space
space
space
<<
กันยายน 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
space
space
15 กันยายน 2564
space
space
space

buying accessories for 2021 Tesla model 3 Performance

ในยูทูปจะมีวิดิโอเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก ตอนช่วงเรารอรถตั้งแต่ ม.ค.จนถึงเดือนส.ค.ก็ดูกันจนตาแฉะ ดูจนคิดว่าได้ดูวิดิโอทุก ๆ อันที่เกี่ยวข้องกับ Tesla model 3 หมดแล้ว อุปกรณ์บางอันก็คุ้มค่าซื้อมาแล้วได้ติดตั้งได้ใช้งานจริง บางอันซื้อมาผิดติดไม่ได้ หรือไม่ได้ติดเลย บางอันติดลงไปแล้วก็มีภาวะแทรกซ้อนตามมาเช่น กระจกแตก (ตามที่เล่าให้ฟัง) มือบอน หาเรื่อง  การเลือก accessories นี้ก็ยังเป็น ongoing process คือถึงป่านนี้ก็ยังมีการหาโน่นดูนี่ สนนู่นสนนี่ ยังไม่จบ บล็อกนี้ก็จะมาเล่าว่าเราสองคนสอยอะไรมาติดกันบ้าง ดังที่กล่าว ๆ ไป ก็ไม่ทราบว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้เราถึงคันมือคันไม้อยากติดนู่นนี่ ดัดแปลงนู่นนี่ ทั้ง ๆ ที่รถทุก ๆ คันที่เคยใช้มาก็ไม่เคยจะม็อดกันขนาดนี้ น่าจะเป็นเพราะความที่รถมันราบเรียบมากจนเกินไปในแง่ของ hardware และก็คงเป็นเพราะมี aftermarket accessories หลาย ๆ รายการหาซื้อได้เต็มไปหมด  สรุปว่ารายการที่เราจัดไปมีดังนี้

1. แผ่นกระจกติดหน้าจอ อันนี้รู้เลยว่าต้องมีแน่นอน ก็เลยเป็นของเล่นชิ้นแรกที่สอยมา เนื่องจากรถคันนี้ไม่มีปุ่มอะไรเลยทุกอย่างต้องกดจากจอแล้วก็ความที่จอมันอยู่กลางรถและก็ใหญ่มาก มีความกังวลตลอดเวลาว่าอะไรต่อมิอะไรจะหลุดจากมือแล้วก็กระเด็นไปเต๊าะกระจกแล้วแตกอะไรเงี้ย  อย่างตอนเช้าเราสองคนกินไวตามิลค์เป็นขวดแก้ว ก็จะต้องเขย่าขวดก่อนทุกครั้ง มีความหวาดเสียวมากว่าขวดจะกระเด็นไปโดนจอแตก  สำหรับรายการนี้เราก็ไม่ได้เลือกเยอะทั้ง ๆ ที่มีให้เลือกในท้องตลาดเยอะ ตอนนั้นเราดูคนรีวิวแล้วก็คล้อยตามซื้อเลย หวยออกที่กระจกแบบด้านยี่ห้อ Spigen ซื้อจากอะแมซอนตอนนั้นเราซื้อเมื่อ 7 เม.ย. 2021 ราคา $34.99 ตอนนี้ราคาแอบขึ้นไปเป็น $39.99 ค่าส่งจากเว็บนี้ก็แพงเอาการอยู่ ถ้ามีโอกาสควรจะหาอย่างอื่นพ่วงไปด้วย จะได้เซฟค่าส่งได้ ข้อดีของแอมาซอนคือเค้าคิดภาษีนำเข้าไปเลย ส่งให้ถึงบ้าน ไม่ต้องลุ้น แล้วก็บนแอมาซอนมีคนรีวิวสินค้าเยอะ ทำให้คนซื้อพอจะมีหลักฐานชี้นำได้ว่าของอันไหนดีไม่ดีจริง ถึงแม้จะมีเฟกรีวิวบ้างก็ต้องใช้ดุลยพินิจของตัวเอง ยังไงก็ดีกว่าของที่ไม่มีใครรีวิว  อย่างไรก็ตาม ถ้าใครอยากจะประหยัดเงิน คิดว่ามีกระจกติดจออีกหลายยี่ห้อที่ราคาไม่แพงขนาดนี้ โดยเฉพาะบน aliexpress.com ได้ลุ้นระทึกดี แม้แต่บนลาซาด้า/ช็อปปี้ก็มีขายนะคับ ราคาไม่ถึง 1000 บาท   ของ Spigen ก็ดีตรงที่ติดง่าย เพราะเค้าให้กรอบมาด้วย ไม่ต้องใช้ฝีมืออะไรมาก เรียกว่าลิงบาบูนก็ยังติดได้ ปัญหาคือได้  single-used plastic ชิ้นใหญ่ (กรอบที่เล็งน่ะ) เป็นขยะมาด้วย มีส่วนทำลายโลกนิสนึง ก็พยายามปลอบใจว่าครั้งเดียวน่า หวังว่าชีวิตนี้ไม่ต้องซื้อมาแปะอีกเป็นครั้งที่ 2  กระจกแบบด้าน ก็ดีตรงที่มันไม่มีแสงสะท้อนแว๊บ ๆ เวลาแดดแรง ๆ สำหรับเราก็โอเคเลย



2. OBD adapter and OBDLink MX+ Bluetooth Scanner
   อันนี้สำหรับพวกอยากรู้อยากเห็น อยากดูตัวเลขนู่นนี่  ถ้าใครไม่สนก็ข้ามตรงนี้ไปได้เลย สำหรับเราตอนนี้ความอยากรู้ก็เลยคิดว่าต้องจัด แล้วก็ซื้อไปพร้อม ๆ กับรายการที่ 1 เพื่อประหยัดค่าส่ง สรุปว่าจ่ายไป $32.75 สำหรับค่าสาย OBD adapter และ $99.75 สำหรับ OBDLink MX+ เมื่อรวมกับรายการ 1 รวมค่าส่งและภาษี บิลนี้ก็ปาเข้าไปกว่า $200 ทีเดียว ฮู่ ๆ ๆ  ยอมรับว่าตอนนู้น จ่ายตังค์ซื้อไปตั้งแต่ตอนเม.ย. 64 ยังไม่ค่อยรู้สึกว่ามันแพงเท่าไหร่  ตอนเนี้ย หลังจากกระเป๋าแห้งเหือก (จ่ายค่ารถไปแระ เป็นหนี้สหกรณ์อยู่ 1.7 ล้าน)  ถ้าให้ซื้อตอนนี้ อาจจะซื้อไม่ลง รู้สึกว่ามันแพง เป็นของฟุ่มเฟือย ขอรอไปก่อน มารู้ตอนหลังว่าบน aliexpress ก็มีขายสาย OBD adapter ราคาแค่ $8-16.49 (แต่ไม่ได้ยืนยันว่าใช้กับ 2021 Tesla model 3 ได้รึเปล่า) แอบเสียดายเล็ก ๆ อยู่


3. Hansshow autofrunk
   รายการนี้เราซื้อผ่านเว็บไซต์ของเค้าโดยตรง (www.hautopart.com) เป็นค่า autofrunk $469 ซื้อเพิ่ม trunk kick sensor สำหรับติดกับกระโปรงหลังอีก $79 มีส่วนลดให้อีก 15% และได้ free shipping worldwide ที่เลือกยี่ห้อนี้เพราะมันมีรีวิวยูทูปเยอะ และดูเหมือนเค้าก็น่าจะเป็นเจ้าที่ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน เพราะเค้าไม่ได้ทำเฉพาะของแต่เทสล่า สมัยก่อนเคยทำ autotrunk ด้วย แต่เนื่องจากโมเดล 3 รุ่นใหม่มี autotrunk มาด้วย ก็เลยประหยัดเงินเราไปเหลือแต่ซื้อ foot sensor เพิ่ม ทีแรกเราก็พยายามจะซื้อ foot sensor สำหรับ autofrunk ด้วยแต่บนเว็บไซต์เค้าไม่มีขายทั้งที่ก่อนหน้านี้แค่ปีเดียวมียูทุปเบอร์หลายคนรีวิวว่ามีขาย อันนี้ถามคนขายเค้าแล้วเค้ายืนยันว่าของรุ่นใหม่ไม่มี อันนี้เราก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าจะให้เดาก็น่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย ความแตกต่างระหว่าง trunk กับ frunk ที่สำคัญคือกรณี frunk ถ้ามันบังเอิญเปิดขึ้นมาตอนกำลังขับรถอยู่ แค่นึกภาพก็น่ากลัวมากแล้วนะ ถ้ารถวิ่งเร็ว ๆ แล้ว frunk เปิดเอง เราคิดว่าลมมันคงจะพัดฝา frunk ให้มันปลิวไปแน่นอน ที่ซวย ๆ กว่านั้นก็คือคนขับมองไม่เห็นอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ คิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลนี้หรือเปล่าที่ไม่เคยจะมีรถยี่ห้อไหนเจ้าไหนไม่ว่าจะ luxurious แค่ไหน เค้าทำให้มี autofrunk มาจากโรงงาน (ถ้าผิดแจ้งได้นะคับ) การที่ทำให้ frunk มันต้องเปิดแบบ manual 2 ขั้นตอน มันก็เป็น safety อย่างหนึ่ง  ไอ้การจะยิ่งไปทำให้มันมี foot switch ด้วยนี่ยิ่งน่ากลัวใหญ่เลย เกิดใครเดินผ่านหน้ารถหรือมอไซค์บ้านเราปาดหน้าแล้วเกิด frunk มันเปิดขึ้นมานี่สะใจเข้าไปใหญ่โดยเฉพาะกรณีของ aftermarket accessories คือถ้าเป็นของที่เทสล่าเค้าให้มา เค้าก็ควรจะต้องมีการล็อคไว้แล้วว่าเวลารถขับ จะไม่มีการจ่ายไฟไปที่เซ็นเซอร์อะไรประมาณนี้  สำหรับ foot switch for trunk ที่เราซื้อมานี่ ก็รบกวนให้ทางบริษัท W เค้าช่วยติดให้ มันก็มีปัญหาอยู่ว่าบางทีเราเดินผ่านกระโปรงหลังมันก็เปิดฝากระโปรงให้ก็มี พูดง่าย ๆ คือมันไวเกินไป ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาที่เราไม่เคยเจอในสโนว์ (ของ Mercedes C350e, foot sensor เค้ามากับรถเลย)   ส่วน autofrunk ของเราก็ให้ทาง W เค้าช่วยติดให้เหมือนกัน เราไม่ได้แกะฝาในกระโปรงหน้าออกมาตรวจดูงานว่าติดเรียบร้อยหรือไม่ แต่เหมือนที่เคยเขียนไปก่อนหน้านี้ว่าเราก็เจอะเจอปัญหาเนือง ๆ เช่น ว่าไม่ยอมเปิดมั่ง  หรือปิดไม่สนิทมั่ง  ตอนหลัง ๆ ก็ดีขึ้น แต่ก็ยังเจอประปราย  มาถึงตอนนี้ เราก็สงสัยเหมือนกันว่าความที่ frunk มันใช้ไม่บ่อยมาก จริง ๆ ถ้าไม่ติด autofrunk เราก็ยังคิดว่าโอเค และได้ความสบายใจไม่ต้องกลัวว่ามันจะ pop เปิดเองตอนกำลังขับรถอยู่ การมี autofrunk ก็จะได้เรื่องเสียเงิน (1) ได้รู้สึกเท่ห์ (2) ถ้ามันยอมเปิด มันเก๋ไก๋ดีก็เท่านั้น ข้อดีจริง ๆ ที่เราว่าดีก็คือความสะดวกที่ไม่ต้องล้วงมือเข้าไปหาที่ล็อคและออกรถยกให้เค้าเปิด (จริง ๆ เค้าทำจากแผ่นอลูมิเนียม บานก็ไม่ใหญ่มาก ไม่หนักเท่าไหร่) แต่ข้อดีประการสุดท้ายก็คือเวลาปิด (ถ้าเค้ายอมปิดดี ๆ ) ถ้าไม่ติด autofrunk การปิดเองด้วยมือนี่ไม่ง่ายเท่าไหร่ มันต้องกดลงเท่าที่ดู ถ้ากดลงไม่ดี มีโอกาสทำบุบอีก ไม่เหมือนรถอื่น อย่างน้องสโนว์นี่ปล่อยน้ำหนักตามแรงโน้มถ่วง เค้าก้อปิดได้สนิท ดีไม่ดี ข้อสุดท้ายประการเดียวก็อาจจะเพียงพอให้เป็นเหตุผลซื้อ autofrunk มาติดแระ  อันสุดท้ายที่ถือเป็นโบนัสก็คือทางชาวจีนที่เค้าขายอะไหล่ตัวนี้ เค้าชิปของออกมาจากเมืองจีนไม่คิดค่าส่งเราแถมยังประเมินราคาหน้ากล่องมาแค่ 61.8 USD บวกกับสภาพความโทรม ความดูไม่แพงของแพ็คเกจสินค้า ก็ทำให้ทางศุลกากรหลงเชื่อไม่ได้สงสัยว่าเราจ่ายจริงไปตั้ง $469 (อันนี้เราไม่เกี่ยวนะ เราไม่ได้ขอให้เค้า understate) ตอนโดนคิดอากรก็เลยโดนคิดแต่ค่า VAT 7% จ่ายไป 210.17 บาท บวก FEDEX ชาร์จค่าบริการอีกเกือบสองร้อยบาท รวมจ่ายค่าอากร + ค่าบริการไป 408.12 บาท  รับได้
    ก็ so far, ยังไม่เจอเหตุการณ์ frunk เปิดเองไม่ว่าจะเวลาขับอยู่หรือจอดอยู่ มีแต่กดเปิดแล้วไม่ยอมเปิด กับกดปิดแล้วปิดไม่สนิท แค่นี้ก็พอหงุดหงิดได้  อ้อ เราขอก้านโช๊คสปริงอันเดิมของ original Tesla กับทาง W คืนมาด้วยทั้ง 2 อัน เกิดวันไหนถ้ามีอาเพทอันใดขึ้นมา ยังใส่คืนกลับเข้าไปได้เหมือนเดิม ข้อน่าสงสัยประการสุดท้ายก็จะเป็นเรื่องแบต เราไม่ทราบว่าตัว console ของทาง hansshow เค้าแหลกไฟ 12V ขนาดใดและเวลารถเค้าหลับไปแล้วมันยังแอบแหลกไฟอยู่รึเปล่า อันนี้ก็สงสัยกันต่อไป


4. ยางปูพื้นรถ  อันนี้ก็เป็นสิ่งจำเป็น กรณี Model 3 PF ของเราทางเทสล่าเค้าให้พรมมา (ได้ยินว่า SR+ ไม่มีให้มา ไม่แน่ใจว่า LR มีอะไรปูมารึเปล่า) อย่างไรก็ตาม สำหรับบ้านเรา (หรือแม้แต่ของฝาหรั่งก็ตาม) พรมมันจะต้องเละแน่นอน และหลาย ๆ คนก็จะปูแผ่นยางทับลงไป  หลังจากเราทบทวนดูรีวิวทางออนไลน์หลายยี่ห้อ ก็ตกลงปลงใจว่ายี่ห้อ 3D maxpider น่าจะดี  ตอนแรก ๆ ก้อมีความพยายามอย่างแสนสาหัสที่จะซื้อ original Tesla model 3 floor liner จากเว็บไซต์ tesla.com ในเมกา โชคดีเหลือเกินที่ซื้อไม่ได้ (ในตอนแรก) เพราะเรามานึกออกทีหลังว่าถ้าซื้อมาจากเมกาก็จะได้แบบพวงมาลัยซ้ายมา มันก็จะใช้ได้เฉพาะด้านหลัง ส่วนด้านหน้าก้อคงกลับด้านซ้ายขวา คงจะมีเหงื่อโง่แตกซึม โชคดีไป และก็โชคดีอีกขั้นที่เมืองไทยมีขายเฉยเลย ไม่น่าเชื่อว่ามีตัวแทนประเทศไทย (https://shop.formosa.co.th) เค้ามีของเทสล่าขายด้วย อาจจะมีสต็อคอะไหล่ไม่เยอะ เค้ามีขายตอนนี้สำหรับ Model 3 กับ X ไม่รู้ทำไมไม่ขายรุ่นอื่น ราคาลิสต์ไว้บนเว็บเค้า 6,300 บาท แต่เราไม่แน่ใจว่าทำไมคนขับรถเราเค๊าซื้อมาได้ในราคา 5,700 บาท ก็ปูเข้าไปแล้วก็รับรูปดี เป๊ะ แต่ต้องเอาพรมอันเดิมออก ก็ใช้งานดีโอเคสมราคานะคับ



5. หลังจากที่เรารบกับทาง tesla.com ที่กล่าวไปข้างต้นตอนที่เราพยายามสั่งของผ่านเว็บไซต์แล้วเค้ารู้ว่ากดมาจากเมืองไทยแล้วก็บล็อกเรา และเพื่อนเราที่อยู่เมกา (ที่เราไปขอยืมใช้ที่อยู่เค้า) ก้อพลอยถูกบล็อกไปด้วย กันไว้ทุก ๆ รูปแบบทำให้เราสั่งของไม่ได้ ตอนหลังเราก็สามารถสั่งได้โดยจ้างวานให้ทาง https://www.us-hop.com เค้าสั่งให้โดยเค้าคิดค่าบริการในรูปแบบของการชาร์จ 35 บาทต่อ 1 USD ของมูลค่าของที่สั่ง ส่วนค่าบริการส่งมาเมืองไทยอันนั้นต่างหาก (กิโลละ 800 บาท + ค่าส่งที่เมืองไทยอีกตะหากนะ)  โชคดีว่าถึงตอนนั้นเรารู้เรื่องยางปูรถแระว่าพวงมาลัยซ้าย-ขวา ใช้กันไม่ได้ แต่เราก็ยังอุตส่าห์ไปสั่ง frunk liner สำหรับปู frunk ด้านหน้า เจ้ากรรมเวรว่าอีตา us-hop ดังสั่งให้เราผิด ไปสั่งของ Model 3 รุ่นเก่ามา ทำให้มันวางกับรถเราไม่ได้ อันนี้มูลค่า $70 ที่เราต้องจ่ายให้ us-hop ไป 2,450 บาท อันนี้สุดท้ายเราก็ยกให้บริษัท W เค้าไปเนื่องจากเค้ายังมี Model 3 รุ่นเก่าในโชว์รูมอยู่ อย่างน้อยของมันก็ยังเกิดประโยชน์กว่าเราวางไว้เฉย ๆ ส่วนอย่างอื่นที่เราสอยมาก็ได้แก่ paint repair kit สี pearl white เพราะคิดว่าถ้าไปซื้อของไม่แท้ สีอาจจะไม่เหมือน อันนี้โดนไป $55 ป่านนี้ยังไม่เคยใช้แอบแกะออกมาดู มันก็เป็นกล่อง ๆ แล้วก็มีนู่นนี่เต็มไปหมด หวังว่าไม่ต้องใช้  นอกจากอันนี้ก็ยังอุตส่าห์ไปสอย glass roof sunshade ของแท้มาด้วย แต่เจ้ากรรม เค้ามีแต่ด้านหลัง ไม่มีด้านหน้า อันนี้แพงเว่อร์ $90 ปรากฎซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ วางไว้เฉย ๆ เด้วต้องหาเจ้าของใหม่ต่อไป

ปล. Oct 20, 2021 ขอมาเขียนเพิ่มเติม เนื่องจากเพิ่งได้ไปใช้ touch up paint เพราะตัวเองดันออกรถเลี้ยงไม่พ้นเสา ไปขูดเล็กที่โค้งล้อด้านหลังไม่ถึงกับบาดเจ็บมาก คือรอยบาดเจ็บอยู่บน PPF (Paint protection film) แต่ก็มีขอบที่ PPF มันเหมือนจะโดนขูดจนรุ่ย ก็เลยว่าจะเอา touch up paint โปะ ในกล่องไม่ได้มีพู่กันมาให้ ไม่มืถุงมือดำให้เหมือนในรูป มีแต่ผ้าไมโครไฟเบอร์สีดำ (ที่กางปูพื้นอยู่ด้านบน) ขวดเบอร์ 1 และ ขวดเบอร์ 2 กับยางปาดสีแดงและก็คู่มือ จากเท่าที่เราอ่านเข้าใจจากคู่มือ เทสล่าเค้าอยากให้เราเอาเบอร์ 1 ป้ายก่อน แล้วก็เอายางสีแดงปาดให้เรียบ พอเบอร์ 1 แห้งแล้ว (ควรจะแห้งเร็ว) ก็ค่อยทาเบอร์ 2 ทับ   จากประสบการณ์จริงที่ใช้ เบอร์ 1 นี่หนืดมากสีออกจะเหลือง ๆ นวล ๆ กว่าสีรถ แต่พอแห้งแล้วก็ดูเหมือนสีเดียวกัน เค้าไม่ได้ให้ภู่กันมา เราคิดว่าเค้าควรจะทำเหมือน touch up paint ของรถอื่น เช่น อย่างของตราดาว ฝาขวดเค้าจะมีภู่กันเล็ก ๆ เหมือน ๆ กับพวกน้ำยาป้ายคำผิด เขย่าขวดแล้วก็หมุนฝาออกมาทาได้เลย พอไม่มีภู่กัน เราก็ใช้ cotton bud ซึ่งก็ไม่ค่อยเหมาะเนื่องจากสีมันหนืด แล้วมันก็จะมีใยสำลีไปติด ส่วนการปาดนั้น ทำไม่ได้หรอก ทาปุ๊บแล้วปาด ก็ออกหมด รอแห้งบางส่วนแล้วปาด ก็เละ ก็ไม่เข้าใจว่าจะให้ปาดให้เรียบยังไง จริง ๆ คิดว่า แต้ม ๆ ให้มันปกคลุมรอยถลอกให้เรียบร้อยแล้วก็ป้ายเบอร์ 2 ก็จบ ส่วนน้ำยาเบอร์ 2 ซึ่งเป็นน้ำยาสีชมพู ๆ มีฟองเยอะ ๆ ป้ายแล้วก็ไม่ป้ายนี่ดูไม่ต่างกันเท่าไหร่ อาจจะต้องเอาไฟมาส่อง ไม่แน่ใจ สรุปว่า touch up paint ของอีใช้ยากเหลือเกิน ชอบ touch up paint ของ Mercedes มากกว่า เป็นกระปุกอลูมิเนียม ภู่กันน้อยติดอยู่ที่ฝา เขย่าดี ๆ แล้วป้ายได้เลย ไม่ต้องมีเบอร์ 2 วุ่นวาย

6. Tesla model 3 glass roof sunshade หลังจากได้เรียนรู้ว่าอะไหล่หรือ accessories ของแท้ยี่ห้อเทสล่าจะแพงเว่อร์ และก็อาจจะไม่ได้ดีเสมอไป และเนื่องจากเธอดันไม่มีของสำหรับกระจกหลังคาด้านหน้า เราก็เลยต้องไปหาซื้ออีกอันสำหรับกระจกหลังคาด้านหน้าแต่เจ้ากรรม เค้าดันขายกันเป็นคู่ ซื้อแยกไม่ได้ ก็เลยไปสอยเอามาคู่นึงจาก https://www.tesmanian.com ในราคา $69.99 คู่นึงถูกกว่าของเทสล่า 1 อัน ยังผลให้อันของเทสล่าไม่ได้ใช้  ของ tesmanian นี่จะซื้อเดี่ยวก็จะเสียค่าส่งไม่คุ้มก็เลยสอยเอา HEPA air filter with activated carbon มาด้วยเลยราคา $49.99 เอามารอเปลี่ยนตอนเทศกาลฝุ่น เพราะ filter ของ model 3 ไม่มี HEPA หรือมีแบบคุณภาพไม่ดี นอกจากนี้ก็ยังสอยเอา Tesla 2021 model 3 air intake vent cover ($24.99) มาด้วย ซึ่งอันนี้อยากจะสารภาพว่ามีขายเต็มไปหมดทั้ง Lazada/shopee/aliexpress ถูกกว่าเยอะ อันสุดท้ายที่สอยจากเว็บนี้ก็จะเป็น Tesla model 3 Rear trunk organizer ($69.99) ขนาดใหญ่สะใจสำหรับคนมีขยะหลังรถเยอะ ข้อดีคือพับยุบไปเป็นปล้อง ๆ ได้ประหยัดที่ดี หมดนี่รวมออร์เดอร์นี้ $214.96 ลด 10% เหลือ $193.47 เนื่องจากเค้าไม่ส่งมาเมืองไทย เราก็เลยส่งไปที่ freight forwarder ยี่ห้อ myus.com แล้วก็โดนชาร์จค่าส่งมาเมืองไทยอีก $87.99 มาถึงเมืองไทยก็โดนศุลกากรไปอีก 3,543.79 บาท  น้ำตาซึมเล็กๆ จะเห็นว่าได้ช่วยชาติจ่ายภาษีไปเยอะทีเดียว ฮี่ ๆ สำหรับออร์เดอร์นี้ก็ได้ใช้ค่อนข้างคุ้ม ตัวติดหลังคาก็ใช้ตลอดเนื่องจากประเทศไทยอากาศร้อนมาก ขนาดติดฟิลม์เซรามิกแบบเบอร์เข้มสุดแล้วก็รู้สึกถึงรังสีความร้อนได้ แต่พอติดแผ่น sunshade เข้าไป ก็หายจากอาการหัวร้อนผ่าวทันที ข้อเสียก็จะมีแต่ว่าหากท่านเป็นยูทูปเบอร์แล้วต้องการติดจุ๊บติดกระจกสำหรับติดกล้อง ก็อาจจะไม่ดวก ต้องเอาลง ล่าสุดเห็นมีคนเอาไปติดฟิลม์กันความร้อนแบบแปะข้างนอกรถอีกทีนึง เห็นว่าวัดแล้วค่า UV ลงมาเยอะ จริง ๆ แล้วกระจกเดิมที่เทสล่าให้มาก็เป็นกระจกที่กันยูวีได้อยู่แล้ว แต่การกันรังสียูวีกับการกันความร้อนมันก็คนละเรื่องกันอยู่ จริง ๆ เราก็อยากลองไปติดฟิล์มกันร้อนด้านนอกที่ว่าเพราะหวังอานิสสงค์ว่ามันอาจจะช่วยกันกระจกร้าวได้บ้าง (มันไม่ได้ออกแบบมาสำหรับอันนั้น) แต่ราคาก็น่าจะหลักหมื่นเหมือนกัน ไว้ว่าว่าง ๆ จะลองโทรฯไปถามดู เพราะหากมันหายร้อนได้ เราก็ไม่ต้องติด sunshade ข้างใน แล้วก็สามารถแหงนหน้าชมท้องฟ้าได้เต็มที่ เผื่อวันใดอยากจะเป็นยูทูปเบอร์ก็ติดกล้องจุ๊บกับกระจกได้เลย ไว้เด้วจะมาอัพเดต


7. Tesla 3-pin IEC 60309 blue connector for UMC (Universal mobile connector) หรือที่เรียกว่า Blue commando adapter อันนี้เป็นอะไหล่แท้ที่หาซื้อยากมาก พยายามหาเองแล้วก็เจออยู่ แต่ราคาโหดไปหน่อย ก็เลยแอบถามทาง W ว่าสั่งให้หน่อยได้ไหม เค้าก็ใจดีสั่งให้ได้ในราคา 1,900 บาทเน็ต รวมค่าภาษี ค่าส่ง ซึ่งถือว่าถูกทีเดียวเทียบกับราคาที่เราหาได้เองบนเว็บไซต์และดันไม่ใช่ของ original Tesla ด้วย   เอามาทำไม  ความลับที่หลายคนอาจจะไม่รู้ก็คือไอ้เจ้า UMC อันเล็ก ๆ ที่มากับรถที่ให้เสียบไฟบ้านชาร์ถรถได้ แต่ถ้าท่านเสียบกับปลั๊กที่บ้านเค้าจะชาร์จให้ที่ 10A แต่ถ้าถ้าถอดเอาส่วนสายปลั๊ก (ปลั๊กอังกฤษ ของเรา เพราะรถมาจากอังกฤษ  ถ้ารถฮ่องกงก็ปลั๊กนี้เหมือนกันเพราะฮ่องกงก็ใช้ปลั๊กแบบอังกฤษ) ที่มาออก แล้วต่อไอ้เจ้า blue connector นี้เค้าไปแทน แล้วท่านเอาไปเสียบ เสียบกับอะไร ก็ต้องเสียบกับเต้าเสียบของ blue commando adapter สิฮะ  อันนี้ต้องหาไปซื้อเต้าเสียบ IEC 60309 blue connector แบบ 32A มาเดินสายไฟไว้เองนะคับ มีขายบนช๊อปปี้/ลาซาด้าเยอะแยะ เอาสายไฟตั้งแต่เบอร์ 6 มม.2 ขึ้นไป (เราเดินสาย 12มม2 เลย) เค้าจะยอมชาร์จให้ที่ 32A ความเร็วเทียบกับเครื่อง Tesla wall connector เครื่องใหญ่    อันนี้เราเดินเต้าเสียบดังกล่าวไว้ที่บ้านปะป๊าที่นครนายกตั้งแต่ก่อนรถมาส่ง จนถึงป่านนี้ ได้รถมาเดือนที่ 2 ยังไม่เคยพาน้องโบลต์ไปสวัสดีปะป๊า เลยยังไม่ได้คอนเฟิร์มจริงว่าได้ รู้แต่ว่ามันได้ตามสเป๊ก ตามที่มีคนแจ้งไว้ ถ้ามีโอกาสไปใช้บริการชาร์จที่บ้านปะป๊า เด้วจะมีเล่าให้ฟังนะคับ


  


8. ล้อ Martian wheels อันนี้จะขอกล่าวสั้น ๆ เนื่องจากเขียนบล็อกไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากเราต้องการลดขนาดล้อลง ซึ่งคุณ จ. jet black ก็ต๊กกะใจเพราะเห็นแต่ลูกค้าที่อยากได้ล้อใหญ่ขึ้น ดันมีลุง ๆ น้า ๆ อยากลดขนาดล้อ ก้อสรุปว่าสอย forged wheel ยี่ห้อดังกล่าวไป รอดจากค่าอากรนำเข้าเพราะโชคดีว่าชาวจีนที่ส่งล้อมาให้ undervalue ของอีกแระ (ไม่ได้ขอนะ เค้าทำให้เอง)  ที่ขำ ๆ ก็คือจนถึงป่านนี้ นี่กลางเดือนก.ย.แล้ว เราแอบเข้าไปดูที่เว็บไซต์ https://www.martianwheels.com ก็ยังพบว่าเค้ายัง backorder ของอยู่เลย ไม่รู้ว่าขายดีมากจนผลิตไม่ทันหรือมีปัญหาอะไร ต้องนับเป็นโชคดีจริง ๆ ที่เค้ายอมตัดของส่งให้เราก่อนโดยส่งตรงจากโรงงานที่จีน  ที่โชคดีและน่าใจหายไปพร้อม ๆ กันก็คือมีเจ้าของใหม่มาสอยเอา 20" Uberturbine wheels พร้อม Pirelli tires ครบเซ็ทไปเรียบร้อย เหมือนดังที่กล่าวก็ใจหายและเสียดายอยู่ แต่ก็ได้เงินคืนมาเติมกระเป๋าแห้งๆ นิดนึง 98,000 (ขายได้แสนนึง ให้ค่านายหน้าเจ้าของร้านล้อไป 2 พัน) 
  


9. อุปกรณ์ jack pad สำหรับแม่แรง  ก่อนหน้านี้รถทุกคันที่เคยใช้มาไม่เคยต้องเดือดร้อนจะหาอะไหล่หรืออุปกรณ์นี้ แต่สำหรับเทสล่า เค้ายกแม่แรงสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้เพราะด้านล่างเป็นแบตเตอรี่ ขืนวางตำแหน่งยกแม่แรงมั่ว เด้วได้เกิดเพลิงไหม้จากแบตลิเธียมแน่นอน เพราะน้ำหนักรถปาเข้าไป 1800 กิโล ดังนั้นจุดที่เค้ากำหนดให้ยกแม่แรงก็จะเป็นจุดเป๊ะ ๆ มีอยู่ 4 ตำแหน่งตามตำแหน่งล้อดังในคู่มือ ทีนี้ถ้าไม่มี jack pad มันก็จะต้องไปหาแผ่นยางหรือแผ่นอะไรก็ตามมาว่า แต่มันก็อาจจะไม่ดวก ถ้ายอมจ่ายตังค์ซื้ออุปกรณ์ชิ้นนี้มันก็จะง่ายเพราะมันเหมือนมีเดือยกลม ๆ แปะเข้าไปในหลุมดุม แล้วก็ใส่แม่แรง  อะไหล่ชิ้นนี้มีขายเกลื่อนกลาดไปหมดทั้ง shopee/lazada/aliexpress/amazon ในราคาที่หลายหลาก ของเราสอยมาจาก amazon ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม รู้แต่ตอนนี้อยากได้แบบมีกล่องใส่มาด้วย ก็เลยจ่ายไป $23.99+$14  ถือเป็นราคากลาง ๆ เพราะมีคนขายทั้งถูกกว่านี้แล้วก็แพงกว่านี้  ที่ขำก็คือมี jack pad แต่ป่านนี้ยังไม่มีแม่แรงเลย ก็ไม่รู้จะได้ใช้รึเปล่าน่ะสิ


10. White interior seat cover อันนี้ซื้อมาล่าสุดในราคา $231.19 รวมกับ leather liner for frunk โดยชาร์จบัตรเครดิตเป็นเงินไทย 7,881.84 บาท  ใช้เวลาชิปประมาณเกือบ 1 เดือน (24 วัน ถ้านับเป๊ะ ๆ) ตอนมาได้รับสลิปจากไปรษณีย์ไทยให้ไปจ่ายค่าศุลกากร โดนเรียก 457 บาท เพราะคนส่งที่เมืองจีนแจ้งว่าของราคา 2,000 บาท (อีกแระ ดวงจริง ๆ) เหมือนเดิมก็คือของใส่มาในกล่องที่ดูโทรม ๆ สมราคาที่แจ้ง 2 พันบาท ก็สำหรับงานนี้ ต้องบอกว่าเซฟไปเยอะถ้าเทียบกับว่าตอนสั่งรถถ้าเราเลือก option interior white ก็จะต้องโดนอีก GBP 1,100 หรือประมาณ 5 หมื่นบาท และยังต้องมาประสาทเสียเวลาเบาะเปื้อนไปตลอดอายุความเป็นเจ้าของรถ 
     ทำไมเกิดอยากมาได้เบาะขาวขึ้นมา เอิ่ม จะว่าไป ก็ไม่เชิงอยากได้เบาะขาวอะไรนักหนาหรอก จริง ๆ เบาะดำมันก็ดีอยู่แล้วแต่เราสองคนสังเกตว่าหนัง vegan มันดูไม่ค่อยทนเหมือนหนังแท้ มันรู้สึกว่าจะนิ่ม และบาง ดูจะทะลุเอาง่าย ๆ แล้วก็มักจะเปื้อนของมัน ๆ ได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเบาะดำ ด้วยเหตุนี้กระมัง ตรงพวงมาลัยเทสล่าถึงใช้เป็นหนังแท้ หลังจากเราสองคนใช้รถไปได้สัก 1 เดือน ก็ไปเห็นคลิปของคุณ Kim Java นางมี Tesla model 3 แล้วของนางเป็นเบาะสีขาวที่ดูดี ดีกว่าของ original tesla ซะอีก หลังจากตามไปสืบค้นก็พบว่านางไปซื้อชุดเปลี่ยนเบาะขาว Tesla Model 3 Seat Upgrade Kit จาก https://www.tsportline.com ซึ่งเป็นหนังคลุมเบาะที่ใช้สำหรับเปลี่ยนทดแทนหนังเก่า ไม่ใช่คลุมลงไปเฉย ๆ เรียกว่าทำเองไม่ได้ ต้องไปจ้างช่างมือโปรเค้ารื้อหนังเก่าออกแล้วหุ้มหนังใหม่เค้าไปซึ่งทาง tsportline เค้าจะมีตัวแทนอยู่ทั่วไปในเมกา แต่ไม่ใช่ที่เมืองไทย ข้อดีก็คือทำแล้วดูดี เนียน ไม่มีปัญหาอื่น ๆ (เด้วจะเล่าให้ฟัง) แต่ข้อเสียก็คือแพง แล้วก็ไม่มีตัวแทนในเมืองไทยนิ สนนราคาสำหรับ kit นี้ ยังไม่รวมค่าติดตั้ง ก็ประมาณ $1400-1700 เรียกว่าแพงกว่า option interior white ตอนซื้อรถจากเทสล่าซะอีก  (คุณคิมเค้าบอกว่าตอนเค้าซื้อคันนี้ ตอนนั้นเทสล่าไม่มี option นี้)
    เมื่อประเมินราคาและการไม่มีช่างในเมืองไทย (ถ้าจะหาก็คงจะพอเจอ) แต่ตัวเราก็ไม่ได้อยากได้เบาะขาวซะขนาดนั้นก็เลยปัด option คุณคิมตกไป เราก็พบว่ามี https://www.taptes.com อีกเจ้าที่เค้าเสนอชุดคลุมเบาะที่แลดูมีคุณภาพสูง มีหนังให้เลือกหลายแบบ หลายสี แล้วก็เป็นแบบคลุมของเก่าซึ่งลูกค้าทำเองได้ ซึ่งถ้าเลือกแบบหนังดี ๆ อย่าง nappa leather (คิดว่าเป็น vegan leather นะ) ราคาก็ปาขึ้นไปถึง THB 19,701.13 ราคาพอรับได้ แต่ก็อีกแหละจริง ๆ เราก็ไม่ได้อยากได้เบาะขาวขนาดนั้น ทีสำคัญคือเราดูลักษณะของสินค้าเค้าแล้วไม่ถูกใจ คือเบาหน้าเค้าจะแยกชิ้นกันระหว่างส่วนหัวกับส่วนเบาะ ซึ่งไม่มีความจำเป็น ส่วนเบาะหลังนี่ยิ่งรับไม่ได้ เข้าข่ายทู่เรศสายตาเลยด้วยซ้ำ คือเบาะหลังเค้าจะคลุมให้เฉพาะด้านหน้าส่วนด้านหลังก็จะเป็นแถบเวลโครแปะโทง ๆ กับใยสักกะหลาดดำ ๆ เรียกว่าน่าเกลียดเป็นทีสุด สำหรับของราคาขนาดนี้ ไม่ผ่าน
    ทำไมอยากจะมาคลุมเบาะขึ้นมา เหมือนดังที่กล่าวก็คือ vegan leather ดูบอบบางฮะ เทียบกับหนังพี่วัวแท้ ๆ ของน้องสโนว์แล้วเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากความกลัวว่าสักวันมักจะขาดหรืออะไรก็ตามก็เลยอยากจะอะไรมาคลุม ไหน ๆ จะคลุมแระ ก็คลุมเบาะขาวไปเลยละกัน ข้อดีของเบาะขาวอย่างเดียวก็คือมันทำให้ภายในดูสว่างแล้วกว้างขวาง ส่วนเรื่องเลอะ ช่างมัน อย่างมากก็ถอดทิ้งไป (ถ้าซื้อไม่แพงมากนะ)
    ก็ไปหาดูในอะแมซอน ด้วยเหตุผลเดิม มีให้เลือกเยอะ หลายราคา และที่สำคัญคือมีรีวิว ทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่าของส่วนใหญ่ก็ต้นตอมาจากเมืองจีนและหาซื้อได้บน aliexpress ในราคาที่ถูกกว่า หลังจากดูหลายเจ้าบนแอมาซอนก็ไม่ถูกใจสักราย เลือกไปเลือกมาก็ไปเจอเจ๊ Lina คนนี้ใน aliexpress เค้ามีร้านชื่อ MODEL 3 Store (Store No. 910734131) หาชื่อร้านไม่ขึ้น แต่ถ้าหาคำว่า "Service Interior Auto Accessories White Seat Covers" (ก๊อปไปแปะ แล้วค้นเลย) ซึ่งแบบที่เราดูบนรูปค่อนข้างถูกใจตรงที่เบาะหน้าเค้าคลุมหมดส่วนหัวรวมไปด้วย ด้านหลังเก็บชายเข้าแผ่นพลาสติกดำด้านหลัง ส่วนเบาะหลังคลุมมิดหมดด้านหลัง ไม่มีชายเวลโครน่าเกลียดปะอยู่ให้ทุเรศสายตา ถ้าซื้อแต่เบาะอย่างเดียวราคาไม่ถึง $200 ค่าส่งฟรี ถ้าบวกนู่นนี่เข้าไป ก็ราคาเพิ่มไป
   วันที่เราไปรับของมาจากไปรษณีย์ก็รีบแกะออกตรวจ คนขับรถเราเค้าก็บ่นว่ามีรอยพับ รอยยับเยอะจัง เธอก็อุตส่าห์ไปค้นหาในเว็บไซต์ ไปนั่งเป่าไอน้ำร้อน นั่งรีดเตารีดไอน้ำ (รีดจากด้านหลัง) อยู่พักใหญ่  ๆ  กว่าคุณเธอจะรีดเสร็จก็หมดแรง ก็เลยยกยอดไปติดเอาวันถัดไป กระบวนการติดก็ไม่ยากมาก มีแต่ปัญหาว่าบนยูทูปวิดิโอที่เราดู ๆ กันเค้าเป็นของยี่ห้ออื่น ไม่มีใครเหมือนแบบของเราเป๊ะ ๆ ก็ไม่เหมือนกัน แต่โดยรวม เบาะหน้านี่ถือว่าง่ายมาก ถ้าพนักพิงก็แค่สวมลงไปล้วงเอาเข็มขัดสองอันมาไขว้ด้านหลัง ส่วนด้านเบาะก็สวมลงไปเหน็บ ๆ ชายเก็บเข้าในริมพลาสติกสีดำ แล้วก็ล้วงเอาสายยางยืดสองเส้นไปไขว้ด้านหลัง เอาสายยางยืดด้านหน้าก็ล้วงไปเกี่ยวกับโครงด้านล่าง สายยางยืดข้างหลังก็เช่นเดียวกัน สำหรับเบาะหน้าติดลงไปแล้วก็ถือว่าดูเนียนมาก เหลือที่จะเป็นชายเบาะลอย ๆ จะอยู่ด้านคอนโซลซึ่งมองไม่เห็นต้องคลำเอา  เบาะหลังนี่มันส์กว่าต้องแกะเอาที่นั่งทั้งอันออกมา แล้วก็สวมปลอกพนักพิง (ส่วนที่พับลงมาได้) ก็ทุลักทุเลพอควร แถมยังมีด้านข้าง ๆ อีกสองชิ้นที่แกะออกมายาก ใส่กลับเข้าไปก็ยาก (โดยเฉพาะด้านคนขับ) เบาะหลังนี่พอใส่เสร็จจะไม่ค่อยเนียนมากเวลามองจากเบาะหน้าจะพอมองเห็นความไม่เรียบร้อยของซอกเบาะอยู่ รวมถึงการปิดประตูก็จะยากขึ้น
     ก็โดยรวมก็ถือว่าพอใจเนื่องจากไม่ได้จ่ายตังค์แพงเกินเหตุ ใส่ลงไปแล้วก็ดูดี ภายในก็ดูสว่างขึ้น ดูกว้างขึ้น แถมไม่ต้องกังวลมากกับการเลอะเปรอะเปื้อน ถ้าเปื้อนมาก เด้วจะดึงทิ้ง ที่สำคัญคือเบาะเดิมของรถก็ได้รับการปกป้องไปด้วยในตัว หลังจากได้ใช้ไปสักพักหนึ่ง เราสองคนก็รู้สึกว่า seat cover ที่เอามาใส่ เค้าจะดูหนากว่าเบาะของเทสล่า แต่ไม่ลื่นเท่า ไม่ลื่นเท่าเบาะหนังวัวของน้องสโนว์แน่ ๆ ดังนั้น เวลานั่งแล้ว มันจะเกาะหนึบติด ไม่มีอาการถูไปไถมา (นึกออกมะเวลานั่งรถเบาะหนังแล้วมันไม่ติดเบาะ) แต่อันนี้มันติด มันไม่ลื่นเท่า  อันที่สองอาจจะเป็นผลมาจากการที่มันไม่ลื่นและดูเหมือนมีการเสียดสี พอนั่งเบาะใหม่ที่คลุมลงไป รู้สึกว่ามันร้อนตูดกว่านั่งเบาะเก่า ทั้งที่เป็นเบาะสีขาว ตอนแรกแอบนึกว่ามือเผลอไปกดโดน heated seat แต่ก็ไม่ใช่  ใช้ไปใช้มา เด้วก็ชินไปเอง

  
สำหรับเบาะหน้าก็ถือว่างานเนียนหรือเป็นเพราะว่าชายมันจะเก็บเหน็บเข้าไปใต้แผ่นพลาสติกหมดทุกด้าน (ยกเว้นด้านชิดคอนโซล แต่ด้านนั้นมันไม่มีใครเห็น ถ้าเอามือคลำดูถึงจะรู้ว่าชายมันลอย ๆ อยู่) สำหรับใครที่กังวลว่าซื้อ seat cover มาใส่แล้ว airbag จะไม่ทำงาน ก็คงต้องเชื่อใจว่าด้านที่เป็น airbag เค้าจะใช้ไหมเย็บพิเศษที่มันจะขาดทันทีที่ถุงลมมันพอง เหมือนกับเบาะ original ก็แบบเดียวกัน อันนี้มีวิดิโอบนยูทูปโชว์ให้ดู ถึงจะไม่ใช่ของยี่ห้อนี้เด๊ะ แต่ก็ดูแล้วรู้สึกมั่นใจเล็กน้อยว่าถ้า airbag มันจะพอง มันก็คงจะปริออกมาได้น่ะ

  
เบาะด้านหลังยังไม่เนียนเท่าเบาะหน้า แต่เมื่อเทียบกับหลาย ๆ ยี่ห้อที่เห็นก็ถือว่ายี่ห้อนี้เนียนที่สุดในบรรดาของถูกที่เราช็อปมา โดยเฉพาะตรงท่อนกลาง จะเห็นว่าตอนไม่กางพนักวางแขนออกมาก็ดูแทบจะไม่ออกว่าเป็น seat cover ด้านข้างก็เก็บเรียบร้อยเพราะมันต้องถอดออกมาคลุมเลย ตอนใส่กลับไปโดยเฉพาะด้านคนขับนี่ เหงื่อแตก กลัวของจะพัง  ส่วนที่วางแขน ของยี่ห้ออื่นที่เราเห็นมาเห่ยมาก ๆ ยี่ห้อนี้ เค้าให้เรายัดขอบเข้าไปใต้ที่วางแก้ว ทำให้มันดูเนียน แต่ด้านหลังสุดก็ต้องปล่อยลอย ๆ ไว้แบบนั้น จริง ๆ น่าจะออกแบบได้เนียนกว่านี้ แต่แค่นี้ก็ดีมากแระ เอาเข้าจริง ๆ คงจะไม่ได้เอาลงมาเท่าไหร่ ด้านหลังไม่ค่อยมีคนนั่งส่วนใหญ่จะวางของสัพเพเหระ
 
 
  
ที่ดีคือแผ่นหลังของเบาะหลัง ยี่ห้ออื่น ๆ ที่เห็นส่วนใหญ๋จะไม่มีคลุมมาให้ถีงด้านหลัง จะเป็นแผ่นเวลโครน่าเกลียด ๆ มาพาดแปะกับสักหลาดด้านหลังเพราะเบาะของจริงด้านหลังตรงส่วนนี้เค้าก็มาไม่ถึงมันเป็นสักหลาดธรรมดา เพราะจะว่าไปมันก็ควรจะเป็นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับภายในรถ ด้านหลังมันจะมองเห็นจากกระโปรงหลังเท่านั้นหรือเวลาพับเบาะลง ซึ่งส่วนใหญ่ถ้ามีการพับเบาะลงก็คือมีการขนของ เป็นผ้าสักหลาดก็ดูจะโอเค แต่ถ้ามีแถบเวลโครมาแปะ ๆ รอบ ๆ โดยเฉพาะถ้าเวลโครเป็นสีขาวบนพื้นสักหลาดสีเทาเข้ม มันก็ดูน่าเกลียดมาก  การที่หนังคลุมเบาะยี่ห้อนี้เค้ายอมใจป้ำคลุมหมดก็ถูกใจเรามาก ชอบเลย ซื้อเพราะตรงนี้เอง  ด้านข้างที่เป็นพลาสติกแข็ง ๆ เดม ก็คลุมหมดเรียบร้อย กาบด้านข้างเบาะหลังนี่ถอดยาก ใส่กลับก็ยากโดยเฉพาะทางด้านคนขับ


 
ตรงส่วนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ต้องยอม ๆ ไปบ้างเช่น รอยย่น หรือการเก็บงานตรงส่วนที่โผล่ของสายรัดเข็มขัดนิรภัย แค่นี้เราก็ว่าโอเค เบาะหลังเป็นส่วนของรถที่เราใช้น้อยมาก ตรงที่คนบ่นเยอะ ๆ จะเป็นเรื่องที่สอดตัวล็อกเข็มขัดนิรภัย พอไปคลุมเบาะด้วยหนังเบาะเทียมอีกชั้นนึงมันก็ทำให้มันหนาขึ้น มันจะมีตัวล็อกอันนึงที่มันจม ๆ อยู่ลึก ๆ และเสียบเข็มขัดยาก ถึงขึ้นว่ามีคนทำตัวต่อหัวเสียบออกมาขายเพื่อการนี้ ของเราเฉย ๆ รถคันนี้ไม่ค่อยมีคนขึ้นมานั่งข้างหลังเท่าไหร่ ถ้าอยากได้เนียนกว่านี้ คงต้องไปทำแบบคุณคิม คือต้องให้มือโปรเค้ารื้อเบาะเก่าออกแล้วใส่เบาะใหม่เลย เราว่าช่างเบาะในเมืองไทยฝีมือดี ๆ น่าจะหาได้อยู่ เพียงแต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอยากได้อะไรขนาดนั้น แค่นี้ก็แฮปปี้โอเคละ

11. Mud guard 
      ว่ากันว่างานพ่นสีของเทสล่าเดิมห่วยเข้าขั้นเกินจุดจะเยียวยา ทำให้สีของรถตรงส่วนมุมที่อยู่ตรงกับล้อมันถูกทราย ถูกกรวด ถูกเกล็ดเกลืออะไรก็ไม่ทราบ ดีดเข้าใส่เรื่อย ๆ จนมันผุ สีถลอกและทำให้รถดูราคาถูก เทสล่าก็เลยเอา mud guard ใส่ให้ แต่ดันใส่มาให้เฉพาะล้อหน้า ถึงตอนนี้งานพ่นสี โดยเฉพาะจากโรงงานจีนจะดีขึ้นเยอะแล้วแต่เราก็ยังมีความกังวล
      ของเทสล่าเดิมที่มาเค้าจะติด mud guard ด้านหน้ามาให้ ล้อหลังไม่มี แล้วในกระโปรงหลังจะมีแผ่น mud guard ให้มาติดเองอีกสองแผ่น ซึ่งเดิมที่เราเข้าใจว่าเป็นสำหรับล้อหลัง ก็เก็บไว้ตั้งนานไม่ได้ไปยุ่งจนกระทั่งวันที่จะเอาไปติดล้อหลังแล้วก็พบว่ามันเป็นของล้อหน้าเหมือนกันซึ่งมีอยู่แล้ว และไอ้เจ้าอันที่ให้มา หน้าตามันเป็นแผ่นใหญ่ ๆ ถ้าติดลงไปจะพบว่า flap ยางอันใหญ่ ๆ จะเรี่ยพื้นเลย เหมือนรถบรรทุกสิบล้อยังไงก็ไม่ทราบ มิน่าไม่มีใครติด  ท้ายที่สุดเราก็ไปสอย mud guard ที่ขายบน aliexpress มาชุดนึง เค้าขายเป็นชุด 4 ล้อ มีหลายสี หลายแบบ แต่ดันไปเลือกแบบลาย carbon fiber มา ซึ่งพลาสติกมันจะค่อนข้างแข็งและอาจจะขูดกับสีรถได้ตอนติด (บังเอิญเรามี PPF แปะอยู่ เค้าเลยขูดสีไม่ได้ ขูด PPF แทน มันก็ย่น ย่น ยู่ยี่ แต่เด้วมันก็ heal หาย) ไอ้เจ้าชุด mud guard อันนี้เค้าเป็นแบบเงา ซึ่งเราไม่ชอบเพราะ carbon fiber (real carbon fiber) spoiler ที่กระโปรงหลังเรามันเป็นแบบด้าน สุดท้ายก็ไปถอยสเปรย์กระป๋องแบบแลคเกอร์ด้านมาพ่น มือสมัครเล่น พ่นไปพ่นมา พ่นใกล้ไปมัง มันกลายเป็นคราบขาว ๆ เหมือนน้ำแป้งมาทา เช็ดกอฮอล์เท่าไหร่ก็ไม่ออก ยิ่งเช็ดยิ่งแย่ นึกว่าจะต้องโยนทิ้ง ปรากฎไปงัดเอาสเปรย์กระป๋องของเก่าที่เป็นแลคเกอร์เงามาพ่นบาง ๆ ทีนี้กลัว เลยพ่นห่าง ๆ ประมาณ 2 ฟุต และพ่นบาง ๆ ปรากฎหายเฮ๊ย ไอ้คราบขาว ๆ ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็เลยได้ลักษณะกึ่งด้าน กึ่งเงา สมใจเราเข้าไปใหญ่
     เราติดล้อหลังก่อน ซึ่งถือว่าติดยากกว่าเนื่องจากเราไม่ได้ถอดล้อออก (ขี้เกียจ) มุมการทำงานมันก็เลยน้อยแต่ก็ทำได้ กระบวนการก็คือต้องแงะพุกตัวเก่าออก ออกมา ใส่ mud guard เข้าไป เอากระโปรงพุกอันเดิมสอดแล้วก็เอาหมุนพุกอันใหม่ที่มันยาวกว่าเดิมที่เค้าให้มาด้วยติดลงไป (ฟังดูไม่ง่าย ๆ แต่พอเอาเข้าจริง ก็เหงื่อตกเหมือนกัน เนื่องจากมันมีความหนาของ mud guard เพิ่มขึ้นมา ทำให้ดันพุกเข้าไปยากและ mold ที่เค้าทำมา มันก็ไม่เป๊ะ 100% พลาสติก็ดันเป็นแบบแข็ง ไม่ยืดหยุ่น) แต่สุดท้ายก็ใส่เข้าไปได้ ล้อหน้าก็เลยต้องขี้โกงด้วยการบิดล้อหันด้านในเพื่อให้มีที่ทำงานเพิ่มขึ้น พอติดด้านหลังเข้าไปได้สองอัน ด้านหน้าก็เหมือนจะชำนาญขึ้น แต่ด้านหน้ามี mud guard ของเดิมออกซึ่งมีสกรูอยู่ด้านล่าง 1 ตัวที่จะต้องไขออก พอถอด mud guard อันเก่าออก จะเป็นลม มีเศษขี้ดิน ขี้ทราบ ใบไม้ อะไรก็ไม่ทราบเป็นกระบิ ติดอยู่ตรงเนี้ย หลัง mud guard กับ ตัวรถ นั่งแงะเศษๆ ดิน เศษๆ ทรายพวกนี้ออก ทำความสะอาด แล้วถึงใส่ของใหม่เข้าไป ด้วยความกลัวขี้ดิน ขี้ทรายใหม่จะเข้าไปอีก เราก็เลยจัดซิลิโคนยาแนวยารอบ ๆ รูพุก ขอบต่าง ๆ แบบว่าจะไม่ให้อะไรเข้าไปขังอยู่ได้อีก  ตอนไปติด mud guard อันสุดท้ายซึ่งเป็นด้านหน้า ด้านคนขับ ปรากฎไม่มีสกรูยึด มีรู แต่สกรูหายไป ก็ไม่แน่ใจว่าใครแอบมาถอดไปขาย หรือทางโรงงานลืมติดมาให้ หรือมันกระเทือนจนมันค่อย ๆ หมุนหลุดไป นึกแล้วใจหายว่านี่มันแค่สกรูติดแผ่นบังโคลน หลุดไปหรือลืมใส่มาให้จากโรงงานก็ไม่เสียหายไรมาก  แต่ถ้าเป็นสกรูที่อื่นแล้วมันไม่ยึดมาให้ล่ะ ...​คุณภาพการผลิต นี่ขนาดว่าดีขึ้นแล้ว แหม..

n

   

12. Curb guard
      สำหรับคนโรคจิตเนื่องจากตรงข้าง ๆ ที่เป็นพลาสติกตรงประตูด้านใน เวลาจะลงจากรถ เราก็ต้องยกเท้าข้ามขื่ออันนี้ไป บางทีก็รองเท้าไปขูด เป็นรอย ตอนหลังก็เลยไปสอยเอาแผ่นพลาสติกมาแปะปิดอันนี้ไป ก็เป็นพลาสติกลาย carbon fiber อีกแระ คนที่บ้านเป็นพวกชอบลาย carbon fiber สำหรับเรา ถ้าเป็นพลาสติกลาย carbon มันก็งั้น ๆ แต่ถ้าวัสดุเป็น carbon fiber จริงนี่สิ มันถึงน่าเอามือไปลูบคลำหน่อย  แต่แผ่นพลาสติกขนาดนี้ ถ้าทำเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น จำนวน 4 ชิ้น คงหลายตังค์น่าดู ก็เลยลงตัวที่พลาสติก เป็นลายคาร์บอนด้าน ๆ ไม่ต้องมันวาวน่ะดีแล้ว การติดตั้งก็ไม่ยาก ก็คือ แงะยางขอบรถออกนิดนึงแล้วก็ดึงแผ่นติดกาวออก เล็งดี ๆ แล้วก็วางลงไป พลาสติกเนื้อเดิมของรถนี่เค้าเป็นอะไรไม่ทราบ มันมีความลื่น ๆ แบบกาวอะไรก็แปะไม่อยู่ แต่สุดท้ายพอเอายางขอบรถที่แงะออกติดคืนลงไป มันก็จับยึดแผ่นนี้ให้ติดแน่นไปในตัว ส่วนด้านหลัง ก็คล้าย ๆ กัน เพียงแต่ mold plastic เค้ามันออกจะอ้า ๆ ด้านล่าง ก็เลยต้องเอาคลิปเล็ก ๆ สีดำหนีบไว้ ก็โอเค ดูดีขึ้นมา

 อื่น ๆ อีกมากมายจิปาถะ ของ accessories ที่เหลือ ๆจะเป็นของกระจุ๊กกระจิ๊กจิปาถะที่อาจจะไม่ค่อยจำเป็น เช่น puddle light ที่สอยมาคู่ละ $8.04 ที่เปลี่ยนแล้วเกิดภาวะแทรกซ้อนไปส่งผลให้กระจกประตูไม่ยอมปิดลงแล้วกระจกแตก ซึมแหลกไปเลย มี USB-C to USB-A adapter ซื้อมาหลายอัน สุดท้ายไม่ค่อยได้ใช้ มีแผ่นเหมือนแผ่นกรองอากาศไว้ปิดตรงช่องแอร์ตรงกระโปรงหน้า ซึ่งอาจจะไม่ได้ช่วยกรองอะไรนักหนา แต่คนขับเราเค้าเชื่อว่ามันเป็นปราการด่านสุดท้ายที่จะป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในระบบและไม่ส่งกลิ่นอับเหม็นภายหลัง นอกจากนี้แผ่น mud flap ที่ทางเทสล่าให้มาที่ตอนแรกเราคิดว่าเป็นของล้อหลัง พอจะติดเข้าไปจริง ๆ มันกลับกลายเป็นของล้อหน้าซึ่งมันมีติดไว้อยู่แล้ว ก็เลยต้องไปสอยของล้อหลังมาเพิ่มแต่เจ้ากรรม เค้าขายพร้อมกัน 4 ชิ้น เด้วก็จะมีของกอง ๆ วางไว้ไม่ได้ใช้งานเยอะแยะ  ยังมีอีกสารพัดมากมาย accessories ที่บางอันดูว่าติดเข้าไปแล้วจะดูเป็นลิเกมากกว่าดูดี บางอันก็เอาไว้ปกป้องเช่นแผ่นพลาสติก ABS สำหรับตรงขื่อบันไดเข้าออกจากรถ ตรงนี้เป็นรอยง่าย ก็จะไปซื้ออะไรมาแปะทับอีก เยอะแยะมากมาย หวังว่าสักวันคงเลิกบ้าไปเองนะคับ

มี accessories อีกสองอันที่เป็นชิ้นใหญ่และหมายตาไว้แต่ยังไม่ได้สอย ได้แก่ จอตรงหน้าคนขับ อันนี้แอบไปส่องที่ hansshow ขาย ราคาประมาณ $700 กว่าเหรียญ ในขณะที่มีของที่ดูคล้าย ๆ กันมาก มาก ขายบน aliexpress ราคาประมาณ $400 งานนี้ก็เลยยังสอยไม่ออก เพราะไม่แน่ใจว่าของเกรดเดียวกันรึเปล่า กลัวจะมาจากโรงงานเดียวกันแล้วเสียเงินค่าโง่จ่ายแพงให้ hansshow ในขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่าของอาจจะห่วยกว่าก็เป็นได้เหมือนกัน  ทำนองเดียวกับ tail light eagle eyes อันนี้เห็นแล้วปิ๊งเลย อยากได้พอควร แบบว่าไฟมันวิ่ง ๆ กระดิ๊กกระดิ๊กดูเก๋ดี แต่เหมือนเดิมเลยคือ Hansshow ขาย $700 up แต่มีคนขายบน aliexpress $300 กว่า เลยงง แล้วก็สงสัยเหมือนเดิมเด๊ะ  ทีนี้ไฟท้ายด้านหลังของเทสล่ามีคนชอบบ่นว่ามีน้ำ มีไอน้ำเข้าไปขังประจำ เราก็เลยกะว่าเด้วเมื่อไหร่ของเรามีน้ำเข้าไปนองหรือไอน้ำไปขัง จะสอย eagle eye tail light อันใหม่มาติดซะเลย  เด้วก็รู้ รอดูต่อไปนะคับ
    



 




 

Create Date : 15 กันยายน 2564
0 comments
Last Update : 22 ตุลาคม 2564 16:22:39 น.
Counter : 1417 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

gollygui
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]






space
space
[Add gollygui's blog to your web]
space
space
space
space
space