30 มีค 53 บุหลันลอยเลื่อน
วันนี้ยังเห่อกับการ upload เพลงส่วนตัวค่ะ เพลงไทยเดิมแผ่นโปรด ถูกนำมาเก็บไว้สองเพลง ถึงแม้เพลงบุหลันลอยเลื่อนจะไม่ใช่เพลงไทยเดิมเพลงโปรด แต่ชื่อเพลงที่ไพเราะ รวมทั้งประวัติของเพลง ที่ได้มาจากทรงพระสุบิน ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงโดดเด่นในความเห็นส่วนตัวค่ะ
ประวัติ เพลง บุหลันลอยเลื่อน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์ทั้งทางด้านกวีนิพนธ์และการดนตรี โปรดทรงซอสามสาย มีซอคู่พระหัตถ์ชื่อ "ซอสายฟ้าฟาด" ในยามว่างก็จะหยิบซอมาทรงอยู่เป็นประจำ ในคืนหนึ่ง หลังจากทรงซอสายฟ้าฟาดอยู่จนดึกก็เข้าบรรทม ทรงพระสุบินว่าเสด็จไปสถานที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง มีพระจันทร์เต็มดวงค่อยๆลอยเลื่อนเข้ามาใกล้ ส่องแสงกระจ่างไปทั่ว พร้อมมีเสียงทิพยดุริยางค์กังวานเจื้อยแจ้วมาด้วย ทรงสดับฟังดนตรีอยู่จนพระจันทร์คล้อยเคลื่อนไปก็ตื่นบรรทม แต่เสียงดนตรียังแว่วกังวานอยู่ในพระโสต ก็โปรดฯให้หานางในพนักงานดนตรีเข้ามาต่อเพลงตามที่ได้ยินในพระสุบิน เกิดเป็นเพลงใหม่ที่ไพเราะจับใจ พระราชทานนามว่า
เพลง "บุหลันเลื่อนลอยฟ้า" หรือ "บุหลันลอยเลื่อน" หรือ "บุหลันลอยฟ้า"
เพลงนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่าเพลง "ทรงพระสุบิน"
บางครั้งก็เรียกว่าเพลง "สรรเสริญพระจันทร์"
เคยใช้เป็นเพลงสรรเสริญพระบารมี
เนื้อเพลงบุหลันลอยเลื่อน "กิดาหยันหมอบกรานอยู่งานพัด พระบรรทมโสมนัสอยู่ในที่ บุหลันเลื่อนลอยฟ้าไม่ราคี รัศมีส่องสว่างดังกลางวัน พระนิ่งนึกตรึกไตรไปมา ที่จะแต่งคูหาสะตาหมัน ป่านนี้พระองค์ทรงธรรม์ จะนับวันเคร่าคอยทุกเวลา ครั้นล่วงเข้ายามดึกสงัด สงบเงียบเสียงสัตว์ทุกภาษา วังเวงวิเวกวิญญาณ์ พระนิทราหลับไปในราตรีฯ"
กิดาหยัน หมายถึง มหาดเล็ก สะตาหมัน หมายถึง สวน
31 มีค 53 แรงบันดาลใจ ไม่ได้วกเข้าเรื่องธรรมะมานานพอสมควรค่ะ ชอบอ่าน ฟังจากครูบาอาจารย์ และ ที่ต่างๆที่เห็นว่าเขียนไว้ดี เชื่อว่าผู้สนใจคงหาข้อมูลได้ไม่ยาก และมีแหล่งข้อมูลมากมาย ขอแต่เพียงน้อมนำมาปฏิบัติให้จริงจังค่ะ
เมื่อเช้าเพิ่งเปิดพบข้อความที่มีผู้ให้ความเห็นไว้ในกระทู้เก่าค่ะ ปกติส่วนตัว ใช้ชีวิตไปแต่ละวัน และเขียนบล็อกไว้เป็นบันทึกเรื่องราว แนวคิด บางอย่าง สื่อให้เพื่อนที่อาจมีเวลาว่าง หรือผู้สนใจอ่านคลายเครียด และเพื่อกลับมาทบทวนอ่านในแต่ละช่วงเวลา
"สนุกดูโลกสนุกดูธรรม" ค่ะ ในโลกก็มีธรรมแฝงอยู่เสมอ ถ้าใจไม่ทิ้งธรรมค่ะ หาธรรมให้พบ ในสิ่งที่คนเห็นเป็นเพียงโลก เพลงสำหรับ คืนพระจันทร์เต็มดวงค่ะ
ได้ยินเรื่องราวของ บุหลัน ดวงจันทร์ หลายครั้งใจระลึกได้ถึงพุทธประวัติตอนสำคัญ คือตอนปรินิพพานค่ะ เนื้อหาสำคัญ มีทั้งเรื่อง การหนีไม่พ้นกรรมแม้แต่พระพุทธองค์ คำสั่งสอนสุดท้ายของพระพุทธองค์ "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแห่งเราแล้ว เราขอเตือนเธอทั้งหลายให้จำมั่นไว้ว่า สิ่งทั่งปวงมีความเสื่อม และความสิ้นไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด
และหนทางบรรลุธรรมของ ปัจฉิมสาวก สุภัททะภิกษุ ตลอดราตรีนั้น พระภิกษุสุภัททะได้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำกรรมฐาน เดินจงกรมอย่างไม่ยอมย่อท้อ ไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยเพื่อบูชาคุณแห่งพระบรมศาสดาผู้จะปรินิพพานในปัจฉิมยามนี้ ในขณะที่เดินจงกรมอยู่ภายใต้แสงจันทร์เต็มดวง ในคืนวิสาขปุรณมีนั้น พระจันทร์ที่สุกสกาวเจิดจรัส เต็มท้องฟ้านั้น กลับถูกเมฆก้อนใหญ่ดำทมึนเคลื่อนคล้อยเข้าบดบัง จนมิดดวงไป แต่ไม่นานนักก้อนเมฆนั้นก็เคลื่อนคล้อยออก แสงจันทร์นวลสุกสกาวกลับสว่างตามเดิมนั่นเป็นเหตุให้ดวงปัญญาของพระภิกษุสุภัททะบังเกิดขึ้น เมื่อท่านเปรียบเทียบแสงจันทร์และก้อนเมฆนั้น
โอ.. จิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใส มีรัศมีเหมือนดวงจันทร์ แต่อาศัยกิเลสที่จรมาเป็นครั้งคราว จิตนี้จึงเศร้าหมอง เหมือนก้อนเมฆบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง
แล้ววิปัสนาญานก็บังเกิดแก่พระภิกษุสุภัททะ สามารถขจัดอาสวะกิเลสทั้งมวล บรรลุอรหัตผลในคืนนั้น จึงนับเป็น พระอัครสาวกองค์สุดท้ายที่พระพุทธเจ้าทรงประทานบวชให้
Create Date : 30 มีนาคม 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 31 มีนาคม 2553 13:42:47 น. |
Counter : 6512 Pageviews. |
|
|
|