ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บบอร์ด Thailand Aquatic Pets เว็บบล็อคสำหรับ คนรักสัตว์น้ำ ( และ สัตว์ที่อยู่ในน้ำ ) ประเทศไทยจ้า
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
15 มิถุนายน 2557

ขนมไทยโบราณที่หารับประทานได้ยากมากในสมัยนี้

ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าขนมไทยจะถูกวัฒนธรรมตะวันตกเข้าบดบังไปซะจนมิด เพราะว่าเดินไปทางไหนก็เจอแต่ขนมที่เป็นสินค้าอุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่ จึงทำให้ขนมไทยถูกจัดกลายเป็นของหายาก และหากินได้ยากกว่าเมื่อก่อนเยอะมากเลยทีเดียว ซึ่งขนมไทยบางอย่างก็แทบหาไม่ได้แล้ว จะเจอเฉพาะงานสำคัญๆ ในต่างจังหวัด หรืองานเทศกาลเฉพาะเท่านั้น อาทิเช่น

ขนมทองเอก

ขนมทองเอกในสมัยโบราณนั้นได้มีการนำทองคำเปลวมาตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ มาประดับไว้ด้านบนของขนมทองเอก โดยใช้วิธีการวางแผ่นทองคำเปลววางไว้บนแม่พิมพ์ก่อนเทขนมทองเอกลงในแม่พิมพ์ แต่ปัจจุบันไม่มีการนำทองคำเปลวมาตกแต่งขนมทองเอก เนื่องจากทองคำเปลวเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้รับประทาน

ขนมทองเอกเป็นขนมในตระกูลที่มีชื่อว่าทอง ขนมในตระกูลทองนั้นมีอยู่มากมายอันได้แก่ ทองเอก ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมในตระกูลนี้จะต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำ เพราะเป็นขนมที่มีลักษณะสง่างาม และโดดเด่นกว่าขนมชนิดอื่น

ขนมทองเอกนั้นเป็นขนม 1 ใน 9 ชนิดที่ถูกเรียกว่าขนมมงคล อันได้แก่ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น เม็ดขนุน ถ้วยฟู จ่ามงกุฏ ทองเอก และ เสน่ห์จันทร์ ขนมมงคลนั้นจะใช้ในการนำไปประกอบเครื่องคาวหวานเพื่อถวายพระในงานมงคลต่างๆ เช่น งานบวช งานมงคลสมรส หรืองานขึ้นบ้านใหม่ โดยเชื่อว่างานมงคลเหล่านี้จะต้องใช้เฉพาะขนมไทยที่มีชื่อไพเราะ และเป็นสิริมงคล ซึ่งคำว่า เอก ในชื่อขนมทองเอกนั้น หมายความว่า การเป็นที่หนึ่งในมวลขนมทองทั้งหมด

ขนมจ่ามงกุฏ

 เป็นขนมที่ทำยากมีขั้นตอนในการทำสลับซับซ้อน นิยมทำกันเพื่อใช้ประกอบพิธีการที่สำคัญจริงๆ คำว่า “จ่ามงกุฎ” หมายถึงการเป็นหัวหน้าสูงสุดแสดงถึงความมีเกียรติยศสูงส่ง นิยมใช้เป็นของขวัญในงานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ถือเป็นการแสดงความยินดี และอวยพรให้มีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานยิ่งๆขึ้นไป

จ่ามงกุฎเป็นขนมไทยโบราณที่หารับประทาน ได้ยากใช้เวลาในการทำนานพอสมควร สมัยโบราณจัดเป็นขนมในราชสำนักเป็นเครื่องเสวยสำหรับ ถวายพระเจ้าแผ่นดินดังพระราชนิพนธ์กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานในรัชกาลที่ 2 กล่าวถึงขนมจ่ามงกุฎว่า "งามจริงจ่ามงกุฎใส่ชื่อดุจ มงกุฎทองเรียมร่ำคำนึงปองสะอิ้งน้องนั้นเคยยล"

ขนมเสน่ห์จันทน์

ขนมเสน่ห์จันทน์หมายถึงต้น “จันทน์” ซึ่งเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งมีผลสุก สีเหลือง เปล่งปลั่ง ทั้งสวยงามและมีกลิ่นหอมชวนให้หลงใหล คนโบราณจึงนำความมีเสน่ห์ของผลจันทน์มาประยุกต์ทำเป็น ขนมและได้นำ “ผลจันทน์ป่น” มาเป็นส่วนผสมทำให้มี กลิ่นหอม เหมือนผลจันทน์ ให้ชื่อว่า “ขนมเสน่ห์จันทน์” โดยเชื่อว่าคำว่า เสน่ห์จันทน์ เป็นคำที่มีสิริมงคลจะทำให้มีเสน่ห์ คนรักคนหลง ดังเสน่ห์ของผลจันทน์ ขนมเสน่ห์จันทน์ จึงถูกนำมาใช้ประกอบในงานพิธีมงคลสมรส

 ลูกอินจัน

แต่โบราณนานมามีเรื่องเล่าว่า ชายหนุ่มผู้หนึ่งได้เก็บผลไม้สีเหลืองผุดผ่องไปฝากมารดา เมื่อมารดานำผลไม้นั้นไปเก็บไว้เพื่อรอจะกินพร้อมบุตรชายหลังอาหารเย็น.แต่ผลไม้นั้นกลับได้หายไป คงเหลือแต่กลิ่นที่ยังหอม อบอวล ชวนชื่นใจ พอตกดึกคืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง ชายหนุ่มรู้ว่าผลไม้กลิ่นหอมได้หายไป ด้วยความกตัญญูอยากให้มารดาได้ลิ้มรสจึงกลับมายังต้นไม้ ต้นเดิมเพื่อเก็บผลใหม่ไปให้มารดา เขาได้พบกับหญิงสาวสวยผู้หนึ่ง นางกำลังเดินค้นหาผลไม้กลิ่นหอมนี้เช่นกัน นางกล่าวว่าจะนำไปฝากบิดา และทั้งคู่ก็ได้ผลไม้กลับบ้านดังใจ

ต่อมาทุกคืนวันเพ็ญ เขาทั้งคู่จะมาหาผลไม้กลิ่นหอมนี้ด้วยกัน จนในที่สุดก็รักกันและแต่งงานกัน ด้วยมนต์เสน่ห์ของผลไม้นี้เองที่นำมาซึ่งความสุข สมหวัง และด้วยความกตัญญู ทั้งคู่จึงนำเมล็ดที่มีกลิ่นหอมของผลไม้ชนิดนี้มาบดใส่แป้งข้าว ใส่ถั่วบ้าง ใส่ไข่บ้าง กะทิ และน้ำตาล กวนรวมกันพอปั้นได้นำมาปั้นเป็นผลลูกจ้นทน์ แจกจ่ายในงานสมรส จากตำนานของขนมเสน่ห์จันทน์จึงเป็นที่นิยมใช้ในพานขนมแต่งงานมาจนถึงปัจจุบัน

ขนมทองพลุ

“ขนมทองพลุ” อีกหนึ่งขนมมงคลของไทย มีความหมายถึง “ความเจริญ มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนพลุ” ขนมชนิดนี้จริง ๆ มีต้นตำรับมาจากฝรั่งเศส ดัดแปลงมาจากขนมเอแคลร์ ต่างกันตรงที่ขนมเอแคลร์ใช้อบและมีไส้ ส่วนขนมทองพลุจะใช้วิธีทอดเอา ดังนั้นถ้าใครทำขนมเอแคลร์ได้ ก็ทำขนมทองพลุได้เช่นกัน

ขนมทองพลุถูกจัดเป็นขนมชาววัง เพราะสมัยก่อนคนที่จะได้กินขนมที่ใส่นมหรือเนยนั้น ก็มีแต่ชาววัง ข้าราชการชั้นสูงหรือระดับเจ้าสัว ส่วนคนไทยแท้ดั้งเดิมที่เป็นไทยแท้ๆ พื้นบ้านที่ไม่ใช่ลูกแขกจะไม่ค่อยนิยมกินขนมชนิดนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า นมหรือเนยมีกลิ่นเหม็นคาว

ปัจจุบันขนมทองพลุถูกดัดแปลงให้มีทั้งไส้หวานและเค็ม

ขนมหยกมณี

เป็นชื่อขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ชื่อนี้บ่งบอกถึงลักษณะอาหารได้เป็นอย่างดี การนำคำว่า “หยก” รวมกับคำว่า “มณี” บ่งบอกว่าขนมชนิดนี้มีสีเขียวใสแบบหินแก้ว แต่เมื่อรับประทานแล้วก็จะรู้สึกถึงความนุ่มเหนียว มีรสหอมของใบเตย และรสเค็ม ๆ มัน ๆ ของมะพร้าว

ขนมหยกมณี มักทำจากสาคูเม็ดเล็กกวนกับน้ำและน้ำตาล รับประทานคู่กับมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย แต่เดิมนิยมใช้สีเขียวจากใบเตย จึงเรียกว่า ขนมหยกมณี

ปัจจุบันมีการปรุงแต่งสีต่าง ๆ เช่น สีชมพู สีม่วง สีเหลือง เป็นต้น ถ้ามีหลายสีอาจใช้ชื่อเรียกตามสีที่ใส่หรือตั้งชื่อให้ไพเราะยิ่งขึ้น และหาทานได้ไม่ยากนักตามตลาดนัดชื่อดังหลายแห่ง

ขนมตะลุ่ม

ขนมตะลุ่ม หรือขนมหน้าสังขยา เป็นขนมไทยโบราณ ๆ คล้ายๆ กับขนมถ้วย ที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ หรือเคยได้ยินชื่อ แต่ยังไม่เคยเห็นวิธีการทำหรือไม่เคยเห็นตัวขนมจริง ๆ ขนมชนิดนี้ เป็นขนมไทยโบราณที่มีมาไม่ต่ำกว่าร้อยปี และไม่พบประวัติว่าใครเป็นคนค้นคิด หรือว่าทำขนมนี้ขึ้นในเทศกาลหรือโอกาสใดๆ

ขนมตะลุ่ม มี สองส่วน คือส่วนตัวขนม ทำแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำปูนใส และหางกะทิ นำไปนึ่งจนสุก ส่วนของตัวหน้า ได้แก่ หัวกะทิ ไข่ และน้ำตาล ใส่แป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย แล้วเทลงบนตัวที่สุกแล้ว นำไปนึ่ง เวลาเสิร์ฟตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำหรือลักษณะตามชอบ เวลาจะรับประทานควรรับประทานพร้อมกันเพราะให้รสชาติที่หวาน มัน และมีกลิ่นหอมของกะทิยามรับประทานในคำเดียวกัน

ขนมดอกโสน

 ขนมดอกโสน เป็นขนมโบราณอีกอย่างหนึ่งของไทยเรา ที่ใช้ดอกโสนเป็นส่วนผสมหลักในการทำขนม แม้ว่าในปัจจุบันยังมีดอกโสนออกดอกบานสะพรั่งให้เห็นช่วงฤดูฝนอยู่ แต่ขนมดอกโสนกลับไม่ค่อยนิยมทำกัน ทั้งที่เป็นขนมที่อร่อยแล้วก็ทำก็ไม่ยากอีกด้วย ดอกโสนนั้นจึงถูกใช้ทำเป็นอาหาร เช่น แกงส้ม ยำ ทอดใส่ไข่ หรือลวกน้ำพริกจิ้ม ซะมากกว่า

ขนมดอกโสน ภาษาถิ่นเรียกว่า “กวานกาวอะรอย” เป็นอาหารพื้นบ้านที่มีการถ่ายทอดวิธีการทำสืบต่อกันมา ขนมดอกโสนนับเป็นขนมโบราณอีกชนิดหนึ่งที่ปัจจุบันหารับประทานได้ยาก ต้นโสนบริเวณชุมชนจะมีขึ้นอยู่ทั่วไปและจะออกดอกมากในช่วงหน้าฝนจนถึงช่วงต้นฤดูหนาว คนในชุมชนจึงนิยมทำขนมดอกโสนเพราะหาวัตถุดิบจากแหล่งธรรมชาติได้ง่าย ประกอบกับมีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก จึงมีการทำขนมดอกโสนในชุมชนกันอย่างแผ่หลายในสมัยโบราณ

ขนมสามเกลอ

เป็นขนมที่แสดงถึงความสามัคคี และไม่มีวันพรากจากกัน โดยใช้เป็นขนมเสี่ยงทายในงานแต่งงาน

ลักษณะของขนมสามเกลอเป็นลูกเรียงกัน 3 ลูกแบบก้อนเส้า การเสี่ยงทายจะดูกันตอนทอด กล่าวคือ ถ้าทอดแล้วยังอยู่ติดกัน 3 ลูก ถือว่าบ่าวสาวจะรักใคร่กลมเกลียวกัน ถ้าทอดแล้วติดกัน 2 ลูกแสดงว่าจะมีลูกยากหรือไม่มีเลย และถ้าหลุดจากกันหมด ไม่ติดกันเลย แสดงว่าชีวิตคู่จะไม่ยั่งยืนหรือชีวิตสมรสจะไม่มีความสุข อีกนัยหนึ่งถ้าทอดขนมสามเกลอแล้วพองฟูขึ้นจะถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกับราวกิ่งทองกับใบหยก แต่ถ้าทอดแล้วด้าน ไม่พองฟู ก็ถือว่าใช้ไม่ได้

ขนมชนิดนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นไส้ที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าว, มะพร้าวขูด และงา แล้วเอามาหุ้มด้วยแป้งข้าวเหนียว ส่วนที่สอง ทำจากไข่ไก่ (อาจจะใส่สีผสมอาหารด้วย เพื่อเพิ่มความสวยงาม) ที่นำมาโรยบนกะทะเป็นแผ่นบางๆ เพื่อนำมาห่อตัวขนม

ขนมบุหลันดั้นเมฆ

ลักษณะของขนมจะคล้ายขนมน้ำดอกไม้ เป็นขนมชาววังคิดประดิษฐ์ขึ้นให้มีสีสันอุปมาอุปไมยเลียนแบบเพลงไทย ‘บุหลันลอยเลื่อน’ ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 มี 2 ส่วน คือ ส่วนตัวขนม ทำจากแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำดอกอัญชัน น้ำตาลทราย หยอดลงบนถ้วยตะไล เมื่อนำไปนึ่งตรงกลางจะบุ๋มลงไป ส่วนตัวหน้าขนม ประกอบด้วย ไข่ กะทิ น้ำตาลมะพร้าว และนำไปนึ่งต่อจนสุก

ที่มาของบุหลันดั้นเมฆ ตัวขนมจะมีสีฟ้าหรือน้ำเงินที่เปรียบเสมือนตอนกลางกลางคืน และมีใจกลางเป็นสีเหลืองนวลแทนพระจันทร์ที่อยู่กลางท้องฟ้าในตอนนั้น ซึ่งรัชกาลที่ 2 ทรงพระสุบินว่าไปในดินแดนสรวงสวรรค์มีพระจันทร์กระจ่างฟ้าลอยเข้ามาใกล้พระองค์เรื่อยๆ พร้อมกับมีเสียงดนตรีประกอบ เมื่อพระองค์ทรงตื่นจากบรรทมก็ทรงจำทำนองนั้นได้จึงใช้ซอสามสายคู่ใจที่ชื่อว่า "ซอสายฟ้าฟาด" บรรเลงมาเป็นเพลง "บุหลันลอยเลื่อน" ขนมนี้จึงทำมาให้เหมือนกับที่พระองค์สุบินนั่นเอง

การซื้อทานนั้นมันง่าย แต่ถ้าลองทำทานดูบ้างแล้วจะรู้ว่า ราคาขนมไทยนั้นไม่แพงเลย ที่สำคัญ ถ้าทุกคนคิดแต่จะซื้อ ไม่มีใครทำ แล้วจะไปหาทานได้ที่ไหนครัับ

ทิมมี่อยากให้เยาวชนไทยได้รู้จักขนมไทยเหล่านี้ นอกจากจะได้ทราบประวัติที่ไปที่มา เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย เราก็สามารถนำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้ตนเองยามเรียนหนังสือได้ การทำขนมให้อร่อยให้เก่งก็ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้ดีงามครับ

*******************************************






Create Date : 15 มิถุนายน 2557
Last Update : 15 มิถุนายน 2557 8:56:03 น. 0 comments
Counter : 3005 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เหมียวกุ่ย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




ยินดีต้อนรับพี่ๆน้องๆทุกท่านเข้าเยี่ยมชม เว็บบล็อคแห่งนี้ หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขในการชมบล็อคของกระผมนะครับ










View My Stats
New Comments
[Add เหมียวกุ่ย's blog to your web]