Group Blog
 
 
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

29 มค 55 ฟังเทศน์ พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส


ภาพจาก facebook ของ Watphakaew.org

29 มค 55 ฟังเทศน์พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส ที่บ้านจิตสบาย สรุปความ
         ท่านให้ความสำคัญและอธิบายความต่อเนื่องของ โพชฌงค์ 7 ธรรมอันเป็นองค์ไปสู่การตรัสรู้
เจริญสติ เพื่อให้เกิดความสงบ และทำธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ดูสิ่งที่เกิดขึ้นและดับไป ว่าไม่มีตัวตนถาวร เพียรปิดกั้นอกุศล


-ทุกข์ทั้งหมดเกิดจากความคิดปรุงแต่ง
-ความคิดคือส่วนประกอบของความจำที่มาพิจารณาเปรียบเทียบและตัดสิน และมีผลต่ออารมณ์   


 Keyword 
     "กรรม คือเจตนาเป็นที่ตั้งของเวทนา"
     "ไม่มีคนข้างนอก มีแต่อวิชชาข้างใน"
     "ไม่มีคนข้างนอก มีแต่อมตะข้างใน"
      "ตถตา"


      การปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน คือ สติปัฏฐาน และมีบุญกิริยา เข้าใจและเห็นใจ มีวิริยะเพียรปิดกั้นอกุศล



ตอนท้าย ท่านอาจารย์อำนาจ ได้เล่าทิ้งท้ายถึงบทกวี ของท่าน รพินทร นาถฐากูร คนเอเชียคนแรกที่ได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม 1913 เรื่อง คืนพระเจ้าเสด็จมา
(//www.poetseers.org/nobel_prize_for_literature/tagore/git/)





สรุปความคือ ไม่มีใครรับทราบได้ ในแต่ละขณะจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ควรทำคือพร้อมรับและเผชิญกับทุกสภาวะที่จะเกิดขึ้น นอกแผนที่จะมีขึ้นได้แน่ ขอคัดลอกเนื้อความเทศน์ "วันที่พายุกระหน่ำ" สั้นๆใจความดี มาลงค่ะ













ขยายความ โพชฌงค์ 7


สมัยหนึ่งพระโลกนาถเจ้าทรงทอดพระเนตรทรงดูพระโมคคัลลานะและพระกัสส อาพาธถึงทุกขเวทนา อาพาธเกิดเป็นทุกขเวทนา จึงทรงแสดงโพชฌงค์ ๗


สติสัมโพชฌงค์
ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์
วิริยสัมโพชฌงค์
ปิติสัมโพชฌงค์
ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
สมาธิสัมโพชฌงค์
อุเบกขาสัมโพชฌงค์
 
ธรรมอันเป็นองค์แห่งการตรัสรู้ ๗ ประการที่เรียกว่าโพชฌงค์ ๗ นั้น มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ?


พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ แล้วอย่างไร ทำให้มากแล้วอย่างไร จึงบำเพ็ญโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุพิจารณาเห็นภายในกาย มีความเพียร รู้สึกตัวมีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ในสมัยนั้น สติย่อมเป็นอันเธอเข้าไปตั้งไว้แล้ว ไม่เผอเรอ
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด สติเป็นอันภิกษุเข้าไปตั้งไว้แล้วไม่เผอเรอในสมัยนั้น สติสัมโพชฌงค์ ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ สมัยนั้นสติสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ เธอเมื่อเป็นผู้มีสติอย่างนั้นอยู่ ย่อมค้นคว้าไตร่ตรองถึงความพิจารณาธรรมนั้นได้ด้วยปัญญา
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใดภิกษุเป็นผู้มีสติอย่างนั้นอยู่ ย่อมค้นคว้าไตร่ตรอง ถึงความพิจารณาธรรมนั้นด้วยปัญญา ในสมัยนั้นธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว สมัยนั้น ภิกษุย่อมชื่อว่าเจริญธรรม วิจยสัมโพชฌงค์..... ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ เมื่อเธอค้นคว้าไตรตรอง ถึงความพิจารณาธรรมด้วยปัญญาอยู่ ย่อมเป็นอันปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุ..... ถึงความพิจารณาธรรมนั้นด้วยปัญญา ปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน.... วิริยสัมโพชฌงค์ ย่อมเป็นอันภิกษุ ปรารภแล้ว...... ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์...... วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ ปีติปราศจากอามิสย่อมเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารภความเพียรแล้ว
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุ..... ถึงความพิจารณาธรรมนั้นด้วยปัญญา ปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน.... วิริยสัมโพชฌงค์ ย่อมเป็นอันภิกษุ ปรารภแล้ว...... ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์...... วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ ปีติปราศจากอามิสย่อมเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารภความเพียรแล้ว
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปีติปราศจากอามิสเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารภความเพียรแล้ว สมัยนั้น วิริยสัมโพชฌงค์ ย่อมเป็นอันภิกษุ ปรารภแล้ว...... ภิกษุย่อมชื่อว่าเจริญวิริยสัมโพชฌงค์...... ปีติสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ ภิกษุผู้มีใจเกิดปีติ ย่อมมีทั้งกายทั้งจิตระงับได้
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ทั้งกายทั้งจิตของภิกษุผู้มีใจเกิดปีติระงับได้ ในสมัยนั้น ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว.... ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์...... ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ ภิกษุผู้มีกายระงับแล้ว ย่อมมีจิตตั้งมั่น
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตของภิกษุผู้มีกายระงับแล้ว มีความสุขย่อมตั้งมั่น ในสมัยนั้นสมาธิสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว...... สมาธิสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญ และความบริบูรณ์แก่ภิกษุนั้น ภิกษุนั้นย่อมเป็นผู้วางเฉยจิตที่ตั้งมั่นแล้วเช่นนั้นได้เป็นอย่างดี
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุเป็นผู้วางเฉย จิตที่ตั้งมั่นแล้วเช่นนั้นได้เป็นอย่างดี ในสมัยนั้น อุเบกขาสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว..... อุเบกขาสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ แล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้แล ชื่อว่าบำเพ็ญโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ได้......


อานิสงส์การเจริญโพชฌงค์


[๑๑/๓๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อโพชฌงค์ ๗ อันภิกษุเจริญแล้วอย่างนี้ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ผลานิสงส์ ๗ ประการ อันเธอพึงหวังได้


ผลานิสงส์ ๗ ประการเป็นไฉน?


[๓๘๒] คือ (๑) ในปัจจุบัน จะได้บรรลุอรหัตผลโดยพลัน


(๒) ในปัจจุบันไม่ได้บรรลุ ทีนั้นจะได้บรรลุในเวลาใกล้ตาย


(๓) ถ้าในปัจจุบันก็ไม่ได้บรรลุ ในเวลาใกล้ตายก็ไม่ได้บรรลุ ทีนั้นจะได้เป็นพระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายีเพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป


(๔)ถ้าในปัจจุบันก็ไม่ได้บรรลุ ในเวลาใกล้ตายก็ไม่ได้บรรลุ และไม่ได้เป็นพระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายีเพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป


ทีนั้น จะได้เป็นพระอนาคามีผู้อุปหัจจปรินิพพายีเพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ๕ สิ้นไป


(๕) ถ้าในปัจจุบันก็ไม่ได้บรรลุ ในเวลาใกล้ตายก็ไม่ได้บรรลุ ไม่ได้เป็นพระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายีและไม่ได้เป็นพระอานาคามีผู้อุปหัจจปรินิพพายี ทีนั้นจะได้เป็นพระอนาคามีผู้อสังขารปรินิพพายีเพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป


(๖) ถ้าในปัจจุบันก็ไม่ได้บรรลุ ในเวลาใกล้ตายก็ไม่ได้บรรลุ ไม่ได้เป็นพระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายี ไม่ได้เป็นพระอนาคามีผู้อุปหัจจปรินิพพายี และไม่ได้เป็นพระอนาคามีผู้อสังขารปรินิพพายีทีนั้น จะได้เป็นพระอนาคามีผู้อสังขารปรินิพพายี เพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป


(๗) ถ้าในปัจจุบันก็ไม่ได้บรรลุ ในเวลาใกล้ตายก็ไม่ได้บรรลุ ไม่ได้เป็นพระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายี ไม่ได้เป็นพระอนาคามีผู้อุปหัจจปรินิพพายี ไม่ได้เป็นพระอนาคามีผู้อสังขารปรินิพพายี และไม่ได้เป็นพระอนาคามีผู้อสังขารปรินิพพายี ทีนั้นจะได้เป็นพระอนาคามีผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี เพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ๕ สิ้นไป


ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อโพชฌงค์๗ อันภิกษุเจริญแล้วอย่างนี้ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ ผลานิสงส์ ๗ ประการเหล่านี้ อันเธอพึงหวังได้






 

Create Date : 29 มกราคม 2555
2 comments
Last Update : 31 มกราคม 2555 14:23:25 น.
Counter : 2353 Pageviews.

 

ดอกเยอะจัง
ไม้หัว อึดดี ตายยาก ชอบค่ะ
------

ใช่เลยค่ะ มีคนให้มานานแล้ว คิดว่าจะตายหลายครั้ง
แอบชอบเหมือนกันแบบว่าไม่ต้องดูแลอะไรเลย..

วันดีคืนดี ก็ อ้าว!! เฮ้ย! มีดอกด้วย ว่าจะเอากระถางไปปลูกอย่างอื่นแล้วนะ...อิ อิ

 

โดย: Lika ka 30 มกราคม 2555 13:25:42 น.  

 

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.