บ้านเกาหลีแบบดั้งเดิม หรือ 한옥 ฮันนก มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะหลังคาของฮันนกที่มีสเน่ห์และกลิ่นไอความเป็นเกาหลีอย่างแท้จริง วัสดุที่นำมาสร้างฮันนกค่อนข้างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นวัสดุทางธรรมชาติ เช่น ประตู, คาน, หน้าต่าง, พื้นทำมาจากไม้ ขณะที่ผนังมีส่วนผสมของฟางและดิน, กระดาษที่ทำมาจากเยื่อไม้ธรรมชาติใช้ครอบหน้าต่างและประตูเพื่อปิดบังช่องรอยต่อของไม้ ชาวเกาหลีสมัยเก่านิยมสร้างบ้านตามหลักฮวงจุ้ย ตำแหน่งที่ตั้งของบ้านพิจรณาจากทั้งทิศทางลม, น้ำ, แนวภูเขา โดยชาวเกาหลีใต้มีความเชื่อว่าจุดตำแหน่งที่มีความเหมาะสมกับการสร้างบ้านคือมีวิวด้านหลังเป็นภูเขาและหน้าบ้านหันไปทางทิศใต้ โดยสังเกตุได้จากพระราชวังคยองบกุงหรือพระราชวังชังด็อกกุงต่างมีวิวด้านหลังเป็นภูเขาทั้งสิ้นปัจจุบันบ้านฮันนกไม่ได้รับความนิยมในการอยู่อาศัยเท่ากับสมัยก่อน แต่ก็ยังมีชาวเกาหลีใต้บางส่วนที่ยังรักและรักษาวัฒนธรรมการอยู่อาศัยแบบดั้งเดิมอยู่ซึ่งจะเห็นได้จากหมู่บ้านจอนจูฮันนก, หมู่บ้านวัฒนธรรมพื้นเมืองอันดง ฮาโฮ, หมู่บ้านบุคชอนฮันนก ซึ่งเป็นหมู่บ้านโบราณที่ยังคงมีคนอยู่อาศัยจริงๆ สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ประตูบ้านของฮันนกประกอบด้วยประตูสองบาน
หลังคาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบ้านฮันนก
หน้าต่างที่ครอบด้วยกระดาษ
บ้านฮันนกสมัยเก่าจะใช้ไม้ในการยึดส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน (ไม่ใช้ตะปู) ซึ่งไม้จะมีลักษณะดังภาพ
หลังคาของฮันนกทำมาจากวัสดุหลายชนิดจากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น แผ่นไม้, กระเบื้อง, ฟางข้าว, และเปลือกโอ๊ค
บ้านฮันนกที่มีหลังคาเป็นแผ่นไม้
ภาพจาก Wikipedia
ซึ่งบ้านลักษณะนี้จะพบเห็นได้ตามหมู่บ้านที่อยู่นอกเมือง เนื่องจากสมัยเก่าหมู่บ้านที่อยู่นอกและไกลจากตัวเมืองสามารถหาวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างได้ยาก ชาวบ้านจึงสร้างบ้านด้วยวัสดุหรืออุปกรณ์ที่สามารถหาได้ในท้องถิ่น อาทิเช่น ไม้, ฟางข้าว, หิน ไม้ที่นำมาสร้างส่วนมากจะเป็นไม้สนสีแดงเพราะเป็นไม้ที่หาได้ง่าย ไม้สนจะถูกนำมาทำให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมมีขนาดกว้างประมาณ 20-30 เซนติเมตร ยาว 40-59 เซนติเมตร หนา 4-5 เซ็นติเมตร โดยบ้านหนึ่งหลังใช้ไม้ประมาณ 140 แผ่น (หรืออาจมากกว่าแล้วแต่ขนาดของบ้าน) โดยไม้แผ่นจะถูกนำมาวางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ แล้วถูกทับด้วยหินอีกทีเพื่อเสริมความแข็งแรงของหลังคาและป้องกันไม่ให้แผ่นไม้ปลิวเมื่อมีลมแรง โดยปรกติแล้วหลังคาแผ่นไม้จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี และหลังจากนั้นหลังคาจะถูกแทนที่ด้วยไม้ใหม่
หลังคาแบบแผ่นกระเบื้อง (สมัยก่อนทำมาจากดินเหนียว) ปัจจุบันทำมาจากปูนซีเมนต์ผสมกับทราย
หลังคาแบบหญ้า หรือฟางข้าว
หลังคาแบบนี้ป้องกันแสงแดดและฝนได้ดีและให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว ภายในบ้านเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ส่วนมากชาวบ้านนิยมทำเป็นที่เก็บพืชผลทางการเกษตรและเป็นโรงปลูกฟักทองหรือน้ำเต้า
ภายในบ้านฮันนกจะถูกแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ทั้งห้องครัว, ห้องนอน, ห้องทำงาน พื้นของบ้านจะเป็นพื้นไม้
ห้องครัว
ไหน้ำ และไหกิมจิ
ห้องนอน
บ้านฮันนกไม่เพียงแต่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมีระบบทำความร้อนหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Ondol คือระบบทำความร้อนใต้พื้น (ต่างจากระบบทำความร้อนของยุโรปที่ทำให้อากาศอุ่น) โดย Ondol จะถูกวางระบบมาพร้อมกันกับตอนสร้างบ้าน สมัยเริ่มแรกใช้หินวางเป็นแนวใต้พื้น (ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ท่อ) ความร้อนส่วนมากเริ่มจากห้องครัวโดยการเผาไหม้ของฟืนในเตาและส่งผ่านความร้อนผ่านหินใต้พื้นทำให้พื้นอุ่น ด้วยเหตุนี้ชาวเกาหลีใต้จึงนิยมนั่งหรือนอนกับพื้น จนกลายเป็นวัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันและก่อนเข้าบ้านชาวเกาหลีใต้จะถอดรองเท้าเพื่อรักษาพื้นให้สะอาดอยู่เสมอ
ภาพจาก wikipedia
หมู่บ้านจอนจูฮันนก
ที่อยู่ 29, Eojin-gil, Wansan-gu, Jeonju-si, Jeollabuk-do
เปิดให้เข้าชมทุกวัน
ฟรีค่าเข้าชม
การเดินทาง โดยรถบัสระหว่างเมืองที่ Gangnam Bus Terminal --> สถานี Jeonju (ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง)
โดยรถไฟที่สถานี Yongsan ( KTX, Saemaul, Mugunghwa ) ---> สถานี Jeonju
1. จากสถานี Jeonju ต่อรถบัสเบอร์ 12, 60, 79, 109, 142, 508, 513, 536, 542 ลงที่สถานี Jeondong Cathedral (Hanok Village)
2. หรือ จากสถานี Jeonju Intercity/Express bus terminal ต่อรถบัสเบอร์ 5-1, 79 ลงที่สถานี jeondong Cathedral ( Hanok Village )
หากเดินทางโดยแทกซี่จากสถานี Jeonju หรือ BUs terminal ใช้เวลา 15-20 นาที
หมู่บ้านพื้นเมืองอังดง ฮาโฮ
ที่อยู่ 40, Jongga-gil, Pungcheon-myeon, Andong-si, Gyeongsabuk-do
เวลาทำการ
ฤดูร้อน 09.00 - 19.00 น.
ฤดูหนาว 09.00 - 18.00 น.
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 3,000 วอน, วัยรุ่น 1,500 วอน, เด็ก 1,000 วอน
การเดินทาง จากสถานีรถบัส Andong Bus Terminal ต่อรถบัสเบอร์ 46 ไปยังหมู่บ้านฮาโฮ รถบัสวิ่ง 10 รอบ/วัน ( เวลาเดินรถ 06.20 - 18.20 )
หมู่บ้านบุคชอนฮันนก
ที่อยู่ 37, Gyedong-gil, Jongno-gu, Seoul
เปิดให้เข้าชมทุกวัน
ฟรีค่าเข้าชม
การเดินทาง สถานีรถไฟใต้ดิน Amgkuk สาย 3 ทางออก 2 เดินตรงไปประมาณ 300 เมตร หมู่บ้านอยู่ทางด้านขวามือ