การเลือกแหวนเพชร
ระหว่างที่เราทำทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น เรายังมีเวลาพอที่จะไปดูแหวนแต่งงาน บางคู่อาจใช้แหวนมรดกแล้วเอาไปชุบให้ดูใหม่ก็ได้คะ
แหวนหมีราคาสามหมื่นแปด เม็ดกลางน้ำ96 ไซค์50สต. ส่วนนแหวนแฟนเป็นแหวนมรดกคะ เอาไปชุบใหม่ก็ดูแจ่มคะ ทีนี้มาเรื่องการเลือกแหวนเพชรนะคะ
เดี่ยวนี้ ร้านเพชรมีมากมาย ไม่เชื่อลองไปดูในห้าง จะเห็นบูธขายเพชรเต็มไปหมด มีหลากหลายแบรนด์ หลากหลายดีไซน์ หรือถ้าจะเป็นร้านดังเลยก็มี แต่สาวๆ ที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับเพชร คงเริ่มกังวลว่าหากจะซื้อขึ้นมาจริงๆ จะต้องเลือกอย่างไร เพราะซื้อเพชรไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะคะ โชคดีว่าเรามีสถาบันต่างๆ ในการคัดเกรดเพชร ที่ยังบอกถึงวิธีการเลือกเพชรให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจซื้อเพชรอีกด้วย อย่างเช่นสถาบัน Gemological Institute of America หรือ G.I.A. ที่ให้ข้อแนะนำไว้ดังนี้
หนึ่ง วิธีการดูน้ำหนักเพชรว่ามีกี่กะรัตนั้นต้องจำไว้ว่า 1 กะรัต เท่ากับ 200 มิลลิกรัม ร้านเพชรบางแห่งอาจจะใช้ระบบ Point หรือจุดสำหรับเพชรที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กะรัต นั่นก็คือ 1 กะรัตเท่ากับ 100 Point ครึ่งกะรัตเท่ากับ 0.5 Point
สอง วิธีการดูความใสสะอาดของเพชรเพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเพชรนั้นมีตำหนิหรือไม่ โดยทางสถาบัน สถาบัน G.I.A. จะใช้ระบบเกรดตั้งแต่ FL ถึง 13 กล่าวคือ FL คือเกรดเพชรที่ไม่มีตำหนิใดๆ และหายากมากๆ ส่วนเกรด 11, 12 หรือ 13 หมายถึงเพชรที่คุณสามารถเห็นตำหนิได้ด้วยตาเปล่า ฉะนั้นแบบนี้ไม่ควรซื้อค่ะ
สาม วิธีการดูสีเพชร สีของเพชรนั้นจะถูกกำหนดากความเหลืองที่มีอยู่ในเพชรเม็ดนั้น ทางสถาบัน G.I.A. โดยส่วนใหญ่เพชรสำหรับแหวนหมั้น มักจะใช้เกรดสี G หรือ H เพราะยังถือว่าขาว และแทบไม่เห็นสีเหลือง ส่วนใครอยากรู้ เกรด D ราคาเท่าไหร่ ไปถามในร้านดูสิค่ะ เพราะมันแพงเหลือหลายค่ะ
สี่ การดูคัทของเพชร การดูทรงเหลี่ยม สัดส่วน สไตล์ของเพชรแต่ละเม็ด โดยส่วนใหญ่จะกำหนดคัทของเพชรจากทรงของมัน นักลงทุนส่วนใหญ่จะเลือกทรงกลม เพราะมีค่ามากกว่าทรงอื่นๆ หรืออย่างแหวนหมั้นหนิงคัท Heart & Arrow หรือคัทหัวใจและลูกศร ก็คือเวลาเล่นกับไฟ เมื่อดูเพชรดีๆ เห็นรูปหัวใจและลูกศรอยู่ข้างในเพชร แน่นอนนะคะว่าเพชรที่มีคัทพิเศษหน่อยก็ราคาสูงกว่าคัทแบบธรรมดาค่ะ
เอา ล่ะค่ะ พอจะรู้วิธีการเลือกเพชรกันแล้ว เวลาจะไปซื้อจะไดทันคนขาย ทีนี้ก็มาถึงการเลือกซื้อจริงๆ แล้วล่ะ อย่าใจร้อนเชียวนะคะ การซื้อเพชรต้องใช้เวลาค่อยๆ ดู ศึกษามัน แล้วค่อยตัดสินใจ เพราะราคาไม่ใช่ถูกๆ หนิงเลยมีวิธีการหรือขั้นตอนในการซื้อเพชรที่หนิงใช้อยู่เป็นประจำมาฝากค่ะ
ประการแรก ถามตัวเองให้ดีก่อนว่าอยากได้เครื่องประดับเพชรแบบไหน และที่สำคัญที่สุดมีงบประมาณเท่าไหร่
ประการ ที่สอง ต้องเลือกร้านที่ไว้ใจได้ น่าเชื่อถือ และแน่นอนต้องมี certificate หรือคนไทยเรียกว่า ใบเซอร์ พูดง่ายก็คือเป็นใบประกาศที่ได้รับรองจากสถาบัน ซึ่งในอนาคตหากคุณไปขายต่อก็จะง่ายขึ้น และราคาไม่ตก แถมยังเป็นการรับประกันว่าของคุณนั้นเพชรจริงแท้แน่นอน ร้านเพชรที่ดีจะไม่คะยั้นคะยอให้คุณซื้อ แต่จะให้คุณคิดพิจารณาตามสบาย กลับบ้านไปคิดอีก 2 อาทิตย์ก็ได้ หากคุณเข้าร้านไหนแล้วไม่สบายใจ อย่าเกรงใจไปเลยนะคะ ยังมีร้านอื่นๆ อีกมากมายให้คุณเลือก
ประการที่ สาม อย่างที่บอกไปแล้ว ก่อนซื้อเพชรก็ต้องมีความรู้เรื่องเพชรให้คนขายได้เห็น นั่นก็คือ 4C ข้างต้นที่หนิงบอกไปแล้ว carat, color, clarity และ cut จะได้ไม่โดนคนขายหลอกเอานะคะ
ประการที่สี่ พยายามเลือกเพชรที่ส่องประกายวับวาว เจิดจรัส และเล่นไฟ เพื่อจะได้ไปส่องตาใครต่อใครเวลาที่ส่วมใส่ไงละคะ
ประการ ที่ห้า พยายามเปรียบเทียบราคาแต่ละร้าน ใช่แล้วค่ะ จะเลือกซื้อทั้งที ต้องดูหลายๆ ที่นะคะ บางแห่งเพิ่มราคาสูงเพราะค่าเช่าสถานที่อาจจะแพง ฉะนั้น้องเลือกให้ดี ราคาสมเหตุสมผล หรือถ้าไปแหล่งขายเพชรเลยก็มั่นใจได้ว่าไม่น่าจะเพิ่มราคาค่าเช่าที่มากนัก
ประการ ที่หก อย่าลืมดูบริการหลังการขายด้วยค่ะ ว่าร้านที่คุณจะซื้อนั้น จะให้บริการหลังการขายอะไรบ้าง อย่างเช่นทำความสะอาดให้ตลอดชีพ หรืออาจจะเปลี่ยนตัวเรือนหรือในแบบราคาพิเศษ ถ้าได้ร้านแบบนี้ก็ถือว่าโชคดีคะ
ประการที่เจ็ด ซื้อแล้วบางร้านยังมีบริการทำเลเซอร์สลักชื่อ หรือวันเดือนปีเกิดให้บนตัวอักษรย่อ พร้อมวันเดือนปีที่หมั้น ซึ่งสามารถสร้างคุณค่าทางจิตใจได้ด้วยค่ะ
ประการสุดท้าย ซื้อแล้วก็ดูหน้าดูหลังด้วยนะคะ ไม่ใช่มัวแต่ชื่นชม จนไม่รู้ว่าอาจมีมิจฉาชีพแอบดูคุณอยู่ ทางที่ดีที่สุด อย่าไปซื้อคนเดียว ได้ของแล้วเก็บให้มิดชิด หรือไม่ก็ใส่ไว้เลยค่ะ
ขอขอบคุณที่มาจาก หลักง่ายๆ ในการเลือกซื้อเพชร
Free TextEditor
Create Date : 09 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2552 19:12:54 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1683 Pageviews. |
|
|