พานาเรียนั้น เป็นหนอนตัวแบนชนิดหนึ่ง ที่ไม่ได้เป็นปรสิต อยู่ใน Phylum Platyhelminthes ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อน อาศัยอยู่ในน้ำจืดตามแหล่งน้ำในธรรมชาติที่มีน้ำค่อนข้างสะอาด เช่น คู คลอง หนอง บึง หรือสระน้ำในสวนสาธารณะ เป็นต้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในไฟลัมแพลทีเฮลมินทีส (Platyhelminthes สืบพันธุ์โดยการอาศัยเพศ และ เเบบไม่อาศัยเพศ โดยการงอกใหม่ หรือเเบ่งตัวเป็นท่อน นั่นหมายความว่าถ้าเราไปตัดตัวของพลานาเรีย ออกเป็นชิ้นๆ มันจะไม่ตาย แถมยังเป็นการทำให้ ขยายจำนวนเพิ่มขึ้นมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ
เราสามารถพบเจ้าตัวพลานาเรีย ได้บ่อยในตู้ที่มีเศษอาหารตกค้าง ที่จริงแล้วพลานาเรียไม่เป็นอันตรายกับปลาและกุ้งแคระโดยตรง แต่ตัวพลานาเรีย ก็สามารถจะมาแย่งอาหารของกุ้งแคระได้ และตัวพลานาเรียเอง ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีของเสียในชั้นกรวดมากเกินไป มีเศษอาหารตกค้างมากเกินไป ซึ่งไม่ดีกับสัตว์น้ำ ทั้งกุ้งและปลาวิธีแก้ไขปัญหาพานาเรีย ในขั้นแรก ( ในกรณี ที่ไม่ได้มีเยอะมากมายนัก )
1. ให้ผู้เลี้ยงนั้น ลงมือทำความสะอาดตู้ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ โดยเฉพาะกับกรวดรองพื้น ให้ใช้ท่อดูดทำความสะอาดพื้นกรวด (Gravel Washer) เป็นประจำทุกวัน ( มีจำหน่ายทั่วไป ตามร้านจำหน่ายสัตว์น้ำสวยงามทั่วไป ให้เราทำความสะอาดไป จนกว่าตัวพลานาเรียจะหายไปหมด หรือ น้อยลงไป จนอยู่ในเกณฑ์ที่คนเลี้ยงทำใจรับได้นั่นแหล่ะครับ หลังจากนั้น ให้ผู้เลี้ยงนั้นนำกรองออกมาล้างวัสดุกรองให้สะอาดหมดจด ( ผู้เลี้ยงสามารถที่จะนำเอากรองและวัสดุกรองออกมาล้างด้วยน้ำร้อน หากปัญหาพลานาเรียไม่ดีขึ้นใน 2 อาทิตย์)
2. ให้ผู้เลี้ยงทำการเปลี่ยนน้ำทุกวัน ในปริมาณที่ไม่มากราวๆ 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ ขอให้ผู้เลี้ยงอย่าเปลี่ยนน้ำให้มากกว่า 20% ( คิดปริมาณน้ำ โดยรวมน้ำที่ดูดออกไปในข้อ 1. ด้วย) ซึ่งจะทำให้ปลาและสัตว์น้ำในตู้ปรับตัวตามค่าต่างๆในน้ำที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ทัน
3. ถ้าเป็นตู้ปลาเฉยๆ ไม่ได้ เป็นตู้เลี้ยงกุ้งแคระ ที่ไม่ถูกกับความเค็ม ผู้เลี้ยง สามารถใส่เกลือเม็ด หรือเกลือสำหรับตู้เลี้ยงปลาทะเล 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร และเติมให้ได้อัตราส่วนเท่าเดิม หลังจากเปลี่ยนน้ำ เช่น คุณถ่ายน้ำออกไป 20 % ไม่ใช่ว่าใส่เกลือลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร เหมือนเดิมอันนี้นั้นไม่ถูกต้องครับ เพราะน้ำจะมีความเค็มที่เข้มข้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากตู้ปลา คุณจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นอ่างหมักปลาร้าแทน ดังนั้น ดังนั้นที่ถูกคือต้องเติมเกลือลงไปเพิ่มอีก 20% นั่นคือ เติมอีก 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 100 ลิตร วิธีนี้ พอจะใช้กับกุ้งเครย์ฟิชได้บ้าง แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังเรื่องปริมาณ และเวลาในการใช้อย่างเต็มที่ครับ
4. ถ้ามีปลาเล็กๆ ที่สามารถกินพลานาเรียได้ เช่น ปลาสอด ปลาหางนกยูง ก็สามารถหามาใส่ได้ ให้เราทำซ้ำขั้นตอนเหล่านี้ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่เห็นพลานาเรียโผล่มากวนใจอีกครับ อ้อ ....การใส่ปลาสามารถกินลูกกุ้งแคระได้นะครับ ถ้าพอจะรับความเสี่ยงได้ ก็สามารถใส่ไปช่วยกำจัดพลานาเรียได้ครับ
ส่วนถ้าต้องการล้างพันธุ์พลานาเรีย อย่างเด็ดขาดนั้น สามารถทำได้ตามนี้ครับ ขอให้ผู้เลี้ยงเอาสัตว์น้ำทั้งหมดออกจากตู้ หาที่พักไว้ที่อื่น หลังจากนั้นให้เราเอากรอง วัสดุกรอง กรวดรองพื้น ก้อนหิน ขอนไม้ และอุปกรณ์ตกแต่งตู้ทั้งหมด ออกมาล้างด้วยน้ำเดือดหรือน้ำเกลือเข้มข้นหลายๆครั้งครับ หลังจากนั้นก็ให้เราล้างตู้ด้วยน้ำเกลือเข้มข้น แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง (ระวังอย่าให้แดดจัดเกิน เดี๋ยวซิลิโคนเสีย) หรือวางคว่ำในร่มผึ่งลมให้แห้งสนิท ถ้าตู้ใหญ่ ล้างแล้วเช็ดให้แห้ง หลังจากนั้นก็ทำการเซ็ตระบบใหม่ ทิ้งไว้ 1-2 อาทิตย์ ค่อยนำสัตว์น้ำที่แยกออกมา เอาไปกลับที่เดิมตามปกติครับ และก่อนไปก็อย่าลืมปรับอุณหภูมิให้เรียบร้อยก่อนนำสัตว์น้ำที่ต้องการ กลับใส่ตู้นะครับ
เรียบเรียง : กษิดิศ วรรณุรักษ์
เครดิตภาพ : https://www.pibul.ac.th/…/Biology42…/Nerve/pic-nerve/pla2.PNG