McMurphy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add McMurphy's blog to your web]
Links
 

 
เรื่องประหลาดของเบนจามิน บัตทอน โดย สกอตต์ ฟิตซ์เจอโรลด์ (3)

3

สมาชิกใหม่ในครอบครัวบัตทอนอุตส่าห์ตัดผมที่มีอยู่หรอมแหรมจนสั้น ย้อมด้วยสีดำผิดธรรมชาติ หนวดเคราบนหน้าถูกโกนเกลี้ยงเกลาจนเป็นเงาวับ และสวมใส่เสื้อผ้าเด็กชายที่ตัดโดยช่างเสื้อผู้ตกตะลึงจังงัง ทว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ครอบครัวบัตทอนจะเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่า บุตรชายของตนมีข้อตำหนิ ไม่สมกับเป็นบุตรคนหัวปีของครอบครัวเอาเสียเลย แม้ว่าหลังของเขาจะงองุ้มเยี่ยงชายชรา แต่เบนจามิน บัตทอน (เขาได้ชื่อนี้มาแทนชื่อน่าเกลียดว่าเมดูเซลาห์) ก็สูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ไม่ได้ช่วยปกปิดเรื่องนี้ และถึงจะเล็มตัดและย้อมขนคิ้วอย่างไร ก็ไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ว่าภายใต้ขนคิ้วนั้นคือดวงตาอ่อนล้าซีดเซียวและแฉะ ไปด้วยน้ำ พี่เลี้ยงเด็กที่จ้างไว้ล่วงหน้าเหลือบดูเบนจามินครั้งเดียวก็เปิดแจ้นกลับ ไป ทำท่ารังเกียจยังกับอะไรดี

แต่นายบัตทอนยังคงยืนยันจุดประสงค์อย่างไม่เปลี่ยนแปลง เบนจามินเป็นทารก จึงต้องทำตัวให้เหมือนเด็กทารก ครั้งแรกเขาประกาศว่าหากเบนจามินไม่ชอบดื่มนมอุ่น งั้นก็ไม่ต้องกินอะไรเลย แต่ในที่สุดเขาก็ประนีประนอม อนุญาตให้บุตรชายรับประทานขนมปังทาเนย ยอมถึงขนาดให้กินข้าวโอ๊ตด้วย วันหนึ่งเขากลับบ้าน ส่งของเล่นเด็กที่เขย่าเสียงดังเผาะแผะให้เบนจามิน คาดคั้นเสียงเฉียบขาดให้ลูก ‘เล่นมัน’ ซึ่งชายชราก็รับไปด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย จากนั้นก็เล่นอย่างว่าง่าย ทำเสียงกรุ๋งกริ๋งมาให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ ตลอดวัน

แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเบื่อของเล่นนั้น และเมื่อได้อยู่ตามลำพังเขาก็พบของเล่นอื่นซึ่งช่วยผ่อนคลายอารมณ์ได้ดีกว่า อย่างเช่น วันหนึ่งนายบัตทอนค้นพบว่าสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเขาสูบซิการ์หมดไปมากผิดปกติ น่าพิศวงยิ่งนัก แต่สองสามวันต่อมาเขาก็ได้รู้ที่มาที่ไป เมื่อเขาเข้าไปในห้องเด็กโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ห้องนั้นคลุ้งไปด้วยควันสีฟ้าอ่อน ๆ เบนจามินทำหน้าสำนึกผิดและพยายามซ่อนก้นซิการ์ฮาวานาสีดำไว้

แน่นอนว่าเรื่องนี้สมควรต้องลงโทษด้วยการหวดก้นให้เข็ดหลาบ แต่นายบัตทอนพบว่าเขาทำไม่ลง เขาจึงได้แต่เตือนบุตรชายว่าซิการ์นั้นจะ ‘ทำให้ลูกไม่โต’

อย่างไรก็ตาม นายบัตทอนยังคงมุ่งมั่นในความคิด เขาซื้อตุ๊กตาทหารทำด้วยตะกั่ว รถไฟเด็กเล่น ตุ๊กตาสัตว์ตัวใหญ่ทำด้วยผ้าฝ้ายมาให้บุตรชาย และเพื่อให้สมบูรณ์แบบ ให้ครบเครื่องภาพลวงตาที่อย่างน้อยเขาก็รังสรรค์ขึ้นเพื่อตัวเขาเอง เขาถามพนักงานในร้านขายตุ๊กตาด้วยสุ้มเสียงวิตกกังวลว่า “เป็ดสีชมพูตัวนี้ สีจะลอกไหมถ้าเด็กเอาเข้าปาก” กระนั้น ถึงแม้บิดาจะพยายามหว่านล้อมสารพัดวิธีอย่างไร เบนจามินก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจของเล่น พ่อลูกชายจะแอบลงไปทางบันไดด้านหลัง และกลับขึ้นมาห้องเด็กพร้อมหนังสือสารานุกรมเอนบริเทนนิกา แล้วบ่ายวันนั้นทั้งวันก็จะนั่งตั้งอกตั้งใจอ่านอย่างมุ่งมั่น ไม่แยแสตุ๊กตาแม่วัวกับเรือโนอาห์ที่ถูกทิ้งอยู่บนพื้นห้อง

เมื่อมาเจอความดื้อรั้นขนาดนี้ ความพยายามของนายบัตทอนจึงได้ผลน้อยเหลือเกิน

ตอนแรกนั้น เรื่องนี้สร้างความแตกตื่นสนใจใหญ่หลวงในเมืองบัลติมอร์ ความเสื่อมเสียชื่อเสียงในสังคมที่จะเกิดกับครอบครัวบัตทอนและวงศาคณาญาติ ทั้งหลายคงไม่อาจประมาณได้ หากไม่มีสงครามกลางเมืองระเบิดขึ้นและดึงดูดเอาความสนใจของผู้คนไปหมด มีบางคนที่พยายามเค้นสมองหาคำยกยอแสนสุภาพมอบให้แก่บิดามารดาของเด็ก และในที่สุดก็บังเกิดความคิดจากสมองชาญฉลาดนั้นว่า ทารกนั้นมีความละม้ายคล้ายปู่อยู่ไม่น้อย ซึ่งก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะร่างกายที่เสื่อมถอยด้วยวัยชราของเบนจามินนั้น ก็เหมือนกับลักษณะชายวัยเจ็ดสิบทั้งหลายนั่นเอง นายและนางโรเจอร์ บัตทอนไม่รู้สึกยินดีกับคำชม และผู้เป็นปู่ของเบนจามินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ถูกหมิ่นประมาทเช่นนั้น

เมื่อออกจากโรงพยาบาล เบนจามินก็ใช้ชีวิตไปตามครรลอง มีคนพาเด็กชายเล็ก ๆ หลายคนมาให้พบปะพูดคุย เขาก็สู้ทนฝืนข้อต่อที่ยึดตึง กระตุ้นตัวเองให้สนุกกับลูกข่างและลูกหินอยู่ทั้งบ่าย และถึงกับใช้หนังสติ๊กยิงกระจกบานหน้าต่างห้องครัวแตกได้โดยบังเอิญ ซึ่งชัยชนะนี้ทำให้บิดาของเขาแอบดีใจอยู่เงียบ ๆ

หลังจากวันนั้น เบนจามินมีเรื่องทำของแตกทุกวัน ทว่าเขาทำเช่นนั้นเพราะรู้ว่าทุกคนคาดหวังให้เขาทำ และนิสัยของเขาก็เป็นคนชอบโอนอ่อนตามคนอื่นอยู่แล้ว

ครั้นเมื่อความ รู้สึกเป็นปฏิปักษ์ของปู่เบาบางลง เบนจามินกับสุภาพบุรุษชราก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันด้วยความสุข ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันคราวละหลายชั่วโมง แม้จะต่างด้วยวัยและประสบการณ์ แต่สามารถพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงราบเรียบถึงเหตุการณ์ในแต่ละวันที่ผ่านไป อย่างช้า ๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เบนจามินรู้สึกสบายใจที่จะอยู่กับปู่มากกว่าบิดามารดา เพราะทั้งสองคนดูจะเกรงกลัวเขาอยู่ และแม้จะชอบใช้อำนาจบังคับเขา แต่บ่อยครั้งกลับเรียกเขาโดยมีคำนำหน้าว่า ‘คุณ’

เขาเองรู้สึกแปลกประหลาดใจเช่นเดียวกับผู้อื่น ในเรื่องที่เขาชราทั้งจิตใจและร่างกายตั้งแต่แรกเกิด เขาอ่านเรื่องนี้ในวารสารการแพทย์ แต่ไม่พบว่าเคยมีบันทึกถึงกรณีเช่นนี้ ด้วยแรงกระตุ้นจากบิดา เขาลองพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเล่นกับเด็กชายคนอื่น ๆ และมักเล่นกีฬาเบา ๆ ส่วนเกมฟุตบอลนั้นรุนแรงเกินไป และเขากลัวว่าหากเกิดแตกหักไป กระดูกสูงวัยของเขาจะไม่ยอมประสานกันติดกันดังเดิม

เขาถูกส่งไปโรงเรียนอนุบาลเมื่อมีอายุห้าปี มีคนสอนให้เขารู้จักศิลปะแปะติดกระดาษเขียวบนกระดาษสีส้ม ขีดเส้นโยงใยแผนที่สี และประดิษฐ์สร้อยคอกระดาษแข็งเส้นแล้วเส้นเล่า เขามักจะสัปหงกไประหว่างนั่งทำงานพวกนี้เสมอ ซึ่งสร้างความรำคาญและหวาดกลัวให้แก่ครูสาวยิ่งนัก เขาจึงโล่งใจเมื่อครูเอาเรื่องไปบ่นกับบิดามารดาของเขา จนเขาต้องออกจากโรงเรียน นายและนางโรเจอร์ บัตทอนบอกแก่เพื่อน ๆ ว่า รู้สึกว่าบุตรชายของตนยังเล็กเกินกว่าจะเข้าโรงเรียน

เมื่อเขาอายุ ได้สิบสองปี บิดามารดาก็เริ่มคุ้นเคยชินชากับเขา ขนบธรรมเนียมของพ่อแม่กับลูกนั้นแรงกล้ายิ่ง เขาทั้งคู่ไม่รู้สึกอีกแล้วว่าเบนจามินแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ยกเว้นจะมีสิ่งผิดปกติแปลกประหลาดมาเตือนให้นึกถึงความจริงนั้น ทว่าหลังจากวันเกิดของเบนจามินผ่านไปสองสามสัปดาห์ วันหนึ่งเบนจามินกำลังมองตัวเองในกระจก และคิดว่าเขาได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ใจเข้าแล้ว ถ้านัยน์ตาคู่นี้ไม่ได้เล่นตลก หลังจากมีชีวิตผ่านมาสิบสองปี เส้นผมของเขาได้เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทาเงินซ่อนอยู่ภายใต้สีย้อมผม รอยย่นบนใบหน้าที่เคยสานเป็นตาข่ายเริ่มจางหาย ผิวหนังดูดีขึ้นและแน่นตึงขึ้น แถมยังดูมีเลือดฝาด เขาไม่รู้ว่าตาฝาดไปหรือเปล่า รู้แต่ว่าแผ่นหลังของเขาไม่โค้งงออีกแล้ว และสภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าช่วงต้นในชีวิตมาก

‘เป็นไปได้ไหมว่า…’ เขาคิดกับตนเอง แต่ก็ไม่ใคร่กล้าจะคิดต่อ เขาเดินไปหาบิดา “ผมโตแล้ว” เขาบอกอย่างมั่นใจ “ผมอยากจะใส่กางเกงขายาวครับ”

บิดาของเขาไม่ค่อยแน่ใจ ในที่สุดก็พูดว่า “ก็ได้ พ่อไม่แน่ใจนะ อายุสิบสี่เป็นวัยที่จะใส่กางเกงขายาว ลูกเพิ่งสิบสองเอง”

“แต่คุณพ่อก็รู้นี่ครับ” เบนจามินทักท้วง “ว่าผมโตกว่าเด็กๆ รุ่นเดียวกัน”

บิดามองเขาพร้อมกับนึกคาดเดาไปผิด ๆ “เรื่องนั้นพ่อไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นะ” เขาพูด “ตอนอายุสิบสองพ่อก็ตัวใหญ่เท่าลูกน่ะแหละ”

ไม่จริงเลย เพียงแต่โรเจอร์ บัตทอนได้ตกลงกับตัวเองอย่างเงียบ ๆ ว่าเขาจะเชื่อเรื่องความปกติของบุตรชาย

ในที่สุดสองพ่อลูกยอมพบกันครึ่งทาง เบนจามินจะย้อมผมต่อไป และจะพยายามจะเล่นกับเด็กชายวัยเดียวกันให้มากขึ้น จะไม่สวมแว่นตาและถือไม้เท้าเดินตามถนน และสิ่งที่เขาจะได้ตอบแทนจากการยอมอ่อนข้อครั้งนี้คือ กางเกงขายาวชุดแรกในชีวิต




Create Date : 15 ธันวาคม 2551
Last Update : 15 ธันวาคม 2551 17:26:20 น. 0 comments
Counter : 335 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.