มกราคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
10 มกราคม 2558
บทที่ 7 สวนสนุก 50%


บทที่ 7

สวนสนุก


“เออคุณฉันลืมหยิบเสื้อมาคืน” มุกตาภานึกถึงเสื้อแจ็คเก็ตตัวโคร่งสีดำที่รติมาถอดให้สวมใส่ตอนเข้าแวะชมวัดเมื่อวานนี้เธอนำไปผึ่งตรงหน้าระเบียงห้องพักตั้งใจจะนำมาคืนเจ้าของเช้านี้ แต่ลืมเสียสนิทจนกระทั่งเห็นแผ่นหลังกว้างใต้เสื้อยืดสีขาวขณะเดินตามเขาเข้าภายในตึกของโรงแรม


รติมาเอี้ยวหน้ามองคนเดินตามนิดหนึ่งก่อนหันกลับ“ไม่ต้องรีบคืนหรอก คุณอาจต้องใช้มันอีก ช่วงนี้อากาศเย็นลงไว้กลับไทยเมื่อไรค่อยซักมาคืนผมก็ได้”


มุกตาภามองตามคนตัวสูงหัวใจเต้นผิดจังหวะเมื่อนึกถึงความอบอุ่นภายในเสื้อแจ็คเก็ตตัวนั้น แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาห่วงเรื่องอากาศเย็นและคิดให้เธอใช้เสื้อของเขาห่มกายแก้หนาว


รติมาพลิกข้อมือมองนาฬิกาอีกครึ่งชั่วโมงก็จะสิบโมงเช้าจวนได้เวลานัดหมายเขากวาดตามองทั่วโถงล็อบบี้โรงแรมเพื่อหาคณะทัวร์คนอื่นหญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมงเดินอาดๆ ตรงมาหา เขาจำได้ว่าเธอคนนี้คือเพื่อนร่วมคณะทัวร์ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับคู่รักสาวอีกคน


“นายเลิฟใช่ไหม?”


รติมาเลิกคิ้วขณะมองสาวห้าวจับกระแสความขมุกขมัวได้จากสีหน้าเครียดจัด คิ้วเรียวสวยขมวดยุ่งจนหัวคิ้วแทบจะชนกันสังหรณ์ใจว่าจะเจอเรื่องเดือดร้อนจากคนไม่เคยรู้จักกัน


มุกตาภาขยับมายืนข้างรติมามองสาวห้าวที่จดจ้องเธอสลับกับเขาสังเกตความไม่ชอบมาพากล เธอคนนี้เข้าร่วมกิจกรรมคู่รักซึ่งมาพร้อมกับแฟนสาวที่เป็นคู่รักทอมกับดี้ก่อนเดินทางมาสิงคโปร์มุกตาภาได้ยินแว่วเสียงว่าทั้งสองมีปากเสียงกัน เมื่อฝ่ายดี้แอบมองหนุ่มทำให้สาวทอมหึงหวงและโกรธจนควันออกหูและชายหนุ่มที่สาวดี้มองหาอย่างหลงใหลคือรติมา!


“เห็นแฟนเราบ้างหรือเปล่า?”


คำถามนั้นสร้างความสับสนแก่รติมาอีกเท่าตัวเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ‘แฟนเรา’ เป็นใครหรือหน้าตาแบบไหน


“แฟนคุณงั้นเหรอ?”รติมาถามกลับ ทว่าไม่มีคำพูดใดนอกจากสายตาหรี่มองราวกับจ้องจับผิด


“มีอะไรหรือเปล่าเอส”ความอยากรู้อยากเห็นสั่งการให้มุกตาภาโพล่งถามออกไปตรงๆ เคยพูดคุยกับเพื่อนร่วมคณะทัวร์จนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามและพอรู้ว่าทอมคนนี้หวงแฟนสาวคล้ายงูจงอางหวงไข่


สาวห้าวหันเหความสนใจมองหญิงสาวตรงหน้า“ตี้หายตัวไปตั้งแต่เช้า” พูดพลางชำเลืองมองชายหนุ่ม “ตี้บอกจะออกไปหาเลิฟ”เพราะมีปากเสียงกันตั้งแต่ออกเดินทางและแฟนสาวก็ประชดประชันตลอดเวลาที่อยู่สิงคโปร์ข่มขู่ว่าหากเลิกกันเมื่อไรจะเสนอตัวเป็นแฟนกับเน็ตไอดอลอย่างรติมาทันที จนเมื่อเช้านี้ถึงคราวแตกหักแฟนสาวเดินหนีออกจากห้องพักพร้อมทิ้งประโยคสุดท้ายว่าจะมาหา ‘เลิฟ’


“ฉันกับเลิฟไม่เห็นตี้เลยนะตั้งแต่เช้า ลองถามไกด์กับเพื่อนคนอื่นๆหรือยัง” มุกตาภาชำเลืองมองรติมาแวบหนึ่งและกวาดตามองไปรอบๆเริ่มเห็นเพื่อนร่วมคณะเดินมารวมตัวตรงจุดนัดหมายแต่ไม่เห็นสาวดี้ใบหน้าหวานสักนิด


“ทำไมถึงคิดว่าแฟนคุณอยู่กับผม?”รติมาถามหน้านิ่ง เลิกประหลาดใจ ตั้งแต่เช้าเขาไม่เจอผู้หญิงคนไหนนอกจากมุกตาภาที่ยืนอยู่ข้างกัน


“เพราะนายคบผู้หญิงไม่เลือกหน้าหว่านเสน่ห์จนผู้หญิงหลงหัวปักหัวปรำ” หนึ่งในผู้หญิงนั้นรวมถึงแฟนสาวของเธอด้วยเช่นกัน


“เข้าใจกันผิดหรือเปล่าเอสตั้งแต่เช้าฉันกับเลิฟไม่เจอตี้จริงๆ นะ แล้วอีกอย่างเลิฟ...”มุกตาภาอึกอักและเหลือบมองคนด้านข้าง เขาไม่ได้คบผู้หญิงไม่เลือกหน้าแต่เขาเพิ่งถูกผู้หญิงบอกเลิกต่างหาก


รติมายกมือบีบบ่าให้มุกตาภาหยุดพูด“คุณมีอะไรข้องใจหรือเปล่า แล้วผมคบผู้หญิงไม่เลือกหน้าตรงไหนทั้งที่ผมเป็นแฟนกับมุกคนเดียว”


สาวห้าวแสยะยิ้ม“แน่ใจเหรอว่านายเป็นแฟนมุก ใครๆ ก็รู้ว่านายเป็นแฟนกับเรนนี่ เผลอๆ อาจรู้กันทั่วโลกแล้วมั้งถ้านายไม่นอกใจเรนนี่มาคบกับมุก งั้นทำไมถึงเลิกกับเรนนี่ซะละทั้งที่จริงกิจกรรมนี้นายต้องควงกับเรนนี่ไม่ใช่หรือไง”


“ผมจะคบหรือเลิกกับผู้หญิงคนไหนก็ไม่เกี่ยวกับคุณแต่ที่แน่ๆ คือผมไม่ยุ่งกับแฟนคุณ รับรองได้”


“ไม่ต้องแก้ตัวเราไม่เชื่อผู้ชายอย่างนายหรอก” สาวห้าวพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ


“เอสใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้เลย ช่วยกันตามหาตี้ก่อนดีกว่านะ”มุกตาภาแย้งเมื่อเห็นแววสงคราม


“คุณลูกค้าคะขอเชิญรวมตัวกันทางด้านโน่นนะคะ รถบัสมารอแล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่นำทัวร์เดินมาขัดจังหวะคนกำลังมีปากมีเสียงรอยยิ้มอารมณ์ดีไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ตึงเครียดดีขึ้นเท่าที่ควร


“เอ่อ...พี่คะไม่ทราบว่าเห็นคุณตี้บ้างหรือเปล่า พอดีเธอออกจากห้องพักตั้งแต่เช้า แต่ยังตามตัวไม่เจอเลยค่ะ”มุกตาภาพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ห่วงหญิงสาวที่ต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนแปลกหน้าในที่ต่างแดนเพียงลำพังหากด้วยอารมณ์วู่วามขณะทะเลาะกับคนรักคงหุนหันเดินห่างให้ไกลแต่เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้วอาจคิดกลับมาหา แต่เกิดหลงทางอยู่ตรงไหนซักแห่ง


“คุณตี้ไปคอยที่รถเป็นชั่วโมงแล้วค่ะเธอคงตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวเซ็นโตซ่ามั้งคะ”


เพียงเท่านั้นสีหน้าตึงเครียดของสาวห้าวก็เผือดลงเหล่มองรติมาอย่างละอายแก่ใจ


“คงหายข้องใจผมแล้วใช่ไหม”รติมากระตุกยิ้มและโน้มกายกระซิบข้างหูมุกตาภา ‘โทษนะ’ฝ่ามืออบอุ่นกุมมือเล็กๆ ของเธอและดึงให้เดินตาม


แม้จะสะดุ้งเพราะตื่นตระหนกเล็กน้อยแต่เธอก็ยอมเดินตามเขาอย่างว่าง่าย นี่คงเป็นการแสดงสินะ!มุกตาภานึกในใจระหว่างเดินตามคนตัวสูงด้วยใจเต้นตุ่มๆ ต่อมๆ ผิดจังหวะ


“พี่มุก!พี่เลิฟ!” ปันปันกระตือรือร้นวิ่งปรี่มาหาคู่รักลวงโลกโดยมีรพีภพหันขวับมามองด้วยแววตาดุดันยังข้องใจไม่หายว่าเหตุใดมุกตาภาจึงไม่รับโทรศัพท์ของเขาซักสายตั้งแต่เช้า


มุกตาภารู้สึกเบาโหวงในใจเธอชักมือออกจากการกำกุมของรติมา ทว่าเขาไม่ยอมปล่อยให้มือของเธอเป็นอิสระหัวใจยิ่งเต้นรุนแรงกว่าเดิม แม้การกระทำของเขาจะแสร้งทำเหมือนว่าเป็นคนรักทว่ามันคือการตบตาเท่านั้น ถึงอย่างไรเธอกับเขาก็ไม่ใช่คนรักกันจริงๆ


“ว่าไงคะปันปันมารอขึ้นรถนานหรือยัง” มุกตาภาแก้เก้อเดินเข้าหาเด็กสาว พยายามชักมือออกจากการหน่วงเหนี่ยวแต่ไม่สำเร็จ


“สักพักแล้วค่ะขอปันปันถ่ายรูปคู่ของพี่มุกกับพี่เลิฟได้หรือเปล่าคะ”


“เอ่อ...จะดีเหรอ”มุกตาภากระอักกระอ่วน ลอบมองรติมาสลับกับมองเด็กสาวอย่างอึดอัดใจ ไม่ทันเห็นแววตาเชือดเฉือนของสองหนุ่มซึ่งจดจ้องกันไม่วางตาระหว่างรพีภพกับรติมา


“ถ่ายสิครับเผื่อรูปคู่ของพี่กับพี่มุกจะได้ไปโพสอยู่บนเฟซบุ๊กของปันปันบ้าง”รติมายกยิ้มมุมปาก ท้าทายรพีภพคล้ายยั่วโมโหให้ชายผู้นั้นหงุดหงิดหัวเสีย


“ทุกคน...ขึ้นรถกันได้แล้วครับเพื่อไม่ให้เสียเวลาเดี๋ยวเราจะไปสนุกกันที่เซ็นโตซ่า” วิสูตรเร่งลูกทัวร์ให้ขึ้นรถเพื่อออกเดินทางและคำสั่งนั้นเองทำรพีภพแสยะยิ้ม คำพูดของหัวหน้าเสมือนเสียงสวรรค์ขัดจังหวะคนกำลังถ่ายรูปสนุกสนานรวมถึงขัดจังหวะความใกล้ชิดระหว่างมุกตาภากับรติมาด้วยเช่นกัน


รพีภพกระทุ้งข้อศอกเข้าที่สีข้างของเพื่อนร่วมงานให้นำลูกทัวร์ทั้งหมดขึ้นรถบัสที่จอดอยู่


วิสูตรอธิบายถึงการทำกิจกรรมระหว่างวันพร้อมกับเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของสิงคโปร์ระหว่างเดินทางปันปันซึ่งนั่งคู่กับมารดาให้ความสนใจหัวหน้านำเที่ยวและดูรูปถ่ายของรติมากับมุกตาภาไปพร้อมกันส่วนผู้ร่วมกิจกรรมคู่อื่นๆ ต่างให้ความสนใจประวัติความเป็นมาของเกาะเซ็นโตซ่ามีเพียงคู่รักทอมกับดี้ซึ่งนั่งปั้นหน้าบอกบุญไม่รับ เพราะยังโกรธกันไม่เลิก


มุกตาภานั่งฟังคำบรรยายทว่าภายในใจกลับคิดถึงความอบอุ่นบนฝ่ามือ เธอชำเลืองมองคนข้างๆซึ่งเสียสละให้เธอนั่งริมหน้าต่างเป็นระยะ รติมานั่งกอดอกและนำศีรษะพิงพนักเบาะแว่นตาดำอำพรางใบหน้าจึงไม่ทราบว่าเขากำลังหลับหรือฟังหัวหน้านำทัวร์พูดเจื้อยแจ้ว


วิสูตรเล่าความเป็นมาของเซ็นโตซ่าแห่งสิงคโปร์สถานที่ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งอภิมหาความบันเทิง หรือเกาะหรรษาที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนทั้งชายหาดธรรมชาติ ศูนย์วัฒนธรรม สวนสนุกระดับโลก กับเนื้อที่เพียง 5 ตารางกิโลเมตรสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แห่มาเที่ยวชมเกาะแห่งนี้มากมายด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังไปทั่วโลก


เดิมทีเกาะ Sentosa มีชื่อว่า Palau BlakangMati ซึ่งเป็นภาษามาลายูแปลว่า ‘เกาะแห่งความตาย’ มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเป็นเกาะอาถรรพ์ใดๆแต่เนื่องจากสมัยก่อนเกาะแห่งนี้เป็นหมู่บ้านของชาวประมงและมีคนล้มตายเป็นจำนวนมากด้วยโรคระบาดชาวบ้านจึงขนานนามอย่างนั้น ภายหลังได้มีการเปลี่ยนชื่ออีกมากมาย จนกระทั่งปี 2515 ถูกเปลี่ยนมาเป็นเกาะเซ็นโตซ่าซึ่งมีความหมายว่า ‘ความสงบสุข’ ตามภาษามาลายู


“เอาละครับ ตอนนี้พวกเราเดินทางมาถึงจุดลงรถเพื่อเข้าเกาะหรรษากันแล้ว”


ผู้ร่วมเดินทางทุกคนล้วนตื่นเต้นรีบร้อนลงจากรถบัสและยืนรวมกลุ่มกันตรงสถานีรถไฟฟ้า HarbourFront ใกล้กับอาคาร World Trade Centre


“ผมจะแจกบัตรขึ้นCableCar หรือกระเช้าไฟฟ้าให้ทุกท่านถือไว้นะครับส่วนบัตรเข้าสวนสนุกผมจะแจกจ่ายอีกครั้งตอนเราถึงด้านในกัน”


ทีมงานช่วยกันแจกบัตรและนำพาลูกทัวร์เดินไปตามเส้นทางผ่านศูนย์การค้าและไปตามป้ายนำทางจนเข้าสู่อาคารสูง ยืนรอขึ้นลิฟต์ไปยังจุดขึ้นกระเช้าไฟฟ้าซึ่งมีความสูงจากผิวน้ำทะเลประมาณ60 เมตร กระเช้าแต่ละตัวสามารถรับผู้โดยสารได้ประมาณ 4-5 คน และใช้เวลาเดินทางไปยังเกาะเซ็นโตซ่าประมาณ 10-12 นาทีด้วยระยะทาง 1.61 กิโลเมตร


บรรยากาศซึ่งทำให้ผู้เดินทางตื่นตาตื่นใจเมื่อกระเช้าล่องลอยอยู่เหนือน้ำทะเล และสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามระหว่างการเดินทางภายในกระเช้ากว้างขวางมีที่นั่งอยู่สองฝั่ง รอบด้านเป็นกระจกใส มีช่องหน้าต่างเปิดให้อากาศถ่ายเทเข้ามาได้สะดวกรติมาหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเก็บภาพ ส่วนมุกตาภาก็ถ่ายรูปเดี่ยวบ้าง ถ่ายคู่กับปันปันและมารดาของเด็กสาวบ้างพร้อมหาจังหวะเหมาะๆ แอบถ่ายภาพของรติมาตอนเขาเผลอ กดภาพดูพร้อมกับแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว


“ปันปันคิดว่าที่นี่เขาจัดระเบียบดีนะคะให้ทุกคนต่อคิวและนับจำนวนคนไว้รอ พอกระเช้ามาถึงก็ให้ขึ้นอย่างรวดเร็ว คนข้างหลังก็ไม่ต้องรอนานด้วย”


“ไม่ต้องตื่นเต้นมากก็ได้ลูกเดี๋ยวพี่มุกกับพี่เลิฟจะเบื่อเด็กพูดมากเสียก่อน” มารดาแขวะใส่ด้วยทีเล่นทีจริงทำให้บุตรสาวหน้างอพลอยให้รติมากับมุกตาภาเผลอหัวเราะออกมาพร้อมกัน


“ไม่รำคาญหรอกค่ะปันปันพูดเก่งก็ดีแล้ว หนูกับเลิฟจะได้ไม่เหงา” มุกตาภาชำเลืองมองชายหนุ่มอยากให้เขาปลอบใจเด็กสาวซึ่งแง่งอนบ้างก็เท่านั้น


“ครับถ้าไม่มีปันปันพวกผมคงเหงาน่าดู” เพียงเท่านั้น ปันปันก็ยิ้มแก้มปริเลิกงอนมารดาเป็นปลิดทิ้ง


“เห็นไหมคะคุณแม่ใครๆ ก็อยากให้ปันปันอยู่ใกล้ทั้งนั้น” เด็กสาวหันมองรติมาและหลบสายตาอย่างเขินอายจนมารดาอดหมั่นไส้ไม่ได้ยีผมสลวยของบุตรสาวอย่างนึกเอ็นดู


“แต่จริงๆไกด์น่าจะพาเรานั่งรถไฟฟ้ามากกว่า ปันปันอยากเห็นเมอร์ไลน์อ้อน” เมอร์ไลน์อ้อนที่ปันปันพูดถึงคือรูปปั้นสิงโตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์เพราะศึกษาการเดินทางมาเป็นอย่างดี ปันปันจึงรู้ว่าการมาเซ็นโตซ่ามีสองทางเลือก หนึ่งคือเคเบิ้ลคาร์และสองคือเซ็นโตซ่าเอ็กเพรส


“มันมีรถไฟฟ้าแบบนั้นด้วยหรือปันปัน”มารดาถามอย่างให้ความสนใจ


“ค่ะเซ็นโตซ่าเอ็กเพรสเป็นรถไฟฟ้าที่จะพาทัวร์รอบเกาะ เราจะมองเห็นจุดต่างๆ ทั่วทั้งเกาะหรรษาเลยค่ะและสถานีปลายทางยังสิ้นสุดที่ชายหาดอีกด้วยค่ะ แต่ไม่ใช่ชายหาดจริงๆ หรอกค่ะคุณแม่เขาสร้างเป็นชายหาดเทียม ไม่รู้ไกด์จะพาเราไปเที่ยวตรงนั้นหรือเปล่า”


มุกตาภาแอบทึ่งในความรอบรู้ของเด็กสาววัยสิบห้าปีในขณะที่ตัวเธอเองไม่เคยรับรู้อะไรสักอย่าง เธอจึงรู้สึกโชคดีที่กระเช้านี้นั่งกันแค่สี่คนไม่อย่างนั้นเธอคงอับอายกับการไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซักอย่าง และสีหน้าเจื่อนลงของเธอทำรติมาพอเดาออกในความรู้สึกจนแต้มเขาจึงแอบยิ้มขณะยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเก็บบรรยากาศอีกครั้ง


เมื่อสิ้นสุดการเดินทางคณะนำทัวร์ก็พาผู้ร่วมเดินทางทุกชีวิตมารวมตัวตรงจุดขึ้นรถบัสโดยสารซึ่งบริการฟรีตลอดสายภายในเกาะแห่งนี้ซึ่งรถโดยสารจะแบ่งเขตบริการเป็นสี่สาย แต่ละสายจะแยกไปส่งตามจุดต่างๆ แผนที่นำทางถูกส่งให้ลูกคณะทุกคู่รวมถึงบัตรเข้าร่วมสนุกตามจุดต่างๆภายในเกาะเซ็นโตซ่า


“สถานที่แรกที่พวกเราจะนั่งรถบัสไปคือยูนิเวอร์แซลสตูดิโอนะครับ” วิสูตรอธิบายการดูแผนที่ในแผ่นผับที่แจกจ่ายให้ทุกคู่รักเขาชี้ไปตรงจุดใหญ่ซึ่งชื่อภาษาอังกฤษกำกับไว้ ‘Universal Studios Singapore’ จุดนี้เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อปี2010ซึ่งเป็นสวนสนุกแห่งที่สองของเอเชีย เพราะอันดับหนึ่งเป็นของญี่ปุ่นที่เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่ปี2001


เมื่อรถโดยสารขับมาส่งตรงจุดท่องเที่ยวคณะทัวร์ก็นำพาลูกคณะเดินเข้าประตูบานใหญ่หรูหราราวกับตรงนั้นเป็นดินแดนของคาสิโนขนาดใหญ่ความตื่นตากับสิ่งแปลกใหม่ทำให้คู่รักทุกคู่ยกโทรศัพท์และกล้องขึ้นมาเก็บภาพกันจ้าละหวั่นจนวิสูตรและเจ้าหน้าที่ประจำคณะทัวร์ช่วยกันดูแลไม่ให้ผู้ร่วมกิจกรรมคลาดสายตา


หลังจากเก็บภาพประทับใจเรียบร้อยแล้วคณะทัวร์กว่ายี่สิบชีวิตก็พากันเดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อเข้าสู่โลกแห่งความสนุกสนานของเครื่องเล่นมากมายโดยผ่านประตูทางเข้าซึ่งเป็นเครื่องนับจำนวนคนอัตโนมัติ เจ้าหน้าที่ประจำทางผ่านจะรับบัตรและนำไปแนบกับระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินผ่านเข้าด้านในอย่างฉลุย


จุดแรกซึ่งดึดดูดความสนใจเมื่อเข้าไปอยู่ภายในนั่นคือลูกโลกขนาดใหญ่ซึ่งเป็นโลโก้ของค่ายหนังยักษ์ใหญ่ที่เห็นบ่อยครั้งจนชินตารอบบริเวณลูกโลกจะมีหมอกควันสีขาวขุ่นโอบล้อม หากได้เข้าไปยืนสัมผัสอยู่ใกล้ๆจะรู้สึกเย็นสบายราวกับอยู่ท่ามกลางหมอกยามเช้า คู่รักต่างแยกย้ายถ่ายรูปคู่ตรงหน้าลูกโลกหมุนได้เมื่อภารกิจในวันนี้คือตามล่าหาตัวอักษร L O V Eตามป้ายและสถานที่ต่างๆ พร้อมถ่ายภาพคู่สะสมคะแนน


“เลิฟเราจะถ่ายรูปคู่ได้หรือเปล่า” มุกตาภาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆหากเขาไม่ยินดีจะร่วมสนุกด้วยคงหน้าแตกชนิดที่หมอไม่รับเย็บก็เป็นได้


รติมาไม่ตอบโต้เขามองคนถามชั่วครู่ก่อนคว้าโทรศัพท์ของเธอขึ้นมากดถ่ายรูประหว่างกันศีรษะของเขาเอนเอียงเข้าใกล้ศีรษะของมุกตาภา ความอบอุ่นจากร่างสูงส่งผ่านราวกับมีแรงดึงดูดให้หัวใจพองโตหมู่นี้ความใกล้ชิดของเขากำลังทำให้เธอกลายเป็นผู้
‘ป่วยทางใจ’ เมื่อหัวใจสั่นไหวง่ายดายเสียเหลือเกิน 


To be...

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ


พอดีแปะภาพไว้ที่เว็บเด็กดี หากคุณผู้อ่านสนใจก็กดดูตามลิงค์นะคะ พอดีไฟล์ภาพใหญ่มากเลยไม่ได้ลดแล้วเอามาวางในบล้อกค่ะ 


//my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1255397&chapter=20





Create Date : 10 มกราคม 2558
Last Update : 10 มกราคม 2558 22:48:15 น.
Counter : 1431 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments