|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
1 เดือนผ่านไป สำหรับคนไร้ภาระ
ภาระที่ว่านี้ ก็คือ งาน และได้ช่วยเพิ่มภาวะประชากรคนว่างงานให้กับสังคมอีก 1 อัตรา
เหตุที่ว่างงาน ก็คือ ความยินยอมที่จะจบภาระหน้าที่ที่องค์กรที่เคยทำ เพียงเพราะรู้สึกเบื่อกับงานในองค์กร และเมื่อสบโอกาสที่องค์กร เสนอเงินให้ก้อนหนึ่ง เลยทำให้ตาลุกวาว จนตัดสินใจก้าวออกจากงานที่ทำนี้
ก็คิดดูสิ เงินเดือนในเกณฑ์ที่มากกว่าที่กฎหมายบังคับจ่ายให้กับคนที่ถูกจ้างออก บวกกับเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกจำนวนหนึ่ง และเงินที่จะได้จากสำนักงานประกันสังคม หากยังคงภาวการณ์ว่างงานไว้ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน คิดสะระตะแล้วก็น่าสนอยู่ อีกทั้งเป็นโอกาสที่ดี ที่ทำให้มีแรงขับในการขยันที่จะหาทางเลือกใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้า ผัดมาเรื่อยๆ เพียงเพราะข้ออ้างที่พร่ำบอกกับตัวเองตลอดเวลาว่า งานนั้นหายาก
แต่แล้วเมื่อตัดสินใจ ก้าวออกจากตรงนั้นมา ไอ้ต่อมความขยันมันก็มาพุ่งสปีดเอาตอนที่ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะว่างงานแล้ว ทั้งที่ควรขยันมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังดีที่ยังรู้สึกตัวไม่ช้าเกินไป เพราะก่อนหน้านี้ คิดแต่เรื่องจะพักผ่อนยังไง จะไปเที่ยวที่ไหน ที่จริงก็เป็นความคิดที่ไม่แนะนำให้ใครเอาแบบอย่าง เพราะกว่างานจะมาถึงมือ ก็ต้องใช้อีกระยะเวลาหนึ่งพอสมควร คนที่ซีเรียสกับการว่างงาน ไม่ควรชะล่าใจ
สัปดาห์แรกแห่งการว่างงาน ใช้เวลาและเงินไปกับการฉลองด้วยทริปตามใจอยากกับเพื่อนฝูงที่ร่วมชะตากรรม แต่ความสุขก็อยู่กับเราได้แค่สัปดาห์ที่ไป และหลังกลับมาไม่กี่อึดใจ เพราะหลังจากตั้งหลักความคิดตัวเองได้ ก็ทำให้รู้ตัวว่า ไม่มีรายได้มา 1 สัปดาห์แล้ว
สัปดาห์ที่สอง กับการไปขึ้นทะเบียนประกันตนเป็นคนว่างงาน และการลงมือสมัครงาน ที่คิดว่าอยู่ในข่ายที่น่าจะไปทำ ก็เลือกในสายที่คิดว่าจะสามารถนำประสบการณ์ที่ผ่านมา ไปต่อยอดและต่อรองได้ แต่ตลอดทั้งอาทิตย์ก็ได้แค่การไปสมัครงานแบบวอล์คอินได้แค่ที่เดียว พร้อมกับการโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือกับรุ่นพี่ที่เคยร่วมงานกันมา ผลก็คือ ได้โอกาสที่ทำให้กระชุ่มกระชวยขึ้นมา
สัปดาห์ที่สาม กับการเข้าไปเสนอตัว และผลงาน และการออกเดินทางไปพักผ่อนในที่ที่เคยคิดอยากไป ด้วยข้ออ้างที่บอกตัวเองว่า ไปพักผ่อน คลายเครียด และเรียกกำลังใจให้กลับมาอีก ครั้งนี้ได้ผล เพราะหลังจากกลับมาคราวนี้ เริ่มพึ่งพาตัวเอง กับการลุยสมัครงานผ่านเว็บไซต์อีกหลายที่ด้วยกัน
สัปดาห์ที่สี่ กับการเฝ้ารอ และทยอยเพิ่มใบสมัครในเว็บไซต์ รวมไปถึงการนึกชื่อบริษัทที่อยากไปทำงาน และลุยสมัครงานไปเรื่อยๆ ถ้าเจอหน้าให้กรอกใบสมัคร โดยไม่ต้องดูว่า เขามีอัตรารับหรือไม่ ขอให้ได้สมัครก็รู้สึกดีแล้ว อย่าถามหาการวอล์คอิน เพราะการออกไปด้วยตัวเอง คือค่าใช้จ่าย และต้นทุนเวลา ที่จะทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น
หนึ่งเดือนกับการรอคอย และกระตุ้นตัวเอง ให้หางาน แรกเริ่มคือความตื่นเต้น แต่นานไป ความกังวลที่กำลังเข้ามาแทนที่ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับตัวเลขในบัญชีค่อยๆ ลดน้อยลง กับการที่ต้องทำชีวิตให้เป็นปกติ ให้ครอบครัวเห็น เพียงเพราะไม่ต้องการให้คนรอบข้างมาแบกรับความกังวลไปด้วย
แล้วพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร??
ปล. 1 เดือนที่ผ่านมานี้ จขบ. เสี่ยงเซียมซีไป 3 ครั้ง และได้ใบที่ความหมายไม่ดีทั้ง 3 ครั้งเลย แอบท้อใจไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะอีกไม่ถึง 20 นาที ก็จะหมดเดือนพฤษภาคมแล้ว เดือนมิถุนายน คงจะดวงดีบ้างแหละน่า
Create Date : 31 พฤษภาคม 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2552 23:45:14 น. |
Counter : 707 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: am^^ IP: 58.8.129.73 1 มิถุนายน 2552 9:06:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: am^^ IP: 58.8.129.73 1 มิถุนายน 2552 9:51:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: wujirab 1 มิถุนายน 2552 12:46:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: aom_mY67 1 มิถุนายน 2552 23:16:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: SevenDaffodils IP: 69.140.230.39 2 มิถุนายน 2552 11:03:19 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เดือนแรกสมัครและรอ
เดือนที่สองเริ่มสัมภาษณ์
และเดือนที่สามรู้ผลและได้งานทำ
เดือนที่สี่เริ่มงานทันที
มันเป็นวงจรนะเราว่า
สำหรับเรามันก็ประมาณนั้น
หนึ่งเดือนอย่างเร็วที่สุด
อย่างตอนที่เราออกจากงาน
เราออกปลายเดือนกุมภา
ได้งานกลางเดือนมีนา
นั่นแหละเร็วสุด
แต่ถ้าถามว่าครั้งแรกที่หางาน
ก็ประมาณนั้น
หางานมกรา
กุมภาเริ่มเรียกสัมภาษณ์
เริ่มงานมีนาคม
เวลาว่างตอนนี้
อยากทำอะไรก็ทำนะ
โดยเฉพาะงานเขียน
อย่าปล่อยให้เวลาว่างผ่านเลยไป
ฉันรู้ว่าแกเขียนได้
บางอย่างก็ไม่ต้องรอนี่นา
^^