รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย จะเกิดภาคไหนๆก็ไทยด้วยกัน
เชื้อสายประเพณีไม่มีกีดกั้น เกิดใต้ธงไทยนั้น ปวงชนทุกคนคือไทย
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
27 มิถุนายน 2549
 
All Blogs
 

Fwd: ชีวิตและสุขภาพ... อาหารสมองสำหรับผู้ที่ขี้หลงขี้ลืม


Date: Wed, 21 Jun 2006 23:24:44 -0700 (PDT)
From: "kanjana p"
Subject: ชีวิตและสุขภาพ
From: "Niranan A" <>
Date: Fri, 9 Jun 2006 14:34:01 +0700


อาหารสมอง
คุณมีอาการเช่นนี้บ่อยแค่ไหน จำไม่ได้ว่าวันนี้จอดรถชั้นไหนนะ เอ..ผู้ชายที่ส่งยิ้มให้เมื่อกี๊หน้าตาคุ้นๆ ชื่ออะไรนะ ว่าแต่ว่าเมื่อเช้ากินยาก่อนอาหารแล้วหรือยัง จำได้ว่าจดไว้ในสมุดโน้ตกันลืมทั้งชั้นจอดรถและเวลากินยา แต่เอาสมุดเล่มที่ว่าไปวางไว้ที่ไหนล่ะเนี่ย

ความจำหายไปไหน?
อาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช Nutrition Consultant จาก Vital Life ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อธิบายว่า โดยธรรมชาติแล้วเซลล์สมองเฉพาะส่วนจะตายไปตามวัย ทำให้คนเรามีปัญหาในเรื่องของความจำ หรือความสามารถในการจำลดลงและหลงลืมบ่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น

"โดยปกติแล้วความจำช่วงที่ดีที่สุดจะอยู่ในตอนที่คนเราอายุ 20 ปี หลังจากนั้นจะค่อยๆ ลดลงทีละน้อยๆจนเห็นชัดเจนตอนอายุ 50 ปี"

คนทำงานในวัยสามสิบขึ้นไป แม้วัยยังห่างไกลห้าสิบ
อาจสงสัยว่าทำมั้ยตนจึงมีอาการความจำตกๆ หล่นๆ
สมาธิน้อยลง หลงลืมเป็นประจำ แถมบางครั้งยังรู้สึกเครียด หดหู่ อยู่บ่อยๆ


สาเหตุอาจไม่ใช่เพราะ 'ความแก่' มาเยือน อาจารย์ศัลยา วิเคราะห์ว่า เป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตของแต่ละคน รวมไปถึงระดับ 'น้ำตาล' ในเลือดด้วย

เนื่องจากน้ำตาลเป็นหนึ่งในสารจำเป็นซึ่งส่งผลต่อการทำหน้าที่ของเซลล์สมอง ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไป การทำหน้าที่ของเซลล์สมองก็จะผิดปกติได้ดังนั้นการมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สม่ำเสมอจึงมีผลดีต่อสมอง

อาหารเรียกความจำคุณกินอะไร ก็จะเป็นอย่างนั้น ประโยคสั้นๆ ที่เป็นความจริงแท้แน่นอน นักวิจัยอธิบายต่อว่า อาหารที่เรารับประทานในแต่ละคำยังส่งผลถึงสมาธิ ความจำ รวมไปถึงความเฉลียวฉลาดด้วย สิ่งที่เราไม่รู้และควรรู้ก็คือ เซลล์สมองของคนเรามีจำนวนมากถึงร้อยพันล้านเซลล์ แต่ละเซลล์ก็มีความต้องการอาหารที่มีสารอาหารในการเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ประสาท
การขาดสารอาหารเพียงบางชนิดแม้ในจำนวนเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้ความจำลดลงได้ก่อนที่ร่างกายจะแสดงอาการออกมา

ในการทำงานของเซลล์สมองทุกๆ ตัว จะมีสารเคมีที่เรียกว่า สารสื่อสมอง ซึ่งช่วยสื่อสารจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งต่อๆ กันไป ระบบการไหลเวียนของเลือดจะนำเอาออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ซึ่งการทำงานจะเป็นไปได้ด้วยดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่ามีสารอาหารไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอสม่ำเสมอ พอที่จะทำให้สมองทำงานได้ดีตลอดชีวิตหรือไม่ อาหารดีมีประโยชน์สำหรับสมอง ช่วยให้เราคิดดี ทำดี มีความจำดี มีอะไรบ้าง

แล้วเราต้องปฏิบัติตนอย่างไร

สารบำรุงสมอง
สมองต้องการอะไรบ้าง เริ่มต้นกันที่ วิตามินบี ได้แก่ วิตามินบี 1 บี 2 ไนอะซิน บี 6 บี 12 แพนโธทีนิค และกรดโฟลิค ช่วยป้องกันสมองเสื่อม ความจำเลอะเลือน อาหารที่มีวิตามินบีสูง เช่น ผลิตภัณฑ์นมพร่องหรือขาดไขมัน กล้วย อาหารทะเล ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วต่างๆ ผัก ผลไม้

ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง การขาดธาตุเหล็กจะทำให้สมาธิสั้น ไอคิวลดลง การเสริมธาตุเหล็กสำหรับผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้าย ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ ใช้ความคิด เพิ่มทักษะในการใช้คำพูด อาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล

โคลีน ชื่อนี้ควรจำไว้ให้ดีเพราะเป็นองค์ประกอบที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมองและสารเคมีในเซลล์สมองที่ชื่อว่า อะเซทิลโคลีน ซึ่งควบคุมความจำ อาหารที่มีโคลีนสูง คือ ไข่แดง ตับ ถั่วลิสง เนยถั่ว บรูเออส์ยีสส่วนที่มีในปริมาณเล็กน้อยได้แก่ มันฝรั่ง มะเขือเทศ ขนมปังโฮลวีท นม ส้ม
ดอกกะหล่ำ และแตงกวา

สารแอนตี้ออกซิแดนท์ี เช่น วิตามินซี อี และ เบต้าแคโรทีน ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระซึ่งทำให้เซลล์สมองเสื่อม ส่งผลให้ความจำเสื่อม มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พบว่า ผู้ที่บริโภควิตามินซีสูงมีผลการทดสอบด้านสมาธิ ความจำ และการคำนวณดีที่สุด พืชที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องการสมองเสื่อม ได้แก่ สารโอพีซีสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากใบแปะก้วย กรดไลโปอิคและสารฟลาโวนอยด์ในผัก ผลไม้ เช่น องุ่น ผลไม้ประเภทเบอร์รี ชาเขียว น้ำมันปลา หรือโอเมก้า 3 ช่วยป้องกันความจำเสื่อม ปลาที่มีโอเมก้า 3 มาก ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาค้อด ปลาซาร์ดีน และปลาแมคคอเรล ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารแนะนำให้บริโภคเนื้อปลาสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

กินดี สมองดี
หลักง่ายๆ ในการเลือกรับประทานอาหารให้ได้ครบสูตรในแต่ละมื้อ โดยไม่ต้องมานั่งนับแคลอรีให้ปวดหัว อาจารย์ศัลยา แนะให้แบ่งจานอาหารออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กัน ประกอบไปด้วย ผัก ผลไม้ ข้าวธัญพืช และโปรตีน
"สำคัญที่สุดคือ ต้องกินอาหารเช้า เนื่องจากสมองคนเราต้องการน้ำตาลกลูโคสเพื่อใช้เป็นพลังงาน ถ้าเราไม่รับประทานอาหารก็จะทำให้สมองขาดเชื้อเพลิงในการทำงาน"

อาจารย์ศัลยา กล่าวถึงผลวิจัยที่พบว่า คนที่รับประทานอาหารเช้าจะขาดโรงเรียนหรือขาดงานน้อยกว่ารวมไปถึงการทดสอบทางคณิตศาสตร์ สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์
ความรวดเร็วในการแก้ปัญหา การรำลึกความจำ ความแม่นยำในการทำงานดีขึ้น แถมยังมีอารมณ์ดีกว่าคนไม่กินข้าวเช้าอีกด้วย

อาหารเช้าแบบไหนที่เป็นของ 'ต้องการ' หรือ 'ต้องห้าม'
อาหารเช้าที่ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำ ได้แก่ ซีเรียลผสมนมพร่องมันเนย หรือนมถั่วเหลือง ผลไม้ 1 ชนิดและน้ำผลไม้ (ไม่ผสมน้ำเชื่อม) 1 แก้วเล็ก ถ้าอยากรับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ขอแนะนำเป็น ไข่ดาว ขนมปังโฮลวีททาเนยถั่ว งดไส้กรอกแฮม เพราะมีไขมันสูง กาแฟ 1 ถ้วย อนุญาตให้เติมน้ำตาล 1 ช้อนชาพอ

อาหารเช้าแบบไทยๆ แนะนำให้รับประทานข้าวต้มเครื่อง ข้าวต้มปลา เสริมผัดผัก 1 จาน หรือข้าวโพด 1 ฝัก นมถั่วเหลือง 1 แก้ว น้ำส้มสด 1 แก้วเล็ก มะละกอ 1 เสี้ยว
นี่คือตัวอย่างของอาหารเช้าคุณภาพดี

อาหารกลางวัน ถ้ามีไขมันสูงหรือน้ำตาลสูง นอกจากจะทำให้ง่วงนอนแล้ว สมองก็ไม่แล่นอีกด้วย ฉะนั้นมื้อเที่ยงจึงไม่ควรเป็นมื้อหนัก มีโปรตีนเล็กน้อย ธัญพืชไม่ขัดสีมากหน่อย จะช่วยให้สมองตื่นตัวตลอดเวลา
อาหารแนะนำได้แก่ แซนด์วิชทูน่าขนมปังโฮลวีท สลัด (น้ำสลัดไขมันต่ำ) 1 จาน น้ำผลไม้ และผลไม้สด
หรือก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ใส่เส้นน้อยๆ ผักเยอะๆ ไม่ใส่กระเทียมเจียว ไม่รับประทานหนังไก่ หรือถ้าอยาก
รับประทานสปาเกตตีสักจานก็ขอให้เพิ่มสลัดอีก 1 จาน

ไม่แนะนำ ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว เพราะมีไขมันมาก เปลี่ยนเป็นราดหน้าจะดีกว่า โดยเปลี่ยนจากเส้นใหญ่เป็นเส้นหมี่ วุ้นเส้น หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้


ชวนสมองออกกำลังกาย
การออกกำลังกายควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่สมองต้องการเป็นสิ่งที่จำเป็น

วิธีการออกกำลังกายแบบแอโรบิกและโยคะ เป็นวิธีที่อาจารย์ศัลยาแนะนำรวมไปถึงการออกกำลังกายสมอง ด้วยการท้าทายในการทำสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเกมที่ใช้ความคิด ลองหัดวาดรูป หรือเรียนดนตรี อย่าลืมว่าไม่มี
อะไรแก่เกินเรียน

เมื่อสมองได้รับการท้าทายแล้ว ก็จะไม่เครียด สมอง ความคิดก็จะปลอดโปร่ง หากปฏิบัติตามคำแนะนำ ทั้งหมดของผู้เชี่ยวชาญได้แล้ว คราวนี้ คุณคงจะไม่ต้องไปยืนทำสมาธิอยู่หน้าลิฟต์อาคารจอดรถเพื่อนึกว่าจอดรถไว้ที่ชั้นไหน ยามหนุ่มยิ้มให้ก็ไม่ต้องงงว่า เขาเป็นใคร อีกต่อไป


สมูทตี้สูตรสดชื่น
ส่วนผสม: แครอท 4 หัว แอปเปิล 1 ผล ขิงเล็กน้อย พริกหวานสีแดง 1/2 เม็ด ผิวมะนาวเล็กน้อย ซอสโทบาสโก้นิดหน่อย

วิธีทำ - นำมาปั่นรวมกัน รินใส่แก้วรับประทานทันที ไม่ควรทิ้งไว้

เมนูบำรุงสมอง ซุปถั่ว ซุปมันฝรั่ง ซุปฟักทอง แกงกะหรี่ผักอินเดีย ต้มยำปลา ต้มยำกุ้ง เต้าหู้ผัดผักหลายๆ สี ผัดเปรี้ยวหวานไก่

เคล็ดลับเพิ่มความจำระยะสั้น ท่องหนังสือก่อนเข้าประชุม กินน้ำตาลปริมาณ 1 ช้อนชา จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น ในขณะเดียวกัน หากร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไปจะก่อให้เกิดอาการซึมเศร้า ขาดความกระตือรือร้น / กาแฟ วันละ 1 ถ้วย น้ำตาล 1 ช้อนชา เท่านั้นพอ





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2549
7 comments
Last Update : 6 กรกฎาคม 2549 20:29:25 น.
Counter : 561 Pageviews.

 

เรื่องราวดีดีมีประโยชน์ค่า

เพราะเราก็เป้นคนขี้หลงขี้ลืมเหมือนกัน

 

โดย: FaRaWaYGiRL 27 มิถุนายน 2549 12:23:05 น.  

 

 

โดย: mungkood 27 มิถุนายน 2549 14:05:52 น.  

 

อืมม มีสาระๆ ...

เอ พูดเรื่องอะไรนะ..
ลืม

 

โดย: K'mint 28 มิถุนายน 2549 0:46:51 น.  

 

ได้ประโยชน์จัง เจ๊ขอก็อปเอาไว้ทำให้ผู้พันรับประทานนะคะ

 

โดย: นางกอแบกเป้ 28 มิถุนายน 2549 2:39:54 น.  

 

เป็นบ่อยๆเลยครับ ตอนเช้ามีคนมาถามว่าลุงกล้วยกระโดดโลดเต้นทำไม ลุงกล้วยบอกว่ากินยาแล้วลืมเขย่าขวดนะครับ

 

โดย: ลุงกล้วย 29 มิถุนายน 2549 12:24:44 น.  

 

มีสาระดีคะ ช่วงนี้ขี้ลืมบ่อยมาก

 

โดย: noknoinnn 30 มิถุนายน 2549 19:34:22 น.  

 

คนเขียนก้อต้องอ่านและจำไว้ให้แม่นๆๆๆๆแล้วกันเดี๋ยวลืมกันอีก

 

โดย: เด็กบ้านตาก 1 กรกฎาคม 2549 13:16:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


FaRaWaYGiRL
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




It hurts to love someone and not be loved return. But what is more painful is to love someone and never find the courage to let that person know how you felt. May be god wants us to meet a few wrong people before meeting the right one so that when we finally meet the right person, we will know how to be greateful for that gift. "เพื่อน 'OoY เขียนให้ก่อนจากกัน"(ขอบคุณค่า)

เราเป็น ญ ที่ดูจะทำมะดาคนนึงที่มีบ้านเกิดอยู๋โคราชเป็นคนสุดท้องของครอบครัว เอาแต่ใจตัวเอง ใจร้อน ขี้หงุดหงิด โมโหง่าย..ขี้น้อยใจ โกรธง่ายหายไว..แค่เนี้ยพอมะ??

เราเริ่มทำบล็อกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2549 โดยการชักนำของเพื่อนคนนึง..จะว่าเค้าชักนำก้อไม่ได้ ก็เค้าส่งบล็อกเค้ามาอวด เราก้อสนใจ..จากนั้นก้มีบล็อกเป็นของตนเอง..

แต่งโน่นเติมนี่จนเป็นอย่างที่เห็นค่ะ

สุดท้ายนี้ก้อจะลืมไม่ได้คือ ขอบคุณป้ามด, คุณนุทศรี, คุณgoret, คุณ asita, คุงอย่ามาทำหน้าเขียว น้องแข Rebel, คุง9A และคนอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยนะคะที่ช่วยเอื้อเฟื้อสำหรับทุกอย่างที่ทำให้หน้าบล็อกออกมาเก๋ไก๋ชไนเดอร์แบบเนี้ยกิกิกิ



หลังไมค์ถึงเรา




แบนเนอร์ย่าดา..โดนบังคับอ่ะ 555555

Color Codes ป้ามด
ชื่อบล็อกเพื่อนทางนี้ค่า
New Comments
Friends' blogs
[Add FaRaWaYGiRL's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.