วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในสตรีตั้งครรภ์
วันนี้ลงบันทึกที่อาจมีสาระประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้าง ปกติไม่ชอบเขียนบันทึกที่มีสาระเท่าไหร่ เพราะเป็นงานประจำอยู่แล้ว การเขียนบันทึกเป็นเพียงการพักผ่อน ทำอดิเรกสนุกๆ แต่ก็พบว่ายังอาจมีผู้สนใจเรื่อง วัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่บ้าง จึงแปล จาก วารสารทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ มาลงบันทึกไว้เล็กน้อยพอไม่ให้อ่านยากค่ะ Safety of influenza vaccination during pregnancy ความปลอดภัยของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในสตรีตั้งครรภ์ จาก American Journals of Obstetric&Gynecology December 2009 ;547-552 (วารสารสูตินรีแพทย์สหรัฐอเมริกา ) CDC ( Centers for disease Control and prevention ) recommends routine influenza vaccination for all women who are or will be pregnant during influenza season. จัดอยู่ใน Highest-priority group. ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่สตรีตั้งครรภ์หรือสตรีที่คาดว่าจะตั้งครรภ์ในช่วงการระบาดของไข้หวัดใหญ๋ เนื่องจากการตั้งครรภ์ทำให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ข้อมูลพื้นฐาน ตั้งแต่ 15 เมษายน ถึง 18 พฤษภาคม 2552 CDC ได้รับรายงาน มีหญิงตั้งครรภ์ 34 ราย ติดเชื้อ influenza A ( H1N1) -32 % ต้องรับไว้รักษาในรพ. - สตรีตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่ต้องรับไว้รักษาในรพสูงกว่าประชากรทั่วไป 4 เท่า - 13 % ของ ผู้ที่เสียชีวิตจาก การระบาดของ influenza A ( H1N1 ) เป็นสตรีตั้งครรภ์ - สตรีตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเนื่องจาก H1N1 นี้เป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงมาก่อน วิวัฒนาการ ของ คำแนะนำการให้วัคซีน ในสหรัฐอเมริกา การระบาดใหญ่ เมื่อปี 1918 สตรีตั้งครรภ์ติดเชื้อ 1350 ราย - 50 % เกิด ปอดบวม ( pneumonia) - มากกว่าครึ่งของกลุ่มนี้ เสียชีวิต รวมอัตราตาย 27% - พบการเสียชีวิตสูงสุดใน กลุ่ม ที่มีอายุครรภ์อยู่ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ การระบาดใหญ่ ปี 1957 - เกือบครึ่งของสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่เสียชีวิต เป็นสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ จากข้อมูลดังกล่าว ร่วมกับการที่ไม่พบผลแทรกซ้อนที่ร้ายแรงแก่มารดาและทารก จากการได้รับวัคซีนดังกล่าว จึงเริ่มมีการให้วัคซีนในสตรีตั้งครรภ์ตั้งแต่ 2004 ACOG ( ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์สหรัฐอเมริกา ) พิจารณาให้ influenza vaccine เป็นสิ่งที่จำเป็น( essential element) ที่สตรีตั้งครรภ์ต้องได้รับ ความเสี่ยงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในสตรีตั้งครรภ์ -การตั้งครรภ์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกระบบของอวัยวะภายในร่างกาย รวมทั้งการลดปริมาตรของปอด เพิ่มการทำงานของหัวใจ และเพิ่มความต้องการออกซิเจนของร่างกาย -มีการเพิ่มการตอบสนองการทำงานของ T-helper type 2 antibody-mediated -มีการลดลงของการทำงานของ T- helper type 1 cell-mediated immunity เพื่อป้องกันทารกจากการทำงานของ cytotoxic T lymphocyte ของมารดาต่อทารก จึงส่งผลทำให้ระบบการตอบสนองต่อการติดเชื้อของมารดา ลดลง ถึงแม้ว่าอัตราการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในสตรีตั้งครรภ์จะไม่แตกต่างจากประชากรทั่วไป แต่การเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานของร่างกายจากการตั้งครรภ์ดังกล่าวแล้วข้างต้น ทำให้ สตรีตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ อัตราการรับไว้ในรพ.ของสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เท่ากับ 1-2 ต่อ 1000ราย ซึ่งสูงกว่าสตรีที่ไม่ตั้งครรภ์ถึง 18 เท่า สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคประจำตัวอยู่เดิม เช่น หอบหืด หรือ เบาหวาน ยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น ประโยชน์ต่อทารก ทารกที่มารดาได้รับวัคซีนในขณะตั้งครรภ์ จะได้รับภูมิคุ้มกันในระดับสูงเพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่อาจได้รับเชื้อในช่วงอายุ หกเดือนแรก ซึ่งเป็นช่วงอายุของทารกที่ไม่เหมาะต่อการได้รับวัคซีนชนิดนี้ ความปลอดภัยของการได้รับวัคซีนต่อทารกในครรภ์ - การศึกษาโดย Collaborative perinatal poject ทำขึ้นในระยะยาวตั้งแต่ 1959-1965 สตรีตั้งครรภ์ มากกว่า 2000ราย ได้ติดตามทารกนาน 7 ปี พบว่า ไม่เพิ่มอัตราการเสียชีวิตแรกเกิด ความพิการแต่กำเนิด มะเร็งหรือ ความพิการทางระบบประสาท - Dienard&Ogburn ติดตามทารกไป 8 ปี ไม่พบความแตกต่าง ในด้านความพิการแต่กำเนิด สภาวะร่างกาย และระบบประสาทของทารกจากมารดาสองกลุ่ม - การศึกษาย้อนหลัง ทารก 3,160 รายที่มารดาได้รับวัคซีน เทียบกับทารก 37,969 รายที่มารดาไม่ได้รับวัคซีน ไม่พบความแตกต่าง ใน น้ำหนักแรกเกิด อายุครรภ์เมื่อคลอด ระยะเวลานอนรพ. วัคซีนไข้หวัดใหญ่กับ Thimerosal Thimerosal คือ สารที่ใช้ประกอบการทำวัคซีน ซึ่งมีปรอทเป็นส่วนผสม เพื่อลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยังไม่พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะเป็นข้อสรุปได้ว่าวัคซีนที่มีส่วนประกอบของ Thimerosal ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ได้รับ สรุป Inactivated influenza vaccine สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและเกิดประโยชน์แก่สตรีตั้งครรภ์ในทุกช่วงของอายุครรภ์ การศึกษาในปัจจุบัน ยังไม่พบหลักฐานที่แสดงว่า วัคซีนนี้เพิ่มอันตรายแก่มารดาและทารก และยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอจะแสดงว่า วัคซีนที่มี Thimerosal เป็นส่วนประกอบ ทำให้เกิดผลเสียแก่ทารก
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2553 17:32:53 น. |
Counter : 2492 Pageviews. |
|
|
|