พฤศจิกายน 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
25 พฤศจิกายน 2557
หากย้อนเวลากลับได้

หากย้อนเวลากลับได้...จะไม่หลงงมงายอยู่กับ ‘มัน’


19สิงหาคม 2557


สำหรับผม...ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าชีวิตจะพังยับเยินเพราะหลงมัวเมาในฤทธิ์แอลกอฮอล์ แม้พยายามข่มใจให้แข็งแกร่งเพียงไร หากเมื่อเข้าใกล้และลิ้มลองเป็นต้องพ่ายแพ้ต่อ ‘มัน’ ทุกครั้งไป


กับความโชคร้ายที่เกิดขึ้นคงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง แม้การชักจูงของเพื่อนจะมีส่วนทำให้หลงผิดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งสำคัญซึ่งผมขาดไปคือความหนักแน่นและเชื่อมั่น มัวแต่ห่วงและเกรงใจคนอื่นมากกว่าคนใกล้ตัว คำเตือนของผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนจึงกลายเป็นเพียงสายลมแผ่วพลิ้วลอยผ่านหู


โชคร้ายของผม...เริ่มต้นจากสถานความบันเทิงใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ผู้คนมากมายโดยเฉพาะบุรุษเพศเดินกันขวักไขว่พลุกพล่านด้านหน้าสถานความบันเทิงซึ่งมีแสงสีวูบไหวดึงดูดสายตา ความงดงามจากร่างระหงบริเวณนั้นเย้ายวนชวนจับจ้อง ให้มองทรวดทรงองค์เอวได้รูปเว้าโค้ง เนื้อหนังมังสาอิ่มเอมพาใจสั่นสะท้าน ร่างอ้อนแอ้นซึ่งมีอาภรณ์ห่มอยู่น้อยชิ้นปลุกอารมณ์ดิบในร่างกายให้ตื่นตัว


โดยส่วนใหญ่...ผู้มาหาความสำราญยังสถานที่แห่งนี้จะเป็นกลุ่มเพื่อนฝูงวัยกำลังแตกเนื้อหนุ่ม เลือดในร่างกายเริ่มร้อนลุ่มต่อประสบการณ์ อยากลิ้มลองสิ่งแปลกใหม่ แสวงหาความตื่นตาตื่นใจหนึ่งในนั้นรวมถึงผมด้วยเช่นกัน


เมื่อเปิดประตูก้าวเข้าสู่อาณาเขตความบันเทิง เสียงอึกทึกจากดนตรีหนักหน่วง บีบเร้าก้อนเนื้อในอกเต้นเร่าราวกับมันคือกลองตัวใหญ่กำลังกระหน่ำตีรุนแรงคล้ายบ้าคลั่ง รู้สึกเหมือนหลุดเข้าห้วงแห่งเสียงเพลงจนยากหลีกหนี


โต๊ะทรงกลมวางเกะกะ พอกับผู้คนภายในนั้นยืนรวมตัวเป็นแพแน่นขนัดทุกคนล้วนขยับโยกย้ายออกจังหวะเต้นอย่างเมามันส์ ไม่มีใครอยู่เฉย กลุ่มเพิ่งมาใหม่อย่างพวกผมต้องเบียดฝ่าฝูงชนละแวกนั้นเข้าไปยืนยังโต๊ะประจำซึ่งโทรจองไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเย็น


“ไอ้แก้วมึงจะซีเรียสทำไมวะกับแค่ผู้หญิงคนเดียว”


เพื่อนคนสนิทโน้มกายเข้าใกล้พร้อมตะเบ็งเสียงแข่งกับจังหวะดนตรีรุกเร้ารุนแรง คำพูดเหล่านั้นฟังคล้ายปลอบปละโลมหากแต่มันตอกย้ำถึงความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะความคึกคะนองและรักในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชายอกสามศอก หากทำใจฟ่อกล้าๆ กลัวๆ จะนำมาซึ่งความอับอายและเสียหน้า และคำพูดนั้นเองทำให้ผมทบทวนถึงความผิดพลาดเมื่อสองเดือนก่อน...


ผมเป็นนักศึกษาปีสองของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯด้วยความพากเพียร ทำให้เด็กบ้านนอกอย่างผมเข้ามาเทียบชั้นกับสังคมเมืองแม้ฐานะจะไม่ร่ำรวยมากนัก แต่เพราะอยากรู้อยากเห็นว่าสังคมเมืองนั้นจะแตกต่างกับชนบทอย่างไร ผมจึงตั้งใจเรียน และขวนขวายอ่านหนังสือ เพื่อให้ได้ทุนสำหรับเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย และผมก็ทำสำเร็จ


ช่วงเวลานั้น...ผมรู้สึกเหมือนนกโบยบินออกจากรังเข้าสู่เส้นทางชีวิตหฤหรรษ์ซึ่งโรยด้วยกลีบกุหลาบ นึกคิดถึงความสนุกสนานที่รออยู่เบื้องหน้าซึ่งผมคิดผิดมหันต์


ก่อนเดินทางมาเรียนในกรุงเทพฯ จะได้ยินคำตักเตือนจากบุพการีบ่อยครั้งท่านให้ตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ ไม่เกเรหรือริอาจลองสิ่งเสพติด อาทิ บุหรี่ สุราสารเสพติดทั้งหลายแล่ ทว่าผมก็ฝ่าฝืนคำสั่ง ทดลองทุกสิ่งทุกอย่างตามเพื่อนแนะนำ


ในปีแรกที่ได้เข้ามาศึกษายังเมืองหลวงผมให้ความสนใจกับการเรียนอย่างดีเยี่ยม เมื่อเริ่มรู้จักผู้คนมากขึ้นความสนใจอย่างอื่นจึงมีมากกว่าตำราเรียน โดยเฉพาะเพื่อนใหม่ซึ่งเป็นหญิงสาว ความรู้สึกวูบวาบในร่างกายและจิตใจทำให้ผมรู้ตัวว่ากำลังแอบรักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่คณะเดียวกัน


เธอคนนั้นทำให้ผมเฝ้ามอง หลงเพ้อ และคิดถึงเป็นอย่างมากในทุกขณะจนไม่มีสมาธิสนใจเรื่องอื่นนอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น อยากกล้าหาญเดินเข้าไปจีบซึ่งหน้าแต่ผมไม่กล้าพอจะทำอย่างนั้น จนมีโอกาสได้ปรึกษากับเพื่อนสนิท และคำแนะนำที่ได้รับคือดื่มเหล้าย้อมใจหากทำอย่างนั้นแล้วจิตใจจะกล้าแกร่งกับทุกสิ่งทุกอย่าง


และนั่นคือจุดเริ่มต้นให้ผมลิ้มลองสุราเพื่อสร้างความมั่นใจแรกๆ ก็แค่ลองจิบๆ พอก้อมแก้ม แต่ผมยังไม่กล้าพอจะเดินเข้าไปจีบผู้หญิงที่หลงรักจนเพิ่มระดับในการดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน เพื่อเติมเต็มความกล้าหาญและมันก็ทำให้ผมกล้าหาญขึ้นอย่างเพื่อนกล่าวไว้


วันนั้น...ผมดื่มเหล้าพอประมาณก่อนเดินเข้าไปหาและทักทายเธอเราทั้งสองเริ่มพูดคุยกัน ผมแสดงออกชัดเจนว่าสนใจในตัวเธอเป็นอย่างมาก และความกล้าหาญทำให้เธอประทับใจในตัวผมเช่นกัน


ความรู้สึกดีๆ สร้างความฮึกเหิมให้ผมรุกหน้าต่อคำแนะนำของเพื่อนต่อจากนั้น บอกให้มอมเหล้าหญิงคนรักเพื่อเป็นเจ้าของและได้ครอบครองตัวเธอ คำแนะนำนั้นสร้างความกดดันเป็นอย่างมาก ผมดื่มเหล้าย้อมใจมากขึ้นเป็นพิเศษในคืนคิดก่อเหตุ


เพื่อนสนิทชักชวนให้ผมและเธอมาดื่มเหล้าในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านจากความสนิทสนมในระดับหนึ่งทำให้เธอเชื่อใจและยอมร่วมงานตามคำเชิญชวนเมื่อพวกเราเมาได้ที่ ความตั้งใจก็สมหวังเธอคนนั้นตกเป็นของผมตามแผนการที่วางไว้อย่างจงใจ


ทว่าพอฟื้นคืนสติ...เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างวาดฝันไว้เธอไม่ได้ยินดีเช่นผม ฤทธิ์น้ำเมาทำให้เธอขาดสติยับยั้งชั่งใจ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีสุดท้ายเธอก็โกรธและเกลียด ประกาศเสียงกร้าวจะไม่ให้อภัยผมเด็ดขาดในชาตินี้ และเราทั้งสองก็ขาดการติดต่อกัน


หลังจากวันนั้น...ชีวิตของผมเหมือนหมดอาลัยตายอยากราวกับขาดจิตวิญญาณ ดื่มเหล้าหนักขึ้นเพื่อลบล้างความรู้สึกผิดที่ก่อไว้ กระทั่งวันหนึ่งได้ทราบข่าวคราวจากเพื่อนร่วมคณะ เธอที่รักกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ผมสับสนและดีใจปนเปแม้เพื่อนจะย้ำหนักหนาว่าเด็กในท้องอาจไม่ใช่ลูกของผม แต่ในใจกลับเชื่อมั่นอย่างประหลาดว่านั่นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของผมแน่นอน


ผมตัดสินใจเด็ดขาดจะไม่ดื่มสุราเลิกทำตัวเหลวแหลก เพื่อไถ่โทษที่เคยทำไม่ดีไว้พร้อมยืดอกรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำทุกอย่าง ทว่าเรื่องราวไม่ง่ายดายอย่างตั้งใจเธอคนนั้นไม่ยอมยกโทษหรืออภัยให้ผมแม้แต่น้อย


ทุกวันนี้ผมจมอยู่กับหลุมความผิดหวังสัญญาซึ่งเคยตั้งมั่นพังทลาย และกลับมาเมามายยังสถานที่แห่งนี้ เพื่อดับทุกข์


ผมท้อแท้ ผิดหวัง เสียใจสารพัดความรู้สึกย่ำแย่ คิดหาหนทาง จะทำอย่างไรให้เธอยกโทษแก่ความเลวร้ายที่ก่อไว้และผมไม่คิดโกรธหรือโทษเพื่อนซึ่งเสนอหนทางให้ทำอะไรโง่ๆ โดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อนจนต้องเสียใจทีหลังอย่างนี้


ผมดื่มแอลกอฮอล์ที่เพื่อนรินให้แก้วแล้วแก้วเล่า ดื่มให้ลืมความปวดปร่าทุกข์ใจ ดื่มให้ค้นเจอหนทางแก้ไขปัญหาเพื่อยุติความบาดหมาง แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอสภาพจิตใจยิ่งทรุดหนัก เมื่อสุราออกฤทธิ์กดประสาทให้รู้สึกซึมเศร้าระดมความคิดในแง่ร้ายต่างๆ นานา ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์และหวาดระแวงเกรงกลัวว่าครอบครัวของเธอจะตามมาเอาเรื่อง หากปล่อยให้ยืดเยื้อคาราคาซัง


“กูขอยืมกุญแจรถหน่อย”


ผมวางแก้วในมือทันทีเมื่อคิดอะไรได้บางอย่างและเพื่อนผมก็ไม่รอช้า ล้วงกุญแจรถส่งให้ทันทีเช่นกัน แม้มันจะทำหน้างุนงงแต่ด้วยสติสัมปะชัญญะซึ่งเหลือเพียงน้อยนิด ทำให้ปล่อยผ่านกับการถามไถ่


“ขอบใจมาก แล้วกูจะรีบเอารถมาคืน”


ผมรีบรุดจากตรงนั้น เบียดแทรกผู้คนออกจากสถานความบันเทิงตัดสินใจไปง้อเธออีกสักครั้ง


รถมอเตอร์ไซค์คันคุ้นตาจอดสนิทในลานดินโล่งกว้าง ผมเดินประคองตัวเองเข้าหารถอย่างเร่งรีบ กระวนกระวาย กุญแจถูกไขพร้อมสตาร์เครื่องยนต์สองล้อบิดคันเร่งทะยานไปบนถนนด้วยความเร็วสูงสุด แม้จะยังขับรถไม่แข็ง แต่ใจฮึกเหิมทำให้ผมมั่นใจว่าถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพอย่างแน่นอน


ทว่า...ทุกอย่างสวนทาง


ความเคลื่อนไหวบางอย่างตัดหน้ารถ ใจกระตุกวูบพร้อมเหยียบและกำเบรกสุดแรงจนล้อตายรถเครื่องสองล้อเสียหลักล้มไถล่ไปกับพื้นถนนสถานการณ์ตอนนั้นรวดเร็วจนจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้สึกเจ็บจุกเมื่อกระแทกกับบางอย่างก่อนรอบกายมืดมิดในที่สุด...


ความปวดปร่ายึดพื้นที่ในร่างกาย รู้สึกร้าวระบมจนไม่อยากเคลื่อนไหวสติค่อยๆ กลับมารับรู้ เมื่อปรือเปลือกตาเปิดสิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวสะอาดสะอ้าน ผมไล่สายตาตามเพดานนั้นพร้อมกับทบทวนเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมานอนอยู่ในห้องนี้


ผมกวาดสายตาไปรอบๆ พยายามมองตัวเองแต่ก็เห็นไม่ชัดเจนนัก รู้สึกขยับร่างกายไม่ได้อย่างใจคิด เมื่อเริ่มขยับก็เจ็บแปลบราวกับร่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆทำได้เพียงเบนสายตาไปรอบๆ


ข้างแขนใส่เฝือก ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหมอบฟุบอยู่กับเตียงนอนนิ้วมือบวมช้ำของผมพยายามขยับและสะกิดผู้หญิงคนนั้นและการเคลื่อนไหวคงทำให้เธอรู้สึกตัว ใบหน้าซูบเซียวยกขึ้นอย่างตระหนกทั้งเคร่งเครียดเหนื่อยล้าระคนยินดี ทำให้ผมรู้สึกจุกดันอยู่ภายในอก เมื่อรู้ว่าแม่ร้องไห้และโผเข้าหาผมในทันที


ความเจ็บแปลบวิ่งปราดทั่วร่างกาย พยายามขยับเคลื่อนที่แต่ยิ่งปวดหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัว


“อย่าเพิ่งขยับนะลูก”


น้ำเสียงแหบโหยปิ่มร่ำแทบขาดใจพยายามกดร่างผมให้นอนนิ่งกับที่


แม่บอกผมสลบไปเกือบสองวันเต็มเนื่องจากประสบเหตุขับรถชนชายแก่เสียชีวิตคาที่ ก่อนร่างของผมจะกระเด็นตกจากรถและกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ข้างทางตามคำให้การของพยานหลายฝ่าย


กระดูกตามร่างกายหักหลายแห่งที่สาหัสคงเป็นขาขวา ถูกเหล็กกั้นขอบทางตัดขาด ไม่สามารถต่อติดดังเดิมผมสูญเสียอวัยวะจากเหตุการณ์คืนนั้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว


ในอนาคตหากอาการดีขึ้นกว่านี้ผมคงต้องให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในคดีเมาแล้วขับ ข้อหาชนคนเสียชีวิต อาจต้องโทษทั้งจำและปรับรอดูผลในภายภาคหน้า เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมหมดสิ้นทั้งการเรียนความรัก รวมถึงการทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เมื่อมีหน้าที่การงานที่ดี


น้ำตาของแม่ร่วงหล่นรดแก้มของผม คำสั่งสอนของท่านย้ำเตือนในรอยจำซ้ำๆยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้หัวใจของผมปวดหนึบ และราวระบมจนเกือบแหลกลาญ ความหวาดกลัวรอคอยอยู่เบื้องหน้าได้แต่หลับตา อยากให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายขณะหลับเท่านั้น...



19มิถุนายน 2557


“ไอ้แก้ว! ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ไม่ไปเลี้ยงรับน้องหรือไงวะ”


ผมสะดุ้งโหยงลุกจากโซฟาตัวยาวในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนหายใจถี่ๆ เมื่อหัวใจเต้นตึกตักระรัว รู้สึกเหงื่อไคลแตกพลั่กตามร่างกายสิ่งแรกที่สำรวจคือขาข้างขวาสองมือยกพลิกไปมาเพื่อให้แน่ใจว่ายังมีอวัยวะครบทุกส่วนอยู่กับร่างกายของผม


สายตามองปราดไปยังปฏิทินตั้งโต๊ะมันคือเดือนมิถุนายน ไม่ใช่เดือนสิงหาคมอย่างที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ผมย้อนทวนความคิด เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายแม้ไม่ทราบว่าความฝันนั้นจะเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้าหรือไม่แต่มันทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาอย่างโล่งอก เมื่อสิ่งเลวร้ายในชีวิตเป็นเพียง ‘ฝันร้าย’ เท่านั้น


วันนี้ผมนัดกับเพื่อนไปเลี้ยงฉลองการรับน้องใหม่ของคณะเมื่อโชคชะตาลิขิตให้ผมมีสิทธิ์ย้อนเวลากลับมาแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ผมจะไม่ปล่อยให้‘สุรา’ หรือสิ่งเสพติดทำร้ายชีวิตอีกต่อไปผมจะกล้าหาญเด็ดเดี่ยวอย่างชาญฉลาด ไม่เกรงใจคำเชิญชวนของเพื่อนและจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของบุพการี เพราะพวกท่านอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ในสิ่งผิดชอบชั่วดีมากกว่า


ผมเดินเข้างานเลี้ยงอย่างภาคภูมิเบือนสายตาหนีขวดเหล้าสีอำพันซึ่งวางล่อตาล่อใจ ทว่าวันนี้จะไม่แตะต้องมันอีกพลันสายตาเชื่อมั่นมองเห็นเธอคนนั้นที่เคยตกหลุมรักในความฝันผมรวบรวมความกล้าโดยไม่พึ่งฤทธิ์แอลกอฮอล์เดินหน้าเข้าไปทักทายและพูดคุยกับเธอทุกอย่างเหมือนภาพฝัน เธอยิ้มแย้มทักทายกลับอย่างเป็นมิตร


ผมย้ำเตือนตนเองจะค่อยๆทำความรู้จักกับเธอคนนี้ ไม่ผลีผลามอยากครอบครองตัวเธอ หากยังไม่ถึงเวลาอันสมควรคำสอนของพ่อแม่ย้อนกลับมาให้คำนึง


‘หมั่นเก็บสะสมความรู้และประสบการณ์ไว้เป็นรากฐานของชีวิตหากเมื่อใดรากฐานนั้นมั่งคงแล้ว ทุกสิ่งที่ต้องการจะอยู่แค่เอื้อมมือ’


คงไม่มีใครโชคดีได้ตลอด ถ้าเรื่องราวเลวร้ายที่ผ่านเข้ามาจะเป็นแค่ภาพฝันยามหลับตา...



ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ 




Create Date : 25 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2557 10:20:48 น.
Counter : 776 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments