space
space
space
<<
มกราคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
space
space
22 มกราคม 2565
space
space
space

พาน้องโบลต์ไปเที่ยวทะเล

Jan 26, 2022

ช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้พาน้องโบลต์ไปโรดทริป ไปเที่ยวทะเล เนื่องจากมีงานประชุมของคนขับรถเราที่เชอราตัน หัวหิน ระยะทางประมาณ 193 กม. ซึ่งจะเป็นระยะทางไกลที่สุดที่น้องโบลต์เคยวิ่ง ก่อนหน้านี้เราเคยพาน้องโบลต์ไปนครนายก 2 รอบ ไปเยี่ยมบุพการี ซึ่งระยะทางประมาณ 106 กม. เป็นทริปที่ไม่ไกลมากและขนาดแบตเตอรี่น้องโบลท์ก็วิ่งสบาย ๆ ไปกลับ 2 เที่ยวก็ยังไหว แต่ด้วยความไม่ประมาท เราก็ไปจัดการติดตั้งเต้าเสียบ IEC 60309 สีฟ้า และจัดหาหัวเสียบ blue connector IEC 60309 สำหรับ Tesla UMC (Universal Mobile Connector) โดยฝากคุณเกดที่วสุธาสั่งให้ (ราคา 1,900 บาท) มาเรียบร้อยดังที่เคยเล่าไปในบล็อกก่อนหน้านี้ หัวเสียบดังกล่าวและการเดินสายไฟขนาดที่เหมาะสมก็จะสามารถทำให้เราใช้ UMC ที่ติดมากับรถชาร์จรถได้ที่กระแสไฟวิ่ง 32A (32A x 230V = 7.3 kW) ได้ความเร็วในการชาร์จเท่ากับ Tesla wall connector ตัวใหญ่และเป็นความเร็วสูงสุดที่ไฟฟ้า 1 เฟสในเมืองไทยตามมาตรฐานยุโรปจะสามารถชาร์จรถได้ (ที่เมกาเค้ายอมให้ไฟ 1 เฟส ชาร์จได้ที่ 48A เลย) ความเร็วขนาดนี้ ถ้าจะให้ชาร์จแบตเราจาก 0% จนเต็ม (82 kWh) ก็จะใช้เวลา 11.2 ชม. อย่าลืมว่าในความเป็นจริง เราคงไม่รอจนแบตเหลือ 0 แล้วค่อยเสียบชาร์จ สรุปว่า การพาน้องโบลต์ไปเยี่ยมบุพการีที่นครนายกระยะทาง 108 กม. ไม่มีปัญหาเรื่อง range anxiety ไม่มีความจำเป็นต้องหาที่ชาร์จระหว่างทาง ก็เลยไม่เคยทำการบ้าน

แต่รอบนี้ จะไป 193 กม. ระยะทางมันไกลขึ้น ถ้าจะลุ้นจริง ๆ คิดว่าวิ่งไปกลับไม่ชาร์จเลยก็ยังไหวเพราะน้องโบลต์เค้าคุยว่าวิ่งได้ประมาณ 500 กว่าโลถ้าแบตเต็มและตอนมาใหม่ ๆ ตอนนี้ ผ่านไปแล้วขึ้นเดือนที่ 5 ระยะทางที่รถเค้าคิดว่าวิ่งได้ที่แบตเต็มจะประมาณ 495 กม. แต่ทุก ๆ คนก็คงทราบว่าเวลาขับจริง ๆ มันต้องมีเผื่อเหลือเผื่อขาดบ้าง ระยะทางที่เคลมไว้มันก็ไม่แน่นอนขึ้นกับขับซิ่งแค่ไหน รถติดแค่ไหน การจะขับโดยกะให้ไปถึงที่หมายโดยเหลือแบตเกือบหมดก็จะเป็นการเสี่ยงเกินไป หากเกิดเหตุแบบที่ I-95 ที่ Virginia ที่เมกาเมื่อต้นปีที่มีรถเกือบร้อยคันเจอพายุหิมะซัดถล่มแบบฉับพลันทางหลวงหมายเลข I-95 (interstate -95) ทำให้รถเป็นร้อยคันติดแหง็กไม่ขยับอยู่เป็นเวลา 24 hr ระยะทางกว่า 50 ไมล์ ถ้าเกิดมีแบตติดก้นใกล้หมด คงจะแย่มาก ทำนองเดียวกับรถ ICE (Internal Combustion Engine) ที่น้ำมันใกล้หมด คงจะตายอยู่บนถนนนั่นแหละ

สรุปว่าทริปนี้เราก้อต้องค้นคว้าเล็กน้อยโดยการท่องเว็บ ดูยูทูป หาที่ชาร์จระหว่างทาง เป็นที่น่าอนาถใจว่าประเทศไทย ณ ปัจจุบัน charging infrastructure อยู่ในระดับกำลังพัฒนา จะไปโทษอะไรก็ไม่ได้ ในเมื่อรัฐบาลยังไม่มีนโยบายสนับสนุนชัดเจนและประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงรถพลังงานไฟฟ้ากันขนาดนั้น  จริง ๆ แล้วไฟฟ้านี่มันหาได้ง่ายกว่าน้ำมันเบนซินซะอีกนะ ถ้าตรงไหนมีอาคารบ้านเรือนผู้คน เค้าก็มีปลั๊กไฟให้เสียบได้ทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ถ้าเสียบตามบ้านก็คงใช้เวลานานมาก ๆ ไอ้สิ่งที่อยากได้จริง ๆ คือ EV charging station ก็ดันมีแบบอัตคัต ก็มีอยู่ไม่กี่ตัวเลือก (ที่ใช้ได้จริง) เช่น PEA volta (ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ซึ่งมักจะอยู่ร่วมกับปั้มบางจากหรืออยู่ตามสำนักงานการไฟฟ้าเลยซึ่งเค้าจะเปิด-ปิดเวลาจำกัด ไม่เปิดตลอด 24 ชม. ปตท.ก็มีทำ ผ่านแอพ EV station มีของ Elexa ของ EGAT (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ซึ่งตอนนี้มี 15 สถานี ใช่ครับ 15 สถานี ท่านอ่านไม่ผิด ทั่วประเทศ (อีกหน่อยคงจะมีเพิ่ม) ของ MEA (การไฟฟ้านครหลวง) เค้าก็มีสถานีชาร์จแต่ก็ตามชื่อหน่วยงานอยู่ในกทม.และปริมณฑล ก็เลยไม่เวิ๊คกับสถานการณ์คนจะขับไปโร๊ดทริปไกล ๆ อีกเจ้านึงที่อาจจะมีสถานีเยอะแต่เป็น type 2 AC charging เป็นส่วนใหญ่ก็คือ EA พลังงานบริสุทธิ์ ซึ่งเราก็มีส่วนเป็นเจ้าของกิจการอยู่ (ส่วนหนึ่งในหลาย ๆ ๆ ๆ ส่วน ฮี่ ๆ) นอกจากนี้อาจจะมีซุกซ่อนอยู่ตามโชว์รูมเม้งกวงซึ่งเค้าก็คงไม่ให้รถยี่ห้ออื่น ๆ ชาร์จกระมังหรืออาจจะมีสถานีชาร์จซุกซ่อนอยู่ตามห้างซึ่งเราก็อาจจะไม่รู้ ยังไงก็ตาม ถึงรอบนี้เราคงจะไปถึงจุดหมายได้อย่างแน่นอน และวิ่งกลับกทม.ก็คงจะพออย่างแน่นอน แต่ก็อยากจะไปลองหาประสบการณ์ชาร์จตามทางบ้างไรบ้าง จะได้มาเล่าสู่กันฟัง ก็เลยเป็น bucket list อย่างนึงของทริปนี้

เริ่มต้นก็ต้องชาร์จโบลต์ให้เต็มก่อน ปกติเราจะชาร์จโบลต์อยู่ที่ 50% บ้าง 60% บ้าง และก็ 70% บ้าง แล้วแต่อารมณ์ แล้วแต่ความพอใจ ช่วงนี้ชาร์จเค้าอยู่ที่ 70% พอจะไปหัวหินก็สั่งให้ชาร์จไปที่ 95% ที่ไม่เอา 100% เพราะจะเก็บพื้นที่ 5% เอาไว้ให้เค้า regen ซึ่งเราก็ไม่รู้อันนี้ควรจะเป็นการปฏิบัติที่แนะนำหรือเปล่า เพราะอีกทางนึง เราคิดว่าทางเทสล่าเค้าแอบล็อกไว้ทั้งพื้นและเพดาน หมายความว่าเวลาเค้าบอกว่าเค้าเต็ม 100% เราไม่คิดว่าเค้าเต็มจริง น่าจะยังมีที่เหลือ ทำนองเดียวกับเวลาเค้าแจ้งแบตเกลี้ยง จริง ๆ ก็ยังไม่เกลี้ยง ยังมี buffer ส่วนนึงหรือยังแอบเก็บไว้นิดนึงเพื่อไม่ให้รถตาย ระบบเจ๊ง ดังจะเห็นจากในยูทูปที่มีคนเอาไปขับจนตาย จะเห็นว่าพอรถแจ้ง 0% ร้องติ๊ด ๆ ๆ ก็ยังอุตส่าห์ขับ (แบบช้า ๆ hypermile) ไปต่อได้อีก 10-20 ไมล์ การล็อกทั้งพื้นและเพดานก็เป็นการปกป้องแบตส่วนนึง เอาเป็นว่าเราเลือกที่จะชาร์จแค่ 95% เป็นความพอใจส่วนตัว

ปรากฎมันเจือกไม่ยอมชาร์จ เราบังเอิญตื่นมาตี 5 (พอแก่ปูนนี้ มันมักจะตื่นไวเป็นประจำ) แอบมาดูก็พบว่าน้องโบลต์เกิดงอนอะไรมาไม่ทราบ ไม่ยอมรับประทาน (ไฟฟ้า) อันนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็น ไม่แน่ใจว่าเค้างอแงเพราะคนขับเราเค้าไปเติมลมยางเมื่อคืน มีการไปเปิดประตูกวนใจอะไรรึเปล่า ไม่เป็งราย เอ็งไม่ชาร์จก็กดแอพให้มันชาร์จ ปรากฎนางก็ปลุกไม่ตื่น ส่ง SMS ไปปลุกยังไง ยังไงก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายต้องเดินไปปลุกนางที่รถเลยแล้วก็กดให้ชาร์จ ก็เริ่มจาก 71% ไปถึง 95% ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ไปเสร็จเอาตอน 8 โมงกว่า ๆ

โชคดีว่าเราไม่ได้ออกแต่เช้า วันเดินทางเป็นวันศุกร์ซึ่งเรายังต้องเข้าไปทำงาน ก็เอาน้องสโนว์ไป ปล่อยให้โบลต์เสียบชาร์จไว้ เราก็เป็นวิทยากร เค้าอยากให้ไปออนไซต์ก็ไม่ไป อ้างว่ากลัวโอ๊มิครอน แล้วก็ซูมไปพูด เด็ดกว่านั้นก็คือแอบทำงานประจำ (เป็นงานบริการที่ต้องดูแลคนอื่น) ไปด้วยระหว่างรอ session จบ เราแอบเร่งทำงานประจำให้เสร็จ ๆ เพราะแพลนว่าจะรีบ ๆ ออกตั้งแต่ตอนเที่ยง การทำ multitasking นี่มันช่างเลวร้ายสำหรับเรา ทำได้แต่ไม่ชอบ เพราะรู้สึกว่าประสิทธิภาพของแต่ละงานมันถูกบั่นทอนลงตามจำนวนงานที่แอบทำพร้อม ๆ กันนั่นแหละ แต่ข้อดีก็คือมันทำให้งานโดยรวมเสร็จเร็วขึ้น ก็ทำเฉพาะยามจำเป็น แล้วก็เสร็จสมตามเป้าหมาย ตอนจะย่องออกจากที่ทำงาน ดั๊นไปโป๊ะเจอบอสเข้าพอดี เนื่องจากเราเองก็รู้สึกผิดอยู่แล้วที่ไม่ได้ยื่นเรื่องลาให้ถูกต้อง ก็เลยเอ่ยปากบอกบอสไปตามตรงว่าจะขออนุญาตหนีออกไปก่อน งานประจำเรียบร้อยแล้ว แถมเอาแฟ้มไปสรุปต่อ รวบกับอ้างเหตุผลว่าจะต้องไปรับเพื่อนบอสไป ตจว.ซึ่งเป็นความจริง ก่อนที่บอสจะด่าอะไรได้เพราะเธอทานข้าวอยู่ แอบเห็นสายตามองลงล่าง นัยว่าทำไม เมิงไม่ลาให้เรียบร้อย เราก็เผ่นแน่บหนีออกมาก่อน โดยอนุมานว่าแจ้งให้บอสทราบแล้ว ความรู้สึกผิดภายในละลายหายหมดทันที ที่เหลือเป็นเรื่องเล็ก ๆ

รอบนี้ไม่ได้วิ่งตรงแหน่บไปหัวหิน แต่ต้องไปรับเพื่อนบอสจริง เค้าเป็นรุ่นพี่ที่ปกติทำงานอยู่ที่เมกา กลับมาเที่ยวเมืองไทย บ่นว่าอยากนั่งเทสล่า (อยู่นู่นไม่ได้นั่งรึไงพี่) แล้วเค้าจะไปคอนโดส่วนตัวที่ชะอำ ก็แวะไปรับที่บ้านตรงแถว ๆ โฮมโปร ราชพฤกษ์ แล้วก็บึ่งไปตามทางแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านครัวคุณตุ่มใกล้ ๆ วันเจษฎฯ แล้วถึงจะต่อไปชะอำก่อน แล้วค่อยไปโรงแรมจุดหมายที่หัวหิน (จริง ๆ อยู่กลาง ๆ ทางระหว่างชะอำกับหัวหิน)

เนื่องจากเราสองคนต้องการลองของ ก็เลยขอแวะลองเสียบชาร์จ ก็เลือกลองที่ PEA Volta ที่อยู่กับปั้มบางจากตรงวังมะนาว ขาออก เพชรบุรี พอไปถึง ก็เห็นเค้ามี 2 stalls มีหัวชาร์จทุกแบบรวมถึงแบบ CCS combo ซึ่งสามารถชาร์จแบบ DC supercharge ได้ แต่ได้แค่ 50 kW เค้ามี 2 stalls มีที่จอดสองคัน ขอเดาว่าถ้าชาร์จพร้อมกันสองคัน ดีไม่ดีจะเหลือคันละ 25 kW เองกระมัง (อันนี้เราเดาเองอาจจะผิด) ไม่ว่าจะ 25 หรือ 50 kW ก็ถือว่าช้าสุด ๆ สำหรับ DC supercharge ถ้าใครมาแบบแบตใกล้หมดแล้วจะเอาจาก 0% - 80% นี่น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชม. ทีเดียว ดังที่เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าที่เมกาตอนนี้สำหรับ Tesla supercharger เค้าไปกันถึง 90-250 kW กันแล้ว ที่เมืองไทยตอนนี้ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ EA anywhere อ้างว่ามีตู้ชาร์จได้เร็วถึง 150 kW (ยังไม่รู้อยู่ตรงไหน) ส่วน MG ก็เริ่มติดตั้งตู้แดง ทั้งที่โชว์รูมตัวเองและตามปั้มบางจาก คุยว่าตู้แดงชาร์จได้ถึง 120 kW (ไม่รู้จะมีไปทำไม รถตัวเองก็เห็นแบตก้อนไม่ใหญ่เท่าไหร่ 44-50 kW) แต่ MG เค้ายังไม่ยอมให้รถยี่ห้ออื่นชาร์จตู้แดงเค้าอยู่ ซึ่งก็ make sense เพราะถ้าเค้าวาง charging infrastructure ดี ๆ อันนี้มันก็จะเป็นจุดขายของรถเค้า ทำนองเดียวกับที่ Tesla เค้าทำ เพียงแต่ตอนนี้ตลาด EV charging station ของต่างประเทศมันแข่งขันกันเยอะและทางเทสล่าอาจจะรู้สึกว่ายังไง ๆ คู่แข่งก็ตามตัวเองไม่ทันแล้วรถตัวเองก็ขายดีที่สุดอยู่แล้ว ล่าสุดเค้าก็เลยเริ่มเปิดให้รถยี่ห้ออื่น ๆ เข้าไปชาร์จกับ Tesla DC supercharger ได้โดยเริ่มนำร่องในเนเธอร์แลนด์ก่อน

ตอนเราไปถึงปั้มบางจากก็พบว่าที่จอดว่างอยู่ทั้งสองช่อง แต่แพร๊บเดียวก็มี MG ZS EV สีฟ้าป้ายแดงมาจอดเทียบอยู่อีกคันนึง บังเอิญว่าเราเพิ่งมาลองเป็นครั้งแรก ก็เสียเวลาโง่อยู่พักนึก เพิ่งรู้ว่าเค้าบังคับให้ต้องเติมเงินก่อน (ของ PEA Volta ไม่ฟรีนะจ๊ะ) เค้าจะคิดค่าชาร์จ 7.5489 บาท/ยูนิต สำหรับวันธรรมดาตั้งแต่ 9-22 น. ถือว่าเป็นช่วง peak ส่วนช่วง off peak เค้าคือ วันธรรมดา 22 น. -9 น. รวมเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ทั้งวันยกเว้นวันพืชมงคลและวันหยุดชดเชย (ไม่เข้าใจเหมือนกัน พระโคแหลกไฟฟ้าหรือไงฮะ หรือรัฐบาลประกาศหยุดชดเชยบ่อยจนคิดว่าจะอัพเดตปฏิทินคิดค่าไฟตามแบบฉบับข้าราชการไม่ทันเค้า) เค้าจะคิดยูนิตละ 4.1663 บาท มีให้ชาร์จก็ยังดีกว่าไม่มี สำหรับโบลต์เราถ้าเอาเต็มที่ 82 ยูนิต ยูนิตละ 7.5 บาท ก็เท่ากับเติมไฟฟ้าเต็มถัง ราคา 615 บาท ถ้าแอบมาเติมตอนออฟพีกเท่ากับ 344 บาท วิ่งได้ประมาณ 500 โล ตกโลละประมาณไม่ถึงบาทหรือบาทกว่า ๆ  แค่นี้ท่านพอจะเข้าใจรึยังว่าทำไม MG ZS EV/ MG EP ถึงขายดีนักหนา ส่วนนึงก็คือรักษ์โลกแต่เราคิดว่าส่วนใหญ่เลยคือคนที่คิดสะระตะไว้แระเรื่องค่าพลังงาน บางคนถึงกับไปขอเปลี่ยนมิเตอร์ที่บ้านหรือที่ทำงานเป็นแบบ TOU (Time of Use) แล้วเลือกชาร์จเฉพาะตอนออฟพีก ค่าพลังงานโดยรวมถ้าขับเยอะ ๆ น่าจะประหยัดไปหลาย คุ้มค่ารถทีเดียวเชียว ไม่นับตอนค่าใช้จ่ายตอนเปลี่ยนแบตฯ

  
ที่สถานีปั้มบางจาก วังมะนาวมี PEA Volta ทั้งหมด 2 stalls มีช่องให้จอดอยู่ 2 ช่อง อันขวามือนี่เป็น DC supercharger ล้วน ๆ มีหัวเสียบแบบ CCS combo และ Chademo (รถ Nissan leaf, Lexus, รถที่ขายในญี่ปุ่นบางรุ่น) ความเร็วสูงสุดของ DC charging = 50 kW ไม่แน่ใจว่าถ้าชาร์จพร้อมกัน 2 stalls จะต้องแชร์กันหรือเปล่า ส่วนตู้ทางซ้ายมือมี AC type 2 charging เพิ่มมาอีกอัน ที่น่าประหลาดก็คือ type 2 AC charger อันนี้เขียนว่า speed ได้ถึง 43 kW ซึ่งเกินกว่าความเร็วของ Tesla Model 3 onboard charger จะรับได้ (ได้แค่ 11 kW) เลยสงสัยว่าเค้าอาจจะเป็น 3-phase AC charging แต่ยังไงยังไงก็คงได้ความเร็วไม่เกิน 11 kW หัวเสียบมีฝุ่นเกาะเยอะ แสดงให้เห็นว่าคนใช้งานไม่เยอะแล้วไม่มีใครเช็ดทำความสะอาด

    
หลังจากพยายามอยู่ประมาณ 20 นาที เติมเงินก็แล้ว รีบูทระบบก็แล้ว พี่คนขับ MG ป้ายแดงก็โทรเข้าไป สุดท้ายเค้าก็ไม่ยอมชาร์จให้ เท่ากับเติมเงินฟรี ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ใช้ แถมอัตราค่าใช้บริการที่ระบุในแอพ แอบแพงกว่าที่โฆษณาไว้บนเว็บไซต์ เดิมบอกว่าจะคิด 7.5 บาท/ยูนิต แต่ในแอพแจ้งว่า 7.7276 บาท ไม่ประทับใจเลย PEA Volta คนขับบ่นอุบที่เติมเงินเข้าไปฟรี 1000 บาท 


รถเทสล่าที่มาจากอังกฤษ (และฮ่องกง) ก็ใช้มาตรฐานยุโรปก็คือ type 2 และ CCS combo สำหรับ DC charging ซึ่งในประเทศไทยความที่รัฐบาลมัวแต่ชักช้าไม่มีการกำหนดมาตรฐานอะไร ทำให้เราเห็นลูกผสม (เหมือนกับปลั๊กไฟบ้านเรา กว่าจะมากำหนดปลั้มขากลม Schuko เป็นมาตรฐาน ก็ลูกผสมกันไปทั้งประเทศ เง็งไปหมด) ตอนนี้พี่ไทยเรามีทั้ง J1772 (ตระกูล BMW, Nissan leaf), CHAdeMO (Nissan Leaf, Lexus, etc รถจากญี่ปุ่น) และ CCS-combo (MG, Ora, Volvo, Tesla from UK/HK, etc) เละไปหมด ไร้ซึ่งมาตรฐาน ใครอยากเอาหัวอะไรเข้ามาก็เชิญ ทำความลำบากใจให้ผู้ประกอบการ ถ้าดูตามจำนวนยี่ห้อ จะเห็นว่า CCS-combo กำลังจะมาแรงแซง CHAdeMO หัว J1772 เป็นมาตรฐานเก่าไม่น่าใช้ หัวเสียบที่เราคิดว่าเจ๋งสุดก็คือเป็นหัวของ Tesla ออกแบบเองที่ใช้ที่เมกา ขนาดกะทัดรัด อันเดียวทำได้หมดทั้ง AC/DC ไม่ต้องเป็น Combo อันใหญ่ ๆ เหมือน CCS ตอนจะเลิก (พยายาม)ชาร์จแล้วไปต่อ ก็พยายามจะเอาหัวเสียบออก มีความทุลักทุเลพอสมควร เนื่องจากหากปุ่มสั่งให้ปลดล็อกบนจอไม่เจอ ความที่ตอนอยู่บ้านไม่เคยต้องกดบนจอ แต่ในที่สุดก็ปลดล็อกได้ รู้สึกแขยงไม่กล้าเสียบเข้าไปอีกกลัวดึงไม่ออกอีก


PEA Volta/การไฟฟ้า อยากจะคิดค่าไฟฟ้าเท่าไหร่ก็คงไม่มีผลอะไรต่อเรามากเนื่องจากเราชาร์จส่วนใหญ่ที่บ้านอยู่แล้ว แต่ราคาที่ PEA Volta เค้าตั้งมามันจะเป็นตัวเทียบเคียงสำหรับเจ้าอื่น ๆ รวมทั้งของเอกชนที่จะมาแข่งขัน แต่ที่เราแอบเคืองก็จะเป็นเรื่องช่วงเวลาที่เค้ากำหนดว่าเป็นช่วงพีก หรือ ออฟพีก คือเค้ากำหนดเวลากลางวันเป็นพีก เวลากลางคืนเป็นออฟพีก ซึ่งต่างจากของฝรั่งที่มักจะกำหนดช่วงพีกตอนที่คนใช้ไฟเยอะ ๆ จริง เช่น เวลา 14-18 น. ตอนหน้าร้อน คนจะกลับบ้านเปิดแอร์ ใช้ไฟตอนนั้นเยอะกว่า ส่วนหน้าหนาวนี่ ช่วงพีกอาจจะถูกแบ่งเป็นสองช่วง เช่น 6-10 am และ 6-10 pm (สงสัยเปิด heat) นอกจากมีความแตกต่างทางฤดูแล้วยังมีความแตกต่างตามภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ด้วย ที่แอบเคืองเพราะว่าการไฟฟ้าของประเทศไทยเค้ามาตั้งแง่กับพวกติดหลังคาโซล่าร์ อ้างว่าพวกติดโซล่าร์แบบออนกริดแอบผลักภาระการสำรองแบตเก็บไฟไปให้การไฟฟ้าต้องรับภาระ แล้วก็รับซื้อไฟฟ้าจากโซล่าร์ (ซึ่งปกติผลิตตอนแดดออก คือตอนกลางวัน) ราคาถูก ๆ เดิมเคยซื้อคืน 1 บาท ตอนหลังเพิ่มเป็น 1.68 บาท ตอนนี้ ได้ยินว่าราคา 2.2 บาท   ถ้าคุณคิดว่าช่วงพีกคือตอนกลางวัน แล้วเหตุใดคุณจะไม่ต้องการไฟฟ้าจากโซล่าร์ตอนกลางวันหรอกเหรอ ทำไมไปกดราคาซื้อคืนเค้าขนาดนั้น ทำไมไม่ซื้อคืนให้มันสมราคาหน่อยเพราะคุณก็ปล่อยให้ผู้ผลิตรายย่อยไปลงทุนค่าแผง ค่า inverter เอาเองอยู่แล้ว ไม่ได้ให้ทุนรอนมาสนับสนุนเค้านี่นาแล้วยังมากดราคาซื้อถูก ๆ อีก นี่มันนิสัยเสียแอบแหลกกำไรกันชัด ๆ ซื้อเค้ามา 2.2 บาท เอามาขาย 7.5 บาท กำไร 3 เท่าตัว ถ้าคุณพ่อโทนี่วู๊ดซั่มได้กลับมาเป็นนายกเมื่อไหร่ การไฟฟ้านี่แหละต้องเอาออกมา privatize ปล่อยเอกชนทำแข่งเลย รับรองว่าบริการจะดีกว่านี้หลายเท่า ไม่มีไฟดับบ่อย ๆ แถม ราคาลงมาอีกเยอะ (นึกภาพ AIS, DTAC, True แข่งกัน) 

สำหรับ EA anywhere นี่มีสถานีเยอะแยะ แต่ก็กระจุกอยู่ตามหัวเมือง ในเมือง มากกว่าอยู่ตามทางหลวงหรือระหว่างทาง แถมส่วนใหญ่เป็น type 2 AC charger บ้าน ๆ ที่เป็น DC supercharger นี่ยังมีน้อยมาก การคิดเงินก็แปลก ๆ คือคิดตามเวลาที่จอด ชม.แรก 50 บาท 2 ชม.80 บาท จอดนาน ๆ จะยิ่งคิดต่อชม.ถูกลง แต่ก็แอบไปลิมิตที่ความเร็วในการชาร์จ  สมัยก่อนแต่เดิมรถ plug-in hybrid มันเยอะ แบตก้อนกระจิ๋วเดียว ชาร์จเกิน 1 ชม. ก็กำไรโคตร โคตร แต่ถ้าเอา pure EV ไปชาร์จนี่ถ้าเป็น DC supercharger แล้วคุณไม่แอบเม้มกระแสไฟไว้นี่ ก็ถือว่าโคตรคุ้มเลยนะ สมมุติว่าเราจอด 1 ชม. แล้วเราชาร์จ DC supercharger speed 150 kW ที่เค้าโม้ว่ามี (ที่เรายังหาไม่เจอ) นี่ ก็เท่ากับเราชาร์จ ชม.เดียวได้ 150 kW จ่ายแค่ 50 บาท ตกยูนิตละ 0.33 บาท แต่ในความเป็นจริงเราคิดว่าเค้าจะไม่จ่ายไฟเร็วตามที่เค้าอ้าง และรถเองก็จะมีการลดความเร็วลงที่หลังชาร์จไปเกิน 80% เพื่อถนอมแบต ที่ประหลาดก็คือเค้ามีให้เลือกแบบชาร์จต่อยูนิตโดยคิดยูนิตละ 6.5 บาท (คิดถูกกว่าการไฟฟ้า ฮับ) ที่เรายังไม่เข้าใจก็คือในออพชั่นนี้เค้ามีให้เลือก pre-authorized credit card ซึ่งจะคิด 300 บาท ถ้าเราเลือกว่าเราจะชาร์จสโนว์ (Mercedes 350e) แต่พอเลือกว่าเป็นโบลต์ (Tesla M3P) ปุ๊บ ไอ้ตรงนี้กลายเป็น 800 บาท ขึ้นมาทันที ซึ่งอันนี้เราไม่ทราบว่ามันคืออัลไล ไม่เข้าใจเค้า แต่ของ EA ตอนนี้น่าจะเป็นเจ้าเดียวที่มีการชาร์จค่า idling หากเลือกชาร์จตามเวลา แล้วเสียบหัวชาร์จไว้เกินเวลาที่จ่าย โดยคิดอยู่ที่ชม.ละ 100 บาท ค่าปรับนี่โหดกว่าค่าชาร์จมาก ใจร้ายมาก (แต่ก็แอบถือหุ้นไว้นะ ชอบใจเรื่องเรือไฟฟ้า เรื่องโรงงานผลิตแบตฯ)

ก็ขอกลับมาที่ PEA Volta ต่อ สรุปว่าความที่เราไม่เคยมาก่อน ก็เสียเวลามั่วไปมั่วมาพอควร คุณพี่ (จริง ๆ น่าจะเป็นคุณน้องมากกว่า แต่เราก็ชอบเที่ยวเรียกชาวบ้านว่าคุณพี่) ที่เค้าเอา MG ป้ายแดงมาเทียบเค้าก็สอนเราทำใหญ่เลย แอพมันอยากให้เติมเงิน เราก็หลอกคนขับเราเติมไป 1000 บาท กดไปกดมา ถึงเวลากดเริ่มชาร์จ มันไม่ยอมชาร์จ ของคุณพี่ MG ก็ไม่ยอมชาร์จ เราก็กดปุ่มแดงรีเซ็ท (ทำแบบคุณตาม Bjorn Nyland) มันก็ไม่เวิ๊ค ของคุณพี่ MG ก็ไม่เวิ๊ค เค้าถึงขึ้นโทรเข้าไปสอบถามที่ PEA เลย เพราะถามเค้าดูเค้า desperate กว่าเรา MG ZS EV มีแบต 44 kWh ของคุณพี่เค้าจะวิ่งเข้ากทม. แต่เค้ายอมกลับรถมาชาร์จฝั่งขาออก เพราะเค้าต้องการชาร์จแบตจริง ๆ ส่วนของเราก็แค่ลองเล่น ๆ ไม่ชาร์จก็ไปต่อสบาย ๆ  

สรุปว่างานนี้ไม่ประทับใจ PEA Volta นี่ คือประสบการณ์โดยรวมก็ถือว่าแย่ถึงแย่มากโดยเฉพาะรถที่มีแบตก้อนเล็ก ๆ หรือคุณเดินทางไกลมาก อุตส่าห์มาถึงสถานีชาร์จ นอกจากจะต้องลุ้นว่ามีคนเสียบชาร์จอยู่ก่อนคุณรึเปล่า ยังต้องมาลุ้นว่าแม่งจะเวิ๊คหรือไม่เวิ๊ค เรียกว่าต้องมีแผนสำรองไว้กันสัก 2-3 ชั้นทีเดียว หรือเผื่อเวลาไว้เยอะ ๆ

ในเมื่อชาร์จไม่ได้ก็ไปต่อ ออกจากเขาย้อยเพชรบุรีไปยังจุดหมายคือคอนโดทิวทะเลของเพื่อนบอส ปรากฎฝนตกฮับ ไม่น่าเชื่อ หลังจากไม่ได้ตกมาเป็นเดือน แถมตกแรงอีกตะหากแต่ก็ไปถึงได้ไม่ยากเย็น แบตเกินพอแน่นอน รุ่นพี่เพื่อนบอสก็ชวนลงไปดูคอนโด ก็โดนเราถามอยู่อย่างเดียวว่ามีจุดชาร์จไหม ที่คอนโดแห่งนี้ไม่ได้จัดทำไว้ เค้ามีคนมาใช้ค่อนข้างโหรงเหรง คงจะมีแต่คนมีตังค์ซื้อเก็บไว้เฉย ๆ มีรถจอดอยู่ก่อนหน้าเรา 2 คัน คาดว่าพรุ่งนี้หรือดึก ๆ อาจจะมาเพิ่ม แต่ก็แสดงให้เห็นว่าคนไม่พลุกพล่านมาก ถ้าเราจะพักอาศัยตรงนี้จริง ๆ เราคงจะต้องจอดรถให้อยู่ใกล้กับห้องของเรามากที่สุด แล้วคงเดินสะพานไฟยาว 30-40 ม. มาชาร์จรถจากห้องของเรา อย่างไรก็ตาม ตรงทางเข้าไปที่คอนโด มีปั้มน้ำมัน+mini-mall complex อยู่บนทางหลวงบนถนนเพชรเกษมชื่อ Hua Hin One เป็นปั้มตราหอย ซึ่งถ้าเข้าไปแล้วเลาะไปด้านหลังของปั้มตราหอยจะมีจุดชาร์จรถไฟฟ้าแบบ type 2 AC อยู่ 2-3 สถานีย่อย  ที่ทราบเพราะเมื่อตอนโควิดระลอกแรก เราได้คูปองส่วนลดเข้าพักที่ Baba Beach resort มาจากเพื่อนสาธิตของคนขับรถเราคนนึง ซึ่งรีสอร์ทนี้อยู่ติด ๆ กันกับคอนโดทิวทะเลของรุ่นพี่ท่านนี้ เป็น complex เดียวกัน ตอนนั้นยังไม่มีโบลต์ ก็พาสโนว์ (Mercedes C350e) มา แล้วก็แอบมาลองเสียบชาร์จดู แต่สโนว์มีแบตแค่ 6 kWh ก็ชาร์จขำ ๆ ไปงั้น ๆ แหละ ตอนนั้นจำได้ว่าไม่มีการเรียกเก็บค่าชาร์จ ฟรี แต่ต้องไปตามจนท.ที่สถานีมาปลดล็อคที่ตัวเครื่อง และจำได้ว่าไม่มี DC charging station ถ้าต้องมีจนท.มาดูแล อาจจะชาร์จตอนกลางคืน ดึก ๆ มาก หรือแต่เช้ามืดไม่ได้ ตรงส่วน Hua Hin One นี่เป็นของกลุ่มชาญอิสสระฯเค้า ถ้าค้นดูในแอพที่หาจุดชาร์จทั่ว ๆ ไปก็อาจจะไม่มีขึ้นมาให้ดู (ใช้แอพ PlugShare ขึ้นมาอยู่) ก็ต้องคนที่รู้เท่านั้นถึงจะทราบ ทำให้เราสงสัยนักเชียวว่ามันมีจุดชาร์จรถไฟฟ้าลักษณะนี้ที่ผู้ใช้ทั่วไปอาจจะไม่ทราบถ้าไม่เคยแวะมาก่อนอีกเยอะแค่ไหน อย่างไรก็ตามสำหรับ Hau Hin One หวังว่าอนาคตจะพัฒนาส่วน EV charging station นี้ให้มี DC supercharge และเปิด 24 ชม. เพราะตรงส่วนที่เป็น park เป็น mall เล็ก ๆ มีสวนหย่อม มีบริเวณก็ทำได้น่ารักดี แต่เค้าเปิดตอนเย็น 16-22 น. เข้าใจว่าคงรอให้แดดร่มลมตกก่อน มีขายกระจุ๊กกระจิ๊ก ตลาดนัดเล็ก ๆ พร้อมของกิน ถ้าเสียบชาร์จสักครึ่ง-1 ชม. ก็มีกิจกรรมทำหมดเวลาดี ดีกว่าปั้มน้ำมันใหญ่ ๆ ทั่วไป

หลังจากปล่อยรุ่นพี่เพื่อนบอสลงที่ทิวทะเลแล้ว เราก็มุ่งไปยังเชอราตัน ห่างไปอีกแค่ 11 กว่าโล พอไปถึง รปภ.โรงแรมเค้าก็จำทะเบียนรถได้เพราะเค้าตั้งกรวยไว้ให้ตรงที่ชาร์จรถ EV ของ Mercedes นั่นน่ะ มีป้ายทะเบียนแปะหราอยู่ ที่เชอราตันมี type 2 AC charging แบบ 16A (สังเกตที่สายผอม ๆ ไม่ใช่สายอ้วน) ซึ่งเป็นแบบที่มีในห้างในกทม.หลาย ๆ ที่ ตรงจุดนี้เป็นของ Mercedes มาทำไว้ให้และยังอยู่ (เดิมเราเคยไปเสียบชาร์จสโนว์ที่สยามดิสคอฟเวอรี่เป็นสถานีของตราดาวเหมือนกัน ตอนหลังเค้าปิดไป ตรงนั้น แต่ตรง Sheraton หัวหิน นี่ยังอยู่) บังเอิญไม่มีรถ Mercedes มาจอดชาร์จเลยกระมัง ทางโรงแรมเค้าก็เลยยอมให้โบลต์เข้าไปจอดแล้วเสียบ ก็ไม่พบปัญหาอะไร ค่าไฟก็ไม่ต้องจ่าย บนรถก็คอนเฟิร์มว่าชาร์จให้ที่ 16 A ตอนนั้นแบตเหลือ 48% เราจะให้ชาร์จไปถึง 95% เค้าก็แจ้งว่าจะใช้เวลา 10 ชม. 20 นาที ก็ไม่มีปัญหา ตอนไปถึงก็ 18:30 น. ไม่มีแพลนจะออกไปไหนแล้ว อยากจะชาร์จกี่ชม.ก็ชาร์จไป ให้อารมณ์เหมือนชาร์จที่บ้าน (จริง ๆ ที่บ้านชาร์จได้เร็วกว่า 2 เท่า 32 Amp) อันนี้ศัพท์เทคนิคเรียก destination charge ซึ่งสำหรับเรา คิดว่าอันนี้ work ที่สุด อาศัยว่าต้องทำการบ้านนิดนึงว่าตรงที่เราจะไปเค้ามีให้หรือไม่ และสามารถจองได้ไหม อย่างตอนนี้ที่เชอราตันมีเครื่องชาร์จ 3 เครื่อง และปัจจุบันประเทศไทยมี plug-in hybrid เยอะแยะแต่พวกนี้เค้าคงไม่แคร์หรือไม่ desperate ที่จะชาร์จเท่าไหร่เพราะเค้าใช้นำ้มันได้ แต่ถ้าอีกหน่อยมี EV เยอะแยะกว่านี้ มีที่ชาร์จให้แค่ 3 stalls อาจจะไม่พอ โชคดีที่รถ EV ที่เยอะสุดในไทยตอนนี้ -เม้งกวง/MG เค้าไม่ค่อยเข้ามาพักโรงแรมนี้เท่าไหร่

  
เดิมทีทางโรงแรมจะให้จอดไว้ข้าง ๆ แล้วโยงสายจากเครื่องไปเสียบ คงจะเกรงใจว่ามีเจ้าของรถ Mercedes จะมาเสียบแล้วไม่มีที่ แต่พอเราไปถึงจริง ๆ เค้าก็ยอมให้จอดตามช่องที่กั้นไว้ภายในพื้นที่ของ Mercedes และทั้งคืน (วันศุกร์) ก็ไม่เห็นมีคันไหนมาเสียบเพิ่ม ตัวเครื่องก็มีตราดาวแปะหราอยู่แต่ทาง Mercedes คงจะไป outsource ชาวบ้านทำ (คิดว่า) สายชาร์จที่เห็น มองปุ๊บก็รู้เลยว่าเป็นสาย 1 เฟส 16A เพราะสายบางมาก คงวิ่งไฟ 32A ไม่ไหว

  
เช้าวันเสาร์ วันประชุมก็มีรถตราดาวสองคันจอดอยู่ ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ รุ่นตากลม รุ่นตาหัวใจ (กรุณาดูให้เป็นรูปหัวใจ) เป็น classic ICE car รุ่นเก่า (เราชอบรุ่นตากลม เราว่าสวยดี) อย่างนี้ควรจะเรียกว่า Mercedes ICing คือใช้สิทธิ์ความเป็นตราดาวจอดในที่ของตราดาวแต่ตัวเองไม่มีรูเสียบเพราะเป็นรถน้ำมัน อย่างนี้ก็ได้ด้วย  ตรงเสาจะมีป้ายขู่ปฏิเสธความรับผิดขอบ เพราะทางโรงแรมคงขี้เกียจมาปวดหัว ป้ายประเภทนี้หาได้ง่ายในประเทศไทย มีเกือบทุกที่ เกือบทุก ๆ รายการ สงสัยจะเป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ พอเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ก็เลยต้องหาสาเหตุ หาตัวการ หาคนรับผิดขอบ อะไรประมาณนั้นแทบจะไม่เคยคิดว่าเป็นเพราะโชคชะตาหรือพระเจ้ากำหนดมา ทุกอย่างล้วนแต่มีสาเหตุ มีที่มา...

ระหว่างที่เสียบชาร์จอยู่ โบลต์เค้าก็จะไม่หลับ ทำให้เราแอบเปิดแอพดูได้ตลอด เราก็แอบเช็คดูเป็นระยะ ๆ ว่ามีใครมาจอดชาร์จเพิ่มไหม ตอนจอดเราไม่ได้เปิด sentry mode ทิ้งไว้ เนื่องจากตำแหน่งจุดชาร์จมีรถเข้าออกพลุกพล่านและมีรปภ.อยู่ใกล้เคียง ขืนเปิดไว้ก็ต้องมานั่งดูคลิปและนั่งลบทิ้งอีก แต่เราสามารถเปิดแอพขึ้นมาแล้วเรียกดู live view camera ได้ (ก่อนดูต้องเปิด sentry mode ก่อนแพร๊บนึง ดูจบแล้วค่อยปิดไป) ก็ปรากฎว่าที่เรากังวล (สองคนกังวลว่าเราไปบล็อกไม่ให้ Mercedes EV/PHEV เค้ามาเสียบชาร์จรึเปล่า) ปรากฎทั้งคืนมีโบลต์จอดชาร์จอยู่คันเดียว ที่เหลืออีก 2 ช่องไม่มีใครจอดทั้งคืน (เค้ามาวันเสาร์ วันเสาร์แขกเยอะกว่า)

ก็จบสำหรับทริปขาไป สรุปวันนี้ขับทั้งหมด รวมกัน 203.07 กม. ใช้ไฟฟ้าไป 31.64 ยูนิต ถ้าคิดยูนิตละ 4 บาท ก็เป็นเงิน 126.56 บาท ฟังดูก็ไม่น่าเชื่อว่าค่าใช้จ่ายสำหรับพลังงานในการขับรถจากกทม.ไปถึงหัวหินจะแค่ร้อยกว่าบาท รับรองว่าถูกกว่าน้ำมันทุกประเภท ไม่ว่าจะเบนซิน ดีเซล ก๊าซโซฮอล์ วีเพาเวอร์ ไม่ต้องเอากองทุนน้ำมันมาอุ้มให้ประเทศชาติขาดทุน แถมไม่ต้องพ่น CO2 ไปอุ่นโลก โดยเฉพาะไฟฟ้าที่เราชาร์จมาจากบ้าน ส่งตรงจากดวงอาทิตย์ถึงหลังคาคอนโด และลงมาเก็บไว้ในรถได้เลย สำหรับอัตราการใช้ไฟระดับนี้ก็คิดเป็น efficiency ที่ 156 Wh/km ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยตลอดกาลของโบลต์ (ตอนนี้ 150 Wh/km) อยู่นิดหน่อย ซึ่งอันนี้เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของเรากับคนขับรถเรา (เป็นเหตุผลที่จนถึงป่านนี้ เธอยังไม่กล้าลอง track mode) เค้าไม่รู้ว่าตอนนั้นเราขับไปวสุธา เราได้ 140 Wh/km  ซึ่งวันก่อนเราได้ดูยูทูปของสาวสวยท่านหนึ่งบนช่อง โครงการดาว ที่เค้ารีวิวการขับรถจาก กทม.ไปชุมพรด้วยแมวน้อย Ora good cat ซึ่งเค้านั่งกันไปสองคนจากกทม.ไปชะอำ และจากชะอำไปชุมพร รับเพิ่มมาอีกคนเป็น 3 คน ของเรานั่งกันมา 3 คนเกือบตลอดทาง ของแมวน้อยเห็นเรตไว้ที่ 156-171 Wh/km (ตอนจอดแวะชาร์จตอนแรกที่นั่งสองคนเค้าได้ 156 พอไปถึงจุดหมายที่รับมาเพิ่มเป็น 3 คน เค้าได้ที่ 171) ใครจะเชื่อว่าโบลต์แบตหนักกว่า รถใหญ่กว่า (นิดนึง) แถมเร่งได้แรงกว่ามอเตอร์สองตัวจะประหยัดกว่าแมวเหมียวน้อยซะอีก 

ขากลับกทม.เราไปเสียบชาร์จ DC supercharge ได้สำหรับที่ปั้มปตท. เด้วจะขอแยกเขียนไปอีกบล็อกนึงนะคับ  เอาเป็นว่าสำหรับทริปขามาถ้าไม่มี destination charger ของ Mercedes ที่รร.เชอราตัน คงจะเซ็งพิลึกเพราะต้องมาหาที่ชาร์จกลางทางหรือมาหาที่หัวหินก่อนกลับ เราคงไม่อยากจะกลับไปถึงกทม.เหลือพลังงานแค่หลักสิบเปอร์เซ็นต์หรือเป็นเลขตัวเดียว  ถ้าจะไปไกลกว่านี้ คงต้องสำรองแผนชาร์จไว้สองสามชั้นเลย ถ้าจะให้ดีต้องมี destination charger อยู่ดี เพื่อความชัวร์  สำหรับกลุ่มคนที่ซื้อ EV ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นพวก early adopter ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เค้ามักจะมีความอดทนสูงต่อปัญหาและความไม่พร้อม อาจจะเอามาใช้เป็นมาตรฐานของประชากรกลุ่มใหญ่ไม่ได้ พวกนั้นเค้าจะไม่อดทนขนาดนี้ กลุ่มนั้น อาจจะต้องรอให้สถานีชาร์จมีเทียบเคียงสถานีน้ำมันก่อนและราคารถถูกกว่านี้หรือรัฐบาลยอมมีส่วนลดให้เค้าคงถึงจะยอมเปลี่ยนกระมัง เรื่องสิ่งแวดล้อมคงจะไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเค้าเท่าไหร่ 


ระยะทางแยกย่อยตามรายละเอียดรายงานโดย TeslaFi ระยะที่วิ่งมีประสิทธิภาพดีสุดกลายเป็นระยะที่วิ่งจากปั้มบางจากวังมะนาวไปยังคอนโดทิวทะเลทั้ง ๆ ที่ฝนตก ได้ efficiency ที่ 96.7% หรือ 144 Wh/km 




 

Create Date : 22 มกราคม 2565
0 comments
Last Update : 31 มกราคม 2565 8:15:26 น.
Counter : 903 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

gollygui
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]






space
space
[Add gollygui's blog to your web]
space
space
space
space
space