[1] แบกเป้ ลุยเดี่ยว เที่ยวตาหาฝัน : แมทเทอร์ฮาร์น (Matterhorn)

:::::…..ผมมีความฝันครับ.....:::::



หลังจากที่ผ่านประสบการณ์ชีวิต ด้วยการพิชิตภูสอยดาวมาแล้ว จากคนที่ไม่คิดอะไร ภาพสวย โอเคไปด้วย โดยหารู้ไม่ว่า ความโหดที่รออยู่เบื้องหน้า มันมีอะไรบ้าง แต่ด้วยความที่เราไม่คิดอะไรกันมาก ผมและเพื่อนสมัยเรียนอีกทั้ง 5 คน ก็เลยตกปากรับคำที่จะเดินทางไปพิชิตภูสอยดาว เพื่อไปอาบน้ำ 2 องศา ทำอาหารทานกันเอง และชื่นชมกับบรรยากาศของทิวสน สายหมอกและดอกหงอนนาค

หลังจากจบทริปภูสอยดาวแล้ว เราก็สัญญากันว่า ทริปหน้า เราขอลากกระเป๋าขึ้นรถตู้ และให้รถตู้จอดหน้าโรงแรมเลยก็แล้วกันนะ

จากการได้ผ่านทริปภูสอยดาวมาแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกได้ว่า ผมได้ก้าวข้ามผ่าน ขีดจำกัดของตัวเองมาอีกขั้น ซึ่งในขณะที่ผมนั่งฟังเสียงเพื่อนๆ บ่นๆ เพื่อนที่ชวนมานั้น ตัวผมเองกลับเกิดแรงบันดาลใจใหม่เกิดขึ้น

ผมอยากเดินทางไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติ อยากไปต่างประเทศ ที่ไหนก็ได้สักแห่ง เพราะโดยส่วนตัว ผมเป็นคนที่เห็นภูเขา เห็นต้นไม้ แล้วหัวใจพองโตขึ้นทุกที อยากเข้าใกล้ อยากไปเที่ยว อยากไปสัมผัส อยากไปทอดอารมณ์ อยากไปเดินฟังเพลง เพราะมันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกดี มันก็เกิดความคิดเรื่อยเปื่อยว่าจะไปไหนดี มองโน่นมองนี่ไปรอบโต๊ะ สายตาก็เหลือบไปเห็นช็อกโกแลต TOBLERONE แท่งหนึ่ง ของใครก็ไม่รู้วางอยู่ ก็เลยเกิดความสงสัยครับว่า โลโก้มันเป็นยอดเขาที่ไหนสักแห่งแน่นอนเลย ก็เลยจัดการค้นหา ข้อมูลว่ามันเป็นที่ไหน อะไร อย่างไร ค้นไปค้นมาก็ได้เห็นภาพแรก ภาพแรกที่ได้เห็นภูเขาแห่งนี้ ผมก็บอกกับตัวเองทันทีเลยครับว่านี่คือจุดหมายปลายทางครั้งใหม่ของผม ผมอยากจะไปสัมผัสมัน อยากไปเดินเล่นชมมัน อยากไปเดินฟังเพลงแล้วมองมัน แล้วนั่นก็คือแรงบันดาลใจ สำหรับการเดินทางครั้งใหม่ของผม




:::::.....ตามฝัน.....:::::


จากวันนั้น ผมก็คอยตามหา คอยเฝ้าดูภาพของมันมาเรื่อยๆ จากภาพถ่าย จากเรื่องราว จากการถ่ายทอดของหลายๆ คน มันยิ่งทำให้ผมหลงรักมันมากขึ้น และวาดฝันไว้ว่าถ้าวันหนึ่ง ผมได้มีโอกาสไปเดินโดยมีภูเขาแห่งนี้อยู่ตรงหน้า มันจะเป็นยังไง แค่คิดเท่านี้ หัวใจผมก็เริ่มพองโตแล้ว

จากการค่อยๆ ค้นหาข้อมูล ทำให้รู้ว่า ยอดเขาแห่งนี้ชื่อ แมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) มันตั้งอยู่ใกล้ๆ เมืองตากอากาศเล็กๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการปลอดมลพิษ ของ สวิส (Switzerland) ที่ชื่อว่าเซอร์มัท (Zermatt) พอมีโอกาสว่างๆเมื่อไร ก็หาโอกาสในการชมภาพของมันเป็นระยะๆ และวาดฝันไปเรื่อยๆ ว่าถ้าได้เดินทางไปที่นี่แล้วจะเป็นอย่างไรนะ ถ้าได้ไปเดินฟังเพลงกลางบรรยกาศหนาวๆ แล้วมี แมทเทอร์ฮอร์นอยู่ตรงหน้าแล้วจะเป็นอย่างไร

เวลาผ่านไป ผ่านไป ผมโตขึ้น หน้าที่การงานก็อยู่ในระดับที่โอเค แต่ทุกครั้งที่ผมคิดถึงเรื่องการไปเดินทอดอารมณ์ ฟังเพลงเบาๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ จะเป็นอย่างไร แค่คิดถึงเมื่อไร หัวใจก็พองโตขึ้นอีกแล้ว จนกระทั่งปลายปี ผมตัดสินใจว่า จะไปตามความฝันของตัวเอง

ผมเริ่มต้นจากการหากแนวร่วม และเพื่อนๆ ที่จะร่วมเดินทางกัน แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างเป็นข้อจำกัด และหลายคนมองว่ามันไม่จำเป็น ในที่สุด ก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่ตกปากรับคำจะไปกับผม

หลังจากนั้นผมก็เริ่มค้นหารายละเอียดการเดินทางและตั๋วเครื่องบิน สำหรับการเดินทางไปครั้งนี้ ปรากฏว่า ไม่มีแบบประหยัดเลย แต่ด้วยขณะนั้น ผมเพิ่งเคยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินด้วยตัวเองครั้งแรก พอผ่านมันมาได้ ผมรู้ตัวเลยครับว่ายังอ่อนประสบการณ์อยู่ หาตั๋วราคาประหยัด (Economy)ที่จะไปกลับจากสวิส ไม่ได้เนื่องจากช่วงที่ผมเลือกจะเดินทางเป็นช่วงสงกรานต์ตั๋วเครื่องบินที่จะเดินทางไปลง ซูริค (Zurich) เต็ม เช็คไปเช็คมา ก็ปรากฏว่าราคาที่โอเคกันและยอมรับกันได้ คือ ต้องบินไปลงโรม (Rome) และบินกลับจาก มิลาน(Milan) ที่อิตาลี(Italy)แทน ผมก็ถามเพื่อนไปว่า ราคาประมาณนี้โอเคป่าว เพื่อนผมก็บอกว่าโอเค รับได้ แล้วเราก็เตรียมความพร้อมสำหรับการออกเดินทางกัน



:::::....คนเดียวก็ไป....:::::


แม้ว่าตั๋วเครื่องบินที่ได้ จะไปลงที่โรม และกลับที่มิลาน แต่ความตั้งใจของผมในครั้งนี้คือการเดินทางไปเดินทอดอารมณ์ ฟังเพลงเบาๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ ที่มีแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) อยู่ตรงหน้า ก็ทำให้ผมเลือกที่จะเดินทางด้วยราคาที่ประหยัดกว่า และกะว่าจะนั่งรถไฟจากโรม เข้าสวิสในคราวเดียว เพื่อไปใช้เวลาในสวิสให้นานที่สุดตามความตั้งใจของผม

จากการได้อ่านข้อมูลต่างๆ ของหลายๆ คน ประกอบกับการบินไปกลับเกิดขึ้นในอิตาลีทั้งหมดหากไปขอที่สถานทูตสวิส อาจจะมีปัญหา ในช่วงเวลานั้น เกิดความกลัวเรื่องการปฏิเสธวีซ่าจากสถานทูตมากๆ ถึงขั้นหลอนกันเลยทีเดียว ในที่สุดก็สรุปได้ว่า ทำรายละเอียดการเดินทาง ที่บอกว่า อยู่ในประเทศอิตาลีนานกว่าสวิส น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า และสอดคล้องกับใบจองตั๋วเครื่องบินที่จะได้รับด้วย ก็เลยตกลงที่จะเตรียมเอกสาร

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพื่อนที่ตอนแรกตกลงจะเดินทางไปด้วยกัน บอกว่ามีปัญหาต้องใช้เงินจะเอาไปแต่งรถ ขอไม่ไปก็แล้วกันนะ... ตอนนั้นถึงกับอึ้งและเหวอไปเลยทีเดียว กลับมาถามตัวเองว่า แล้วอย่างนี้จะไปรึเปล่า คุยกับตัวเองได้สักระยะหนึ่งก็ได้ข้อสรุปว่า นี่มันเป็นความฝันของเรานี่หว่า และทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้ว ถ้าไม่ไปตามความฝันตอนนี้แล้วจะไปตอนไหน... และแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า คนเดียวก็ไป ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว

Create Date : 17 มกราคม 2555		4 comments
Last Update : 18 มกราคม 2555 12:06:03 น.
Counter : 1110 Pageviews.
Share Tweet