เปิดมุมมองใหม่ ปักกิ่งเกาหลี ทริปเดียวเที่ยวสองประเทศ
13-18 มีนาคม 2553 มีโอกาสได้ไปทัวร์ ปักกิ่ง + เกาหลี ทริปเดียวเที่ยวสองประเทศที่จริงตอนแรกตั้งใจว่าอยากจะลองไปเกาหลีเอง แต่...ลองเช็คราคาตั๋วแล้ว ไปกลับกทม-โซล ของโคเรี่ยนแอร์ ปาเข้าไปคนละ 20500 บาทแล้ว เลยตัดสินใจหาทัวร์ไป 0หลังจากที่เสริชหาอยู่หลายบริษัท มีรายละเอียดของทริปแตกต่างกันเล็กน้อย ราคาก็ตั้งแต่ 24000-29900 บาท แต่...โทรถามกี่ที่ๆ ก็ได้คำตอบเดียวกัน... "เต็มแล้วค่ะ" หรือ "เป็นเวทติ้งลิสนะคะ" แม้แต่ในงานท่องเที่ยวไทยไปไกลทั่วโลกก็ยังไม่มีทริป 2 ประเทศขายเลย จนกระทั่ง... ไปเจอของที่นึง6 วันราคา 27990 บาท รวมทุกสิ่งอย่าง เว้นทิปไกด์+คนขับรถราคาใช้ได้ แต่มันไปว่างเอาวันที่ 20 มีนา (เกือบปลายมีนา หิมะก็หมดแล้วสิ) แต่ก็เอาฟระ ไม่มีทางเลือกแล้วนี่ ไม่งั้นก็ยังไม่ต้องไปไอ้เราก็ทำใจไปก่อนเลย คืออยากเห็นหิมะนะ แต่ก็ทำใจเถอะเพราะมันหมดหน้าหนาวแล้ว อยากไปใจจะขาด -*- เอาฟระ...แต่แล้ว... ข่าวดี... บ. ทัวร์ โทรมาว่า ทริปวันที่ 13 มีนาคมมีคนยกเลิกสนใจไหม เราก็กระโดดเข้าตะครุบทันที (ทำอย่างกะของฟรี -*-)ขอให้เข้าใจอารมณ์คนอยากเที่ยวนีสนุงอะนะหลังจากจ่ายเงินค่าทัวร์เสร็จสรรพ เราก็ได้แต่นับวันรอ 13 มีนา ดีเดย์ (แถมมีชุมนุมประท้วงด้วย)ประมาณ หกโมงครึ่ง (เย็น) เราก็เดินทางไปปักกิ่งด้วยสายการบินแอร์ไชน่า ซึ่งก็ดีใช้ได้ ไม่ได้เลิศเลอ แต่ก็ดีทีเดียว ไปถึงปักกิ่งตอน 00. 55 น. เครื่องตรงเวลาเป๊ะ แต่เรานี่สิชักจะง่วงแล้วเวลาเดือบตี 1 ของปักกิ่งเท่ากับ เที่ยงคืนของเมืองไทย กว่าจถึงที่พักก็เกือบตีสอง(ของปักกิ่ง) เรียกได้ว่าถึงที่พักวันแรกก็สลบไปตามๆ กันเช้าวันใหม่เราเริ่มต้นทริปปักกิ่งกันที่กำแพงเมืองจีน แต่... หิมะตกค่ะ... ตกทั้งที่ไกด์จีน(พูดไทยได้)ยืนยันว่าหน้าหนาวได้หมดลงแล้ว ยากที่จะตกอีก แต่เช้านี้หิมะตก และตกแรงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างทางไปกำแพงเมืองจีนไอ้เราก็ตามประสาคนเมืองร้อนไม่เคยเห็นหิมะได้แต่กรี๊ดกร๊าดกันไปตลอดทางแต่พอถึงกำแพงเมืองจีนเท่านั้นล่ะ เสียงกรี๊ดกร๊าดดีใจก็เริ่มจางหายกันไปถ้วนหน้า เพราะมันเริ่มตกหนักแล้ว หนักมากขึ้นเรื่อยๆ อากาศก็หนาวสุดๆ ขนาดว่าเตรียมเสื้อกันหนาวขนเป็ดไปก็ยังยืนตัวสั่นกันเลยทีเดียว หิมะตกหนักเสียจนเรามองอะไรไกลๆ ไม่เห็น เลยไม่รู้ว่ากำแพงเมืองจีนมันหน้าตาเป็นยังไง -*-ช่วงบ่ายที่ปักกิ่งไม่มีอะไรมาก โปรแกรมเปลี่ยนจากเทศกาลแกะสลักน้ำแข็ง (เพราะน้ำแข็งละลายไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อน) มาเป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งราชวงศ์ถัง ตามด้วยรายการไฟท์บังคับคือร้านหยก แล้วก็ศูนย์สุขภาพนักกีฬาโอลิมปิคซึ่งจริงๆ แล้วก็คือการพยายามขายน้ำมันนวด แล้วก็ยาสมุนไพรจีนเราปิดท้ายปักกิ่งกันด้วยย่านช้อปปิ้งของไฮโซ -*- ห้าง The Place เราไม่ได้ซื้อของแพงกัน แต่ลงไปซุปเปอร์มาเก็บเหมามาม่าหน้าตาแปลกๆกลับบ้านเพราะเพื่อนแนะนำมาว่าอร่อยมาก (ชิมไปแล้วค่ะตอนนี้ อร่อยจริงๆนะ) แล้วก็แอบแวะถ่ายรูปในเมืองปักกิ่งกันหน่อยเช้าวันที่ 3 เราเดินทางไปเกาหลี ด้วยใจตุ้มต่อมๆ เพราะ ตม. เกาหลี จะส่งรังสีเด้งใครกลับเมืองไทยไหมหนออออ... แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี ทั้งทริป 17 คนไม่มีใครถูกเพ็งเล็ง จะมีถามบ้างเล็กน้อย เป็นต้นว่ามากี่วัน มากับใคร กลับเมื่อไหร่ฯลฯ ทั่วๆไป สำหรับใครที่กลัวตรงจุดนี้แนะนำว่า ให้ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สบตา อย่าไปกลัว แต่ก็อย่ากระด้างจนเกินไป ถามอะไรก็ตอบไป จะบอกเขาไปว่าเราอยากมาตามรอยละครเกาหลีเลยก็ได้55+ ถึงเกาหลีเอาตอนเที่ยงๆ ไกด์ท้องถิ่นคนเกาหลี แต่พูดไทยชัดแจ๋ว มีนามว่า ชิน (จากบริษัท Merry Land เป็นไกด์ที่เฟรนลี่สุดๆ แต่ดูแลเราดีมากจนกล้าพูดได้เต็มปากว่า เขาเป็นไกด์ที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมา ประทับใจมากค่ะมื้อแรกในเกาหลีเริ่มต้นด้วยชาบูแบบเกาหลี พร้อมข้าวอีก 1 ชาม หน้าตาประมาณอาหารญี่ปุ่น รสชาดเยี่ยมเลยหลังจากมื้อแรกเราก็ไปถึงจุดหมาย ที่ตลาดทงแดมุน55+ ขาช้อปเตรียมเป็นโรคทรัพย์จางกันถ้วนหน้าด้วยความเต็มใจยิ่ง เพิ่งรู้ว่าคนเกาหลีเรียกตลาด Dong Dae Moun หมดตัวกันถ้วนหน้าแต่ยังยิ้มกันได้หลังจากตลาดเราก็ไปเที่ยวเกาะนามิกันในยามใกล้ค่ำ ซึ่งก็สวยไปอีกแบบอ้อ... อากาศที่เกาหลีหนาวใช้ได้เลย แม้จะไม่มีหิมะตกแต่ก็หนาวมากสำหรับคนไทย ไกด์บอกว่า -1 องศา นี่อากาศกำลังดี -*- ไอ้เรานี่สิ สั่นแล้วเกาะนามิยามหัวค่ำว่าจะเล่าต่อว่าไปไหนกันอีกบ้าง แต่ว่าพอเท่านี้ก่อนดีกว่าต่อตอนหน้านะคะ