Group Blog
กุมภาพันธ์ 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
ตะลุย London- ทัวร์ตึกรัฐสภา, ชมTate Modern, แนะนำ Burberry outlet, ช้อปของวินเทจที่ Brick Lane


วันนี้เป็นวันเสาร์ที่อากาศไม่ดีเท่าไหร่ ดูครึ้มๆ ฝนตกปรอยๆ เรานั่งรถไฟใต้ดินมาที่สถานี Westminster เพื่อมาที่อาคารรัฐสภาหรือ Houses of Parliament ช่วงฤดูหนาวเขาจะเปิดพิเศษในวันเสาร์ให้เข้าไปชมข้างในได้โดยมีไกด์นำไปเป็นกลุ่มๆ ไม่ให้เดินสะเปะสะปะตามใจชอบ เมย์ซื้อตั๋วล่วงหน้าทางเวบไซท์ //www.ticketmaster.co.uk/ เลือกเวลา 09:30 น. แต่เราต้องไปถึงก่อน 20 นาทีเพราะเขาจะตรวจเข้มก่อนเข้าไปข้างในเหมือนสนามบินเลย อาจจะเข้มกว่าเพราะแม่กุญแจเล็กๆ ที่สามีคล้องล๊อคกระเป๋าไว้ยังต้องถอดออกและฝากไว้ก่อนเข้าไป


ประตูทางเข้า


























เข้ามาในบริเวณรัฐสภาได้แล้ว





มองเห็นหอนาฬิกา Big Ben หรือชื่อใหม่คือ Elizabeth Tower






เข้ามารอไกด์ใน Westminster Hall ซึ่งมีความเก่าแก่กว่า 900 ปี และเป็นบริเวณเดียวที่ถ่ายรูปได้ นอกนั้นข้างในห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด แล้วข้อห้ามก็เยอะ ห้ามเปิดโทรศัพท์ ห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง ห้ามนั่งเก้าอี้ส.ส.เด็ดขาด นอกจากที่นั่งในห้องโถงบางที่ที่นั่งได้ซึ่งไกด์จะเป็นคนบอกเอง
ทัวร์นี้ยาวประมาณ 75 นาที ส่วนใหญ่ต้องเดินและยืนจึงไม่เหมาะกับเด็กเล็กๆ และผู้สูงอายุเพราะนานๆทีจะได้นั่ง





อาคารรัฐสภานี้แรกเริ่มเดิมทีเป็นพระราชวังเวสมินสเตอร์ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของกษัตริย์ ชนชั้นปกครองและข้าราชสำนัก ต่อมาเมื่อรัฐบาลมีอำนาจในการปกครองมากกว่าพระมหากษัตริย์ จึงถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นที่ตั้งรัฐสภาแทน โดยประกอบด้วยสภาสูง (House of Lords) สมาชิกประกอบด้วยบิชอบอาวุโสของคริสตจักรแห่งอังกฤษและขุนนางอื่นๆซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลเดิมและรัฐบาลปัจจุบัน  และสภาล่าง (House of Commons) ซึ่งสมาชิกเป็นผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างน้อยทุก 5 ปี ทั้งสองสภาจะแยกกันประชุมในห้องประชุมรัฐสภา 2 ห้องซึ่งไกด์จะพาเราเดินเข้าไปใน House of Lords ก่อน จะเป็นโซฟาสีแดง ตามด้วย House of Commons จะเป็นโซฟาสีเขียว ลักษณะจะเป็นโซฟายาวเรียงเป็นแถวๆ แบ่งเป็น 2 ฝั่ง หันหน้าเข้าหากัน ไกด์บอกว่าเป็นสไตล์การนั่งในโบสถ์มาแต่โบราณ มีไมค์เล็กๆ แขวนยาวลงมาจากข้างบนเรียงรายทุกแถว แล้วก็มีกล้องโทรทัศน์ที่ใช้แพร่ภาพการประชุมออกไปติดอยู่ข้างบน ดูๆแล้วขนาดห้องเล็กกว่าที่คิดไว้ ทำให้รู้สึกว่าไม่ห่างไกลกันเกินไป น่าจะโต้เถียงกันง่ายน่าดู ที่มุมห้องมี Security guard ยืนจ้องอยู่ ไกด์บอกใครนั่ง เขาจะตะโกนใส่ทันที อะไรจะขนาดนั้น ไม่บอกเหตุผลด้วยนะว่าทำไมไม่ให้นั่ง ถ้าบอกให้เข้าใจว่าเออ มันเป็นที่นั่งศักดิ์สิทธิ์ ต้องได้รับการแต่งตั้งก่อนหรืออะไรยังไงก็ยังพอเข้าใจได้ มีคนเกือบจะนั่งแต่ไกด์เบรคไว้ได้ทัน แต่เมย์ก็แปลกอย่างหนึ่งว่าเขาห้ามผู้เข้าชมเคี้ยวหมากฝรั่งแต่ Security guard ยืนเคี้ยวหมากฝรั่งตลอดเลย


หลังจากทัวร์จบแล้วไกด์ก็พาเรามาส่งที่เดิมคือ Westminster Hall เห็นคนนั่งรอไกด์เข้ารอบต่อไปอยู่






พอออกจากอาคารรัฐสภาแล้ว เรานั่งรถไฟใต้ดินมาที่มหาวิหาร St. Paul's ซึ่งเป็นที่ประกอบพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่า
ไม่ได้เข้าไปชมข้างในเลยถ่ายรูปข้างหน้ามาแทน















แล้วก็เดินมายังสะพาน Millennium Bridge เพื่อข้ามแม่น้ำเทมส์ไปยัง Tate Modern ซึ่งเป็นหอศิลปะอันเลื่องชื่อของโลกอีกแห่งหนึ่ง สามารถเข้าชมได้ฟรี ยกเว้นนิทรรศการพิเศษ















หันกลับมาก็จะเห็นมหาวิหาร St. Paul's










เข้ามาข้างในเริ่มจากชั้นบนก่อน เห็นผลงานศิลปะ เขียนเป็นภาษาไทย สงสัยว่าเป็นของคนไทยหรือเปล่า เบื่อโว้ยก็เป็นศิลปะได้แล้ว





ใกล้ๆกันก็ไทยๆ












































































ถ่ายจากระเบียงของ Tate Modern นความรู้สึกเมย์นะ ถ้าเป็นคนที่รักในศิลปะ แนะนำให้ไปชมเลย อยู่ได้ทั้งวันเพราะมีผลงานชิ้นเยี่ยมให้ดูเยอะมาก แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนที่ชื่นชอบในศิลปะอย่างแท้จริง แนะนำให้ข้ามไปเลย ไปใช้เวลาในที่ที่เราอยากจะไปจริงๆดีกว่า โดยเฉพาะในกรณีที่มีเวลาอยู่ลอนดอนไม่มาก เพราะอย่างเมย์กับสามีเดินๆดูก็แบบว่ามันอะไรเนี่ย คือเราไม่เข้าใจไง ดูเป็นวัตถุอะไรไม่รู้วางเรียงราย ขำตัวเองเหมือนกัน











ออกจาก Tate Modern มาทางข้างหลังมาโผล่ที่ Southwark St. เพื่อมาทานอาหารเที่ยงที่ร้านนี้ Vapiano เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนจากเยอรมัน เห็นคอนเซ็ปน่าสนใจเลยลองมาทานดู เป็นร้านแบบ self-service พอเราเข้าไปในร้าน เขาจะแจก chip card ให้คนละใบ เวลาที่เราเดินไปสั่งอาหารแต่ละเคาน์เตอร์ เขาก็จะให้เราแตะการ์ดที่เครื่อง มันก็จะบันทึกว่าเราสั่งอะไรไปบ้าง แล้วก็ถือไปจ่ายที่แคชเชียร์หลังทานเสร็จแล้ว ร้านนี้มีอีกสาขาแถวสถานี Oxford Circus





เวลาที่เราเดินไปสั่งแต่ละเคาน์เตอร์ เชฟจะทำให้ตามสั่ง อยากใส่อะไรมากน้อยก็คุยกับเขาได้ เชฟก็จะพาเราคุยไปเรื่อย เมย์บอกว่ามาจากไทย ชอบอาหารเผ็ด เขาใส่พริกชี้ฟ้าหั่นในพาสต้าให้ด้วย





ในร้านจะปลูกพืชเครื่องเทศไว้ด้วย ถ้าอยากได้ก็ไปเด็ดมาใส่ในอาหารได้เลย










บนโต๊ะก็มีเครื่องปรุงเครื่องเทศ เมย์เด็ดใบ basil ในกระถางมาใส่พาสต้าด้วย แต่สามีบอกไม่ควรทำเพราะไม่ได้ล้างก่อน แต่เราคิดว่ามันก็คงไม่ได้เป็นอะไรนักหนา ลองทำดูสนุกๆ





สั่ง Scampi จากเคาน์เตอร์พาสต้า รู้สึกว่าเส้นมันติดๆกันเป็นก้อน เหมือนเชฟคนนี้ไม่ค่อยเก่ง






Aglio e olio สามีบอกเหมือนบะหมี่จืดๆ เมย์ว่ามันอยู่ที่เชฟนั่นแหละ





ไปเคาน์เตอร์พิซซ่าสั่ง Calzone มา อันนี้อร่อยเลิศ เป็นจานช่วยชีวิตของมื้อนี้ ขนาดทาน 2 คนกำลังพอดี






หลังจากอิ่มกับมื้อเที่ยงแล้ว เราก็ไป Burberry outlet ที่ Hackney Central กัน ย่านนี้เขาบอกว่าเป็นแหล่งอันตรายของลอนดอน ไม่ควรเดินยามค่ำ แต่เราก็ไม่เห็นว่ามีอะไรน่ากลัวนะ ยังไงปลอดภัยไว้ก่อนก็ควรกลับก่อนค่ำแล้วกัน










พอออกมาจากสถานีแล้วเลี้ยวขวา เดินมาจนถึงทางแยกนี้แล้วเลี้ยวขวาอีก






เดินตรงตามทางนี้ไปเรื่อยๆ





เจอสามแยกนี้แล้วเลี้ยวซ้าย






เดินตรงไปจะเจอ Tesco





จาก Tesco เดินต่อมาอีกนิดจะเจอร้าน outlet นี้





เลี้ยวขวาเข้าซอยไปเลย จะเจออาคารของ
Burberry outlet















จากความเห็นส่วนตัว ไม่ปิ๊งอะไรเลย 70% เป็นพวกเสื้อโค้ทและเสื้อผ้าซึ่งไม่จำเป็นสำหรับเราเพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ประเทศหนาว นอกนั้นก็มีกระเป๋า รองเท้า ซึ่งไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ หรือเพราะเราไม่ได้เป็นแฟน
Burberry ขนาดนั้นก็ไม่รู้ จะแนะนำอย่างนี้ว่าถ้าชอบ Burberry และมีเวลามากพอก็มาดูก็ได้ ถึงที่ตั้งจะอยู่นอกเมืองแต่ก็ยังอยู่ในโซน 2 อยู่ ถ้าไม่งั้นเลือกไปที่ Bicester Village ดีกว่า ร้าน Burberry มีของเยอะไม่แพ้ outlet นี้เลย และได้ช้อปแบรนด์อื่นๆด้วย เมย์จะเล่าให้ฟังในตอนต่อไปค่ะ



ออกจาก Burberry outlet แล้ว นั่งรถไฟต่อมาที่สถานี Aldgate East เพื่อมาเดินดูร้าน Vintage แถวถนน Brick Lane ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งร้านขายของ Vintage แล้วก็ยังมีร้านอาหารอินเดียเรียงรายเต็มไปหมด ค่ำๆจะมีพนักงานแขกมายืนเรียกลูกค้าเข้าร้าน รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ถ้าอยากกิน เดี๋ยวเข้าไปเอง





เนื่องจากเวลาไม่มากเพราะไปถึงก็เกือบ 6 โมงแล้ว ร้านส่วนใหญ่จะปิดหนึ่งทุ่ม เลยต้องเร่งทำเวลาเดินดูให้ครบทุกร้านที่หมายไว้ ทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปมาลง แต่ก็อยากจะบอกว่าใครชอบเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแนว Vintage มาแถว Brick Lane ไม่ผิดหวังแน่ มีร้านให้ช้อปมากมาย ที่เด่นๆคือ Absolute Vintage, Blitz, Rokit, Beyond Retro, Vintage Emporium ถ้าสนใจสามารถคลิ๊กเข้าไปดูในเว็บได้เลยค่ะ วันพรุ่งนี้เราจะไปช้อปปิ้งที่ Bicester Village กัน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อในตอนต่อไปค่ะ





Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2556 11:30:57 น.
Counter : 5762 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maystyle
Location :
  Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



New Comments