***
อย่าง iPhone 16GBถ้าซื้อจาก shop ที่โน้นเลย รวมภาษีแล้วตกเป็นเงินไทยก็ประมาณ 17,400 บาท (ถ้า 8GB ก็อยู่ที่ ประมาณหมื่นสอง) ผมเอาลงขายในเน๊ตที่ราคา 20,500 บาท อย่างที่บอกแหละครับ ลงขาย 1 ชม. ก็มีคนโทรเข้ามาขอซื้อซ่ะแล้ว ผมบอกไปว่าถ้าถ้ามารับของเองผมลดให้อีก 300 บาท สรุปว่าวันนั้นเค้ามารับของเองถึงที่ทำงาน(ของแฟนผม) ตกลงว่าของชิ้นนี้กำไรไป 2,800 บาท ก็พอได้ยาใส้ไปวันๆ
ช่วงนี้แฟนบอกว่างานที่ เมกา' ยังไม่ถึงเวลาต้องไป แต่มีที่ สิงคโปร์ ผมก็กำลังนึกอยู่ว่า สิงคโปร์นี่มันมีอะไรพอที่ จะซื้อมาขายได้บ้าง(หว่า)
ดูผมขายของที่หิ้วเข้ามาแล้ว คราวนี้มาดูผมขายของเก่าที่ผมใช้แล้วบ้างดีกว่าครับ ของพวกนี้อย่างว่าแหลครับ บางทีเก็บไว้ก็ไม่ค่อยได้ใช้ หรือไม่ก็ไม่ได้ใช้เลย ผมก็เลยเอามาเล่นแร่แปลธาตุเป็นเงินซ่ะดีกว่า
บันได ที่ใช้จนฟังคาตีน
ล่าสุดเห็นสภาพบันไดจักรยานที่ว่าใช้งานจนพังคาคาตีน ผมไปรื้อๆค้นๆดู จากลังอะไหล่จักรยาน จากนั้นก็จัดวางแอ็กท่าสินค้าให้ดูดี แล้วก็ถ่ายรูป ผมก็ยังเอามาขายได้อีกก็แล้วกัน ราคาที่ขายไปก็ 350 บาทเชียวนะ แบบว่ามีคนขอซื้อไปซ่อม หรือไม่ก็เอาไปเป็นอะไหล่น่ะครับ
เสื้อยืด Fox
อย่างเสื้อยืดตัวนี้ ผมซื้มาจากตลาดนัด JJ ในราคา 200 บาท ใส่อยู่ 2 เดือน เบื่อแล้วก็เอามาลงขายต่อ ยังขายได้ราคา 350 บาท เลยครับ (หักค่าส่งพัสดุไป 50 บาท)
ไฟฉาย+แบต+เครื่องชาร์ต
ไฟฉายที่เห็นอยู่นี่ก็เช่นกัน บางครั้งผมเข้ากรุงเทพไปเดินคลองถม ผมก็ลงทุนซื้อมาไว้ แล้วก็นำไปลงขาย เอากำไรซัก ร้อยครึ่งร้อย พอเป็นค่ารถไป-กลับ ของลักษณะแบบนี้ ส่วนมากแล้วมันก็มีขายตามตลาดนัดอยู่นะ แต่เท่าที่เดินสอบถามราคาดูแล้ว ราคานี่อย่างแพงเลย (ราคาจะสูงกว่าที่ซื้อมาจากคลองถม 2-2.5 เท่า)
*** ไฟฉายนี้ผมหากินได้อยู่พักหนึ่ง พอทุกคนซื้อใช้กันครบแล้ว ก็หาอย่างอื่นไปขายกันอีก ขนาดว่าทำในจีนน่ะ 6 เดือนเข้าไปแล้ว ไฟฉายยังไม่เจ๊งอีก ***
เครื่องทำไอครีม
ส่วนรูปข้างบนนั้นก็คือเครื่องทำไอครีมที่ผมเคยนำมาเล่าใน blog เมื่อ 2 ปีก่อน ทุกวันนี้แฟนทำงานแล้ว ก็เลยไม่มีเวลาทำ ผมก็ไปเอามาลงขายซ่ะ มีคนจากทางเหนือโทรมาขอซื้อ เห็นบอกว่าตั้งใจจะไปทำไว้ขายนักเรียน ตอนเลิกเรียน เพราะบ้านเค้าอยู่หน้าโรงเรียน ป่านนี้คงทำขายจนรวยไปแล้วมั้ง
แต่การทำมาค้าขายแบบนี้ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ที่สำคัญ บางคนก็ไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี ยิ่งค้าขายในเน็ตอีก ปัญหาหลักก็คือ คนซื้อมักจะไม่ค่อยมั่นใจในคนขายน่ะครับ เรียกง่ายๆว่ากลัวโดนโกง ซื้อแล้วไม่ได้ของ หรือไม่ก็ซื้อแล้วได้ของไม่ตรงตามที่ลงไว้ ขายของแบบนี้ถ้ากะจะให้อยู่ในวงการนานๆ มันก็ต้องกฎมีกติกามีจรรยบรรณครับ
มาดูกันนะครับว่าผมมีหลักในการขายของอย่างไร
- ก่อนหาของมาขายก็ต้องมั่นใจว่า เอามาแล้วขายได้แน่ๆ เพราะว่าถ้าจะให้มีความน่าเชื่อถือ ก็ควรจะถ่ายรูปสินค้าจริง อย่าพยายามใช้รูปแทน (แบบว่าดึงมาจากแคตตาล็อก) ดังนั้นการที่จะมีรูปจริง ท่านก็ต้องออกเงินซื้อมาก่อน ถ้าของขายไม่ได้ ก็แสดงว่าเข้าเนื้อท่านเอง
- พยายามถ่ายรูปให้ชัด ให้มากเท่าที่จะมากได้ พร้อมทั้งบอกรายละเอียดให้มากที่สุด อย่าหมกเม็ด มีตำหนิตรงไหน ก็แจ้งไปให้ละเอียด เพื่อที่จะได้อยู่ในวงการนานๆ ที่สำคัญ ผู้ซื้อจะได้ไม่ต้องโทรมาต่อว่า หรือนำไปประจานตามเว็บ
- เว็บที่ท่านจะขายสินค้า ก็ควรจะเจาะจงเว็บเฉพาะกลุ่ม อย่างเช่น อะไหล่จักรยานก็ควรเข้าไปขายในเว็บจักรยานโดยเฉพาะ, มือถือก็เข้าไปเว็บพวกมือถือโดยเฉพาะ อย่าเข้าไปขายแบบผ่าเหล่าผ่ากอในเว็บเค้า ไม่เช่นนั้นจะมีคนเกลียด ,คนด่า มากกว่าที่คนจะซื้อ
- ควรจะตรวจสอบราคาของที่ท่านนำมาลงขายก่อน ว่าชาวบ้านชาวช่องเค้าขายกันเท่าไหร่ ถ้าท่านยังมือใหม่อยู่ ก็แนะนำว่าให้ขายถูกกว่าชาวบ้านซัก 5-10% แต่อย่าขายให้ถูกกว่าชาวบ้ายเยอะนัก เพราะท่านอาจจะโดน เข้าใจผิดได้ว่าท่านเป็นแก๊งค์ต้มตุ๋น (ผมคนหนึ่งล่ะที่คิดว่า ถูกแบบนี้ สงสัยพวกหลอกโอนเงิน)
- การที่ท่านขายราคาถูกกว่าชาวบ้านนั้น แน่นอนว่ากำไรของท่านต้องลดลง สำหรับผมๆใช้วิธีประหยัด ในขั้นตอนการส่งของแทนครับ
การส่งของนั้นถ้าท่านไปใช้บริการของไปรษณีย์ทุกชิ้น ตั้งแต่การซื้อกล่อง ,แพคกล่อง แล้วส่ง EMS นั้น ของชิ้นหนึ่งตกแล้วค่าส่งก็เกือบจะ ร้อยบาทเลยนะครับ (ขึ้นอยู่กับ นน.ของของที่จะส่ง) อย่างค่าส่งพัสดุ EMS นั้นคงจะต้องจ่ายไปตามนั้น แต่ค่ากล่อง เราสามารถจะทำการประหยัดตรงนั้นได้ อย่างกล่องที่ผมใช้ส่ง ผมก็เอากล่องกระดาษเก่า ที่เค้าทิ้งๆกัน มาตัดขึ้นรูปกล่องใหม่ กะให้มันพอดีกับขนาดของที่ส่งไป อย่าให้ใหญ่เกินไปมากนัก เพราะว่าจะทำให้ นน. เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าค่าส่งก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าท่านประหยัดตรงนี้ได้ ก็สามารถปะหยัดได้ประมาณชิ้นละ 10-20 บาท / ชิ้น (บางกล่องถ้าไปซื้อที่ ไปรษ์ณีย์+ค่าแพค ถ้าเป็นขนาดใหญ่ผมเคยจ่ายถึง 40 บาท/ชิ้น)
รูปการนำกล่องเก่า ที่ผมแกะกลับด้านแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ (ถ้าไปซื้อที่ไปรษณีย์ แบบนี้ก็ 7,10 บาท )
-การส่งสินค้านั้นแน่ใจว่าสินค้าไม่แตกหักหรือชำรุดในการส่ง ทางที่ดีก็ควรหาทางป้องกัน หาวัสดุหุ้มห่อให้ดี เพราะที่ไปรษณีย์นั้น ส่วนมากเค้าจะโยนกล่องกันทั้งนั้น (ยิ่งถ้าเขียนว่า ระวังของแตก พวกยิ่งโยน)
*** การส่งพัสดุทุกวันนี้ มีการส่งอยู่หลายวิธีนะครับ ผมก็ไม่มีข้อมูลมากนัก เอาเป็นว่า ผมจะขอเขียนแบบที่ผมเคยส่งก็แล้วกันนะครับ ***
- การส่งพัสดุแบบธรรมดา (ลงทะเบียน) การส่งแบบนี้ราคาก็ไม่สูงมากนัก อย่างกล่องบนขนาดตามรูป นน.อยู่ที่ 0.49 kg. ค่าส่งก็อยู่ที่ 28 บาท (ไม่รวมค่ากล่อง)
- การส่งพัสดุแบบ EMS (ผมชอบส่งแบบนี้มากที่สุด) การส่งแบบนี้ต้องกะคำนวณ นน.ให้ดี แล้วนำไปบวก กับราคาสินค้าให้นะครับ เพราะราคาจะสงขึ้นตาม นน. อย่างถ้ากล่องล่างตามรูป นน.ที่ 0.728 kg ค่าส่งก็อยู่ที่ 62 บาท (ไม่รวมค่ากล่อง) ที่สำคัญการส่งแบบ EMS นี้เรายังสามารถตรวจสอบของได้ด้วยตัวเองว่า ของที่ส่งถึงที่ไหนแล้ว แล้วใครมารับไปแล้วหรือยัง ...
- การส่งแบบ พกง. (แบบเก็บเงินปลายทาง) การส่งแบบนี้ผู้ซื้อชอบ แต่ผู้ขายโดยเฉพาะผม ไม่ชอบที่สุด เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเลยครับ ที่ไม่ชอบก็เพราะว่า ผู้ขายต้องจัดการส่งสินค้าไปก่อน แล้วก็ไปกรอกใบส่งของแบบ พกง. เขียนไปว่าให้เก็บเงินที่ปลายทางเท่าไหร่ (อย่าลืมบวกค่าส่งไปด้วยล่ะ) โดยที่เราจะต้องกรอกที่อยู่ที่จะให้ เค้าส่งเอกสารการรับเงินกลับมายังเราด้วย จากนั้น เมื่อของไปถึงแล้ว ทางไปรษณีย์ก็จะทำการออกหนังสือแจ้งไปยังผู้รับ ว่าให้ไปรับของที่ ไปรษณีย์ด้วย (ไม่มีการส่งถึงหน้าบ้านแบบพัสดุนะครับ) เมือผู้รับไปถึงไปรษณีย์ก็จัดแจงรับของพร้อมทั้งจ่ายเงินตามที่เราระบุไว้ จากนั้นทาง ไปรษณีย์ก็จะการเอาเอกสารใส่ซองส่งกลับมายังที่อยู่เรา ถ้าอยากได้ไวก็ต้องเป็นแบบ EMS ทั้งไปและกลับ แน่นอนค่าส่งก็จะแพงขึ้นอีกด้วย ... บางคนถามว่าแล้วการส่งแบบนี้ มันไม่ดียังไง อ่าดูแล้วมันก็แฟร์ๆดีทั้งผู้ขายและผู้ซื้นะ ถ้าผู้สั่งซื้อแล้ว ติดตามของที่สั่งไป เดินทางไปรับที่ไปรษรีย์แล้วก็ดีซิครับ บางคนสั่งแล้วทำเฉย ทำลืม (เพราะว่าไม่ต้องจ่ายเงินก่อน) ไม่ยอมไปรับของที่ไปรษณีย์ตามที่เค้าแจ้งไว้ พอของค้างอยู่นานเกินอาทิตย์ ทางไปรษณีย์เห็นว่าไม่มีการมารับ เค้าก็ส่งกลับมาซิครับ ที่นี่ค่าส่ง ,ค่ากล่อง ค่ารถไปบยังไปรษรีย์ ก็ต้องออกเองทั้งหมดซิครับ หน่ำซ้ำยังต้องไปจ่ายค่าของส่งกลับมายังเรากด้วย 2 เด้ง 3 เด้งไปเลย .... แม้ว่าปลายทางจะไม่มีปัญหาในการรับสินค้า เวลาซองส่งเอกสารการรับเงินมาถึงเราๆก็ต้องนั่งรถไปไปรษณีย์ เพื่อไปขอรับเงินอยู่ดีน่านแหละครับ สรุปแล้ววิธีนี้ถ้าจะใช้ก็ต้องบวกค่าส่งไปเยอะๆนะครับ อย่างถ้าเป็นของขนาดตามรูป ก็คงจะมีค่าส่งอย่างน้อยก็ ไม่น่าจะต่ำกว่า 150 บาทแน่ๆครับ
ไปรษณีย์หน้าหาดจอมเทียน กับ จักรยานคันเก่ง นับว่าปณ.แห่งนี้ ผมอุดหนุนค่าส่งไปหลายแล้ว
ส่งของเสร็จ ก็นั่งซัดหมาด เหล่แหม่มสาวๆ หน้าชายหาด
ผมใช้ไมล์จับระยะทางจากที่พัก-ปณ. ก็ประมาณ 12 กม.
ถ้านั่งมอไซด์รับจ้างไป-กลับก็จ่ายเกือบร้อย ถ้าขับมอเตอร์ไซด์ไปเอง ค่าน้ำมันยุค โฟตี้ ก็น่าจะตกราวๆ 10 บาท
ยุคนี้หวังให้ใครช่วยไม่ได้แล้วล่ะครับ สส. ท่านก็มัวแต่แก้เชือกที่จะรัดคอตัวเค้าเองอยู่ ยิ่งแก้ก็ยิ่งจะรัดคอขึ้น ดูอย่างน่าสมัครซิ ร่ำๆว่าจะโดนออกจากตำแหน่งนายก' เพราะดันไปทำรายการอาหาร 555
"แดกไปเหาไป ข้าวแพงก็ไปกินขี้" (ฮา... ไม่ออก)
ปล. blog นี้ผมนั่งเขียนขึ้นมาสดๆเลย มิได้มีการเรียบเรียงก่อนเขียนแต่อย่างใด ข้อมูล/ข้อความอาจจะไม่ประติดประต่อ ใครอ่านแล้ว งง ก็ขออภัยด้วยครับ
Create Date : 24 พฤษภาคม 2551 |
|
24 comments |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2551 7:26:23 น. |
Counter : 9295 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: rebel IP: 125.24.122.42 24 พฤษภาคม 2551 8:52:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: 2times4t 24 พฤษภาคม 2551 15:39:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ครูเอก 24 พฤษภาคม 2551 17:15:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: Febie 24 พฤษภาคม 2551 18:18:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลายแปรง IP: 118.175.208.84 25 พฤษภาคม 2551 18:36:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: Tristy 27 พฤษภาคม 2551 2:06:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 28 พฤษภาคม 2551 8:22:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 30 พฤษภาคม 2551 21:16:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชิน IP: 125.24.47.129 12 สิงหาคม 2552 15:29:23 น. |
|
|
|
| |
|
|